ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบอร์ด Thailand Aquatic Pets เว็บบล็อคสำหรับ คนรักสัตว์น้ำ ( และ สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ) ประเทศไทยจ้า

11 เหตุผลที่ธุรกิจคุณไปไม่รอด

11 เหตุผลที่ธุรกิจคุณไปไม่รอด

คนที่ทำธุรกิจทุกคนย่อมต้องการให้ธุรกิจของตัวเองไปได้ดี แต่ทำไมทำดีขนาดไหนแล้วธุรกิจก็ยังไปไม่รอด เรามาดู 11 เหตุผลที่ธุรกิจคุณไปไม่รอดกันครับ 

1.วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน - ไม่กำหนดพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัทให้ชัดเจน ว่าต้องการจะเป็นอะไร และจะทำอย่างไรเพื่อไปถึงจุดนั้น

2.ขาดการวางแผน - การวางแผนและพัฒนากลยุทธ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กแค่ไหน จงให้เวลากับการวางแผนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ทบทวนกลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเส้นทางที่คุณเดินไปนั้นถูกต้องแล้ว

3.ไม่เขียนเป้าหมาย - เป้าหมายคือสิ่งชี้วัดความสำเร็จ จะเป็นรูปธรรมได้ต้องเขียนมันออกมา และกำหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละเป้าหมายพร้อมกรอบเวลาที่ชัดเจน ถ้าไม่มีขั้นตอนนี้โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายก็เป็นไปได้ยาก

4.ขาดงบประมาณ - เพื่อให้มั่นใจในสภาพคล่องควรตั้งงบประมาณเป็นรายปี เพื่อให้มีเงินทุนสำหรับการดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ ตามที่ได้วางแผนไว้อย่างราบรื่น

5.พนักงานไม่มีศักยภาพมากพอ - หากในบริษัทไม่มีใครเลยที่จะสามารถรับงานที่คุณวางแผนไว้ไปสานต่อให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย ควรรีบดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพของพนักงาน หรือสรรหาคนใหม่ที่มีความสามารถพอที่จะนำพาธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายได้

6.ไม่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด - บางธุรกิจตลาดเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงต้องจับตาเทรนด์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

7.ไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้า - ต้องให้เวลากับการศึกษาพฤติกรรมลูกค้า ความต้องการของลูกค้า และประสบการณ์ของลูกค้า ว่าเขาพึงพอใจกับสินค้าและบริการของคุณมากน้อยเพียงใด หากคุณไม่ทำ อนาคตที่สดใสก็คงไกลเกินเอื้อม

8.ไม่มองว่าลูกค้าคือคนสำคัญที่สุด - พนักงานทุกคนที่ติดต่อลูกค้า คือหน้าตาของบริษัท พวกเขาต้องรับทราบสิ่งที่บริษัทคาดหวังจากงานของเขา และให้รางวัลเมื่อพวกเขาทำดี เพราะการทำให้พนักงานมีความสุขจะส่งผลต่อการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าเช่นกัน

9.ขาดการสื่อสาร - องค์กรที่ประสบความสำเร็จต้องมีการสื่อสารข้อมูลให้กับพนักงานและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้พนักงานมีความสุข แล้วลูกค้าก็จะได้รับสินค้าและบริการที่มาจากใจของพนักงานทุกคน

10.ไม่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง - ผู้บริหารที่ดีต้องทบทวนกระบวนการทำงานขั้นตอนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดส่งสินค้า และการให้บริการ เพื่อมองหาโอกาสที่จะพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

11.ไม่ฉลองความสำเร็จ - เมื่อไรก็ตามที่บริษัทประสบความสำเร็จไปอีกขั้น ควรประกาศให้พนักงานรับทราบผลงานของพวกเขาด้วย และเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพื่อขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจของพวกเขา แต่หากคุณไม่แสดงให้พนักงานรับรู้ว่าเห็นคุณค่าของพวกเขา คุณอาจเสียคนดีคนเก่งไปในสักวัน

ที่มา: sanook.com




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2556   
Last Update : 29 ธันวาคม 2556 11:01:54 น.   
Counter : 1079 Pageviews.  

45 เรื่องแปลกที่คุณไม่เคยรู้

1.ไซบีเรียขายนมเป็นก้อนๆ

2.ถ้าตัดสมองเป็นสองส่วน คุณจะไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป

3. ผลจากการสำรวจหญิงนิวยอร์กพบว่ามากกว่า 26 เปอร์เซ็นต์เป็นสังคัง

4. สถิตการส่งพิซซ่าที่ไกลที่สุดในโลกคือ 19,950 กิโลเมตรโดยเป็นการส่งพิซซ่าโดยร้าน Vegetarian Supreme ในลอนดอน มายังเมลเบิร์น ออสเตเลีย

5. ถ้าเราจะนับว่าโลกมีตัวต่อเลโก้เท่าไหร่ให้เอาจำนวนประชากรโลกทั้งหมดคูณด้วย 65 (แค่ค่าเฉลี่ย)

6. รัฐบาลสวีเดนปรับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ตั้งชื่อลูกว่า"Brfxxccxxmnpcccclllmmnprxvclmnckssglbb11116"

7. คนอเมริกา 6% ไม่รู้จักชื่อเมืองหลวงของตนเอง

8. คิงโพธิ์แดงเป็นไพ่คิงใบเดียวในสำรับที่ไม่มีหนวด

9. หนูถึงจุดสุดยอดนานครึ่งชั่วโมง

10. เมืองที่มีสาวสวยที่สุดในโลกคือเมืองบัวโนสไอเรส ,อาร์เจนตินา 

11. บริษัททำมีดโกนชื่อ Wilkinson ก่อตั้งในปี 2315 โดยดั่งเดิมมีความเชียวชาญในการทำมีดดาบ

12. จากทารก 17000 คน จะมีเด็ก 1 คนที่เป็นเด็กเผือก

13. กล้องที่แพงที่สุดในโลกมีชื่อว่า Daguerreotype ประมูลไป 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

14. น้ำนมยีราฬถูกรับรองเป็นอาหารของชาวยิวผู้เคร่งศาสนา ได้

15. 22 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงออสเตรเลียที่อายุเกิน 30 ปี เคยถ่ายวีดีโอในขณะมีเซ็กซ์

16. คนตัดไม้แคนนาดาใช้หมีในการไล่สัตว์อื่นๆ ออกจากป่าก่อนเข้าไปตัดไม้

17. ช้างตั้งท้องนาน 22 เดือน และช้างทารกมีน้ำหนักมากกว่า 120 กก.

18. ใน 1 วัน เลือดจะเดินทางในร่างกายประมาณ 19,300 กิโลเมตร

19. อเล็ก ซานเดอร์มหาราช เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่สั่งให้ทหารทั้งหมดโกนเครา ให้เรียบร้อย หลังจากที่ทหารของพระองค์ตายจำนวนมากจากการโดนข้าศึก คว้าหนวดเคราในการต่อสู้ประชิดตัว

20. ในปี 2491 รัฐไอดาโฮเคยออกกฎหมายว่าใครเจอกันแล้วไม่ยิ้มถือว่า ผิดกฎหมาย

21. รถ KITT จากซีรีย์อเมริกัน Knight Rider เคยถูกเอาไปประมูล ด้วยราคาเริ่มต้น 54,000 เหรียญสหรัฐ

22. คลื่นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สูง 516 เมตร เกิดจากแผ่นดินไหว 8.3 ริกเตอร์ ในปี 2501

23. ไมอามี่เป็นเมืองเดียวในประเทศอเมริกาที่ก่อตั้งโดยผู้หญิง

24. ชายหาดที่ยาวที่สุดในโลกคือหาด Praia do Cassino ทางภาคใต้ของบราซิลยาวถึง 240 กม.

25. ในปี 2463 ผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐเคยผลิตรถยนต์ที่ชื่อ The Rugy

26. มดเป็นสัตว์โลกชนิดเดียว ที่ไม่เคยหลับ นอน หรือหยุดการเคลื่อนไหว

27. จากการรายงานวิจัยล่าสุด พบว่าผู้บริหารขอมีเพศสัมพันธ์กับสาวๆ ในออฟฟิศ จะได้รับการตอบรับ 92 เปอร์เซ็นต์

28. ชาวอเมริกันกินเนื้อหมูตลอดอายุไขตัวเอง รวมแล้วเท่ากับหมู 28 ตัว

29. สถิตการปล้นธนาคารพบว่าส่วนใหญ่โจรจะลงมือวันศุกร์

30. สัตว์ในตระกูลกิ่งก่า (ไม่รวมจิ้งจก) มีชนิดเดียวเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องได้นั้นคือตุ๊กแก

31. เมื่อยานอพพอลโล ทะยานสู่นอกโลก สิ่งแรกที่มนุษย์อวกาศลงมือปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนคือ มันมีแมลงสาปเข้ามาในยาน 1 ตัว

32. สัตว์กินเนื้อทุกชนิดในโลกจะไม่กินเนื้อสัตว์ที่ตายเพราะฟ้าผ่า แม้แต่อีแร้ง

33. ระเบิด ลูกแรกที่ฝ่ายทหารสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หย่อนลงในเบอร์ลิน เยอรมันนี ปรากฏว่ามันหล่นในสวนสัตว์ส่งผลให้ช้างตายไป 1 เชือก

34. นักบินอวกาศที่กำลังไปท่องอวกาศจะมีกฎไว้ว่าห้ามกินถั่วเป็นก่อนหน้าเดินทาง 3 วัน เพราะอาจผายลมในขณะอยู่ชุดอวกาศได้

35. ชื่อ เพลงที่ยาวที่สุดในโลกแต่งขึ้นเมื่อปี 1943 โดยฮอกี้ คาร์มิเคิล ชื่อเพลง " I'm a Cranky Old Yank in a Clanky Old Tank on the Streets of Yokohamaa with my Honolulu MaMa Doin' Those Beat-o,Beat-o Flat-on-My-Seaat-o,Hirohito Blues"

36. คุณจะถูกยุงตอมเมื่อคุณกินกล้วยขณะออกมาอยู่กลาง แจ้ง

37. บีโธเฟน นักแต่งเพลงก้องโลก ก่อนตายเขากล่าวคำสุดท้ายว่า "เพื่อนๆ ทั้งหลายจงปรบมือเถิดละครตลกกำลังจบลงแล้ว"

38. ทุกๆ ช่วงสี่ปี โธมัส เอดิสัน จะจดทะเบียนสิ่งประดิษฐ์ขึ้น โดยใช้เวลาร่างสิ่งประดิษฐ์นั้นแค่ 5 วัน

39. คำว่าแคนาดา เป็นคำภาษาอินเดียแดงแปลว่า "หมู่บ้านใหญ่"

40. ประเทศไทยมีสถิตผู้สูบบุหรี่น้อยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

41. แต่ประเทศไทยติดอันดับคนเสพยาบ้ามากที่สุดติดอันดับต้นๆ ของโลกแทน

42. จิม มอริสสัน นักร้องเพลงร็อกชื่อดังปี 60 เขาเป็นนักร้องคนแรกที่โดนตำรวจจับบนเวที เพราะขณะร้องเพลง ซิปดันไม่รูด

43. การประหารชีวิตนักโทษด้วยเครื่องกิโยตินครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นที่เมืองแวร์ซายส์ 17 มิถุนายน 1939มีผู้ร่วมงานจำนวนมากพร้อมจัดให้กินอาหารตั้งโต๊ะแบบดินเนอร์ด้วย

44. สถิตสิงห์อมควันมากที่สุดในโลกไม่ใช้จีนแต่เป็นประเทศแถบกรีนแลนด์

45. ที่อิสราเอล การพูดคุยโทรศัพท์มือถือในรถ มีความผิดถึงขั้นเป็นคดีอาญา

Cr.//www.soccersuck.com/boards/topic/919903/




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2556   
Last Update : 24 ธันวาคม 2556 9:45:38 น.   
Counter : 4892 Pageviews.  

"ชูวิทย์โพสต์เรื่องเสรีภาพ" ฉะ ม็อบ กปปส. รุกล้ำสิทธิคนอื่น!!





ชูวิทย์ กมลวิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่ม็อบ กปปส. ปิดล้อมสนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยระบุว่า เป็นการรุกล้ำสิทธิ์ของผู้อื่นและละเมิดกฎหมาย ซึ่งขัดแย้งกับการเรียกร้องประชาธิปไตย

           สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. เคลื่อนขบวนจากเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เดินทางไปปิดล้อมศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร หรือ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง บริเวณหน้าอาคารกีฬาเวศน์ 2 ซึ่ง กกต. ใช้เป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ตั้งแต่ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ทำให้เจ้าหน้าที่ กกต. ตลอดจนสื่อมวลชน และผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคต่าง ๆ ไม่สามารถเข้าไปภายในอาคารกีฬาเวศน์ 2 ได้นั้น

            ล่าสุด เมื่อวานนี้ (23 ธันวาคม 2556) นายชูวิทย์ กมลวิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I′m No.5 โดยเป็นการตั้งคำถามไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมเกี่ยวกับการปิดล้อม สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น โดยระบุข้อความดังนี้...

"เสรีภาพของผม

            ผมมีสิทธิเสรีภาพที่จะไปไหนก็ได้ ตราบใดที่ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น

           วันนี้ผมไปสมัคร ส.ส. ตามสิทธิ และคุณสมบัติที่ผมมี เมื่อผมเข้าไม่ได้เพราะมีม็อบปิดทางเข้าทุกประตูที่สนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ผมได้เดินทางไปแจ้งความ เพื่อบันทึกเป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจนครบาลดินแดง แต่ม็อบได้ทำการปิดล้อมไม่ให้ผู้ใดเข้าและออกจากสถานีตำรวจ

            ผมถือว่าสิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ตราบเท่าที่ผมปฏิบัติตามกฎหมาย หรือที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่มีใครบังคับให้ผมทำหรือไม่ทำอะไร ผมมีเสรีภาพที่จะไปไหนก็ได้ จะมาบังคับขู่เข็ญไม่ให้ไปไหนได้อย่างไร?

            ผมไม่มีกินยังไม่เป็นไร แต่ไม่ให้ไปไหนมันเป็นเรื่องสำคัญกว่า

            ผมเพียงไปแสดงสิทธิของผมที่มี ไม่ได้กระสันอยากลงเลือกตั้งเสียจนตัวสั่น แต่มันมีคนบางคนที่กระสันไม่ต้องการให้เกิดการเลือกตั้งเสียจนตัวสั่นต่างหาก

คุณปกป้องสิทธิของคุณ แต่คุณมารุกล้ำสิทธิของผมได้อย่างไร ?

            วันนี้คุณชนะ คุณเก่ง พวกคุณมาก ไหนคุณบอกว่าประชาธิปไตยต้องรับฟังเสียงส่วนน้อยด้วย? วิธีการที่คุณทำแบบนี้จะใช้ได้ตลอดไปหรือ ? บ้านเมืองต้องมีกฎหมาย สังคมต้องมีกติกา และผมต้องมีเสรีภาพ

           มวลมหาประชาชนทั้งหลายตื่นเถิด วิธีที่จะกำจัดระบอบทักษิณ หากคุณใช้วิธีจำกัดเสรีภาพ ไม่ให้พูดในสิ่งที่ผมอยากพูด ไม่ให้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ไม่ให้คิดในสิ่งที่ผมอยากคิด และไม่ให้ไปไหนในที่ที่ผมอยากไป คุณแน่ใจหรือว่าวิธีการแบบนี้จะกำจัดระบอบทักษิณได้ ?

สำหรับผมขอยืนยันว่า เสรีภาพของผมยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งปวง"

ที่มา: เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2556   
Last Update : 24 ธันวาคม 2556 9:44:45 น.   
Counter : 1213 Pageviews.  

5 สิ่ง ที่หนังเรื่อง Jurassic Park มั่วนิ่ม

ช่วงนี้คงมีคนหลายคนที่ได้มีโอกาสไปดูสุดยอดหนัง Classic ที่กลับมา remake ใหม่ใน version 3D ทะลุจออย่าง Jurassic Park ซึ่งสำหรับคนสนใจไดโนเสาร์ & ฟอสซิล และคงมีนักสะสมฟอสซิลจำนวนไม่น้อยที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้แม้ว่า 20 ปีผ่านไป หนังเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในใจคนมากมาย แต่ทราบหรือไม่ครับว่าเนื้อหาสำคัญหลายส่วนในหนังเรื่องนี้นั้นผิดไปจากความเป็นจริงในเรื่องของ ไดโนเสาร์ และ บรรพชีวินวิทยา (และรวมไปถึงสามัญสำนึก) อย่างสิ้นเชิง เราลองมาดูขำๆ ไม่ซีเรียส ปนเป็นเกร็ดความรู้กันครับว่ามีอะไรบ้าง

1.) การสกัด DNA จากเลือดไดโนเสาร์จากตัวยุงในอำพัน แล้วเอาไปโคลนนิ่งไดโนเสาร์

ความจริงที่ไม่อิงนิยาย:

เลือดของสัตว์ที่ยุงกินนั้นจะไม่ถูกเก็บรักษาไว้ได้นานขนาดนั้น แม้จะถูกอำพันหุ้มไว้ก็ตาม และการทดลองที่ผ่านมาก็สามารถทำได้แค่การสกัด DNA ออกมาจากยุงเพียงเท่านั้นครับ และที่สำคัญอีกประเด็นก็คืออำพันในหนังเรื่อง Jurassic Park นั้นเป็นอำพันจาก อเมริกาใต้ (Dominican Amber) ซึ่งมีอายุไม่เก่าพอที่จะมียุงในยุคไดโนเสาร์ได้ครับ

2.) Brachiosaur ยืน 2 ขาเคี้ยวกินใบไม้ Gum Tree มีพิษ และแถมจามได้ด้วย

ความจริงที่ไม่อิงนิยาย:

โครงสร้างกระดูกและร่างกายของ Brachiosaur ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำแบบนั้นได้ครับ และต้นไม้ Gum Tree ที่มันเล็มกินในหนังอย่างสบายใจเฉิบนั้นในความเป็นจริงแล้วมีพิษที่จะฆ่ามันได้ไม่ต่างกับสัตว์อื่นๆครับ และสุดท้ายที่สำคัญก็คือ สัตว์เลื้อยคลานอย่างไดโนเสาร์ (หรือแม้แต่นกก็ตาม) นั้นไม่จามครับ การจามเป็นลักษณะกริยาของสัตว์เลือดอุ่นเท่านั้นครับ

3.) ฉากล้วงกองอุนจิขนาดยักษ์ของ Triceratops ที่ป่วย

ความจริงที่ไม่อิงนิยาย:

ฉากนี้สิ่งที่ผิดสามัญสำนึกและหลักการความเป็นจริงอย่างมากก็คือ ขนาดอึของไดโนเสาร์ครับ สังเกตุเห็นไหมครับว่าอึมันขนาดมหึมาแทบจะเท่าขนาดตัวของมันเลย! ซึ่งต่อให้มัน่ท้องเสียรุนแรงแค่ไหน ถ้าไดโนเสาร์อึออกมาได้ปริมาณขนาดนี้นี่มีแต่ตายกับตายครับ 555

4.) Dilophosaurus ไดโนเสาร์มีแผงคอตัวจิ๋วที่พ่นพิษ

ความจริงที่ไม่อิงนิยาย:

Dilophosaurus นั้นจริงๆแล้วเป็นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่กว่าที่เห็นในหนังมาก อีกทั้งมีความรวดเร็วและดุร้ายไม่ต่างจากไดโนเสาร์ล่าเนื้ออย่าง T-Rex หรือ Raptor และที่สำคัญไม่มีหลักฐานทางบรรพชีวินวิทยาใดๆที่ระบุว่ามันมีแผงคอหรือสามารถพ่นพิษได้ครับ

ส่วน Dilophosaurus ตัวจริงนั้นจะมีหน้าตาและขนาดแบบนี้ครับ: 

5.) Velociraptor ตัวจริง vs ในนิยาย

หนึ่งในไดโนเสาร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกพันธุ์ด้วยอานิสงค์จากหนังเรื่องนี้ แต่จริงๆแล้ว Velociraptor ตัวจริงนั้นตัวเล็กกว่าในหนังมากครับ ขนาดมันแค่ประมาณไก่งวงเท่านั้นเองครับ และอีกทั้งมันยังเป็นไดโนเสาร์ที่จริงๆแล้วมีขนเต็มตัวเหมือนนกครับ

แต่ Raptor ที่อยู่ในหนังนั้นจริงๆแล้วควรจะเป็นพันธุ์ Utahraptor ที่เป็น Raptor พันธขนาดใหญ่ ซึ่ง Utahraptor นั้นถูกค้นพบหลังจากหนังเรื่อง Jurassic Park ฉายไปแล้วอีกครับ

อีกทั้งในหนังอธิบายว่า Velociraptor นั้นเป็นไดโนเสาร์ที่ฉลาดที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วพันธุ์ที่ฉลาดที่สุดนั้นคือ Troodon ครับ ไดโนเสาร์ขนาดเล็กมีลักษณะคล้ายนกที่มีอัตราส่วนของสมองต่อขนาดร่างกายที่ใหญ่ที่สุด (ว่ากันว่าถ้าไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์มันอาจวิวัฒนาการมาเป็นกิ้งก่าที่ครองโลกแทนวานรก้ได้ครับ)

                          แบบจำลอง Utahraptor                                             Troodon ไดโนเสาร์ที่ฉลาดที่สุด

5.) T-Rex และประสาทสัมผัสการล่าของมัน

ในหนังจะเห็นว่าเวลา T-Rex กำลังจะมา จะมีแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว กับฉากที่ตัวละครรอดจาก T-Rex มาได้ด้วยการอยู่นิ่งๆ เพื่อไม่ให้มันจับการเคลื่อนไหวได้ 

ความจริงที่ไม่อิงนิยาย:

แรงสั่นสะเทือนจากการเดินขนาดนั้นในความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ครับ และการมีแรงสั่นสะเทือนขนาดนั้นไม่เกิดขึ้นกับสัตว์นักล่าที่ต้องใช้ความเร็วในชั่วครู่ที่จะเข้าจู่โจมเหยื่อ หลังจากดักซุ่มรอโอกาสมานานหรอกครับ ธรรมชาติไม่ขาดสามัญสำนึกขนาดนั้นแน่ๆ

และถึงแม้การหยุดอยู่นิ่งอยู่กับที่นั้นอาจจะทำให้  T-Rex มองไม่เห็นการเคลื่อนไหวก็ตาม แต่จมูกของมันนั้นไวไม่ต่างกับหมาล่าเนื้อเลยครับ เพราะงั้นถึงอยู่นิ่งๆยังไงก็ไม่รอดอยู่ดีครับ  

โอ้และที่สำคัญที่สุดเลยคือ T-Rex นั้น ไม่ใช่ไดโนเสาร์ที่มีอยู่ในยุค Jurassic ดังชื่อในหนังนะครับ แต่เป็นไดโนเสาร์ที่มีชีวิตอยู่ในยุค Cretaceous ครับ แต่ตรงนี้ก็พอเข้าใจได้นะครับ เพราะคำว่า 

“จูราสสิก พาร์ค” มันฟังดูสละสลวยกว่า “ครีเตเชียส พาร์ค” ละนะครับ หุๆ

ปล.แต่ผมดูเคยบทบทสัมภาษณ์จากทางผู้กำกับหนัง เขาก็ได้บอกว่า ทางเขาและทีมงานก็ได้สร้างให้มันเกินจริงจากความเป็นจริง เพื่อให้มันน่ากลัวครับ  




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2556   
Last Update : 23 ธันวาคม 2556 12:55:43 น.   
Counter : 2087 Pageviews.  

“กล้วยไม้หายากที่สุดในโลก” มีแค่ 2 ต้นบนโลก

โดยเรื่องนี้คณะนักวิทยาศาสตร์ ในประเทศออสเตรเลียนั้นกำลังช่วยกันรักษากล้วยไม้สกุลคาลาเดเนียแมงมุม Caladenia spider โดยเชื่อกันว่ามันเป็นกล้วยไม้ที่เหลืออยู่เพียงแค่ 2 ต้นบนโลกเท่านั้น และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรรดานักวิทยาสาสตร์ไม่เปิดเผยชื่อหรือพิกัดที่ตั้งของกล้วยไม้ที่พบในป่าให้สาธารณะชนได้รับรู้ และตอนนี้ก็ได้ช่วยกันดูแลภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมเอาไว้

กล้วยไม้ดังกล่าวเป็นกล้วยไม้ในสกุล Caladenia ซึ่งมีผู้รู้จักน้อยมาก และน้อยคนที่จะรู้ว่ากล้วยไม้สายพันธุ์นี้เติบโตอยู่ที่ใด โดยกลุ่มคนดังกล่าวและนักวิทยาศาสตร์ก้านการอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมชื่อ  แกรม ลอริเมอร์ เล่าว่า พวกเขาได้พบกับกล้วยไม้ชนิดนี้และมันเหลืออยู่บนโลกเพียงแค่ 2 ต้นเท่านั้น ไม่เทียบกับเมื่อหลายสิบปีก่อนทีมีมากว่าหลาย 10 ต้น
Caladenia spider กล้วยไม้หายากที่สุดในโลกเหลือเพียง 2 ต้นบนโลก

แต่ว่านับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและโชคดีเป็นอย่างมากที่ ร็อบ ครอส  นักพฤกษศาสตร์จากสวนพฤกษศาสตร์ในนครเมลเบิร์น ออสเตรเลีย สามารถเก็บเอาละอองเรณูจากกล้วยไม้หายากที่สุดในโลกสายพันธุ์นี้มาได้จากต้นหนึ่งที่พบ โดย ร็อบ ครอส ได้กล่าวว่า พวกเขาจะดำเนินการเอากล้วยไม้ที่เพาะได้ มาปลูกเพาะเลี้ยงเอาไว้ในสวนพฤกษศาสตร์ เพื่อที่สามารถผสมเกสรได้ และผลิตเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอที่จะนำไปปลูกต่อในป่าได้อีกครั้งหนึ่ง

รัฐวิคตอเรีย ในประเทศออสเตรเลีย  เป็นถิ่นที่อยู่ของกล้วยไม้หลากหมายสายพันธุ์มากว่า 400 สายพันธุ์ และครึ่งหนึ่งของกล้วยไม้ที่พบดังกล่าวนั้น กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ แต่นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าสายพันธุ์ Caladenia spider นั้นเป็นกล้วยไม้ที่มีความเสี่ยงบในการสูญพันธุ์มากที่สุดในตอนนี้

นับว่าหายากสุดๆ เป็นกล้วยไม้ที่หายากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายว่ามันเหลือเพียงแค่ 2 ต้นบนโลกเท่านั้น งานนี้เราก็ต้องมาช่วยกันเอาใจช่วยนักวิทยาศาสตร์ให้สามารถเพาะและขยายพันธุ์กล้วยไม้ดังกล่าวได้สำเร็จโดยเร็ว




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2556   
Last Update : 17 ธันวาคม 2556 16:35:19 น.   
Counter : 1423 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  

เหมียวกุ่ย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




ยินดีต้อนรับพี่ๆน้องๆทุกท่านเข้าเยี่ยมชม เว็บบล็อคแห่งนี้ หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขในการชมบล็อคของกระผมนะครับ










View My Stats
New Comments
[Add เหมียวกุ่ย's blog to your web]