All Blog
เรื่อง กำพร้าผีน้อย
เรื่อง กำพร้าผีน้อย
 แม้แต่หนอนมันยังสู้ Even a worm will turn.
ไม่มีใครไม่เคยเจอปัญหาอุปสรรค แต่วิธีที่แต่ละคนใช้ก้าวข้ามผ่านจุดเล็ก ๆ แห่งชีวิตแต่ละจุดอาจอาจแตกต่างกัน บางครั้งอาจต้องทนทุกข์ทรมานและลำบากตรากตรำ มากบ้างน้อยบ้าง ตามแต่ปัญหา
คนที่สู้ ไม่ถอย จะพบความสำเร็จในเบื้องปลาย ส่วนคนที่งอมืองอเท้า อาจลำบากไปตลอดชีวิต เลือกเอาเอง
เรื่องเล่าแบบไทย ๆ นี้มีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาภายหลัง ใครต่อใครต่างพากันเรียกว่า กำพร้าผีน้อย พอโตรู้ความก็รู้ตัวแล้วว่าเขาเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีแม้แต่พ่อแม่พี่น้องสักคน เขาขอเศษอาหารจากผู้ใจบุญ ทำตัวเป็นขอทานเพื่อประทังชีวิตไปวัน ๆ พอโตรู้ความว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นขอทานก็ได้ สามารถเลี้ยงตัวได้ด้วยการทำไร่ไถนา จึงหันมาทำไร่ไถนาเพื่อเลี้ยงชีพแทนการเป็นขอทาน
พอจะเริ่มเลี้ยงตัวด้วยไร่นาของตน ครั้งแรกพอปลูกข้าวใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวจวนเจียนจะได้ข้าวอยู่รอมร่อแล้ว สัตว์น้อยใหญ่มาแย่งกันกัดกินรวงข้าว ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร จึงไปปรึกษากับคนสวนของพระราชา  คนสวนได้มอบสายไหมให้เผื่อไว้ดักจับสัตว์ เมื่อได้สายไหมมากำพร้าผีน้อยจึงไปไล่ล่าช้างที่กำลังบุกรุกเข้ามายังที่นาของเขา
ช้างตัวนี้เมื่อจวนเจียนจะโดนจับจึงเอ่ยปากบอกว่า อยากได้อะไรขอให้บอกเพื่อแลกกับชีวิตของมัน ช้างยินดีให้งาช้างข้างหนึ่ง กำพร้าผีน้อยยินดีรับงาช้างเพื่อปล่อยช้างไป ต่อจากนั้นมีสัตว์อีกหลายตัวที่ยอมมอบของสำคัญให้เพื่อแลกกับชีวิต เสือตัวหนึ่งรับปากว่ายินดีเป็นทาสรับใช้ ไม่ว่าสั่งการสิ่งใดยินดีทำให้ทุกเรื่องราว แม้แต่นกอินทรียินดีมาเป็นลูกน้องของกำพร้าผีน้อยเช่นกัน
คืนหนึ่งเขาสามารถจับผีน้อยตัวหนึ่งได้ขณะที่มันกำลังจะกินปลาหน้าไซที่เขาวางดักลอบเอาไว้ผีน้อยตัวนี้จึงยอมเป็นลูกน้อง เหตุนี้เขาจึงได้ชื่อว่า กำพร้าผีน้อย เพราะเป็นกำพร้าและมีผีน้อยเป็นลูกน้องนี่เอง
ส่วนงาช้างที่กำพร้าผีน้อยเคยได้จากช้างตัวหนึ่งนั้นมันไม่ใช่งาช้างธรรมดาเสียแล้ว เพราะในงาช้างนั้นเองมีสาวสวยนางหนึ่งแฝงกายอยู่ในนั้น เมื่อกำพร้าผีน้อยออกจากบ้านไป สาวนางนี้จะออกมาจากงาช้างแล้วมาหุงหาอาหารทำสำรับไว้รอให้กำพร้าผีน้อยกลับมา
นานวันเข้ากำพร้าผีน้อยแปลกใจที่มีสำรับอาหารเตรียมพร้อมรออยู่ราวกับมีคนอยู่ในบ้าน เขาจึงแกล้งออกจากบ้านแล้วแอบมองว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นภายในกระท่อมน้อยของเขาทุกวันที่ผ่านมาในขณะที่เขาออกนอกบ้าน
เมื่อกำพร้าผีน้อยมองเห็นสาวนางหนึ่งออกมาจากงาช้างและมองเห็นว่าสาวนางนี้ทำสำรับอาหาร ปัดกวาดบ้านเรือน ความต้องตาพึงใจจึงเกิดขึ้นและคิดว่าควรทำลายงาช้างเสีย นางจะได้ไม่มีโอกาสเข้าไปหลบในงาช้างอีกต่อไป หลังจากนั้นสาวนางนี้จึงได้อยู่กินเป็นภรรยาของกำพร้าผีน้อย
เรื่องน่าจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ช้าก่อน ยังไม่จบ ความสวยงามของสาวนางนี้ที่เป็นภรรยาของกำพร้าผีน้อยเลื่องลือไปไกลจนรู้ไปถึงหูของพระราชา
คนเป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างพระราชาองค์นี้มีหรือที่จะยอมพลาดโอกาสได้ครอบครองสาวงามในเมืองของตนเอง แต่ครั้นจะไปแย่งเอามาเป็นของตนซึ่ง ๆ หน้า ดูกระไรอยู่ จึงส่งทหารไปทาบทามขอแต่โดยดี
กำพร้าผีน้อยถึงจะกำพร้าและยากจนแต่มีบุญได้ภรรยาสุดสวย ถึงผู้มาขอจะสูงส่งเป็นถึงพระราชาคงยอมกันง่าย ๆ ไม่ได้ สุดท้ายลงเอยที่การต่อสู้ประลองฝีมือกัน ถ้ากำพร้าผีน้อยแพ้พระราชาต้องยอมยกนางสีดาภรรยาสุดสวยให้กับพระราชาแต่โดยดีห้ามอิดออดโดยเด็ดขาด แต่ถ้ากำพร้าผีน้อยชนะพระราชาล่ะ จะได้ครองเมืองครึ่งหนึ่งเชียวนะ
อย่าลืมว่าตั้งแต่กำพร้าผีน้อยได้เส้นไหมจากคนสวนของพระราชาไป ไม่ว่าต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวใด กำพร้าผีน้อยได้ชัยชนะทุกคราวไป และสัตว์เหล่านั้นยอมเป็นบริวารของกำพร้าผีน้อยเพื่อแลกกับชีวิต เมื่อถึงคราวที่กำพร้าผีน้อยจะต้องสู้กับพระราชามีหรือจะไม่ใช้บริวารทั้งหลายเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์
การแข่งขันต่อสู้ด้วยการชนวัว ชนไก่ แข่งเรือ กำพร้าผีน้อยชนะพระราชาทุกรอบเพราะบรรดาสัตว์ต่างแปลงกายมาช่วย เสือแปลงมาเป็นวัว นกอินทรีแปลงมาเป็นเรือ การแข่งขันยังไม่สิ้นสุดปรากฏว่า ช่วงที่นกอินทรีแปลงมาเป็นเรือนั้นได้ทำให้เรือของพระราชาล่มลง นกอินทรีหาเหตุกินคนหมดทั้งเมืองไม่เว้นแม้แต่พระราชาและนางสีดา
นางสีดาภรรยาสุดสวยของกำพร้าผีน้อยเสียชีวิต ทำให้กำพร้าผีน้อยเสียอกเสียใจเป็นอย่างมาก ผีพระราชารวมหัวกับบ่างลั่วเรียกวิญญาณทั้งหมดไปเป็นพวกของตน นางสีดากลายเป็นวิญญาณในสังกัดของพระราชา กำพร้าผีน้อยจะทำอย่างไรดี โชคดีที่ผีน้อยเป็นบริวารของตนจึงสั่งให้ผีน้อยไปตามหาวิญญาณของนางสีดามา
บ่างลั่วมีความสามารถพิเศษสามารถเรียกวิญญาณให้มาหาตนได้และชุบชีวิตของวิญญาณให้กลับคืนร่างเดิมได้ด้วย ผีน้อยรีบจัดการไปจับบ่างลั่วมาแล้วบังคับให้มันเรียกวิญญาณของนางสีดาและให้กลายกลับมาเป็นคนได้ดังเดิม นางสีดากลับมาเป็นภรรยาของกำพร้าผีน้อย
กำพร้าผีน้อยและนางสีดากับทั้งบริวารของกำพร้าผีน้อยยังคงอาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อไป  เมื่อเมืองทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างเพราะนกอินทรีกินคนหมดทั้งเมือง  ต่อมามีผู้คนอพยพมาอยู่มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะรู้ข่าวที่เล่ากันปากต่อปากว่า ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ กำพร้าผีน้อยจึงกลายเป็นพระราชา ส่วนนางสีดากลายเป็นพระมเหสี จบลงด้วยความสุขของกำพร้าผีน้อยและนางสีดา ส่วนผู้คนในเมืองต้องมาตายเพราะมีพระราชาที่คิดจะเอาภรรยาของคนอื่นมาบำเรอความสุขของตนเอง
เรื่องนี้ทำให้คิดว่า การเกิดมากับการดำรงอยู่และการลาจากย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา ไม่ใช่ทุกสิ่งจะอยู่ยั้งยืนยงตลอดกาล บางคนเกิดมาดีในตระกูลสูงส่งและร่ำรวย เมื่อมีชีวิตสามารถดำรงคงอยู่อย่างงสมเกียรติยศ
บางคนเกิดมาดีเช่นกันแต่ทำตัวให้ต่ำต้อยเรี่ยดินผลาญเงินผลาญ
ทองที่มีอยู่จนหมดสิ้น เมื่อตายคงตายอย่างหมาไร้ตรอก บางคนเกิดมาต่ำ
ต้อยด้อยค่าเช่นกำพร้าผีน้อยในเรื่องนี้แต่สามารถปรับเปลี่ยนจากขอทานกลายเป็นพระราชา บางคนเกิดมากำพร้าหามีใครสักคนดูแลเลี้ยงดูด้วยความรักแต่ทำตัวเลวทรามตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสตัณหาแล้วก่อคดีอุกอาจไม่เกรงกลัวอำนาจอาญาแผ่นดินแม้แต่น้อย สุดท้ายคงตายอย่างหมาข้างถนน
บางคนสอนมาว่า กว่าจะก้าวข้ามผ่านจุดเล็ก ๆ แห่งชีวิตแต่ละจุดอาจต้องต้องทนทุกข์ทรมานและลำบากตรากตรำ แต่เมื่อผ่านพ้นไปได้แล้วจะรู้ว่ามันไม่ได้ยากเย็นสักเท่าไรและคุณค่าของมันมากมายมหาศาล มันคุ้มค่ากับการลงทุนมากนัก เหมือนกับคำสอนของพ่อแม่บางคนที่พร่ำสอนลูกว่า ยามเรียนให้ยอมเหนื่อยยาก อดทนขยันหมั่นเพียรไม่กี่ปีแต่จะทำให้เราสบายตลอดชีวิต
การลงทุนเพียงน้อยนิด ขยันอ่านหนังสือไม่กี่ปีแล้วทำให้สบายตลอดชีวิตเพราะได้การงานที่ดี ๆ ทำ ทางเศรษฐศาสตร์ต้องนับว่าเป็นการลงทุนระยะสั้นที่คุ้มค่ามาก ๆ  ถ้าเกียจคร้านเอาแต่เที่ยวเตร่เฮฮากับเพื่อนในวัยเรียน ทำตัวเกกมะเหรกเกเรไม่สนใจเรียนแล้วตกงาน ไม่มีงานดี ๆ ทำ พลอยทำให้ชีวิตลำบากยากจน เป็นการปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปอย่างไร้ค่า
การเกิดมาจนไม่ใช่เป็นข้ออ้างที่จะอยู่อย่างยากจนข้นแค้นและเลวทรามตลอดชีวิต คนเลวคนหนึ่งหลอกลวงเด็กหญิงที่ไม่รู้เดียงสาเอาไปข่มขืนแล้วฆ่าทิ้ง เมื่อจับได้เพราะจำนนต่อหลักฐานได้สารภาพว่าทำเช่นนี้มาหลายครั้งทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเพราะติดสอยห้อยตามบริษัทจัดงานตามต่างจังหวัด สืบประวัติพบว่าเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีพ่อไม่มีแม่เป็นกำพร้า แต่ไม่มีโอกาสที่จะทำตัวให้ดีขึ้น
 
         เด็ก 1 คนที่เคยถูกทอดทิ้งในวันนั้น
กลายเป็นอาชญากร
ฆ่าข่มขืนเด็กอีกหลายคนในวันนี้
 ถ้าเราดูแลเด็กทุกคนให้เป็นคนดี
 เราคงไม่มีอาชญากรเลว ๆ คนนี้
 มันเป็นหน้าที่ของใคร



Create Date : 12 มีนาคม 2563
Last Update : 12 มีนาคม 2563 4:47:43 น.
Counter : 386 Pageviews.

0 comment
เรื่อง พระลอ

เรื่อง พระลอ

 

ตกกระไดพลอยกระโจน As well be hanged for a sheep as a lamb. หรืออยากได้เนื้อแกะคงต้องแขวนคอแกะเสียก่อน

คำว่ากินตามน้ำ เป็นคำง่าย ๆ ที่ทำให้คนทำผิดพลาดได้ง่าย ๆ ด้วยเห็นว่า ใคร ๆ เขาก็ทำกัน ไม่เห็นจะผิดเลย

เรื่องเล่าแบบไทย ๆ นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดแพร่ ในช่วงที่ท้าวแมนสรวงเป็นเจ้าผู้ครองนครเมืองแมนสรวง พระมเหสีชื่อนาฏบุญเหลือ พระโอรสชื่อพระลอดิลกราช เรียกสั้น ๆ ว่าพระลอ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงาม จนเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าหล่อสุด ๆ นี้ดังไปถึงเมืองสรอง

ท้าวพิชัยวิษณุกรเป็นเจ้าผู้ครองนครเมืองสรอง พระมเหสีชื่อพรดาราวดี มีพระธิดา 2 คน ชื่อ พระเพื่อนและพระแพง ผู้ซึ่งเป็นเจ้าหญิงที่สวยสง่าที่สุด

ด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากทุกทิศเอ่ยถึงพระลอว่ารูปหล่อเป็นที่สุดทำให้พระเพื่อนและพระแพงใคร่จะได้ยลโฉมพระลอสักครั้งที่ว่าหล่อนั้นหล่อมากขนาดไหนกัน

ทั้งสองวางแผนการเพื่อให้เจ้าชายหนุ่มรูปงามมาหาตนแทนที่ฝ่ายสาวจะวิ่งแล่นไปหาฝ่ายชายให้เสียเกียรติ ทั้งที่เจตนาแท้จริงเป็นเช่นนั้น

พระเพื่อนพระแพงได้มอบหมายให้นางโรยกับนางรื่นพระพี่เลี้ยงหาคนไปขับซอถึงเมืองแมนสรวงเพื่อบรรยายถึงความงดงามของเจ้าหญิงที่สวยสง่าที่สุดแห่งเมืองสรอง ใช่ว่าคนฟังเสียงซอบรรยายความงดงามของเจ้าหญิงทั้งสองแล้วพระลอจะวิ่งมาตามเสียงเพลง เพื่อให้ได้ผลจริงจังนางโรยกับนางรื่นได้ใช้มนต์ดำกำกับ

ปู่เจ้าสมิงพรายปลุกเสกมนต์เสน่ห์หวังให้พระลอหลงใหลในพระเพื่อนและพระแพงและปรารถนาในตัวสองสาวจนต้องแล่นมาให้ได้ทันทีที่ได้ฟังเสียงซอขับขาน

มนต์เสน่ห์ทำให้พระลอหลงใหลในพระเพื่อนและพระแพงจริง ๆ จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งอยากได้พระเพื่อนและพระแพงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

มนต์ดำนี้สุดยอดจริง ๆ เพียงได้ฟังเสียงซอถึงขั้นคลุ้มคลั่ง น่าแปลกคนอื่นที่ได้ฟังไม่ได้มีอาการเดียวกัน นี่เป็นสุดยอดวิทยายุทธ์จริง ๆ นะนี่

พระมารดานาฏบุญเหลือของพระลอเข้าใจว่าพระลอโดนคุณไสยแน่นอนจึงหาหมอพระมาแก้ไขแต่ทว่าแก้ไม่ได้

พระลอต้องมนต์เสน่ห์จนต้องเดินทางมายังเมืองสรองเพื่อจะยลโฉมพระเพื่อนและพระแพง โดยเดินทางพร้อมกับนายแก้วและนายขวัญพร้อมไพร่พลอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดเดินทางขึ้นเขาลงห้วยและข้ามแม่น้ำกาหลง

ณ แม่น้ำกาหลงพระลอได้ตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงน้ำเพื่อตรวจดวงชะตา

ของพระองค์เอง ทันใดนั้นแม่น้ำกาหลงเปลี่ยนเป็นสีเลือดขึ้นมาในทันใด

และไหลวนผิดปกติทำให้พระลอรู้ว่าจะต้องเกิดเหตุร้ายแน่นอน

ความปรารถนาในรสสวาทที่เกิดจากมนต์เสน่ห์รุนแรงกว่าทำให้พระลอต้องเดินทางต่อแม้จะตระหนักว่า ไม่ดีแน่ ๆ ในการเดินทางครั้งนี้

ฝ่ายพระเพื่อนและพระแพงกำลังรอลุ้นผลว่ามนต์เสน่ห์ปลุกเสกโดยปู่เจ้าสมิงพรายให้พระลอหลงใหลนั้นจะได้ผลเห็นจริงทันตาหรือไม่

ทั้งสองได้ไปหาปู่เจ้าสมิงพรายอีกครั้งขอให้เนรมิตไก่งามที่มีเสียงขันไพเราะเพื่อล่อให้พระลอตามมาจนถึงเมืองสรองให้ได้

ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ขอให้ได้ด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลขอให้ได้ด้วยมนต์เสน่หา

ทั้งพระเพื่อนและพระแพงทำทุกวิถีทางจริง ๆ หรือด้วยเวรกรรมแต่ชาติปางก่อน ที่จะดลบันดาลให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นและชดใช้เวรกรรมแต่ดั้งเดิมด้วยกัน

ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนพระลอตามไก่เนรมิตมาจนถึงพระราชอุทยานเมืองสรอง ได้มีโอกาสพบกับพระเพื่อนและพระแพง

ความรักที่เกิดจากมนต์เสน่ห์ปลุกเสกโดยปู่เจ้าสมิงพรายให้พระลอหลงใหลนั้นเห็นผลทันตา ยิ่งกว่านั้นนายแก้วและนายขวัญได้หลงเสน่ห์ของนางโรยกับนางรื่น ทั้งหมดได้แอบซ่อนตัวในตำหนักของเจ้าหญิง

เรื่องทั้งหมดล่วงรู้ไปถึงหูของท้าวพิชัยวิษณุกรผู้เป็นเจ้าครองนครเมืองสรอง จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพระธิดาของพระองค์เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องราวทั้งหมดจึงจัดงานอภิเษกสมรสให้สองสาวกับหนึ่งหนุ่มได้สมหวัง ดูไปแล้วน่าจะเป็นความรักที่ไม่มีอุปสรรคขวากหนามมากั้นได้

เสด็จย่าของพระเพื่อนและพระแพงรู้ข่าวนี้รู้สึกอัปยศอดสูที่หลานสาวทำตัวน่าเกลียดเหมือนหญิงไร้ยางอายมีหรือกล้าทำเสน่ห์ให้ชายมาหาถึงในห้องหอ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่ทำทุกสิ่งให้ถูกต้องตามจารีตประเพณี ได้สั่งให้ทหารยิงธนูไปที่พระลอ ที่จริงคงหมายฆ่าพระลอเสียให้สิ้นด้วยกำลังไพร่พลของเมืองสรอง มีหรือที่พระเพื่อนและพระแพงจะนิ่งเฉยอยู่ได้จึงถลาเอาตัวเข้าไปบังธนู สิ้นสุดความรักของพระเพื่อนพระแพงและพระลอที่มีต่อกัน

ภาพการเสียชีวิตของทั้งสามที่มีธนูปักเต็มอกสะเทือนใจผู้พบเห็นจนต้องเล่าขานต่อกันมาถึงความรักของสองหญิงกับหนึ่งชายที่ใช้มนต์เสน่ห์ปลุกเสกให้หลงใหลไม่ทำตามระเบียบแบบแผนจารีตประเพณีและธรรมชาติที่ควรเป็นไปเองของมัน

เรื่องนี้ทำให้คิดว่า การทำทุกสิ่งให้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนจารีตประเพณีจะทำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างถูกวิถีทาง ไม่ใช่ทำตามเพราะตัณหาความอยากมีอยากได้โดยใช้วิธีการสกปรกโสมม เพราะผลร้ายที่ตามมาผู้คนจะก่นด่าว่านินทาไม่รู้จักจบจักสิ้น

ชีวิตที่ราบเรียบอาจดูสงบไม่หวือหวา กับชีวิตที่ขึ้นสูงสุดและถลาตกลงมาอย่างดิ่งเหว ชีวิตแบบไหนจะเป็นที่พึงปรารถนา แต่ละคนอาจเลือกตอบต่างกัน บางคนต้องการความสงบตลอดชีวิตไม่มีขึ้นลงอย่างน่าหวาดเสียวขอไปเรื่อย ๆ จะสวยกว่าที่ต้องแล่นเรือกลางทะเลที่มีพายุโหมกระหน่ำ บางคราวอาจได้ขึ้นสูงเสียดฟ้าแต่บางคราวอาจดิ่งลงก้นเหว

เมื่อพ่อรู้ว่าลูกทำผิดจารีตประเพณีใช้มนต์เสน่ห์ปลุกเสกให้ผู้ชายหลงใหลเป็นสิ่งน่าละอาย มีวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาคือปล่อยเลยตามเลย ซึ่งตรงกันข้ามกับย่าที่คิดว่าหลานสาวกระทำการไม่เหมาะไม่ควร ฝ่ายชายยิ่งทำน่าเกลียดแทนที่จะเข้าตามตรอกออกตามประตูกลับผลุบ ๆ โผล่ ๆ ในห้องของฝ่ายหญิงได้เป็นนานสองนาน

ไม่รู้ว่าการปล่อยเลยตามเลยจะดีกว่าการหยุดยั้งการกระทำผิดหรือไม่ ถ้าปล่อยให้หนุ่มสาวได้ครองคู่ต่อไปโดยจัดงานตามพิธีให้เหมาะสมอาจสวยงามกว่านี้

บางคนคิดว่า ทำสิ่งที่ถูกต้องดีกว่าจะปล่อยให้ถลำจมลึกในความชั่วช้าให้บัดสีอับอายไปตลอด

 

คนแก่คิดอย่างคนแก่ คนสาวคิดอย่างคนสาว เพราะเกิดต่างยุคต่างสมัย จึงมีความคิดอ่านและความเชื่อที่ต่างกัน การกระทำจึงต่างกัน

ไม่ว่ายุคใดสมัยใด เป็นเช่นนี้เสมอมา




Create Date : 12 มีนาคม 2563
Last Update : 12 มีนาคม 2563 4:46:32 น.
Counter : 496 Pageviews.

0 comment
เรื่อง พญาคันคาก
เรื่อง พญาคันคาก
 เจ้าหน้าที่เลวเพียงคนเดียวอันตรายกว่าโจรร้อยคน A bad officer is more dangerous than hundred bandits.
เพราะอะไรหรือ ผู้มีอำนาจ เมื่อมีช่องทางทำผิด โกงกิน ฉ้อราษฎร์บังหลวง แล้วโกงกินอย่างสะบั้นหั่นแหลก ย่อมส่งผลต่อชาวบ้านตาดำ ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน
เรื่องเล่าแบบไทย ๆ นี้เป็นตำนานที่เอ่ยถึงประวัติของงานบุญบั้งไฟของชาวอีสานว่าเหตุใดต้องมีหัวพญานาคบนหัวบั้งไฟแถมมีเกล็ดงามระยิบระยับ เป็นเรื่องเล่าถึงคางคกตัวหนึ่ง
 ที่จริงคางคกตัวนี้เป็นลูกของคน คงไม่ใช่คางคกธรรมดาเป็นแน่แท้ เมื่อเติบใหญ่ได้ถอดรูปจากคางคกเป็นหนุ่มรูปงาม คราบคางคกกลายเป็นเกราะทองงามหุ้มกายแทน แล้วได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าผู้ครองนคร ไปสู้รบกับพญาแถน เป็นเรื่องราวที่เล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้
ตำนานเรื่องนี้เป็นตำนานเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้าง แต่เดิมเป็นอาณาจักรของชนชาติลาวซึ่งตั้งอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีอาณาเขตอยู่
ในประเทศลาวทั้งหมด ตลอดจนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
ต่อมาได้แบ่งแยกเป็น 3 อาณาจักร ภายหลังอาณาจักรลาวเสื่อมอำนาจลง จึงสูญเสียเอกราชให้แก่อาณาจักรสยามหรือประเทศไทยในปัจจุบัน
เขาเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานมากนับหลายอสงไขย แปลว่านานมากจนนับไม่ได้ นับไม่ถ้วนหรือไม่ง่ายที่จะนับ พูดง่าย ๆ อย่าไปนับมันเลยว่านานมากขนาดไหน รู้ว่านานเสียเหลือเกินคงพอแล้ว
สมัยนั้นสัตว์ทุกตัว คนทุกคนต่างพูดภาษาเดียวกัน พูดกันรู้เรื่องทั้งคนและสัตว์ทุกชนิด ดีเหมือนกันนะถ้าเป็นเช่นนี้จนถึงปัจจุบัน
คงสนุกดีที่เราฟังสัตว์พูดคุยกันได้รู้เรื่อง และไม่ต้องไปเรียนภาษาต่างประเทศของชนชาติต่าง ๆ น่าเสียดายที่เรื่องราวดี ๆ เช่นนี้หมดไป
พญาแถนผู้เป็นใหญ่บนสรวงสวรรค์มีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล คอยเปิดประตูให้พญานาค 7 ตัวลงมาเล่นน้ำในสระหลวง น้ำที่
กระเด็นกระดอนเป็นฝอยออกจากสระหลวงกลายเป็นฝนที่จะตกลงมายังโลกมนุษย์ ทำให้มนุษย์อยู่อย่างร่มเย็นชุ่มชื้น ทำไร่ไถนาได้โดยอาศัยน้ำฝน
มนุษย์จึงให้ความเคารพต่อพญาแถนที่ดูแลความร่มเย็นชุ่มชื้นด้วยการดลบันดาลให้เกิดฝนตกต้องตามฤดูกาลและจะเคารพกราบไหว้บูชาพญาแถนเสมอมา
วันหนึ่งที่นครดอกไม้ แม่เมืองภรรยาเอกของพญาเมืองได้ให้กำเนิดคางคกน้อยตัวหนึ่งแทนที่จะเป็นเด็กชายเหมือนผู้คนทั่วไป เหตุการณ์เช่นนี้สร้างความประหลาดใจแก่ทุกผู้คนที่รู้เรื่องนี้ แต่คำทำนายของโหรหลวงกลับทำให้สิ่งเลวร้ายและแปลกประหลาดเช่นนี้กลับเป็นสิ่งที่น่ายินดี
คำทำนายที่ว่า คางคกน้อยตัวนี้มีบุญญาธิการสูงส่ง ต่อไปจะดูแลช่วยเหลือมวลมนุษยชาติให้อยู่ดีมีสุขโดยถ้วนหน้า ทำให้คางคกน้อยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
คางคกน้อยตัวนี้จึงได้ชื่อว่าคันคาก เติมสระอาไปตัวหนึ่งจะได้ดูไม่น่าเกลียดที่เจ้าเมืองมีลูกเป็นคางคกและให้โหรหลวงออกมาป่าวประกาศเพื่อช่วยให้เรื่องเลวร้ายกลายเป็นเรื่องที่ดีงามได้โดยไม่ยาก
การทำให้สิ่งเลวร้ายกลายเป็นสิ่งดีงามทำได้ไม่ยากถ้าสามารถแปรเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส แล้วการทำสิ่งดีงามให้เป็นสิ่งเลวร้ายทำได้ไม่ยากเช่นกันถ้าคนนั้นเจตนาไม่ดีและต้องการให้เกิดสิ่งเลวร้ายตามมา
คันคากได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี พอคันคากเติบโตขึ้นมาได้กลายร่างเป็นชายหนุ่มรูปงามแต่หนังคางคกยังคงติดตัวอยู่เหมือนเดิมเพียงเปลี่ยนเป็นเกราะมองงดงามคลุมกายแทน
คนช่างสงสัยอาจตั้งคำถามว่าอายุขัยของคางคกกับมนุษย์ต่างกัน แล้วนับว่าคันคากเป็นหนุ่มของมนุษย์หรือเป็นหนุ่มของคางคก คำตอบน่าจะเป็นหนุ่มของมนุษย์ ส่วนจะอยู่ในร่างของคางคกนานแค่ไหนตอบไม่ได้ นอกจากนี้คันคากยังเป็นหนุ่มรูปงามและมีฝีมือเชิงยุทธ์สูงส่งเหนือกว่าใคร ๆ
เดิมผู้คนให้ความเคารพนับถือพญาแถน เมื่อคันคากมีฤทธิ์เดชไม่แพ้กัน ผู้คนจึงหันมาให้ความเคารพนับถือคันคากแทนพญาแถน มีหรือที่พญาแถนจะทำนิ่งเฉยเหมือนทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ ชักโมโหโกรธาผู้คนที่ละเลยการเคารพสักการะตน คิดจะอบรมสั่งสอนให้ผู้คนได้รู้สำนึกเช่นดังแต่ก่อน
สิ่งที่พญาแถนทำโดยละเลยต่อหน้าที่ เพราะคิดว่าผู้คนเคารพคันคากมากกว่าตน คือ ปิดกั้นสระหลวงไม่ให้พญานาคทั้ง 7 ลงมาเล่นน้ำเหมือนเดิม กะให้ฝนแล้ง มนุษย์จะได้ลำบากลำบน แล้วก็เป็นดังเช่นที่พญาแถนต้องการ โลกมนุษย์ระส่ำระสายด้วยขาดฝนมานาน ต่างพากันบ่นให้วุ่นวายใจ
คันคากได้หาสาเหตุที่ทำให้ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาลแล้วรู้ว่าเหตุเกิดจากพญานาคไม่ลงมาเล่นน้ำในสระหลวงเพราะพญาแถนเป็นต้นเหตุ
คันคากฉุนโกรธพญาแถนที่ไม่ทำหน้าที่ที่ควรทำใช้อคติทำให้เกิดเภทภัยแก่ผู้คนจำนวนมากเพราะเหตุแห่งริษยา
คันคากได้มอบหมายให้นกเค้าแมวไปเจรจาความขอให้พญาแถนเปิดประตูสระหลวง แต่พญาแถนปฏิเสธบอกว่าคันคากเก่งมากนักนี่ก็ให้คันคากมาเปิดประตูสระหลวงเอง
สงครามระหว่างคันคากกับพญาแถนจึงเกิดขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนเก่งและแน่ จึงไม่ยอมลงให้กัน ต่างฝ่ายต่างระดมพล
พวกของคันคากได้ยกย่องให้คันคากเป็นพญาเป็นผู้นำทัพมีเหล่าบรรดาสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ สัตว์บก แมลง ปลวก มารวมกันก่อตัวให้สูงขึ้นจนเสียดฟ้าเพื่อรบกับทัพของพญาแถน
เหตุวุ่นวายนี้ยาวนานถึง 7 ปี 7 เดือน เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า ยังไม่รู้ใครแพ้ใครชนะ จนต้องทำยุทธหัตถีแบบตัวต่อตัว ฝ่ายพญาคันคากมีพญานาคเป็นพวกด้วยได้แอบซ่อนตัวอยู่ใกล้ช้าง
พญาแถนใช้ตะพดตีพญาคันคากจนตัวเป็นตะปุ่มตะป่ำไปทั้งตัว พญานาคได้ทีทำร้ายพญาแถนทันทีจนตกจากหลังช้าง พญาคันคากจึงรุกคืบทำร้ายพญาแถนจนพญาแถนต้องร้องขอชีวิต
สงครามจึงสงบลงได้ ส่งผลให้หยุดแผ่นดินไหวแผ่นดินแยก พายุร้ายสงบลง ฝนตกฟ้าร้องตามปกติให้พื้นดินชุ่มฉ่ำตามที่หลายคนรอคอย
หลังจากนั้นเกิดการไต่สวนคดีความเหตุที่พญาแถนไม่ทำหน้าที่ของตนก่อให้เกิดทุกข์เข็ญไปทั่วทั้งแผ่นดิน พญาแถนยอมรับผิดและสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก แต่พญาแถนทำโอ้เอ้เฉไฉว่าแล้วเวลาใดจึงจะเหมาะสมให้เปิดสระหลวง พญาคันคากจึงตัดสินว่าเดือน 6 จะให้พญานาคขึ้นเมืองสวรรค์มาเตือนว่าถึงเวลาเปิดสระหลวงแล้ว
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พอถึงเดือน 6 ชาวบ้านจึงต้องทำพิธีบุญบั้งไฟและให้บั้งไฟมีเกล็ดเช่นเดียวกับพญานาคเพื่อเตือนให้พญาแถนเปิดสระหลวงปล่อยให้พญานาค 7 ตัวลงมาเล่นน้ำจนเกิดเป็นฝนตกลงมาทั่วท้องนภา ให้แผ่นดินชุ่มฉ่ำทุกปีไป
เรื่องนี้ทำให้คิดว่า ความอิจฉาริษยามันอันตรายมาก ยิ่งผู้ที่มีอำนาจตำแหน่งหน้าที่สูงอิจฉาริษยาซึ่งกันและกันยิ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าได้เลยทีเดียว บางคนเห็นคนอื่นได้ดีกว่าเป็นยอมไม่ได้ที่จะให้มีใครมาเก่งเท่าหรือเด่นกว่า จึงใช้อำนาจทั้งหมดที่มีกำจัดคู่ศัตรูให้หมดสิ้นไปอย่างไร้คุณธรรม
การใช้อำนาจของผู้ยิ่งใหญ่ย่อมทำให้ผู้น้อยลำบากเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ หรือสำนวนฝรั่ง When two elephants fight, it is the grass that gets trampled." แหลกลาญแปลว่าย่อยยับ แตกทลาย พังทลาย เวลาช้างสารสู้กันหญ้าแพรกที่ใต้อุ้งเท้าช้างจะเหลืออะไรนอกจากต้องแหลกลาญภายใต้อุ้งเท้าช้างนั่นแหละ
พญาแถนนับเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยเปิดสระหลวง และให้พญานาค 7 ตัวลงมาเล่นน้ำจนเกิดเป็นฝนมายังโลกมนุษย์ เมื่อพญาแถนอคติและไม่ทำงานตามหน้าที่ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองเดือดร้อนกันไปทั่ว
บางคนเคยบอกว่าการปล่อยให้คนเลวเพียงคนเดียวมาทำหน้าที่บริหารจัดการเรื่องราวใหญ่โต อาจก่อให้เกิดหายนะที่รุนแรงตามมาได้
การคัดเลือกคนมาทำงานจึงต้องคัดเลือกอย่างดีเพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ป้องกันผลร้ายแรงที่อาจเกิดจากการคิดร้ายของคนเลวคนนั้น
บางแห่งคัดเลือกคนด้วยลักษณะที่ปรากฏ คนจีนเรียกโหงวเฮ้ง เพื่อคาดเดาว่า คนนี้เป็นคนดีและจะนำความก้าวหน้ามาสู่บริษัท
บางแห่งเลือกคนเก่ง โดยไม่ใส่ใจความดีเลวเพราะคิดว่าวัดได้ยากว่าใครจะเป็นเช่นไร และถ้าตั้งใจทำงานให้ก็คงดี ถึงแม้จะมีทั้งข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ก็ตามที แต่ไม่ได้เน้นการวัดคุณธรรมจริยธรรมอย่างจริงจัง
 
ทุกสิ่งเกิดจากน้ำมือมนุษย์
ถ้าคิดดีทำดี
ผลดีย่อมเกิดตามมา
ถ้าคิดร้ายทำแต่สิ่งไม่ดี
หายนะตามมาแน่นอน

 
 



Create Date : 12 มีนาคม 2563
Last Update : 12 มีนาคม 2563 4:45:22 น.
Counter : 476 Pageviews.

0 comment
เรื่อง พญาไก่ป่า
เรื่อง พญาไก่ป่า
 การชนะตนเองนับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่  Self-conquest is the greats of victory.
ยิ่งเมื่อโดนอำนาจของกิเลสตัณหาเข้าครอบงำ โอกาสทำผิดพลาดพลั้งย่อมมีมากขึ้น
เรื่องเล่าแบบไทย ๆ นี้เป็นเรื่องเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ทางภาคอีสานเพื่อบอกกล่าวให้รู้ว่าการบวชนั้นเป็นสิ่งที่ดีกว่าจะสึกออกไปแต่งงาน ซึ่งเนื้อหานำมาจากนิทานของพระพุทธเจ้าที่กำลังตรัสสอนพระภิกษุรูปหนึ่งที่คิดอยากจะสึก
ในขณะนั้นพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ซึ่งเทศนาคำสอนของพระพุทธเจ้าทรงปรารถนาจะให้ข้อคิดเตือนสติว่าการจะสึกออกไปเพื่อมีภรรยานั้นจะมีผลเป็นเช่นไร โดยไม่ได้ใช้วิธีว่ากล่าวตักเตือนหรือห้ามปรามที่อาจทำให้เกิดแรงต้านมากขึ้นกว่าแต่เดิมแต่ใช้นิทานให้ข้อคิดสะกิดใจแทนเพื่อให้เกิดการตัดสินใจของตนเอง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ชายป่าแห่งหนึ่งที่นี่มีไก่ป่ามากมายหลายร้อยตัว และที่นี่มีนางแมวป่าอีกตัวหนึ่งที่ชอบกัดกินไก่ป่าพวกนี้เป็นอาหาร นางแมวป่าใช้เล่ห์เพทุบายต่าง ๆ นานาจนสามารถกินไก่ป่าได้ทุกวัน จนไก่จำนวนมากค่อย ๆ ร่อยหรอลงไปทีละน้อย ๆ
พญาไก่ป่าผู้คอยพิทักษ์ปกป้องไก่ป่าในบริเวณนี้ได้รู้สึกถึงภยันตรายที่เกิดขึ้นแก่พวกพ้องบริวารของตนโดยนางแมวป่าตัวหนึ่ง  พญาไก่ป่าจึงคิดหาหนทางป้องกันภัยนี้ได้ออกคำสั่งให้ไก่ป่าที่เหลืออพยพย้ายถิ่นไปยังอีกมุมหนึ่งของป่าที่นางแมวป่าไม่เคยไปถึง
ส่วนพญาไก่ป่ายังคอยอยู่ ณ ที่ที่ไก่ป่าจำนวนหนึ่งเคยอยู่อาศัยและโดนนางแมวป่ากัดกินเป็นอาหาร พญาไก่ป่าดักรอพบกับนางแมวป่า แล้วสิ่งที่พญาไก่ป่าหวังว่าจะได้พบก็มาถึงจริง ๆ นางแมวป่าเอะใจเหมือนกันทำไมวันนี้ไก่ป่าจำนวนมากที่เคยอาศัยอยู่แถบนี้หายไปไหนกันหมด เดินมาไกลชักจะเหนื่อยเสียแล้ว วันนี้จะได้กินไก่ป่าอร่อย ๆ อีกหรือไม่หนอ นางแมวป่าครวญครางอยู่ในใจ
ขณะที่นางแมวป่าใกล้จะหมดหวังว่าวันนี้คงจะชวดอดกินไก่ป่าอร่อย ๆ เช่นทุกวันเสียแล้วนั้นให้บังเอิญเหลือบสายตาไปเห็นไก่ป่าอีกตัวหนึ่งที่ดูดีมีสง่าราศีและตัวใหญ่ล่ำพีกว่าไก่ป่าตัวอื่น ๆ ที่เคยพบเห็น ทันใดนั้นนางแมวป่าได้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่จากแต่เดิมว่าวันนี้น่าจะโชคร้ายกลับกลายเป็นวันนี้โชคดีจริง ๆ จะได้ลาภก้อนใหญ่แทน
นางแมวป่ารีบปรี่เข้าไปหาพญาไก่ป่าในทันที ท่าทางดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัดเรียกว่าให้ท่าเกินเหตุ นอกจากท่าทางที่เชิญชวนแล้วนางแมวป่ายังได้เอ่ยปากว่า ดูท่านงามสง่าเกินกว่าไก่ป่าทั้งหลายที่ข้าได้พบเห็นมาเห็นทีจะเป็นบุญของข้าเป็นแม่นมั่นที่ได้มาพบเจอะเจอกับท่านในวันนี้
ส่วนพญาไก่ป่ายังวางท่าเฉยอยู่คอยดูลีลาของนางแมวป่าที่ทำท่าทางราวกับเป็นไก่แก่แม่ปลาช่อนก็ไม่ปาน หมดสง่าราศีกันคราวนี้ เป็นหญิงที่ไร้ยางอายอย่างสิ้นเชิงเที่ยวจีบชายก่อนที่ชายจะเริ่มเจรจาด้วยซ้ำ ฝ่ายนางแมวป่าเห็นพญาไก่ป่าทำนิ่งเฉยหลงคิดว่าคงเป็นไก่อ่อนที่ไม่เคยงานมาก่อน คิดจะสอนงานให้โดยไม่รู้เชิงชายว่าเขาจะเล่นด้วยหรือไม่
นางแมวป่าเอื้อนเอ่ยวจีเชิญชวนอย่างไร้ยางอายต่อไปว่าพ่อไก่เอ๋ย เจ้าช่างมีรูปโฉมที่งดงามเสียนี่กระไร เจ้าลงมาจากกิ่งไม้เถอะ จะได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมมากขึ้นแล้วถ้าเจ้าต้องการสิ่งใดจากข้าไม่เว้นแม้แต่การอยู่กินหลับนอนกัน ข้ายินดีให้ทุกสิ่ง นางแมวป่าคิดว่าให้ท่าขนาดนี้มีหรือที่ไก่ป่าตัวไหน ๆ จะนิ่งเฉยอยู่ได้ แต่แล้วนางแมวป่ากลับตะลึงงันเมื่อได้ฟังคำตอบจากพญาไก่ป่า
พญาไก่ป่าตอบด้วยเสียงเข้มที่ชัดเจนว่า เจ้าเป็นสัตว์สี่เท้า ส่วนเราเป็นสัตว์สองเท้า ต่างฝ่ายต่างพวกร่วมสมสู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันมิได้ดอก เชิญเจ้าไปหาที่ใหม่เถิด
นางแมวป่ายังไม่ลดละความพยายาม ได้เซ้าซี้ต่อไป แต่พญาไก่ป่าทำนิ่งเฉยไม่เจรจาตอบโต้และไม่หลงคารมใด ๆ นางแมวป่าหยอดคำสุดท้ายว่า จะหาสาวใดสวยงามสง่าน่าหลงใหลเช่นข้าคงไม่มีอีกแล้ว อีกอย่างข้าเป็นสาวพรหมจรรย์ที่น่าจะเชยชมให้ลิ้มลอง ไม่ลองสักนิดรึเจ้าค่ะ
พญาไก่ป่าสุดจะอดกลั้นตอบไปด้วยเสียงเข้มอีกครั้งว่า บริวารเราไก่ป่าตัวผู้หลายตัวหลงคารมของเจ้า แล้วเจ้าทำเช่นไรกับพวกเขาเหล่านั้นรึ หลอกจนตายใจแล้วกัดกินเป็นอาหาร เจ้าอยู่กับซากศพของบริวารข้ามาหลายตัวยังมิเจียมตัวบังอาจมาเหิมเกริมเอากับข้าอีกหรือ
นางแมวป่ารู้ในทันใดนั้นว่า อาจจะหลอกไก่ป่าทั้งหลายให้ตายใจกับคำป้อยอและหลงใหลในตัวนาง แต่ไม่ใช่กับพญาไก่ป่าตัวนี้เป็นแน่แท้ นางแมวป่าจึงออกจากป่าบริเวณนั้นและไม่กลับมาอีกเลย
ถ้าเขาคนนั้นมีกำลังใจที่เข้มแข็งเขาย่อมผ่านพ้นห้วงแห่งความทุกข์ยากที่ต้องการกำลังใจจึงจะผ่านพ้นไปได้
โดยธรรมชาติของมนุษย์ที่มีกิเลสตัณหาย่อมหลงใหลในสิ่งสวยงาม สิ่งที่พึงปรารถนา ทั้งที่สิ่งนั้นอาจเกิดอันตรายหรือหายนะตามมาในภายหลัง บางคนยอมขอให้ได้สิ่งนี้สักครั้งแม้ว่าเสี่ยงที่จะรับภัยนั้นก็ตามที
เรื่องนี้ทำให้คิดว่า พระพุทธเจ้ามีเทคนิควิธีการสอนที่สามารถเปลี่ยนใจพระภิกษุได้ ด้วยการเล่านิทานเปรียบเปรยว่าพระภิกษุนั้นกับหญิงสาวย่อมต่างกันและคงไม่มีวันที่จะมาร่วมอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยากันได้ ถ้าไม่รู้เท่าทันในกิเลสตัณหาย่อมต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจอันมิอาจถอนตัวขึ้นได้ แต่ถ้ารู้เท่าทันคงเอาตัวรอดได้ไม่หลงใหลในสิ่งไม่ดีงามเหล่านั้น
เมื่ออยู่ในที่สูงคงไม่มีใครลดตัวลงมาอยู่อย่างต่ำต้อย หรือไม่มีใครกินอาจมเมื่อมีโอกาสได้กินแต่อาหารชั้นดีรสเลิศ ถ้ามีคงเป็นเพราะหลงผิดคิดมิชอบหรือพลาดท่าเสียทีโดยไม่ได้ตั้งใจ
เรื่องราวของพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตามาก ได้พลาดท่าเสียทีแก่หญิงสาวที่เข้ามาใกล้ชิด เกิดเป็นเรื่องราว ทำให้ตกเป็นข่าวแล้วหมดชื่อเสียงภายในพริบตา ซ้ำร้ายบางคนโดนคดีติดตัวเสียอีก
 
สวรรค์ทิพย์วิมานย่อมสวยงามกว่านรกอเวจีเป็นแน่แท้
ไม่ว่าใครต่างต้องการไปสวรรค์และไม่อยากตกนรกหมกไหม้
แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้ในสิ่งที่ปรารถนาถ้าจิตใจไม่เข็มแข็งพอ

 



Create Date : 12 มีนาคม 2563
Last Update : 12 มีนาคม 2563 4:44:23 น.
Counter : 1238 Pageviews.

0 comment
เรื่อง พญากง พญาพาน
 เรื่อง พญากง พญาพาน
 ไม่มีใครทำให้เราอัปยศอดสูได้ นอกจากตัวของเราเอง No one can disgrace us but ourselves.
ไม่มีใครทำให้เราหกล้มได้ นอกจากสะดุดขาตัวเองหกล้ม
บางคนก้าวไปข้างหน้าพรวด ๆ จนหลายคนตกตะลึงพรึงเพริด ว่า เหตุใดเขาจึงได้เร็วเท่านั้น แต่แล้ววันเดียวกลับพังคลืน ใช่ว่าใครจะทำ ตัวเขาเองนั่นแหละที่เผลอทำผิดทำพลาดจนหกล้ม หงายเก๋งไม่เป็นท่า
เรื่องเล่าแบบไทย ๆ นี้เป็นตำนานองค์พระปฐมเจดีย์ พระเจดีย์ พระประโทน ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ที่นี่แต่เดิมเป็นเมืองนครชัยศรี
เจ้าผู้ครองนครชื่อพญากง มีมเหสีรูปโฉมงดงาม เมื่อมเหสีทรงครรภ์ โหรหลวงได้ทำนายทายทักว่าจะได้พระโอรสที่มีบุญญาธิการสูงส่งแต่ทว่าภายหลังจะฆ่าพระบิดา
ด้วยคำทำนายนี้ทำให้พญากงไม่คิดจะเลี้ยงดูพระโอรสเพราะเกรงว่าคำทำนายของโหรหลวงจะเป็นจริงแล้วชีวิตตนจะหมดสิ้นไปเพราะพระโอรสมาทำปิตุฆาต วันประสูติข้าราชบริพารเอาพานไปรองรับให้บังเอิญว่าหน้าผากของทารกน้อยไปกระแทกกับขอบพานทำให้เกิดแผลเป็น
โอรสน้อยที่โหรหลวงได้ทำนายทายทักว่าจะมีบุญต้องชะตากรรมกลายเป็นเด็กที่พ่อไม่ต้องการไปในทันที
คนอย่างพญากงเชื่อคำทำนายจนกล้าทิ้งลูกน้อยที่เป็นสายเลือดของตนเอง ไม่เชื่อว่าการเลี้ยงดูที่ดีจะทำให้ความรักที่ลูกมีต่อพ่อจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงตามคำทำนาย แต่กลับไปหลงเชื่อคำของโหรหลวงมากกว่า
 พญากงสั่งให้เอาเด็กน้อยแรกเกิดไปฆ่าเสีย จะได้หมดเรื่องหมดราวไป แต่สิ่งใดจะเกิดย่อมต้องเกิด แทนการป้องกันกลับเป็นการตัดปัญหา ให้บังเอิญไม่กระทำการให้รอบคอบ ข้าราชบริพารที่รับคำสั่งให้เอาเด็กแรกเกิดไปฆ่าทิ้งเสียนั้นใจไม่แข็งพอที่จะกระทำการอันโหดร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ได้
ข้าราชบริพารคนนั้นแอบเอาทารกแรกเกิดไปทิ้งไว้ในป่าให้ชะตาเด็กเป็นผู้กำหนดอนาคตเอง แล้วดวงชะตาเด็กที่มีบุญได้ฉายแววออกมา
เด็กมีบุญจึงไม่ตายตามใจปรารถนาของพระบิดาพญากง ให้บังเอิญเสียเหลือเกินที่ยายหอมผ่านมา พอเห็นทารกน้อยถูกทอดทิ้งจึงเอาเด็กคนนี้ไปเลี้ยงดูและตั้งชื่อว่าพาน สอดคล้องกับรอยแผลเป็นที่หน้าผาก
เมื่อเด็กชายพานเริ่มโตพอจะรู้ความ ยายหอมเอาไปฝากสมภารวัดให้พานได้มีโอกาสเล่าเรียนเขียนอ่าน พานเป็นเด็กฉลาดรอบรู้รวดเร็ว สิ่งที่สมภารสอนพานจำได้หมดทุกสิ่ง สมภารจึงมอบความรู้ให้จนหมดไส้หมดพุง
 สมภารพาเด็กชายพานซึ่งตอนนี้เริ่มเป็นหนุ่มแล้วให้ไปรับราชการกับพญาราชบุรี ที่เมืองราชบุรี ด้วยนายพานเป็นคนฉลาดสติปัญญาดี แถมด้วยมีความสุภาพเรียบร้อยทำให้พญาราชบุรีโปรดปรานเป็นพิเศษถึงกับยกย่องให้นายพานเป็นพระโอรสบุญธรรม คนมีบุญอย่างไรเสียก็ต้องได้รับผลบุญนั้นวันยังค่ำ
ถึงนายพานจะไม่ได้รับการเลี้ยงดูและยกย่องในฐานะพระโอรสแห่งเมืองนครชัยศรี เมื่อเติบใหญ่ได้รับโอกาสให้ดำรงตำแหน่งพระโอรสบุญธรรมของพญาราชบุรี ดูซิว่าคำทำนายของโหรหลวงใกล้จะเป็นความจริงแล้วหรือยัง
สมัยนั้นเมืองราชบุรีนับเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครชัยศรี สมัยนี้ราชบุรีเป็นจังหวัดแต่นครชัยศรีเป็นแค่อำเภอในจังหวัดนครปฐม ทุกสิ่งเปลี่ยนแปรได้ตามกาลเวลา
เจ้าผู้ครองนครพญาราชบุรีต้องส่งเครื่องบรรณาการไปให้พญากงแห่งเมืองนครชัยศรีเป็นประจำทุกปี
นายพานซึ่งตอนนี้เป็นถึงพระโอรสบุญธรรมของพญาราชบุรีได้เสนอว่าเราควรงดเว้นการส่งเครื่องบรรณาการ และแข็งข้อกับพญากงเสียทีเพราะดูจากกองกำลังทหารที่มีอยู่ เราไม่ได้ด้อยกว่าสักเท่าไร
เมื่อพญาราชบุรีแข็งข้อไม่ยอมส่งเครื่องบรรณาการมาถวายดังเช่นที่เคยทำมาเป็นประจำทุกปี ทั้งสองเมืองจึงต้องส่งกองกำลังทหารออกมาสู้รบกันเพื่อให้รู้แพ้รู้ชนะ
ถ้าพญาราชบุรีชนะพญากงแห่งเมืองนครชัยศรีจะไม่ต้องส่งเครื่องบรรณาการมาถวายแต่ถ้าเกิดแพ้ล่ะคงต้องส่งเครื่องบรรณาการมาถวายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมกระมัง
จากนายพานเด็กที่พ่อไม่ต้องการ ชะตาเกือบขาดเพราะคำสั่งพ่อให้เอาไปฆ่าทิ้งเสียกลับกลายเป็นพญาพานพระโอรสบุญธรรมของพญาราชบุรี แล้วคำทำนายของโหรหลวงใกล้จะเป็นความจริงไปทุกขณะ
พญาราชบุรีไม่ได้ออกรบด้วยตนเองเมื่อพญาพานเสนอว่าไม่ควรส่งเครื่องบรรณาการไปถวายพญากงแห่งเมืองนครชัยศรีนั้น พญาพานได้อาสาออกรบด้วยตนเอง
เมื่อต้องสู้รบกันด้วยการชนช้างกระทำยุทธหัตถีนั้น พญาพานได้ใช้พระแสงของ้าวฟันไปที่คอของพญากงทำให้คอขาดคาช้าง เมื่อพญาพานได้รับชัยชนะจึงกรีฑาทัพเข้าสู่เมืองนครชัยศรี
ผู้ชนะย่อมได้สิทธิ์ครอบครองทุกสิ่งของผู้แพ้ ไม่เว้นแม้แต่ทรัพย์สินศฤงคาร ภรรยาและบุตร พญาพานเข้าวังและหวังเข้าหาพระมเหสีของพญากง
เทวดาอารักษ์เกรงจะเกิดบาปกรรมที่รุนแรงมากกว่าการฆ่าพ่อคือการเอาแม่มาเป็นเมีย
เทวดาแปลงร่างเป็นแมวแม่ลูกอ่อนนอนให้ลูกกินนมขวางประตูห้องของพระมเหสีของพญากง แล้วเอ่ยปากบอกความจริง พญาพานตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าสิ่งที่แมวพูดเป็นความจริงขอให้น้ำนมแม่ไหลออกมาให้เห็น
แล้วเป็นไปตามนั้น พญาพานจึงรู้ว่าตนได้ทำปิตุฆาตเพระความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และทำให้คำทำนายของโหรหลวงเป็นจริงขึ้นมา
ด้วยอารมณ์โมโหชั่ววูบพญาพานบันดาลโทสะไปหายายหอมแล้วฆ่าทิ้งโดยไม่ไต่ถามเรื่องราว เท่ากับพญาพานทำบาปมหันต์สองครั้งสองคราเลยทีเดียว
พญาพานคิดว่ายายหอมปกปิดชาติกำเนิดของตนทำให้ตนพลาดท่าไปฆ่าพ่อแท้ ๆ ของตัวเองเข้า ทั้งที่ยายหอมไม่ได้รู้เห็นเพียงแต่ได้เก็บเด็กคนหนึ่งที่ถูกทอดทิ้งมาเลี้ยงดู
บาปมหันต์หนักหนาเช่นการฆ่าบุพการีหรือผู้ที่เลี้ยงดูอบรมตนมานี้คงไม่มีการกระทำใดมาลบให้หมดไปได้ แต่ทำบ้างยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างน้อยให้รู้สึกว่าตนได้พยายามแก้ไขในสิ่งที่ได้ทำผิดพลาดมาแล้ว
สิ่งที่พญาพานพอจะแก้บาปที่เกิดขึ้นในใจได้คือการสร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สูงเทียมนกเขาเหิน ซึ่งได้ชื่อต่อมาภายหลังว่า พระปฐมเจดีย์และพระประโทนเจดีย์เพื่อล้างบาปที่ตนกระทำต่อพระบิดาพญากงและยายหอมที่เลี้ยงดูตนมาและช่วยให้ตนได้มีชีวิตรอดเป็นผู้เป็นคน
เรื่องนี้ทำให้คิดว่า การเชื่อคำทำนายควรตั้งหลักหาวิธีแก้ไขจะดีกว่าหลีกเลี่ยงหรือปัดปัญหาให้พ้นตัว ไม่ใช่เชื่อแบบงมงาย และคิดว่าไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้ ทำนายเช่นไรต้องเป็นเช่นนั้น
ถ้าพญากงเลี้ยงดูพญาพานด้วยความรักใคร่เอ็นดูเป็นอย่างดีมีหรือที่ลูกจะฆ่าพ่อได้ลงคอ เพราะลูกไม่รู้จักพ่อ ไม่เคยได้รับการอบรมเลี้ยงดูเยี่ยงลูกจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ตามคำทำนายได้
การหลงเชื่องมงายกับคำทำนายทำให้พลาดท่าเสียทีเกิดผลเสียหายร้ายแรงตามมา
บางคนไม่กล้าไปหาหมอดูเพราะว่าถ้าทายแม่นมาก ๆ จะเกิดจิตตกวิตกจริตมากเกินเหตุจนไม่ทำสิ่งใด บางคนเชื่อและหาทางหักล้างหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น บางคนร่ำรวยเพราะเชื่อถือในคำทำนายทายทักโดยเฉพาะพวกที่ต้องทำมาค้าขายอยู่กับสิ่งไม่แน่นอน
พญาพานทำผิดบาปมหันต์เสียชื่อเสียงมีมลทินเพราะตัวของพญาพานเองที่ฆ่าคนตายและบังเอิญคนนั้นเป็นพ่อแท้ ๆ ของตนเอง มิหนำซ้ำยังโกรธจนไปฆ่ายายหอมผู้ที่มีพระคุณเลี้ยงดูตนเองมาอีก
ตัวของเราเท่านั้นที่เป็นผู้ทำและเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น ไม่มีใครมารับผิดแทนเราได้ไม่ว่าเขาจะสนิทชิดเชื้อหรือเต็มใจที่จะรับผิดแทน ในกรณีนี้อาจตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อไม่รู้ไม่ตั้งใจทำปิตุฆาต บาปกรรมนั้นจะหนักหนาสาหัสเท่ากับมีเจตนาหรือไม่ บางคนบอกว่าเจตนาเป็นตัวกำหนดความหนักเบาของบาปกรรม ถ้ามีเจตนาแล้วทำสำเร็จย่อมบาปหนักกว่าไม่เจตนาแต่ทำไป หรือเจตนาแต่ทำไม่สำเร็จ และถ้าไม่เจตนาและผลแห่งการกระทำไม่สำเร็จคงไม่มีบาปกรรม
 
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นรับกันเอง
ใครทำสิ่งใดย่อมได้รับสิ่งนั้นตอบแทน
ไม่ใช่มีผลแค่ชาตินี้เท่านั้น
แต่ยังตามหลอกหลอนไปชาติหน้าด้วย

 



Create Date : 12 มีนาคม 2563
Last Update : 12 มีนาคม 2563 4:41:52 น.
Counter : 2949 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments