โฟล์คเหน่อ เล่นดนตรี เขียนกวี วิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณฯ

Group Blog
 
All blogs
 

:::บนเวทีเพลงอีแซว::::




" คลิก play เพื่อเริ่มดู การแสดงเพลงอีแซว คณะนกเล็กดาวรุ่งที่งานประจำปี วัดป่าเลไลยก์ "

:::เพลงอีแซวงานวัดประจำปี วัดป่าเลไลยก์:::

ในสมัยก่อนนั้นการเล่นเพลงต่าง ๆส่วนใหญ่ต่างคนต่างไปร่วมประชุมเล่นกันตามงานเทศกาลเอง ยกเว้นแต่จะมีใครหาเพลงไปเล่นในงานของตนโดยตรงก็ถือเป็นเพลงหา มีค่าหากันไป สำหรับงานไหว้หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ ต่างคนก็ไปประชุมกันตามกำหนดงานทุกปี คนที่เป็นเพลงก็เตรียมไปเล่น คนที่ไม่เป็นก็เตรียมไปฟัง พวกเพลงทางอยุธยา อ่างทอง นิยมไปเล่นในงานวัดป่า ก็ไปพบกันที่นั่นทุกปี เพลงที่นิยมเล่นกัน คือ เพลงเรือ กับเพลงอีแซว

ที่วัดประตูสารซึ่งอยู่ริมแม่น้ำ ส่วนวัดป่าเลไลยก์ อยู่ห่างเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร เรือเข้าไปไม่ได้ เวลาเล่นเพลงเรือ จะจอดพักและเล่นเพลงเรือที่หน้าวัดนี้

ครั้นประมาณ 4 – 5 ทุ่ม จึงขึ้นจากเรือ แล้วเดินไปยังวัดป่าเลไลยก์ ถึงวัดป่าเลไลยก์ก็จะมีตะเกียงเจ้าพายุหรือที่เรียกกันว่าตะเกียง “อีด้า”แขวนอยู่ตามต้นโพธิ์ใหญ่ ซึ่งขึ้นครึ้มอยู่บริเวณลานวัด และในที่นั้นเองพวกพ่อเพลงแม่เพลงก็จะประชุมเพลงกัน เล่นเพลงอีแซว ครึกครื้นเสียงดังเซ็งแซ่ไปทั้งวัด ใครจะเล่น จะดูวงไหนก็เร่เข้าไปได้

เพลงอีแซวถือเป็นเพลงพื้นบ้าน และเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสุพรรณบุรี เพราะเป็นที่นิยมและยอมรับกันว่าเพลงอีแซวนี้เกิดในถิ่นสุพรรณโดยตรง

************************************

ย้อนหลังเรื่องแฉของพ่อ




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 10:25:29 น.
Counter : 784 Pageviews.  

:::วีรกรรมของเธอ บล็อคเกอร์สาว...:::

:::วีรกรรมของเธอ บล็อคเกอร์สาว...:::

ในห้วงอณูแห่งฤดูหนาว ช่วงสาย ๆ วันเสาร์ ขณะอุ่นแดดสาดพรมอายหมอกอ่อน ๆ พวกเราโหนตัวขึ้นรถแลนด์โรเวอร์คันเดิม อันเป็นพาหนะนำพาพวกเราตะเวณไปสู่หมุดหมายงานดนตรีมานับไม่ถ้วน

“เก้าโมงเช้าล้อรถหมุน” นัดหมายของ อ้น มือเพอร์คัสชั่นประจำวง ผู้เป็นเจ้าของรถและพ่วงตำแหน่งโชว์เฟอร์ เอื้อนเอ่ยบอกมวลสมาชิกก่อนแยกย้ายกันเมื่อคืนนี้

จากหน้าบ้านเช่า บ่ายหน้ารถออกถนนใหญ่ สุพรรณ-ดอนเจดีย์แล้วไต่ระดับเพดานถนนที่เหยียดสูงขึ้นเรื่อย ๆ มุ่งสู่อำเภอด่านช้าง อันมีหมายเลยรวมระยะทางที่ 130 กิโลเมตร

วันนี้การเดินทางของพวกเรากลุ่มศิลปินโฟล์คเหน่อมุ่งไปที่ โรงเรียนพุบ่องป่าขี เพื่อให้ทันก่อนเวลาเที่ยง เพื่อร่วมกับเพื่อนพ้อง กลุ่มสภาทนายความและนายช่างอบจ. สุพรรณฯ ที่รวมตัวสร้างงานกุศลทอดผ้าป่า บริจาคอุปกรณ์การศึกษาให้กับโรงเรียนดังกล่าว

ระหว่างผ่านช่วง ต.ทะเลบก อันเป็นเส้นทางสายลัดเพื่อตัดขึ้นเส้นทาง อู่ทอง-ด่านช้าง มีเสียงโทรศํพท์มือถือดังขึ้น ดูหมายเลขที่โชว์ เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย

“สวัสดีค่ะ คุณโฟล์คเหน่อใช่ไหมคะ” เสียงจากต้นสายเป็นเสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยอีกเช่นกัน “คือดิฉันจะติดต่อวงดนตรีของคุณไปเล่นที่บ้านหน่อยค่ะ”

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าบ้านที่จัดงานอยู่ที่ไหนครับ” เป็นปกติที่ก่อนจะรับงานแสดงผมต้องสอบถามรายละเอียดเรื่องสถานที่

“แถว ๆ กรุงเทพค่ะ”

“โอ..กรุงเทพ” ผมแสดงอาการลังเล เพราะปกติหากหมุดหมายงานอยู่ในจุดศูนย์กลางมหานครผมมักไม่ค่อยรับ เพราะกลัวหลงทาง

“แถวบางพลี สมุทรปราการก็ได้ค่ะ” ไอ้หยา เจ้าภาพหางานเปลี่ยนย้ายที่อยู่ได้อย่างกระทันหัน เมื่อเห็นผมลังเลที่จะรับงาน ไม่เบาเจ้าภาพเสียงหวานคนนี้

“หากเป็นแถวบางพลีพอได้ครับ” ผมตอบกลับ “งานวันที่เราครับ”

“วันที่ 8 ตุลาคมค่ะ” ฮั่นแน่เจอเจ้าภาพเป็นอัลไซเมอร์หลงเดือน เข้าแล้ว

“เดือนตุลาเลยมาแล้วนะครับ นี่เดือนพฤศจิกาแล้ว”

“อ๋อ ถ้ายังงั้นเป็นวันที่ 31 พฤศจิกายน ก็แล้วกันค่ะ” มีความไม่ชอบมาพากลกับเจ้าภาพงานคนนี้ซะแล้ว

“31 พฤศจิกา เดือนนี้มี 30 วันครับ” ผมเริ่มรู้ตัวว่าโดนอำ จึงรีบอำกลับไป “จากบล๊อคแก๊งค์ใช่มั๊ยเนี่ย”

“รู้ได้ยังไงคะ” ถ้าแทงหวยก็ต้องถูก เมื่ออำแบบเดาสุ่ม แต่กลับถูกตรงเผง เล่นเอาเจ้าของต้นเสียงหัวเราะลั่นหลังถูกจับได้

เธอคือบล็อกเกอร์สาวคนหนึ่งในโอเคเนชั่นจริง ๆ ซึ่งเธอมีกำหนดการในช่วงบ่ายของวันนี้ เพื่อที่จะเดินทางจากบางพลีมาร่วมงานแต่งเพื่อน ที่อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณฯ

ซึ่งเธอได้แจ้งในคอมเมนต์ของผมไว้หลายวันแล้ว อาจเป็นเพราะคอมเมนต์ตอบของผมที่คอมเมนต์ไว้ในเชิงข่มขู่ ว่ามาสุพรรณสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแวะคารวะเจ้าถิ่นก่อน มิฉะนั้น รองเท้าของเธออาจหายได้ (แก๊งค์ลักรองเท้าโฟล์คเหน่อคุมอยู่) อาจเป็นเหตุผลนี้เธอจึงรีบโทรมาอำ และบอกกล่าวเพื่อคารวะเจ้าถิ่น

แต่เจ้าถิ่นก็ไม่อยู่ซะแล้ว วันนี้เจ้าถิ่นกำลังไต่เพดานไปทำบุญล้างบาปที่อำเภอด่านช้าง

ระหว่างการพูดคุย เธอได้บอกเล่าเรื่องราววีรกรรมทีเพิ่งเกิดขึ้นกับเธอ จนเกือบจะกลายเรื่องราวอันนำอันตรายมาสู่ตัวเธอ

ซึ่งหลังเหตุการณ์ เธอก็แอบถามตัวเองว่า ทำไมถึงกล้าได้ขนาดนั้น รวมไปถึงเพื่อน ๆ ของเธอก็ถามเธอด้วยเช่นกันว่าทำไมถึงกล้าเสี่ยงขนาดนั้น

ย้อนหลังเหตุการณ์เสี่ยงของเธอไปก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน เธอบอกว่ามีชายสะพายกระเป๋าเสมือนเป็นคนกำลังหลงทาง และกำลังหาทางโดยสารรถกลับบ้าน เขาเข้ามาสอบถามเรื่องหมายเลขรถเมล์ พร้อม ๆ กับขอเงินจากเธอ โดยอ้างว่าตอนนี้ไม่มีเงินติดตัวเลย เธอจึงควักเงิน ให้ไป 100 บาท ด้วยความสงสาร เรื่องมันควรจะจบลง ณ วันนั้น พร้อมกับรู้สึกดี ๆ ของเธอที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ผู้ตกทุกข์ได้ยาก

แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันซึ่งก็คือวันที่เกิดเหตุ เธอเล่าว่าเธอได้พบกับชายหลงทางคนเดิมอีกครั้ง พร้อมกับพฤติกรรมเดิม ๆ ที่กระทำกับเธอ นั่นคือสอบถามเส้นทางและขอเงินค่ารถ

เธอจึงรู้แล้วว่านี่คือพวกแก๊งค์มิจฉาชีพที่เที่ยวเดินหลอกขอเงินชาวบ้าน ไม่ใช่คนหลงทางอย่างที่กล่าวอ้าง คงเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรม เธอจึงตัดสินใจในช่วงแวบความคิดเพื่อที่จะตีแผ่ แฉพฤติกรรมของคนคนนี้ เธอจึงตัดสินใช้โทรศํพท์มือถือเพื่อเก็บภาพชัด ๆ ของชายคนนั้น เพื่อจะได้ถ่ายเอกสารเอามาติด เพื่อให้คนแถวนั้นได้รู้พฤติกรรมว่าชายหลงทางคนนี้คือพวกมิจฉาชีพมิใช่คนหลงทางจริง ๆ อย่างที่เขากล่าวอ้าง อาจเป็นเพราะเธอต้องการได้ภาพใบหน้าที่ชัด ๆ ระยะการจับภาพอาจใกล้เกินไป จนชายคนนั้นรู้ตัว และไหวตัวทัน นั่นแหละ ชายคนนั้นจึงแสดงพฤติกรรมที่จะเอาเรื่องกับเธอ แต่เป็นความโชคดีที่บริเวณใกล้เคียงตรงนั้นมียามรักษาปลอดภัย อยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุมากนัก หลังจากเธอเก็บภาพได้ เธอก็รีบเดินหนีมาทาง รปภ. ซึ่งชายคนนั้นจึงไม่กล้าทำอันตรายเธอ ซึ่งนับเป็นความโชคดี

แต่กลับกันหากคืนวันนั้น ไม่มี รปภ. อยู่ ณ. บริเวณนั้น เธอเองก็คาดการณ์ไม่ได้เหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ

เธอบอกว่าเงิน 100 บาทที่เธอเสียไป เธอไม่เสียดาย แต่เธอเสียความรู้สึกกับพฤติกรรม เหียก ๆ ของมิจฉาชีพเหล่านี้ เธอจึงอยากจะตีแผ่ แฉใบหน้าของกาฝากสังคมคนนี้ ให้คนบริเวณนั้นได้รู้ ซึ่งการกระทำแบบเสี่ยงเช่นนี้อาจนำอันตรายมาสู่เธอได้เช่นกัน

แต่คนดีก็ย่อมมี รปภ. คุ้มครอง

พวกเราเดินทางไปถึงโรงเรียนพุบ่องป่าขี ล่าช้ากว่ากำหนด เพราะมัวแต่แวะชมวิว และถ่ายรูประหว่างทาง

หลังมอบเงินผ้าป่าและอุปกรณ์การศึกษาในกับครู นักเรียนแล้ว พวกเราก็บึ่งรถบ่ายหน้าขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติพุเตย ด้วยมุ่งหมายแห่งการพักผ่อน และช่วงกลางคืนพวกเราจะเปิดเวทีมินิคอนเสิร์ต “ใต้แสงดาว หนาวลม ห่มมิตรภาพ” ให้กับคณะผ้าป่าที่มาด้วยกันชม...

ถึงอุทยานฯ ผมหลบเร้นจากเพื่อน ๆ มานอนฟังเสียงน้ำไหล ที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ซุ้มกระดังงาริมลำธาร

ทิ้งตัวลงนอน ด้วยความรู้สึกที่อิ่มบุญอิ่มกุศลกับงานทอดผ้าป่าวันนี้ พลันใจก็กระหวัดย้อนคิดไปถึงถ้อยสนทนาเรื่องเล่าของบล็อกเกอร์สาว

ความรู้สึกดี ๆ ของมนุษย์ที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ด้วยการมอบให้นั้น คือความรู้สึกอันอิ่มเอมสุขอยู่ในใจเหมือนกันทุกคน เฉกเช่นเดียวกับความรู้สึกของผม และบล็อกเกอร์สาวที่เธอก็คงอิ่มเอมไม่แพ้กันหลังจากที่เธอได้ให้ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่ไม่กี่วันต่อมาก็ต้องกลับมาเสียความรู้สึกอย่างรุนแรงกับเพื่อนมนุษย์คนคนเดียวกันนั้น คนที่เธอตั้งใจช่วยเหลือด้วยหัวใจบริสุทธิ์ และเมตตา

ผมแอบภาวนา ว่าผลแห่งการให้ของผมครั้งนี้ ขออย่าให้มีผลกลับกันในเชิงลบแบบเดียวกับที่บล็อกเกอร์สาวท่านนี้ประสบเลย เพราะถ้ามันเกิดขึ้นกับผมจริง ๆ ผมไม่รู้ว่าผมจะกล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเอาชีวิตตัวเองเข้าไปแลก เหมือนเช่นกับวีรกรรมอันหาญกล้าของบล็อกเกอร์สาวชุมชนชาวบล๊อคแก๊งค์ท่านนี้หรือไม่




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 10:25:54 น.
Counter : 521 Pageviews.  

:::ในเส้นลำแสงแห่งห้องโถง:::

:::ในเส้นลำแสงแห่งห้องโถง:::

หนึ่งส่องของลำแสง ทองามแทงมาอาบทา

ไหลรินเอื่อยธารา รโหฐานที่ผ่านทาง

ใสใสในน้ำเสียง เซาะหินเรียงลดหลั่นวาง

ลำแสงแห่งรุ่งราง ลอดระหว่างหน้าต่างใบ

แปลนปฏิมากรรม ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่

เงียบนิ่งสงัดใน ห้องโถงไพรในฐานภู

ยินเพลงพิณพาทย์พฤกษ์ ซับรู้สึกซ่านทรวงอยู่

ใบบันพลันร่วงพรู พรมเสื่อปูปราสาทนั้น

บางใบเป็นเรือบาง ลอยเคว้งคว้างกลางธารฝัน

บ้างล่มจมกลางครัน บ้างผ่านมุ่งหลายคุ้งน้ำ

หนึ่งส่องของลำแสง ทอแทงเห็นสัจจธรรม

เรือน้อยที่ลอยลำ เต็มถ้อยธรรมศาสดา

ลำภา มัคศรีพงษ์

เชิญแวะไปดูแสดงสดเพลงโฟล์ค




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 2:49:57 น.
Counter : 525 Pageviews.  

:::เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย:::

:::เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย:::

บ่าย สองโมงผมบึ่งมอเตอร์ไซด์ออกจากบ้านเช่า มุ่งตรงไปยังร้านก๊วยเตี๋ยวเจ้าประจำ ที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ กำแพงคูเมืองสุพรรณบุรี

ร้านก๊วยเตี๋ยวป้ายาเป็นร้านก๊วยเตี๋ยวที่อร่อย

เกือบจะทุกมื้อกลางวันผมมักฝากท้องไว้กับก๊วยเตี๋ยวเจ้านี้

ผมก้าวเข้าชายคาเพิงหมาแหงนที่มุงหลังคาด้วยสังกะสี แต่เหนือหลังคาขึ้นไปรกครึ้มด้วยร่มเงาไม้ใหญ่

ในร้านช่วงบ่ายแก่ เหลือลูกค้าอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นชายร่างผอมดำกร้าน หนวดเครารกครึ้ม อายุประมาณเลยวัยกลางคน สังเกตุเห็นมีเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตคลุมอยู่ที่ไหล่ด้านขวา แต่ไม่เห็นมีแขนโผล่ออกพ้น จึงเข้าใจว่าแขนข้างขวาของแกด้วนขาด ส่วนอีกคนเป็นเด็กชายอายุประมาณ 3 ขวบ กำลังนั่งกินก๊วยเตี๋ยวอยุ่ข้าง ๆ แก

เข้าใจแต่แรกว่าเป็นลูกชายของแก

ป้ายา แม่ค้าเจ้าของร้านก๊วยเตี๋ยวร่างท้วม ลุกขึ้นจากที่นั่งเข้าประจำที่หน้าตู้ก๊วยเตี๋ยว ทันทีที่เห็นผมเดินเข้าร้านไปนั่งที่โต๊ะ

เส้นหมี่ เนื้อสด ลูกชิ้น น้ำตก ผมไม่ได้สั่ง แต่เป็นที่รู้กัน ระหว่างผมกับป้ายา

ระหว่างรอผมคว้าหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ที่พับอยู่บนโต๊ะเปิดอ่าน อันเป็นนิสัยปกติ

ไล่เรียงสายตาไปบนหน้าพาดหัวข่าว แล้วมาสะดุดตรงภาพของหญิงสาวที่มีใบหน้า และอากัปกริยา อันคุ้นเคย

ใช่เธอจริง ๆ ด้วย

สุชิน พันธุ์แตง หญิงสาวพิการที่เคยออกรายการ คนค้นคน

หัวข้อข่าวเกี่ยวกับเธอ ว่าด้วย การขึ้นโรงพักแจ้งความจับอดีตสามี ที่หลอกเงินเธอจนหมดตัวและทำร้ายร่างกาย จำนวนเงินที่ระบุ คือ 6 ล้านบาท ซึ่งล้วนแต่เป็นเงินบริจาคจากผู้ชมรายการคนค้นคน ทั้งสิ้น...

เส้นหมี่ เนื้อสด ลูกชิ้น ถูกนำมาวางข้างหน้า ผมละจากรายละเอียดข่าว คว้าตะเกียบ และเลือกตักเครื่องเติม เน้นหนักที่น้ำส้ม และน้ำปลา

“อียา เอาลูกชิ้นล้วน ๆ เพิ่มให้ ใส่ชามให้ไอ้หนูอีก 10 บาท ดูสิมันกินลูกชิ้นซะเกลื้ยง เหลือแต่เส้นก๊วยเตี๋ยว ควานหาใหญ่เชียวเอ็ง” เสียงสั่งจากชายแขนด้วน ตามด้วยเสียงหัวเราะร่วนชอบใจ

ผมแอบชำเลืองมองเห็น ไอ้หนูของชายแขนด้วน กำลังควานช้อนอยู่ในชามก๊วยเตี๋ยวจริง ๆ

คีบเนื้อสดเข้าปากชิ้นแรก สายตาผมก็ไล่เรียงไปที่รายละเอียดของข่าว....

เรื่องราวของเธอนั้น ก่อนหน้านี้สักสองเดือนผมได้รับทราบจากปากของ พิทักษ์ ใจบุญ หรือ ไอ้ทักษ์ เพื่อนซี้กวีหนุ่มหน้าราม ผู้ไปเอาดีด้วยการเป็นตากล้องเบื้องหลังภาพรายการคนค้นคน มาบ้างแล้ว เกี่ยวกับเรื่องราวของสุชินที่โดนแฟนทิ้งและตบตี

จำได้ขณะมาถ่ายทำรายการเรื่องราวของ สุชิน ที่ร้านข้าวต้ม 2 บาทเมื่อสองปีก่อน ผมเองก็ได้แวะไปดูการเบื้องหลังการถ่ายทำรายการของไอ้ทักษ์

ตอนนั้นสุชินยังไม่มีแฟน

และรับทราบต่อมา จากปาก ไอ้ทักษ์ อีกเช่นกันว่าสุชินเขามีแฟนแล้วนะ

มีคำถามบางอย่างที่ผมแอบตั้งเอาไว้ในใจ และแอบคาดเดาไปถึงอนาคต อันใกล้

แล้วมันก็เป็นความจริง ดังที่ใจผมคิด

ผิดก็แต่ว่า มันหนักมากไปกว่าที่ผมคิดซะอีก

เงินหกล้านถูกอดีตสามีผลาญซะไม่เหลือ ซ้ำยังถูกกักขังไว้หลังบ้าน และถูกทำร้ายร่างกาย คุณว่ามันหนักเกินไหมละ.......

จิตใจมันทำด้วยอะไร หลอกลวงและทำร้ายคนพิการ

ป้ายาตักลูกชิ้น มาเทผสมลงในชามของไอ้หนูคนนั้นแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ไอ้หนูจะได้กิน เสียงมอเตอร์ก็แวะมาเทียบจอดที่หน้าร้าน

“พ่อ” เสียงไอ้หนูตะโกนลั่นแล้วผละจากชามก๊วยเตี๋ยววิ่งออกไป โดยมีชายอายุประมาณสี่สิบนั่งค่อมมอเตอร์ไซด์รออยู่

“อ้าว พ่อมันมาทิ้งลุงซะแล้ว ไอ้หนู” เสียงชายแขนด้วนว่า พลางเดินตามออกไป “ว่าไง จะอยู่กับลุงหรือจะไปกับพ่อ”

“ไปกับพ่อ” ไอ้หนูว่าพลางไต่ขึ้นไปนั่งหลังเบาะ เกาะเอวพ่อของเขาแน่น

ขณะเตรียมออกรถ ผมเห็นชายแขนด้วนใช้มือด้านซ้ายควักลงไปในกระเป๋ากางเกงดึงเงินแบงค์ร้อยส่งให้เจ้าหนูคนนั้น แล้วยืนส่งสายตามองตามรถมอเตอร์ไซด์ ไปจนสุดเสียง ก่อนที่แกจะเดินย้อนกลับมานั่งยังที่เดิม

“ดูสิ พอพ่อมันมาก็ทิ้งลุงไปซะแล้ว” เสียงบ่นเบา ๆ ในน้ำเสียงแสดงถึงความน้อยใจอย่างชัดเจน

“ก็มึงทำไม ไม่หาเมียทำลูกเป็นของตัวเองสักคนเล่า มัวแต่ไปรักลูกคนอื่น” เสียงป้ายา ว่า

“ใครมันจะมาเอากะกู...” ว่าพลางชายแขนด้วน ก็หันไปสาละวนกับชามก๊วยเตี๋ยวของหลานชายที่เหลือทิ้งไว้

ส่วนผมก้มหน้ากินก๊วยเตี๋ยวและอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ.....

เหตุการณ์สลดใจสาวง่อย "คนค้นฅน" น.ส.สุชิน พันธุ์แตง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 194/1 หมู่ 7 ต.ดอนกำยาน อ.เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งมีฐานะยากจนและพิการขาลีบทั้ง 2 ข้างตั้งแต่เกิด ต้องใช้มือแทนเท้าคลานออกรับจ้างหาเงินเลี้ยงหลานและพ่อที่แก่เฒ่า จนปี 2548 รายการดังทางโทรทัศน์ "คนค้นฅน" มาถ่ายทำสภาพชีวิตไปตีแผ่ คนดูทั่วประเทศสงสารส่งเงินไปช่วยเหลือกว่า 6 ล้านบาท

ต่อมามีนายอารีย์ ศรฟ้า อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 1 ต.ดอนโพธิ์ทอง อ.เมืองสุพรรณบุรี มาติดพันจนไปอยู่กินด้วยกันและให้เบิกเงินไปใช้จนหมดก่อน ทะเลาะและแยกทางกัน น.ส.สุชินโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากทีมงานรายการโทรทัศน์ที่เคยมาถ่ายทำเรื่องราวชีวิตเพื่อให้ช่วยติดตามเงินคืน จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี

ชายแขนด้วนขับรถซาเล้งบรรทุกของเก่า จากไปแล้ว หลังจากผมอิ่มก๊วยเตี๋ยว มีเสียงบ่นน้อยใจหลานชายให้ป้ายาฟัง อีก 2-3 ประโยค

“เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต” ไอ้ทักษ์แวะเข้ามาหาผมเมื่อเร็ว ๆ ก่อนหน้าจะมีข่าวนี้ พร้อมคำบอกเล่าเรื่อง ของสุชินมีแฟนใหม่อีกคนแล้ว เป็นช่างก่อสร้างแถว ๆ สมุทรสาคร ขณะนี้ไปร่วมอยุ่กินใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน พร้อม ๆ กันนี้ ไอ้ทักษ์ยังบอกถึงกรณีนี้รายการคนค้นคน จะทำรายการในเชิงสรุปถึงวิถีชีวิตของคนที่ผ่านเข้ามาในรายการ และมีดอกผลกับเงินบริจาคจำนวนมหาศาลของผู้ร่วมรายการที่ได้นำเสนอไปได้รับ มาทำเป็นเชิงสรุปว่าสุดท้ายแล้ว ...เงินไม่คำตอบสุดท้ายของชีวิต....

ผมสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ ออกจากร้านก๊วยเตี๋ยว ป้ายา ในใจยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องชายแขนด้วนกับเงินหนึ่งร้อยบาทที่ส่งให้หลานชาย และเรื่องของหญิงสาวพิการที่ชื่อสุชินกับเงินหกล้านบาทที่สูญไปพร้อมกับความรักกับอดีตสามีจอมหลอกลวงของเธอ

“เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต” ผมทบทวนถ้อยคำของไอ้ทักษ์อีกครั้ง สุดท้ายก็อดหวนคิดย้อนไปถึงช่วงชีวิต โมงยามแห่งความอดอยากระหว่างผมกับไอ้ทักษ์สมัยสักสิบกว่าปีก่อน ตอนสุมหัวแสวงหาชีวิตจากถ้อยคำกวีที่หน้ารามฯ จนวันหนึ่งเราสองคนต้องรื้อค้นที่หลับที่นอน และทุกซอกมุมของห้อง รวมไปถึงช่องร่องกระดานพื้นห้อง เพียงเพื่อจะค้นหาเศษเหรียญบาทเพิ่มอีกหนึ่งเหรียญ ให้เป็นจำนวนครบพอเป็นค่ารถเมล์ เพื่อบากหน้าไปขอยืมเงินซื้อข้าวประทังความหิวจากพี่ พินิจ นิลรัตน์ พี่ชายใจดีผู้เป็นบรรณาธิการคัดเลือกบทกวี และทำงานอาร์ตเวิร์คในหนังสือมาตุภูมิรายสัปดาห์ อยู่แถว ๆ ซอยรางน้ำ อนุสาวรีย์ชัย

และวันนั้นขณะห้วงอาการหิวจนตาลาย หากใครคนใดคนหนึ่งเอื้อนเอ่ยออกมาว่า “เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต” คงต้องมีคนใดคนนั้นโดนถูกถีบตกรถเมล์เป็นแน่แท้.....




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 1:51:44 น.
Counter : 676 Pageviews.  

:::ฟันปลอม:::

::::ฟันปลอม:::

1.

ผมย้อนกลับมาที่บ้านผู้ใหญ่มาดอีกครั้งในช่วงสาย ๆ ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างอึดอัด

บ้านไม้หลังใหญ่ ที่ซ่อนในเงาเขียวครึ้มของต้นไม้ใหญ่เงียบเหงา แตกต่างไปจากทุก ๆ วัน

ทันทีที่ก้าวลงจากมอเตอร์ไซด์ ผมได้ยินเสียงกระแอมไอ ดังมาจากข้างบน แสดงว่าผู้ใหญ่มาดยังคงอยู่บนเรือน

ผมก้าวขึ้นบันไดบ้าน พร้อม ๆ กับห้วงคิดที่หนักอึ้ง เพื่อหาถ้อยคำแรกอันเหมาะสมสำหรับทักทาย และเอ่ยสนทนากับเจ้าของบ้าน อันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนดึกที่ผ่านมาทำให้ผมต้องเตรียมระมัดระวังเรื่องคำพูดเป็นพิเศษ

2.

หลังค่ำคืนของงานฉลองผ้าป่าทิดสึกใหม่และมวลมหรสพในวัดจบลง

หากเป็นวิถีปกติของหนึ่งคู่หนุ่มสาว ระหว่างไอ้น้อยมือกีตาร์ประจำวงดนตรีลูกทุ่งของผู้ใหญ่มาด และแหม่มซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวและเป็นนักร้องประจำวงของผู้ใหญ่มาดเช่นกัน ณ ในช่วงเวลาที่ไม่นานเกินหลังมหรสพในงานจบลง ทั้งคู่ควรจะกลับมาสู่บ้านหลังนี้ เพื่อไอ้น้อยจะได้ส่งสาวแหม่มกลับสู่เรือนนอน แล้วตัวมันเองก็จะแยกกลับสุ่บ้านมันเองโดยลำพัง

ผู้ใหญ่มาดเองก็รู้แก่ใจว่าไอ้น้อยและลูกสาวของแกนั้นรักกัน แกเองก็มิได้กีดกัน

แต่ค่ำคืนนี้ การณ์กับไม่เป็นดังเช่นที่เคยเป็น

ทั้งไอ้น้อย และแหม่มหายไปทั้งคู่ แม้จวบจนฟ้าใกล้สางก็ยังไม่มีวี่แวว

ผมและสมาชิกในวงดนตรีถูกเรียกตัวมาที่บ้านผู้ใหญ่ เสมือนการระดมพล หากบทสรุปข้อที่ว่า หนีตามกัน ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

ข้อกังวลว่าทั้งสองคน ถูกดักทำร้ายระหว่างทางกลับบ้าน นั่นคือเหตุผลที่ต้องเรียกระดมพลลูกวงดนตรีกลางดึก เพื่อค้นหา

3.

เหยียบเท้าแผ่วเบาไปพื้นชานหน้าบ้าน แล้วผลักประตูเข้าไป ในเงาร่มของหลังคาบ้านหลังใหญ่

ผมเห็นผู้ใหญ่มาดกำลังนั่งขัดอะไรบางอย่างอยู่กลางบ้าน

ให้รู้สึกแปลกใจ ผมไม่ค่อยได้เห็นผู้ใหญ่มาด นำมันออกมาขัด

“ได้ข่าวอะไรคืบหน้าบ้างหรือยังครับผู้ใหญ่” ผมถามประโยคแรก ซึ่งมิใช่คำถามดั่งที่ตระเตรียมไว้ในใจเลยสักนิด

“ยัง” ผู้ใหญ่มาดตอบเสียงห้วน อารมณ์ความรู้สึกที่ถ่ายทอดผ่านใบหน้าและน้ำเสียงนั้น บ่งบอกให้รู้ว่าแกยังมีความไม่สบายใจ

ปกติผู้ใหญ่มาดแกเป็นคนอารมณ์ดีหัวเราะเก่ง ผมผู้เป็นนักร้องนำประจำวง มักมีถ้อยคำอำแกเล่นอยู่บ่อย ๆ และแกก็เป็นผู้ใหญ่บ้านที่ไม่ถือเนื้อถือตัว

แต่ ณ สถานการณ์วันนี้ผมต้องรู้และเคารพความรู้สึกของแก

มองสอดส่ายหา ป้าจันทร์เมียแก ก็ไม่เห็น เข้าใจว่าออกไปสืบหาข่าวของแหม่ม

พอ หันกลับมาอีกที เห็นผู้ใหญ่กำลังยกสิ่งที่ขัดอยู่ในมือพลิกไปมา แล้วยกขึ้นเล็งในระดับสูง เสมือนกำลังค้นหาเศษสิ่งที่ยังเกาะติด ขันใบเล็ก ที่ใส่น้ำเพื่อชโลมขัดล้างถูกเปลี่ยนตำแหน่งไปไว้ที่โคนเสาบ้าน

“ขัดซะเกลี้ยงเลยนะครับ” ผมลองแหย่

เงียบ แทนคำตอบ แกค่อย ๆ ลุก แล้วเดินไปที่นอกชาน แล้ววางของชิ้นมันวาวไว้บริเวณนอกชานเพื่อให้แสงแดดยามสายส่องถึง

“ตอนเช้า ให้ไอ้เหมือนออกไปสืบถามดูอีกแรง อาจเป็นไปได้ว่ามันจะพากันไปอยู่ที่บ้านไอ้หมู”ขณะกลับมานั่งยังที่เดิม แกย้อนกลับเข้ามาพร้อมสู่ประเด็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

สถานการณ์ของเมื่อคืน คลายเครียดและคลายกังวลไปได้ในระดับหนึ่งในช่วงระหว่างการระดมพลค้นหา เมื่อมีคนนำข่าวมาบอกว่า ไอ้น้อยและแหม่มหนีตามกันไปจริง ๆ มิได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด โดยมีจดหมายฉบับหนึ่งเป็นลายมือของไอ้น้อยเขียนยืนยันมาด้วย แต่ยังไม่ระบุที่หลบซ๋อน

“แล้วทางโน้นส่งข่าวมาบ้างหรือยัง” ผมหมายถึงฝ่ายญาติไอ้น้อย

“ยัง ... มันรักกันชอบกันกูไม่ว่า มาสู่มาขอกันก็ได้พูดคุยกัน นี่ไอ้น้อยมันทำไม่ถูกต้อง กลับมาเจอดีทั้งคู่” น้ำเสียงของผู้ใหญ่แสดงความรู้สึกคับแค้น

ทิ้งช่วงหลังคำพูดอยู่เนิ่นนาน ความเงียบงันหลังคำพูดของผู้ใหญ่ ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด อีกครั้ง

ไอ้น้อยก็เสมือนเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง อุปนิสัยใจคอ ของมันนั้นไม่ใช่เรื่องยากสักนิดที่มันจะได้เป็นลูกเขยผู้ใหญ่มาด หากมันทำถูกต้องตามทำนองคลองธรรม แต่เมื่อมันกล้าทำเช่นนี้ผมคาดเดาอนาคตต่อไปของมันไม่ได้

ขณะเดียวกัน เพราะความเป็นเพื่อน ผู้ใหญ่มาดก็คงจะมิได้สนิทใจนัก กับความคิดที่เพื่อนอาจสมรู้ร่วมคิดกันกับเหตุการณ์ครั้งนี้

อันนั้นเป็นเรื่องที่จะห้ามไม่ให้คิด ไม่ให้หวาดระแวงไม่ได้

ทั้ง ๆ ที่ผมมิได้รับรู้แผนการกระทำของไอ้น้อยครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย

แต่ผมก็ให้รุ้สึกอึดอัดใจ

ก่อนที่ความเงียบงันจะทอดยาวออกไป เสียงรถมอเตอร์ไซด์ของไอ้เหมือน ก็ดังเข้ามาจอดดับเครื่องที่ตีนบันได

ไอ้เหมือนเป็นมือคีย์บอร์ดประจำวงของเรา นิสัยส่วนตัวของมันคือชอบเสือกเรื่องของชาวบ้านไปทุกเรื่อง ดังนั้นเมื่อผู้ใหญ่มอบหมายหน้าที่ให้มันไปสืบเสาะหาข่าว จึงเป็นการใช้คนถูกตัวถูกหน้าที่แล้ว

หลังเสียงดับมอเตอร์ไซด์ ไอ้เหมือนก็วิ่งกระหืดกระหอบพ้นชานบ้านปรี่เข้ามา

“ได้เรื่องแล้วผู้ใหญ่ ผมรู้ที่ซ่อนไอ้น้อยกับน้องแหม่มแล้ว” มันระล่ำระลักบอก

“อยู่ที่ไหนวะ” ผมรีบถาม เพราะรู้ว่าผู้ใหญ่ต้องการคำตอบ

“ใจเย็นซิโว้ย กินน้ำก่อน” พลันอาการของนักเสือกข่าวของไอ้เหมือน ก็มีลูกเล่นขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทั้งที่ผมก็รู้ว่ามันอยากจะบอกเต็มที่เหมือนกัน

...อาจเป็นเพราะความว่องไวเกินไปของมือไอ้เหมือน ที่ยื่นหยิบไขว่คว้าไปที่ขันน้ำใบเล็กโคนเสาใบนั้น

...อาจเป็นเพราะถ้อยคำห้ามอันเชื่องช้าเกินไป ขณะอ้าเอ่ยของผู้ใหญ่มาด ที่เพิ่งจะถอดฟันปลอมออกมาขัดสีฉวีวรรณ ในขันใบเล็กที่โคนเสาใบนั้น

...อาจเป็นเพราะความหมั่นไส้เสียเต็มประดา กับลีลาลูกเล่นของไอ้เหมือน ผมจึงไม่ยอมห้ามหยุดยกขันใบเล็กที่โคนเสาใบนั้น

ทันทีที่ไอ้เหมือนยกขันน้ำใบเล็กที่มีน้ำอยู่ครึ่งขันขึ้นดื่มอัก ๆ

ผมได้ยินผู้ใหญ่มาดพยายามระล่ำระลักบอกไอ้เหมือน

แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนช้าไปเสียหมด มีแต่ไอ้เหมือนเท่านั้นที่มันรวดเร็วรีบกินน้ำซะเกินไป

“เฮ้ย ไอ้เหมือนนั่นมันน้ำล้างฟันปลอมของกูโว้ย ไอ้ห่ากินไปได้”

สิ้นคำผู้ใหญ่บ้านพร้อมเสียงขันน้ำตกลงพื้น บ้านทั้งบ้านจึงลั่นระงมไปด้วยเสียงหัวเราะ แข่งกับเสียงอ๊วก โอ๊กอ๊ากของไอ้เหมือนที่ดังมาจากนอกชานบ้าน ใกล้ ๆ กับฟันปลอมของผู้ใหญ่มาดที่กำลังนอนอาบแดดอยู่....




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2550 16:05:34 น.
Counter : 577 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

โฟล์คเหน่อ
Location :
สุพรรณบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผลงานโฟล์คเหน่อ

สี่สิบสอง นักเขียน คนบ้า กวีหน้าราม กีตาร์โปร่ง
Friends' blogs
[Add โฟล์คเหน่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.