2.
ตอนสายของวันที่ 18 พฤษภาคม 2535
ข้าพเจ้าตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวกระโดดขึ้นรถเมล์จากพระโขนงสู่ราชดำเนินทันที เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ข่าวจากทีวีเครื่องเล็ก ว่าตำรวจทำร้ายประชาชนทีชุมนุมบนถนนราชดำเนิน เมื่อคืนนี้จนได้รับบาดเจ็บหลายคน
ข้าพเจ้าไม่รู้รายละเอียดของเหตุการณ์เมื่อคืนมากนัก
แต่เหตุแห่งการชุมนุมในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคือหนึ่งของผู้ที่เข้าร่วมทุกการนัดชุมนุมมาโดยตลอด และได้รับรู้ข้อมูลอย่างละเอียด ของเหตุที่มาแห่งการชุมนุม
และเมื่อวานช่วงหัวค่ำ ข้าพเจ้าก็ไปร่วมชุมนุมตามนัดปราศรัยครั้งใหญ่ ที่นำโดยพลตรีจำลอง ศรีเมืองและกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย เพื่อขับไล่พลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ข้าพเจ้าต้องรีบกลับ เพื่อสะสางงานของบริษัทที่ยังคั่งค้างอยู่ ก่อนที่พลตรีจำลองจะประกาศเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงสู่ถนนราชดำเนิน
ข้าพเจ้าทำงานอย่างไม่เป็นสุขนัก ทำงานไปติดตามข่าวมวลชนชุมนุมเป็นระยะ ๆ จนผล็อยหลับไปในค่อนดึกคืนนั้น
3.
ก่อนเที่ยงวันที่ 18 พฤษภาคม 2535
ลวดหนามที่กั้นบนถนน ก่อนถึงสะพานผ่านฟ้า ไม่อาจต้านพลังประชาชนได้แล้ว ทหารจึงยอมเปิดทางให้ข้าพเจ้าและประชาชนนับพันผ่านเข้าไปสมทบกับประชาชนอีกหลายพันที่ยังคงปักหลักชุมนุม อยู่บนถนนราชดำเนิน
พลตรีจำลอง ศรีเมืองยังอยู่ที่นั่น
เวลาใกล้เที่ยง
ไม่ค่อยมีผู้ร่วมชุมนุมมากนัก ประกอบกับทหารได้ใช้ลวดหนามปิดกั้นทางเข้าทุกด้าน และผู้ชุมนุมหลายท่านต้องกลับบ้านไปทำงาน หรือไปอาบน้ำพักผ่อน เพื่อว่าตอนเย็นทุกคนจะต้องกลับมารวมเป็นคลื่นขบวนเรียกร้องแบบอหิงสาเพื่อความสัมฤทธิ์ผลตามข้อเรียกร้อง อีกครั้ง
แต่การณ์กลับไม่เป็นดังนั้น
บ่ายสามโมง ทหารตั้งแถวหน้ากระดาน กราดกระสุนขึ้นฟ้า ดาหน้าเข้าสลายม็อบและจับตัวพลตรีจำลองศรีเมืองพร้อมผู้ร่วมชุมนุมอีกนับพัน
ทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ข้าพเจ้าก็เผ่นแผล็วตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดเข้าไปในรั้ววัดราชนัดดา ขณะที่ผู้ชุมนุมบางคนยังคงนอนหมอบอยู่กับพื้นถนนราชดำเนินที่ร้อนระอุ ท่ามกลางเสียงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงของผุ้นำชุมนุมให้นั่งอยู่กับที่ตามวิธีอหิงสาสันติ
เสร็จสิ้นการสลายม็อบชุมนุม หลังบ่ายสี่โมง
ข้าพเจ้าและกลุ่มผู้ชุมนุมที่หนีรอดการจับกุมของทหารอีกหลายร้อย ก็เดินลัดเลาะไปทางเสาชิงช้าแล้วอ้อมมาสมทบกลุ่มม็อบที่เริ่มมารวมเป็นม็อบไร้ผู้นำที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์
การประจันหน้ากันของม็อบกับทหารที่ยึดฐานที่มั่นบริเวณสี่แยกคอกวัวตึงเครียดตั้งแต่หกโมงเย็น
เสียงเครื่องขยายเสียงของทหารดังอึกทึกกลบเสียงด่าทอ และปลุกระดมจากพวกเรา เกือบหมดสิ้น
สถานการณ์ตึงเครียดอย่างหนัก เมื่อมีการนำรถเมล์จากผู้ชุมนุมที่ไร้การนำพุ่งชนลวดหนามทหาร มีการยิงคนขับรถเสียชีวิต
และแล้วการโต้ตอบเต็มรูปแบบระหว่างผู้ชุมนุมสองมือเปล่ากับกองทหารอาวุธสงครามครบมือก็เริ่มขึ้น
ข้าพเจ้า พร้อมเพื่อนที่ไม่รู้จักกัน 7-8 คน หนีออกมาทางกรมสรรพากร ขณะที่เพลิงกำลังก่อตัวอยู่ภายในอาคาร
เดินตามถนนได้สักพัก พวกเราตัดสินใจหนีเข้าซอยเล็ก ขณะเสียงปืนยังดังกึกก้องอยู่ทางถนนราชดำเนิน
หากชักช้าหรืออยู่ในที่แจ้งอาจถูกยิงหรือถูกจับแน่
ระหว่างทางในซอยมืด พวกเราก็สวนกับชายสองคนกำลังหามร่างชายวัยกลางคนเลือดโชกวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ
เขาโดนยิง หามไปไว้ปากซอย ให้รถพยาบาลที่ผ่านมาเห็น
ในยามนี้ไม่มีวิธีการไหนที่ดีไปกว่านี้
ข้าพเจ้าช่วยหามร่างโชกเลือด นั้นย้อนกลับไปที่ปากซอย แล้วตัดสินใจหลบเข้าไปในอีกซอยย่อยเล็ก เพราะรู้ว่าปลายทางข้างหน้านั้นไม่ปลอดภัยเสียแล้ว
และการรวมกลุ่มกันเดิน 7-8 คนเช่นนี้อาจไม่ปลอดภัยและเป็นเป้าชัดเจนให้ถูกยิงหรือถูกจับกุม
แยกย้ายกันเป็นคู่ ลัดเลาะเดินอย่างรวดเร็วไปตามซอกซอยจับต้นชนปลายไม่ถูก
ร้านรวงทุกร้านปิดเงียบ
เสียงปืนยังดังระรัวเป็นระยะแต่เราห่างมาจากเสียงนั้นพอสมควรแล้ว
มารู้ตัวอีกที ข้าพเจ้าและเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม ก็มานั่งหอบแฮก แฮก อยู่เชิงบันไดธนาคารแห่งหนึ่ง
ไม่มีน้ำดื่ม น้ำลายเหนียวหนืด มีเสียงพูดคุยกันสองสามคำ ก่อนเราทั้งสองจะหลบลงข้างเชิงบันได ทิ้งร่างอันอ่อนเพลีย ขดม้วนนิ่งนอนด้วยความหวาดกลัว
เสียงปืนยังคงลั่นรัวคำรามแว่ว ๆ และใกล้เข้า ในความนิ่งสนิทของร่างกาย จมุกของข้าพเจ้าได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งที่ติดอยู่ที่ชายเสื้อยืด
เลือดจากชายวัยกลางคนที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าป่านนี้เขาจะเป็นเช่นไร
ทหารหรือพยาบาลกันแน่ ที่จะมาพบเขาก่อน
ข้าพเจ้าปิดเปลือกตาหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย ท่ามกลางเสียงปืนที่ลั่นรัวถี่ยิบต่อเนื่องเหมือนบริเวณรอบ ๆ ตัวยามนี้ คือสมรภูมิรบ
::::เสียงปากคำของนักข่าวในเหตุการณ์:::