โฟล์คเหน่อ เล่นดนตรี เขียนกวี วิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณฯ

Group Blog
 
All blogs
 

สายลมใต้ปีก ::: นกเพนจรกลางสายลมแปรปรวน



สายลมใต้ปีก : นกพเนจรในห้วงสายลมแห่งความแปรปรวน





1.


ท่ามกลางวิถีการพัดพาของสายลมแปรปรวน โดยสองปีกนกอันอ่อนล้านั้น มิอาจกำหนดทิศทางการโบยบินได้ตามความต้องการของหัวใจในวิถีแห่งเจ้านกน้อยตัวนั้น


หากแต่เป็นไปตามวิถีแห่งความแปรปรวนของสายลมแห่งชะตากรรมจะเหนี่ยวดึง


วิถีแห่งลมที่เปลี่ยนทิศทางการโบยบินของนกตัวหนึ่ง ไปสู่อีกวิถีโดยมิทันได้ตั้งลำสองปีกเตรียมรับ ส่งผลให้จุดหมายที่มุ่งมั่นตั้งใจไว้เลือนลับ อาจกลับกลายเป็นอีกหมุดหมายปลายทางของอีกฝั่งเส้นขอบฟ้า ที่รอสายลมแห่งชะตากรรมจะนำพาไป


โดยอาจจะไปถึงหรือไม่ถึง มีหรือไม่มี ไม่อาจหยั่งรู้


สองปีกที่หน่วงหนักด้วยความผิดหวัง เหนื่อยล้า อ่อนแรง ในวันวิถีที่พลิกผัน


หากแต่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น ทำให้การฝืนฝ่าโบยบินไปกลางสายลมแห่งชะตากรรม จึงยังมีต่อไป


ขณะท่ามกลางความแปรปรวนแห่งสายลม ขณะห้วงแห่งความอ่อนล้าของสองปีก ขณะหวั่นไหวแห่งความไม่แน่นอนของวิถีและจุดหมายปลายทาง ขณะที่รอบข้างรกครึ้มไปเมฆหมอกทมึนดำ....





มีความงดงามบางอย่างเกิดขึ้น.......เป็นเสมือนแสงส่องนำทาง และสายลมใต้ปีก




2.


วิกฤตการณ์ความพลิกผันของเศรษฐกิจเมืองไทย เมื่อกลางปี 2540 เป็นเสมือนพายุใหญ่พัดโหม กระพือพาให้ชะตาชีวิตของสามนักดนตรีประจำผับเพื่อชีวิตเมืองสุพรรณ ต้องพลิกผันมายืนอยู่ในมุมหนึ่งของตลาดนัดเปิดท้ายคุณาวรรณ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม


เสียงเพอร์คัสชั่น แอคคอร์เดี้ยน หยอกล้อกับกีตาร์โปร่ง ทาบทาเป็นพื้นหลังให้กับเสียงเพลงที่กึ่งร้องกึ่งตะโกน ขณะที่รายรอบข้างอึงอลไปด้วยเสียงเพลงจากเครื่องเล่นซีดี เสียงตะโกนเชิญชวนซื้อขายสินค้า เสียงต่อรองราคา เสียงพูดคุย และเสียงเท้าเหยียบเดินพื้นของคนนับพัน


ขณะที่การบรรเลง ร้องของสามศิลปินไม่มีเครื่องขยายเสียงใด ๆ รองรับเลยสักชิ้น ส่งผ่านไปแบบเล่นร้องเท่าใดออกไปได้เท่านั้น


“ร้องเล่นไป ไอ้หนุ่ม เสียงเอ็งดี ข้าชอบ เทปขายไม่ได้ ไม่ดัง ช่างแม่งมัน..ชะอุ๊ย” พูดเสร็จ ชายวัยเกือบเลขหก ก็ทำถ้าเอามืออุดปากตัวเอง แล้วมองเลิกลั่ก ไปรอบข้าง เสมือนกลัวคนอื่นได้ยินคำไม่สุภาพที่ตัวเองหลุดจากปากออกไป


แต่ใครจะได้ยินหรือไม่ได้ยินไม่รู้ ผมกับเสมและนพ รวมทั้งไทยมุงที่ยืนอยู่รายรอบนั้นได้ยินกันทั้งหมด ต่างก็ส่งเสียงหัวเราะและหน้าเปื้อนยิ้มกันทุกคน



3.

หลังคืนวันที่ถูกพักงานจากผับเพื่อชีวิตแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณฯ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากปัญหาเงินบาทลอยตัวเมื่อกลางปี 2540


นักเที่ยวผับฟังเพลงเพื่อชีวิต ต่างตกอยู่ในสภาวะเดียวกับคนในทุกสาขาอาชีพ ไม่มีเงินจับจ่ายเพื่อการดื่มกิน หยุดเที่ยวกลางคืน นับจำนวนคนเข้าผับน้อยลงทุกวัน สถานบันเทิงต่างทยอยปิดตัวลง จนที่สุดก็มาถึงผับเพื่อชีวิตที่ผมเล่นประจำอยุ่ ก็ประกาศปิดตัวเองลงด้วยเช่นกัน ปล่อยให้พนักงานในร้าน เด็กเสิร์ฟ พ่อครัว นักดนตรี แตกซ่านกระเซ็นไปตามชะตากรรม


วิถีชีวิตของคนร้องเพลงหาเงินเลี้ยงชีพทางเดียวอย่างผมนั้น ถือเป็นมรสุมลูกใหญ่ของชีวิต ส่งกระทบสู่ความรู้สึกอันอ่อนไหวให้ต้องนอนทำใจอยู่หลายวัน





เสมและนพ เพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม นำพาวิถีนักดนตรีเดินทางมาสู่ผมในบ่ายวันหนึ่ง


รถดัตสันสีสัม รุ่นช้างเหยียบ ติดสติ๊กเกอร์คำว่า “โฟล์คเหน่อ” ตัวใหญ่ไว้ที่แผงกระจกหน้า คือพาหนะนำพาสามชีวิต เคลื่อนไปพร้อมวงรอบล้อหมุนและหลักไมล์ถนน มุ่งสู่ใจกลางตลาดนัดเปิดท้ายขายของ ทั่วเมืองสุพรรณ และค่อย ๆ ตีวงกว้าง ออกไปต่างจังหวัดรอบๆ และกลายเป็นทุกจังหวัดในเขตภาคกลาง


วิถีชีวิตของนักดนตรีใต้ดิน ที่มียอดจำหน่ายเทป ซีดีเพลงแต่งเอง ร้องเอง เป็นความหวังดาบหน้าในแต่ละวัน โดยมีตัวแปรสำคัญอยู่ที่ผู้บริโภคแบบเดินผ่านมาเห็น แล้วสะดุดในน้ำเสียง หรือผู้บริโภคที่ต้องการให้กำลังใจ แบบคนเข้าใจวิถีชีวิตแห่งพวกเรา


วิถีของคนแต่งเพลงเอง ร้องเอง และมาขายเอง


ตลอดช่วงเดินทางนับพันกิโล ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากำลังใจจากสหายเพื่อนร่วมทางทั้งเสมและนพ คือพลังที่มีคุณค่ามหาศาลที่ผมไม่อาจลืม


ลำพังผมคนเดียว วิถีทางเช่นนี้ผมคงขี้ขลาดเกินไปที่จะกล้าออกไปเผชิญหน้า


“นพ” วิศวกรหนุ่มผู้พักวิถีงานในกรงกรอบของกฎเกณฑ์ คือผู้ชี้นำหมุดหมายปลายทางการเดินทางของแต่ละวัน โดยมีส่วนร่วมในการเคาะเพอร์คัสชั่นจังหวะแห่งเพลง


“เสม” หนุ่มชาวสวนที่ยอมละทิ้งสวนมะม่วงช่วงครึ่งวันหลัง เพื่อนำพาหนะคันเก่าคู่ใจตะลุยไต่เส้นทางกว่าร้อยกิโลเมตรในแต่ละวัน โดยมีส่วนร่วมในการเล่น แอคคอร์เดียน ช่วยสร้างสีสันเพลง โดยไม่เคยมีคำว่าถอยให้ได้ยินจากผู้ชายร่างท้วมคนนี้


“เดินหน้าอย่างเดียว” ทุกครั้งที่เสมเห็นอาการของผมจะดูท้อแท้ เสมจะให้กำลังใจด้วยคำ คำนี้เสมอ


ขณะที่สายลมร้ายพัดพาให้ผมเป็นคนตกงานชั่วข้ามคืน แต่ต่อมาสายลมแห่งโชคชะตาอีกสายกลับนำพาให้ผมพบเพื่อนแท้ถึงสองคน


นี่กระมัง ที่เขาเรียกว่า....มิตรแท้ยามยาก


นี่กระมัง สายลมใต้ปีกที่คอยช่วยประคับคองนกน้อยยามเหนื่อยล้า




4.


ทุกวันอาทิตย์ หมุดหมายปักหลัก ร้องเล่นดนตรี พร้อมการขายเทป ซีดีเพลงแต่งเอง ร้องเอง ของเราสามคนมักจะละลายรวมอยู่กลางผู้คนนับพันนับหมื่น ที่กลางตลาดนัดเปิดท้ายคุณาวรรณ


และที่นี่เกือบจะทุกอาทิตย์เช่นกันที่ชายวัยใกล้หกสิบแต่งตัวปอน ๆ เท้าเปลือยเปล่า ไม่ใส่รองเท้า เพียรเฝ้ามาเลียบเคียงเมียงมอง สุดท้ายก็ปูกระดาษหนังสือพิมพ์นั่งกับพื้น แล้วฟังพวกเราร้องเพลงทุกเพลงอย่างตั้งใจ


และทุกครั้งที่สิ้นเสียงเพลงจากพวกเรา เสียงปรบมือตอบรับให้กำลังใจจากแก ก็จะดังทุกครั้งตลอดการแสดง


หรือนี่อาจเป็นอีกเหตุผลกระมังที่ทำให้พวกเราต้อง เดินทางมาตลาดนัดคุณาวรรณทุกอาทิตย์มิได้ขาด


บางอาทิตย์เราขายเทป ซีดี ไม่ได้ซักแผ่น หากแต่เรากลับมีเสียงหัวเราะลั่นรัวอยู่ในรถตลอดทางเดินกลับสู่บ้าน


ผู้ชายวัยใกล้ 60 ผู้อ้างตัวเองว่าเป็นโสดตลอดกาลคนนี้ ลุยทะเลคนเข้ามาหาพวกเราที่ล๊อคขายของกลางตลาด พร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซด์คนเก่ามาก ๆ คันหนึ่ง มีดปลายแหลมที่พกมาด้วยคือกุญแจที่ใช้ปิดเปิดรูกุญแจมอเตอร์ไซด์คันเก่า




ช่วงเบรกเหนื่อย พวกเรามักนั่งฟังและหัวเราะกับมุกตลกเรื่องเล่าของแกซึ่งมีอยู่มากมาย







วิถีของคนร้องเพลงเล่นดนตรี แบบมีต้นทุนที่ค่าน้ำมันรถ ค่าที่วางแบสินค้า โดยมีสินค้า ประเภท เทป ซีดี เป็นตัวแลกเปลี่ยนกับเงินเพื่อให้ได้มาใช้จ่ายเป็นค่าต้นทุนดั่งกล่าว


หากแต่บางวันสินค้าของเรานั้นขายไม่ออกเลยสักชิ้นด้วยเงื่อนไขปัจจัยทางการตลาด จากผู้บริโภค และจากตัวสินค้าเอง


แต่น่าแปลก ที่พวกเรากลับหัวเราะเริงรื่นอยุ่ได้ไม่ขาด ขณะ ณ ห้วงเวลานั้น ความท้อแท้ควรจะกดทับพวกเราให้นั่งจ่อมจม





มิตรภาพที่เกิดจากการเดินทางของพวกเราสามคนเพื่อมาบรรจบกับกำลังใจจากผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีเพียงคำพูดประโยคสั้น ๆ ยืนยันบ่อยครั้งว่า “ข้าชอบพวกเอ็งว่ะ”


จึงไม่แปลกที่ก่อนจากลากันตอนตลาดนัดวายก่อนดึกดื่น คำมั่นสัญญาว่าอาทิตย์หน้ามาเจอกันใหม่ จึงเป็นคำเอ่ยสุดท้ายก่อนจากกันทุกครั้ง


หรือนี่คืออีกหนึ่งกำลังใจที่เป็นเสมือนสายลมใต้ปีกของนกที่คอยประคับประคองปีกนกยามอ่อนล้าให้มีแรงบินสู้ต่อไป อันนอกเหนือจากแรงซื้อของผู้อุปการคุณทุก ๆ ท่าน ที่ช่วยซื้อเทป และซีดีของพวกเราจนทำให้เราฝ่าฟันผ่านพ้นมรสุม ของวิกฤติเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 มาได้จนทุกวันนี้


ผมจึงยังเชื่อว่าในความมืดมัวของเมฆหมอก แรงลมปรวนแปร รบกวนการโบยบินของปีกที่อ่อนแอ อ่อนล้า กลางชะตากรรมแห่งสายลมร้าย บางทีอาจเป็นเพียงแค่บททดสอบความแข็งแกร่งแห่งชีวิตบทหนึ่ง ให้เราต้องสู้ โดยมีมือแห่งความหวังดีแอบหยิบยื่น บางสิ่งบางอย่างให้กับชีวิตเรา เสมือนให้เป็นสายลมใต้ปีกคอยประคับประคองให้เรารอดพ้นบ่วงร้ายแห่งสายลม


และที่สำคัญยิ่งหลังผ่านบททดสอบ สายลมใต้ปีก สายลมแห่งความหวังดีนั้น ยังคงมอบบางสิ่งบางอย่างนั้นให้อยู่กับเรา เสมือนเป็นรางวัลอันล้ำค่าที่ควรได้รับ หลังผ่านคืนวันอันเลวร้าย


นพและเสมยังเป็นเพื่อนและเป็นตัวหลัก ร่วมตระเวณเล่นคอนเสิร์ตอยู่กับผมจนทุกวันนี้ ขณะที่จำนวนสมาชิกในวงมีเพิ่มเติมขึ้นมาอีกหลายคน


แต่ต้นสายเลือดที่ก่อเกิดกลุ่มศิลปินโฟล์คเหน่อจริง ๆ คือเราสามคน




เพลงข้างถนน
คำร้อง ทำนอง ขับร้อง โดยศิลปิน โฟล์คเหน่อ (ลำภา มัคศรีพงษ์)




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2550    
Last Update : 3 กันยายน 2550 23:54:08 น.
Counter : 1178 Pageviews.  

โฆษณาเพลงใต้ดินในห้องน้ำ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่


โฆษณาเพลงใต้ดินในห้องน้ำ : ไม่เชื่ออย่าลบหลู่




1.


จบเพลงสุดท้ายปลายชั่วโมง ก่อนสามทุ่มคืนนี้ ผมปิดท้ายด้วยเพลง “โฟล์คเหน่อ” ซึ่งเป็นเพลงในอัลบั้มของตัวเอง


เด็กเสิร์ฟสาวเข้ามาบอกผมข้างเวทีว่าให้ไปเซ็นหน้าปกเทป ที่โต๊ะแขกด้วย เธอบอกว่ามีหลายโต๊ะ ที่ซื้อเทปคืนนี้


“พี่วันนี้ เทปพี่ขายได้เกือบ 10 ม้วนเลยนะ รวยเละเลยวันนี้” ทิ้งทายในเชิงแซวสัพยอกเล่นตามประสาคนคุ้นเคย ขี้เล่น


ไม่บ่อยนักหรอก ที่ในแต่ละคืน จะมียอดขายเทปทะลุเกิน 5 ม้วน


เทปที่ผมว่านั้น หมายถึงเทปเพลงของผมเอง ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ผม แต่งเอง ร้องเอง และขายเองด้วย นั่นแหละครับ


แต่งเอง ร้องเอง นั้นเป็นหน้าที่ของผมเพียว ๆ แต่ตอนขายนั้น จะว่าขายเองซะทีเดียวก็อาจจะไม่ได้ คนที่ขายให้ผมถ้าจะว่าไปแล้ว ช่วงที่เล่นประจำในร้านอาหาร ส่วนใหญ่ก็ให้เด็กเสิร์ฟช่วยขายนะครับ


อัลบั้มเพลงชุด”โฟล์คเหน่อ” ซึ่งเป็นเพลงชุดแรกนั้น เป็นช่วงระยะเวลาที่ผมยึดเวทีร้านเพลงเพื่อชีวิต เป็นฐานที่มั่นในการแสดง และนำเสนอผลงาน ช่วงนั้นผมยังไม่ได้ทำแผ่นซีดี ยังคงมีแต่เทปที่ขายเป็นหลักอยู่ เทปราคาขายม้วนละ 80 บาท หักเปอร์เซ็นต์ให้เด็กเสิร์ฟ ๆ ไป 15 บาท เหลือ 65 บาท หักลบกลบต้นทุนแล้วก็น่าจะเหลือกำไรเฉลี่ย ม้วนละ 40 บาท คืนหนึ่งถ้าเกิดเจอแขกเมาหนักหูอื้อ ตาลาย เกิดฟังเพลงของผมไพเราะเสนาะหู แล้วควักเงินซื้อซัก 10 ม้วน วันนั้นผมก็จะมีรายได้นอกเหนือจากค่าร้องเพลงประจำ เพิ่มขึ้นอีก 400 บาท


โอโห.. ไม่เบา คืนละ 400 บาท


แต่เสียใจด้วยครับ โอกาสแบบนี้ เท่าที่จำได้ 1 ปี จะมีถึง 5 ครั้งหรือเปล่าไม่รู้


อาภัพเหลือเกิน ศิลปินโฟล์คเหน่อ (อ้อนเหมือนลิเกเลยครับคุณแม่ยก)


2.


“พี่ลำภา ไปดูโปสเตอร์ของพี่ในห้องน้ำด้วย ผมว่าแกะออกดีกว่า ดูไม่ดีเลย” ไอ้หนุ่ย กัปตันร้านเดินมาก้มกระซิบบอกผมใกล้ ๆ หู ขณะที่ผมกำลังวางมาดทำตัวเป็นศิลปินใหญ่ แจกลายเซ็นต์บนปกเทปให้กับแขกโต๊ะข้างเวที


“ทำไมละ”ผมถามด้วยความสงสัย


“พี่ไปดูเอง แล้วกัน”


โฆษณาในห้องน้ำ นี่คืออีกวิธีหนึ่ง ที่ผมใช้เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคเพลงใต้ดิน


การปิดโปสเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาของคนยืนเยี่ยว นั่งขี้ นั่งฉี่ นั้นผมถนัดครับ ตรงเผงเล็งตรงเป้าเลยแหละ ยกเว้นคนอ๊วกครับ ผมหาตำแหน่งติดโปสเตอร์ให้เขาอ่านไม่ถูกจริง ๆ


เหนือโถเยี่ยวขึ้นไปซัก 30 นิ้ว เนี่ย รับรองไม่มีพลาด สำหรับคนเยี่ยวราดจะต้องอ่าน


ถ้าเป็นชักโครก ก็ต้องไล่ระดับตั้งแต่พื้นไต่ขึ้นไป บวกลบกับความสูงของชักโครกแล้ว ก็ต้องสุงมาจากพื้นอยู่ที่ ประมาณ 40 นิ้ว ครับ คือระดับสายตาของคนนั่งอุจจาระอ่านครับ


ไม่มีวิธีการโฆษณาแบบยัดเยียดวิธีไหนดีไปกว่าวิธีนี้อีกแล้วครับ สำหรับเพลงใต้ดินของผม


3.


ผมยืนตะลึง เหมือนต้องมนตรา คาถาจังงัง ทันทีที่เข้าไปเห็นโปสเตอร์โฆษณาแผ่นหนึ่ง ที่ปิดอยู่เหนือโถเยี่ยวโถหนึ่งในห้องน้ำชาย


ภาพที่ผมนั่งเล่นกีตาร์โปร่ง ใบหน้าอมยิ้มนิดหน่อยนั้น ดู่เท่ห์ หล่อเหมือนสรพงษ์ ชาตรี แต่ความผิดปกติแบบเด่นชัด ขัดเขิน เกินไปจากที่เคยเป็นอยู่ขณะนี้ก็คือ ที่ส่วนปลายจมูกของผมนั่นสิครับ ไม่รู้ไอ้ขี้เมามือบอน ตอนยืนเยี่ยวคนไหน ดันใช้ปากกาเมจิกสีน้ำเงินลากเส้น ขนาด 1.0 มิลลิเมตร ต่อยอดปลายจมูกของผมเพิ่มออกมา จนกลายเป็นรูปศิวลึงค์เหี่ยวห้อยย้อยแบบคนหมดสมรรถภาพทางเพศทุเรศเหลือร้ายทารุณ


ทำไมมันถึงวาดได้น่าเกลียดขนาดนั้น


ไวเท่าความคิดติดจรวดอาร์พีจีครับ


ผมตัดสินใจแกะแผ่นโปสเตอร์นั้นออก ก่อนที่แขกคนเข้าห้องน้ำคนต่อไปจะเข้ามาเห็น


เป็นสัญชาตญาณของคนขี้อาย นั่นแหละครับ ขืนปล่อยทิ้งไว้เดี๋ยวจะเป็นข่าวลือตลกโปกฮา ให้เพื่อนหัวเราะเยาะอีก


“คนรักก็มี คนเกลียดก็มี”ผมคิดในใจ ขณะขยุ้มแผ่นโปสเตอร์เหวี่ยงลงถังขยะ หน้าห้องน้ำชาย แต่มิได้มีอารมณ์ถือโทษโกรธเคือง




4.


“พี่วันนี้เทปพี่ขายได้ 12 ม้วนเลยนะ เป็นประวัติการณ์ รวยใหญ่แล้วพี่เรา” แคชเชียร์สาวแซวผมอีกเมื่อผมไปเก็บเงินค่าเทปที่ขายได้ในคืนนี้


ผมไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะหึ หึ ก่อนหิ้วกีตาร์ออกมาหน้าร้าน


ขณะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์ก่อนสตาร์ทเครื่อง ผมแอบใช้มือคลำที่กระเป๋ากางเกงลายพรางทหาร เพื่อให้แน่ใจว่าแผ่นโปสเตอร์ ที่ผมแอบไปเก็บกลับคืนมามาจากถังขยะหน้าห้องน้ำชายยังอยู่หรือเปล่า


“ไม่แน่อาจมีคนหวังดีลงคาถามหาเสน่ห์ ค้าขาย ร่ำรวย ในแผ่นโปสเตอร์แผ่นนี้ก็ได้”


ผมรำพึงในใจเมื่อแน่ใจว่าแผ่นโปสเตอร์ขยุ้มยู่ยี่ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง ก่อนสตาร์ทรถฝ่าความมืดออกมาจากร้าน



เพลงโฟล์คเหน่อ




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550    
Last Update : 3 กันยายน 2550 23:53:23 น.
Counter : 1089 Pageviews.  

ภาพศิลป์ถิ่นทุ่ง




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2550    
Last Update : 3 กันยายน 2550 23:53:03 น.
Counter : 495 Pageviews.  

กีตาร์โปร่งตัวแรก

กีตาร์โปร่งตัวแรก


1.


หลังลงน็อตสกรูตัวสุดท้ายฝังยึดแนบสนิทช่วงรอยต่อระหว่างต้นคอกับโปร่งกีตาร์เสร็จเรียบร้อย น้าบุญส่งก็ยื่นกีตาร์โปร่งตัวแรกในชีวิตคืนกลับมาให้ผม ทันทีที่ได้ลองใช้นิ้วทาบบาร์จับคอร์ด ผมจึงได้รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน กับกีตาร์โปร่งตัวแรกของผมก่อนซ่อมและหลังการซ่อม


น้าบุญส่งเล่นกีตาร์ไม่เป็น แต่น้าบุญส่งแกซ่อมกีตาร์ให้ผมได้ ด้วยภูมิปัญญาของช่างไม้พื้นบ้าน


2.




ไอ้รัญ เพื่อนร่วมชั้นเรียน แบกกีตาร์โปร่งตัวนั้นมาให้ผมถึงบ้าน เมื่อผมบอกว่า เงินร้อยห้าสิบบาทของผมพร้อมแล้วสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยน


กีตาร์โปร่งสีดำ ขีดวงสีขาวบนหน้าโปร่ง ถูกเปลี่ยนมือมาอยู่กับผม ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่รุ้จักคอร์ดกีตาร์เลยซักคอร์ด


อาจเป็นเพราะ เพื่อนร่วมชั้นเรียนช่วง ม.ปลาย เป็นนักดนตรี กันอยู่หลายคน ผมจึงมีโอกาสได้เห็นการล้อมวง ดีดกีตาร์ เคาะโต๊ะ ในชั้นเรียนแทบจะทุกวัน


อาจเป็นเพราะ การซึมซับภาพและเพลงของศิลปินเพลงเพื่อชีวิตคนสุพรรณอย่างพี่แอ๊ด คาราบาว แน่นล้นจนจุกอก กระมัง ทำให้ความทะยานอยาก จนต้องบากบั่น และใฝ่ฝันเพื่อการนี้


อาจเป็นเพราะฝันไกลไปถึงภาพข้างหน้าว่าวันหนึ่ง อาจจะได้ นุ่งกางเกงยีนส์ขาด ๆ ใส่รองเท้าคอนเวิร์ส เสื้อลายพราง สวมหมวกทหารกัมพูชา ขึ้นไปยืนถ่างขา ยกไหล่ โก่งคอร้องเพลงเพื่อชีวิต อยู่หน้าเวทีแบบพี่เขา
ผมไม่ปฏิเสธ ผู้ชายคนที่ชื่อแอ๊ด คาราบาว คือแรงบันดาลใจที่พุ่งผลักให้ผมยอมอดข้าว อดขนมกลางวันที่โรงเรียน เพื่อเก็บหอมรอมริบเงิน ส่วนเหลือรายวันที่แม่ให้มาโรงเรียน หวังเอาไว้แลกซื้อกีตาร์โปร่งสักตัวให้ได้


และมันก็เป็นจริง เมื่อผมสะสมเงินได้ครบ ร้อยห้าสิบบาท


เงินร้อยห้าสิบบาท เพื่อแลกกับกีตาร์โปร่ง ต้นคอหัก และเผยอห่างทุกครั้งที่ขึ้นสายตึง และมันก็จะเผยอห่างออกไปอีก หากมีการจับคอร์ดทาบ


แรงนิ้วที่ทับทาบ กดบนระหว่างบาร์บนคอกีตาร์ จับได้แค่รูปคอร์ด แต่เปล่าประโยชน์ เมื่อตีปิ๊คไล่สาย


ประกอบกับการเพิ่งเริ่มหัดเล่น จับคอร์ดเป็นตามหนังสือเพลง แต่ขาดความมั่นใจ


จึงไม่ต้องแปลกใจที่เสียงคนร้องและเสียงกีตาร์จะไปกันคนละทิศละทาง


ผมแทบจะเลิกล้มความตั้งใจ เมื่อไม่สามารถค้นหาสั่นสายเสียงสำเนียงคอร์ดที่แท้จริง จากกีตาร์ต้นคอร้าวแผลเผยอตัวนี้


หากไม่มีน้าบุญส่ง........




3.


ทุกวันผมต้องไปเรียนเป่าแคนกับน้าบุญส่ง


แคนคือเครื่องดนตรีชิ้นแรกในชีวิต ที่ผมเป่าได้เป็นเพลง โดยมีน้าบุญส่งเป็นครูสอน


กีตาร์โปร่งคือเครื่องดนตรีชิ้นที่สองในชีวิต ที่ผมเล่นและสัมผัสได้ถึงเสียงสำเนียงอันแท้จริง ก็โดยน้าบุญส่งเป็นคนซ่อม


หลังลงน็อตสกรูตัวสุดท้ายฝังยึดแนบสนิทช่วงรอยต่อระหว่างต้นคอกับโปร่งกีตาร์เสร็จเรียบร้อย น้าบุญส่งก็ยื่นกีตาร์โปร่งตัวแรกในชีวิตคืนกลับมาให้ผม


หลังจากนั้น ทุกวันคืนมิวายเว้น ที่ผมจะขลุกอยู่กับกีตาร์โปร่งตัวแรกของผม พร้อมด้วยบทเพลงเพื่อชีวิตของคาราบาว ที่เปิดไล่เรียงหน้าหนังสือร้องบรรเลงทีละหน้าอย่างมิรู้เบื่อ


หลังจากนั้นอีก 2 ปี ผมก็มีกีตาร์ตัวใหม่ เสียงโดนใจกว่าตัวเดิม


และหลายปีต่อมาผมก็มีกีตาร์ผ่านเข้ามาและผ่านไป อีกหลายตัว จนจำไม่ได้


หากย้อนวันคืนกลับไปได้ ผมอยากจะย้อนเวลาไปหยุดดู ณ. บางช่วงเวลาของชีวิตที่ผ่านมา เพื่อค้นหาร่องรอยบางอย่าง


บางช่วงเวลาของชีวิตที่ผมอาจจะหลงลืม ละเลย หรือปล่อยทิ้ง กีตาร์โปร่งตัวแรกของผมให้เลือนหายไปจากชีวิต


ให้ตายเถอะ ผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่ากีตาร์โปร่งตัวแรก ตัวที่เป็นจุดตั้งต้นวิถีคนดนตรี ของผมมันหายไปจากชีวิตผมตั้งแต่เมื่อไร ผมจำไม่ได้จริง ๆ


หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากย้อนไปดู เวลาและสาเหตุแห่งการจากพรากระหว่างผมกับกีตาร์โปร่งตัวแรกว่าเป็นวันใด เดือนใด ปีใด นาทีใด และด้วยสาเหตุอันใด


และ ณ. บางช่วงเวลาตรงนั้น ความผิดพลาดที่ส่งผลต่อการจากพรากครั้งนั้นเป็นความผิดที่ผมควรจะให้อภัยตัวเองได้หรือไม่


ผมอยากย้อนกลับไปสู่วันนั้นจริง ๆ


ผมอยากกลับไปทวงถามและแก้ข้อไขผิดพลาดของตัวเอง


ผมอยากได้กีตาร์โปร่งตัวแรกของผมกลับคืนมา


ถึงแม้มันจะเป็นแค่เศษซากไม้ แต่ผมก็อยากจะเก็บมันไว้.......


เพลงโฟล์คเหน่อ




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2550    
Last Update : 3 กันยายน 2550 23:54:29 น.
Counter : 736 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

โฟล์คเหน่อ
Location :
สุพรรณบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผลงานโฟล์คเหน่อ

สี่สิบสอง นักเขียน คนบ้า กวีหน้าราม กีตาร์โปร่ง
Friends' blogs
[Add โฟล์คเหน่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.