น่าจะเกิน 4 ปีที่วิถีชีวิต ต้องฝากชะตากรรมชีวิตไว้กับความเร็วบนท้องถนน
จวบจนวันนี้ ผมมิได้ตระเวนเปิดหมวกเล่นดนตรีเหมือนดังก่อน
แต่เส้นทางที่ทอดยาวไกล ณ ขณะวันนี้ คือการที่ต้องไต่ไปตามถนนเพื่อมุ่งสู่ งานบ้าน งานวัด อย่างไม่มีเว้นแม้สักสัปดาห์
แน่นอนพาหนะรถยนต์ แลนด์โรว์เวอร์ ที่หนักอึ้งไปด้วยจำนวนนักดนตรีและอุปกรณ์การแสดง ที่วิ่งทั้งขาไปขากลับคืออัตราความเสี่ยงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในห้วงเวลากลางคืน
ตลอดห้วงแห่งการเดินทาง ภาพอุบัติเหตุรถชน รถคว่ำ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เราจะไปถึง มักมีเห็นบ่อย ๆ ตามริมรายทาง
นั่นเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ผมต้องคำนึงอยู่เสมอ และแอบบอกลาบ้านเช่าทุกครั้ง ก่อนออกเดินทาง
หากแต่ยังไม่สำคัญเท่าสาเหตุ ที่ทีมงานวงดนตรีของเรา มิได้มีโชเฟอร์ไว้เพื่อขับรถไปเพื่อการแสดงโดยเฉพาะ หากแต่ต้องอาศัย อ้น โฟล์คเหน่อ อันมีตำแหน่งเป็นมือเพอร์คัสชั่น และมีความคุ้นชินเนื่องจากเป็นเจ้าของรถ เป็นโชว์เฟอร์มือหนึ่ง ให้กับพาหะนะการเดินทางของพวกเราด้วย
อัตราความเสี่ยงของพวกเราระหว่างการเดินทาง จึงอยู่ที่ปัจจัย ของความเมาและความง่วง
ไม่มีข้อห้ามเรื่องการร่ำสุราขณะแสดงบนเวทีของศิลปินโฟล์คเหน่อ ใครใคร่ดื่ม ดื่มไป ขออย่าให้เสียงานเป็นใช้ได้
อ้นเป็นนักดื่มตัวยง ดังนั้นการห้ามไม่ให้อ้นดื่มสุรา จึงเป็นเรื่องยาก ในทางกลับกันหาก อ้น ไม่ได้ดื่มซะอีกที่ทำให้สำเนียงลั่นรัวของเพอร์คัสชั่น ขาดชีวิตชีวาจนผมรู้สึกได้ขณะบรรเลง
หลังลงเวทีอันยืดเยื้อเวลาเกินห้าทุ่ม นั่นเป็นอีกเหตุหนึ่งที่นำไปสู่อาการง่วงเหงาหาวนอนของ อ้น ขณะบึ่งรถกลับบ้าน
เสม โฟล์คเหน่อ คือมือแอคคอร์เดี้ยนประจำวง ถ้าหากถึงคราวที่อ้นไปไม่ไหวจริง ๆ ไม่ว่าจะเมา หรือง่วง เสมจะรับหน้าที่หลังพวงมาลัยแทน เป็นตำแหน่งโชว์เฟอร์มือสอง
แต่คุณสมบัติ ของเสมก็มิได้แตกต่างจากอ้น คือต้องร่ำสุราก่อนเล่นดนตรี ต่างกันแต่ว่าอัตราส่วนการดื่มของเสมอาจจะน้อยกว่า อ้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้จะมีอัตราความเสี่ยงของอุบัติเหตุในยามวิกาล แต่พวกเราที่ยังมิเคยได้รับสัณญาณอันตรายใด ๆ ให้พวกเรารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยขณะเดินทาง........
จวบจนกระทั่งคืนวันหนึ่ง.......
หลังกลับจบการแสดงดนตรีที่ ผึ้งหวานรีสอร์ต ริมแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี อ้นอยู่ในสภาพที่เมาจนขับรถไม่ไหว ปล่อยให้เสมทำหน้าที่หลังพวงมาลัย
ขณะแล่นรถยนต์ฝ่าความมืด บนถนนแยกเส้นดอนตาเพชรมุ่งสู่ทุ่งคอก
หลังเงียบเสียงคุยไปไม่ถึงนาที ขณะถึงช่วงทางโค้ง ทันที่ไฟหน้ารถฉายกระทบสีสะท้อนจากหลักเรียงตามวงโค้ง พลันผมหันไปเห็นเงาของเสมสะดุ้งเฮือก พร้อมกับจังหวะเบรกรถแบบกระทันหัน จนเสียงอุปกรณ์การแสดงท้ายรถดังโครมคราม
เสียงน้องเล็กนักร้องหญิง ของเราหวีดร้อง และเรียกชื่อเสมดังลั่น !!!!
รถแลนด์โรว์เวอร์จอดสนิทอยู่ที่กลางทางโค้ง
เสมพึมพำบอก ว่า หลับใน
เสมสารภาพว่าคืนก่อนหน้านี้ นั่งตกปลาทั้งคืน และได้หลับเพียงครึ่งชั่วโมง ก่อนออกเดินทางมาเล่นดนตรี
ผมเองก็เข้าใจเพราะงานที่รับเล่นคืนนี้เป็นงานติดต่อมาแบบกระทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว เตรียมตัว
แต่ผมก็ไม่คุ้นชินกับการขับรถแลนด์โรว์เวอร์ จึงบอกให้เสมขับต่อไป ถึงแม้จะมีอัตราความเสี่ยงกับอุบัติเหตุระหว่างทางข้างหน้า ผมถือว่าผมได้บอกลาบ้านเช่าของผมมาแล้ว ชะตากรรมและเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรผมเตรียมใจพร้อมรับ
ขณะที่อ้นโชว์เฟอร์มือหนึ่งของผม ยังนั่งหงายหน้าอ้าปากหวอ กรนคร่อก ๆ อยู่ที่เบาะท้ายรถด้วยความเมาฯและมิได้แสดงอาการรับรู้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น...
เพลง ฝากหวัง
คำร้อง พจนาถ พจนาพิทักษ์
ทำนอง ปราศ ราหุล
ขับร้อง ลำภา มัคศรีพงษ์
แวะมาทักทาย
ชีวิตก็อย่างนี้แหละครับ เอาแน่เอานอนกับเขาไม่ค่อยได้
ไม่ประมาทในทุกสิ่ง เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างน้อยจะไม่เสีย
ใจใด ๆ หากเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้มาถึง มันต้องมาถึง