:::ฅนบ้า:::
:::คนบ้า:::
แกจะปรากฏกายพร้อมส่งเสียงลั่นซอยของหมู่บ้านชื่นชีวาที่ผมพักอาศัยอยู่ ทุก ๆ วัน หากแต่เรื่องเวลานั้น เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันผมได้ยินแว่วเสียงของแกแทรกผสมอยู่ในความฝันขณะเวลาหลับตั้งต้นที่หลังหกโมงเช้า บางวันเสียงแกแทรกขึ้นขณะผมนั่งท่องบล็อกยามบ่าย บางวันเสียงของแกก็แว่วโผล่มาที่หลังบ้านขณะผมเก็บถ้วยล้างชามหรือซํกผ้าที่หมักหมมตอนบ่ายสาม และบางวันเสียงของแกจะแทรกมาขัดจังหวะกับเสียงโฆษกอ่านข่าวทีวีทีวีตอนหลังห้าโมงเย็น ผมกำลังหมายถึงชายวัยหลังเกษียณ รูปร่างผอมสูง ตัวดำ หัวล้าน แต่ยังดูแข็งแรง ที่ส่งเสียงแหลมเล็ก เกือบจะคล้ายเสียงผู้หญิง แกจะมาพร้อมกับรถเข็น ที่วางเต็มด้วยถังน้ำ 20 ลิตร เจ็ดแปดถัง พร้อมกับเสียงตะโกนดังลั่นซอย น้ำครับ น้ำมาแล้วครับ ประโยคซ้ำ ๆ เดิม ๆ เช่นนี้ ผมได้ยินเกือบทุกวัน ไข่นึ่ง ก็มีครับวันนี้ ไขนึ่ง นั่นเป็นกรณีบางวัน ยำปลากระป๋องครับ วันนี้มียำปลากระป๋อง นั่นก็เป็นอีกหนึ่งกรณีพิเศษ ที่แกบอกว่าเมียแกทำอาหารอร่อยที่สุดเลยนำเอามาแบ่งปันกันชิม โดยมีข้อแลกเปลี่ยนที่ถุงละ 10 บาท
ถ้าจำไม่ผิด ก็คงจะประมาณกว่า 3 เดือนมาแล้ว ที่ผมไม่ได้เดินไปแบกถังน้ำยี่สิบลิตรมาจากร้านค้ากลางหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากบ้านเช่าผมถึง 300 เมตร เหมือนอย่างเคย ผมเริ่มใช้บริการน้ำดื่มขายตรงถีงประตูหน้าบ้านจากชายตัวเล็กหัวล้านคนนี้ ตลอด 3 เดือนมาแล้ว ให้รู้สึกแปลกใจ และแอบตั้งข้อสังเกตอยู่เหมือนกัน สำหรับพ่อค้าน้ำดื่มของผม ถึงแม้ทุกครั้งที่ใช้บริการของแก อดไม่ได้ที่จะต้องพูดคุยกับแกอย่างน้อย ก็ 3- 5 นาที เพราะแกเป็นคนอัธยาศัยดี และออกจะเป็นคนคุยเก่ง ถึงขนาดอยากคุยเลยแหละ ก็ขณะคุย รู้สึกน้อยครั้งมากที่แกจะหยุดการเจรจาและจากไปด้วยตัวของแกเอง ส่วนใหญ่ผมจะชิงตัดบทด้วยการแบกหรือหิ้วถังน้ำเข้าบ้านแล้วปิดประตู แต่ถึงจะได้พูดคุยทักทาย ไหลไปตามเรื่องของแก แล้ว ยังไม่มีสักครั้ง ที่ผมจะถามชื่อแกสักที และข้อสงสัยในตัวแกบางข้อ ซึ่งผมเองก็ยังมิกล้าบังอาจที่จะถาม ราคาน้ำหนึ่งถัง ของร้านค้ากลางหมู่บ้านที่ผมใช้บริการก่อนหน้านี้ ด้วยการต้องเดินไปแบกมาเองจากร้าน ราคามาตรฐานอยู่ที่ถังละ 12 บาท เสียค่ามัดจำถังไปก่อนแล้ว 100 บาท แต่ของลุงหัวล้านที่ส่งบริการถึงประตูบ้าน แกกลับตั้งราคาที่ ถังละ 10 บาท มีแรงจูงใจอะไร ให้ชายวัยกลางคน คนคนนี้ ดันรถเข็นน้ำ ฝ่าแดดลมจนเหงื่อท่วมหัวล้าน มาจากอีกหมู่บ้าน ซึ่งอยุ่ห่างออกไปเกือบ 5 กิโล โดยมีถังน้ำที่ราคาขายถูกกว่าร้านค้าทั่วไป อยู่ 2 บาท หักลบค่าแรงดันรถเข็น และต้นทุนน้ำถังของแกแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าแกบวกผสมความรู้สึกใดเข้าไปเป็นกำไรในรถเข็นน้ำของแก หรือว่าการได้ออกแรงดันรถเข็นบรรจุถังน้ำเกือบสิบถัง ซึ่งถือเป็นการออกำลังกายไปในตัวของแกคือกำไรที่แกคิดบวกรวม หรือการได้พูดคุยสนทนาปราศัยกับลูกค้า เพื่อเติมเต็มความเงียบเหงาของชีวิตคนวัยนี้ ก็คือกำไรสูงสุด ที่ได้คิดบวกรวมไว้ในถังน้ำราคาถูกของแกแล้วเหมือนกัน จะว่าเช่นนั้นก็ไม่อาจจะใช่เสียทีเดียว ถ้อยสนทนาบางวันของแก ที่บอกผ่านกับผม ก็มีบางช่วงตอนที่แสดงถึงอารมณ์ตัดพ้อ ในเชิงน้อยใจ จนเกือบจะกลายเป็นคำนินทาประสาชาวบ้าน ว่าเมื่อยามที่เสียงตะโกนก้องของแกในระหว่างทาง ถูกสวนกลับด้วยเสียงเชิงปรามของเมียตำรวจบ้านต้นซอย ว่าให้เบาเสียงหน่อย ลูกเล็ก ๆของเธอกำลังจะหลับนอน หรือผมกำลังใช้บริการกับพ่อค้าผู้ไม่หวังผลกำไร หรือผมกำลังใช้บริการของคนบ้า ๆ บ๊องส์ หลุดไปจากโลกแห่งความจริงของระบบทุนนิยม นั่นเป็นแค่การตั้งข้อสังเกตุเท่านั้น หากแต่ข้อมูลตัวเลขทางการค้าน้ำดื่มต่อหนึ่งถัง ผมก็มิอาจรับรู้ได้ถึงต้นทุนที่แท้จริงได้ แต่การคาดเดาก็คงไม่ผิดนัก ว่าต้นทุนจริง ๆ ต่อน้ำดื่มหนึ่งถึง ผมคาดว่าไม่น่าจะเกิน 5 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจะทึกทักเอาเอง ไปว่าแกบ้า แกบ๊องส์ ก็คงจะไม่ใช่เสียทีเดียว ก็ดูอย่างสินค้าเสริมของแกนั้นประไร ไข่นึ่ง สามใบสิบ ผมยังต้องหยิบของแก ทุกครั้ง ๆ ละหกใบซะทุกทีไป ยกเว้นก็เพียงแต่วันหนึ่งที่ผมต้องช่วยแกถึง 12 ใบเพราะเห็นว่า ไข่นึ่งของแกนั้นเหลือมากเกินกว่าทุกครั้ง ด้วยเหตุผลที่แกบอกว่าแกลืมไป หลังนึ่งไข่แล้วดันรถเข็นออกมาถึงรู้ว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงเทศกาลกินเจ ไข่ของแกเลยเหลือล้น จนผมต้องรับภาระ แต่ก็นั่นแหละครับ การได้พูดคุยกับแกทุกครั้ง ที่ใช้บริการของแก ณ. วันหนึ่งผมจึงได้ยินบางคำพูดของแกที่เกือบจะป้องปากกระซิบกับผม ซึ่งหลังสิ้นคำกระซิบของแกแล้ว ก็ทำให้ผมถึงกับอึ้งกิ่มกี่ไปได้เหมือนกันเชียวละครับ หลังแกส่งถึงไข่นึ่งให้ผมเรียบร้อยแล้ว แกก็หันซ้ายหันขวา เสมือนว่ากลัวใครจะมาแอบได้ยิน แล้วแกก็ใช้มือป้องปากกระซิบแผ่ว ๆ พอให้ผมได้ยินว่า ลุงล่ะแปลกใจ นังเมียตำรวจบ้านนั้นจัง มันบอกว่าลุงส่งเสียงดังรบกวนลูกนอนหลับ ไม่ยอมซื้อน้ำของลุง แต่เดินไปแบกมาจากร้านค้า น้ำถังของลุงส่งถึงบ้านสิบบาท นังนั่นไปแบกจากร้านค้า สิบสองบาท แพงกว่าของลุง ตั้งสองบาท มันบ้าหรือเปล่าวะ? สิ้นคำของลุง ผมรีบหิ้วถุงไข่นึ่งเข้าบ้านทันที ส่วนลุงก็หัวเราะคิกคิก แล้วดันรถเข็นน้ำ ตะโกนขายน้ำดื่มเสียงลั่นจากไป ผมกลับมาทิ้งตัวนั่งหน้าจอทีวี ตาจ้องไปที่จอ ส่วนใจล่องลอยย้อนไปกับถ้อยคำของลุง พลางคิด การตั้งข้อสังเกต ข้อสงสัยของผมเอง และของคนหลาย ๆ คน ในหมู่บ้าน ที่มองว่าแกอาจจะบ้า จะบ๊องส์นั้น แท้จริงแล้วฝ่ายเรามิใช่เป็นฝ่ายตั้งข้อสังเกตแต่ฝ่ายเดียว คุณลุงตัวเล็กหัวล้าน พ่อค้าเข็นน้ำ ไข่นึ่งของผม เขาก็ตั้งข้อสังเกตกับคนในหมู่บ้านของผมอันเป็นเป้าหมายลูกค้าของแกเหมือนกันครับ เอาละสิหว่า ใครบ้าใครบ๊องส์กันแน่วะเนี่ย ผมแอบคิดในใจ
Create Date : 26 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 26 ตุลาคม 2550 1:58:35 น. |
|
8 comments
|
Counter : 393 Pageviews. |
|
|
เส้นกั้นระหว่างคนบ้ากับการคิดต่างมีแค่บางๆเองครับ