:::คนไปกับกีตาร์ หมาไปกับรถ : คุณเคยขับรถชนหมาบ้างหรือเปล่าครับ:::
คนไปกับกีตาร์ หมาไปกับรถ : คุณเคยขับรถชนหมาบ้างหรือเปล่าครับ
1. ทันที ที่วงล้อหน้ามอเตอรไซด์ ชนปะทะ คันแฮนด์บังคับก็บิดเปลี่ยนทิศทาง ส่งผลให้มอเตอร์ไซด์เสียการทรงตัวล้มเอียง ขณะล้อหน้าเจอแรงปะทะให้เกือบหยุด ล้อหลังจึงครูดตีวงไปกับพื้นถนนตามแรงส่งของความเร็ว เทเอียงทิ้งร่างของผมหล่นร่วงกองทับอยู่บนกีตาร์ในถุงบุนวมที่สะพายอยู่ไหล่ซ้าย ในลักษณะเกือบนอนหงาย และกลิ้งเกลือกในเวลาต่อมา เสียงคู่กรณีของผมร้องเสียงหลงได้ยินชัดเจน ขณะที่พวกพ้องของพวกเขาอีก 2-3 ตัวส่งเสียงเห่าประสานดังลั่นอยู่บนฟุตบาธ ไวเท่าความรู้สึก เมื่อเช็คอาการเบื้องต้นแบบลวก ๆ แล้วร่างกายไม่เป็นไร สติสัมปชัญญะยังครบถ้วน หันมองรอบกายไม่มีคนเห็น รถข้างหลังยังไม่มารถข้างหน้ายังไม่มี จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่คอยร้องทุกข์ใครให้ต้องอับอายขายขี้หน้าว่าศิลปินขับมอเตอร์ไซด์ชนหมา รีบสะพายกีตาร์ที่ยังไม่รู้ว่าพังหรือไม่พัง แล้วยกมอเตอร์ไซด์สตาร์ทเครื่อง โชคดีเครื่องฟิตสตาร์ทติดง่าย ทันทีที่เครื่องติด การพาตัวเองไปให้พ้นจากสถานที่เกิดเหตุ ณ.เวลานี้คือปราถนาสูงสุด ขณะที่คู่กรณีของผมยังส่งเสียงครวญครางหางจุกตูด เสมือนเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับชีวิตอยู่บนฟุตบาทพร้อมๆ กับเพื่อนของเขาที่ส่งเสียงเห่าด่าไล่ตูดผมมา แต่ผมไม่สน เชิญไปแจ้งความ เรียกร้องกับบริษัทประกันอุบัติเหตุแบบหมา ๆ ของพวกเอง เอาเองเถอะ ข้ามถนนไม่ดูตาหมา ตาศิลปิน ไอ้หมาฉิบ...
2. ชีวิตของนักดนตีขายเสียงในร้านเหล้า โอกาสเสี่ยงขณะดำเนินบนวิถีชีวิตปกติมีอยู่พอสมควรเชียวครับ แต่ความเสี่ยงของนักดนตรีบางคน ก็อาจไม่ใช่ความเสี่ยงของนักดนตรีอีกคน นั่นก็คงอยู่ที่คุณลักษณะเฉพาะศิลปินเองครับ ยกตัวอย่างเช่น โอกาสเสี่ยงที่นักดนตรีจะได้ปะทะคารมและอารมณ์ความรู้สึกกับแขกขี้เมาเกินลิมิตในแต่ละคืน นั้นมีสูงถึงสูงมากเชียวครับ ขณะเดียวกันในคืนค่ำย่ำราตรี สาวแก่ แม่หม้าย ผัวเผลอ ก็อาจจะโคจรมาพบเจอเสน่ห์น้ำเสียง และน้ำคำนักดนตรีมีคารมเข้า อันนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง ถึงภัยที่จะตามมาในภายหลังได้เช่นกัน แต่สองกรณีที่กล่าวมานั้น ถือเป็นข้อยกเว้นสำหรับนักดนตรีอย่างตัวผมครับ ผมมีหน้าตาเป็นอาวุธ หากมองภาพภายนอกจากหน้าเวทีขึ้นมา คงไม่มีขี้เมาเกินลีมิตคนไหน ที่จะกล้าพอกับนักดนตรีหน้าโหดร้าย (แต่ใจดี) เหมือนโจรอย่างผมหรอกครับ ทั้ง ๆ ที่ถ้าลงลึกในรายละเอียดจริง ๆ ประวัติการมีเรื่องชกต่อย ถ้าไม่นับตอนเป็นวัยรุ่น ก็ไม่เคยจะเห็นเลยสักครั้งหลังพ้นวัย ยี่สิบมาแล้ว ขณะเดียวกัน สาวแก่ แม่หม้าย ผัวเผลอ ต่อให้เธอเมาขนาดไหน ก็คงไม่อาจผ่านความพร่ามัวของม่านเมา มองเห็นความหล่อหลังแผงเรียวหนวดงามของผมได้หรอกครับ ดังนั้นไอ้เรื่องจะมาหลงเสน่ห์นักร้องโฟล์คเหน่อนั้น คงไม่มีแน่ชาตินี้ (อาภัพเหลือเกิน ฮือ ฮือ) นั่นคือความเสี่ยงนักดนตรีในผับ ในร้านเหล้ามักพบเจอ แต่คือข้อยกเว้นสำหรับนักดนตรีหน้าโหดอย่างผม แต่อัตราความเสี่ยงของผมมักมาตกอยู่ที่ชีวิตความเป็นอยู่นะสิครับ ซึ่งอัตราความเสี่ยงตัวนี้ ส่วนใหญ่นักดนตรีจะมีเหมือน ๆ กันหมด ยกเว้นใครมีแม่ยกรวยหน่อย ก็อาจมองผ่านความเสี่ยงข้อนี้ไป ลักษณะอาการชักหน้าไม่ถึงหลัง ดึงหลังไม่ถึงหน้า คือวิถีปกติของนักดนตรีครับ ทำงานในร้านเหล้า อยู่ในบรรยากาศของการดื่มกิน นักดนตรีบางคน เห็นแขกยกเหล้าขึ้นดื่ม น้ำลายความอยากก็พุ่งปรี๋ดเต็มกระพุ้งแก้มแล้วละครับ นี่ยังไม่รวมบางคนนักดนตรี ที่ต้องสร้างอารมณ์ศิลปินก่อนขึ้นเวทีสักแบนหนึ่งก่อน หลังลงเวทีก็ยังติดลมต่ออีกหลาย ๆ แบน จึงไม่ต้องแปลกใจที่วันสิ้นเดือน เหล่าศิลปินจะได้พบกับใบบิลของตนเอง ที่มีบันทึกทั้งเหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาวเฟื้อยเป็นหางว่าว อย่าไปนับตัวเลขว่ามีเงินเหลืออยู่เลยครับ ไปนับตัวเลขติดลบเป็นหนี้ร้านนั้นสำคัญกว่า ว่าติดลบเท่าไร เดือนต่อไปเจ้าของร้านจะให้เซนต์ต่อหรือเปล่า นั่นคือข้อควรระวังและอัตราความเสี่ยงที่ผมเคยได้รับเป็นบทเรียน และแก้ไขตัวเองเรียบร้อยแล้ว ขณะที่น้องรุ่นใหม่ ๆ ที่ร้านเดียวกันทุกวันนี้ ยังคงครองวิถีเช่นนี้อยู่ แต่นั่นแหละครับ ขณะที่เราเฝ้าระวัง แก้ไขเรื่องความเสี่ยงในความเป็นอยู่ของศิลปินข้อใดข้อหนึ่ง ความเสี่ยงบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการคาดหมาย ก็จะโผล่พราดเข้า ให้เป็นบทเรียนต้องระวัง แก้ไขกันอีก ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง
3. วงล้อหมุนมอเตอร์ไซด์ ซูซูกิ อาร์ซี ขับเคลื่อนหมุนที่ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนเส้นทางกลับสู่ที่พัก ในค่ำคืนที่ฟ้ามืดสนิท หลังการลงจากเวทีดนตรีร้านเปลือกไม้งาม อันเป็นร้านเล่นประจำทุกคืน อาจเป็นเพราะเส้นทางที่เคยชิน ถนนว่าง หรืออาจเป็นเพราะความเร็วไม่ได้มากมายนัก ทำให้ห้วงความคิดของผมล่องลอยไปแบบสบาย ๆ เป็นปกติ โดยขาดการเอาใจใส่ และขาดความระมัดระวัง ไม่ทันที่ผมได้ระวัง และไม่ทันที่จะได้เหยียบเบรควูบเงาวิ่งผ่านตัดหน้า ก็ปะทะกับล้อหน้ามอเตอร์ไซด์ของผมจังเบ้อเร่อเสียแล้ว มันคือหมาพันธ์ไทย ตัวเขื่อง ที่คงจะวิ่งข้ามมาหาเพื่อนอีกฝั่งถนน หรืออาจจะวิ่งหนีอะไรจากอีกฝั่งก็ได้ แต่ความเร็วที่มันวิ่งฝ่าข้ามมานั้น ผมไม่ทันได้เห็นจริง ๆ ผมยังไม่ยอมรับว่านี่คือความประมาทของผมจริง ๆ หากแต่มันคืออุบัติเหตุสุดวิสัยที่ผมไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ผมยังแอบคิดเล่น ๆ ว่าถ้าไม่เกรงใจกันว่าจะอับอายขายหน้า ผมจะไปเรียกร้องเอาความผิดจากมัน โทษฐานข้ามถนนประมาท ผิดกฎจราจร ไม่ข้ามทางม้าลาย และใช้ความเร็วเกินกำหนดขณะข้ามถนน จนส่งผลให้ศิลปินโฟล์คเหน่อ มีบาดแผลถลอกปอกเปลือกเคล็ดขัดยอกเล็กน้อย และกีตาร์คู่ชีพแตกร้าวเสียอารมณ์นิดหน่อย ส่วนมอเตอร์ไซดก็ไฟหน้าแตก เบรคและที่วางเท้างอคด และอาจจะเรียกค่าทำขวัญศิลปินอีกสัก 2-3 พัน แต่ก็ได้แต่คิด เพราะผมไม่แน่ใจว่า ไอ้หมาตัวนั้น ป่านนี้มันจะนอนช้ำในตายอยู่ที่ไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ไม่ใช่ย่อย ๆ เหมือนกันนะครับ หรือหากเกิดไปเรียกร้องเอากับมัน แล้วเกิดมันเสือกเรียกร้องกลับเอากับผมบ้าง อย่างนี้ผมจะไม่กลายเป็นคนเสียหมาหรือครับ คุณว่ามั้ย นักดนตรีโตงเตง ( ศิลปินโฟล์คเหน่อ)
Create Date : 18 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 18 ตุลาคม 2550 0:42:54 น. |
|
5 comments
|
Counter : 674 Pageviews. |
|
|