All Blog
เรื่อง กวางป่ากับพวงองุ่น
เรื่อง กวางป่ากับพวงองุ่น
 
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ชายป่าแห่งหนึ่งที่มีต้นองุ่นขึ้นเองตามธรรมชาติ ใคร ๆ รู้จักองุ่นกันทั้งนั้น องุ่นเป็นพืชยืนต้น เป็นไม้พุ่มเลื้อย จะเจริญเติบโตตามธรรมชาติได้เองและเลื้อยเกาะกิ่งไม้ ใบกลมขอบหยักเว้าลึก 5 พู โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ดอกออกเป็นช่อแยกแขนง ผลย่อยรูปกลมรีและฉ่ำน้ำ มีผิวนวลเกาะและรสหวาน มีสีเขียว, ม่วงแดงและม่วงดำแล้วแต่พันธุ์ ในผลมีเมล็ดประมาณ 1 - 4 เมล็ด
องุ่นที่ขึ้นเองตามธรรมชาติคงจะกินได้สะดวกปากไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีสารเคมีตกค้างเช่นองุ่นที่มีคนปลูกกันเองในปัจจุบันที่มักจะพ่นยากันแมลงจนน่ากลัวสารเคมีที่ตกค้าง เมื่อทำให้องุ่นแห้งจะเรียกว่าลูกเกดแทนที่จะเรียกว่าลูกองุ่น องุ่นสีเขียวพอตากแห้งแล้วจะกลายเป็นลูกเกดสีเหลืองส่วนองุ่นสีม่วงแดงพอตากแห้งสีจะออกน้ำตาลเข้ม ส่วนองุ่นม่วงดำคนมักเอามาทำไวน์
ลูกเกดสีน้ำตาลเข้มรสชาติจะหวานจัดกว่าลูกเกดสีเหลือง เขาว่ากันว่าลูกเกดทั้งสีเหลืองและสีน้ำตาลเข้มนี้จะมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายนักจึงควรซื้อหามากินกันบ้าง
กาลครั้งนั้นที่ป่าแห่งนี้มีกวางป่าตัวหนึ่งและพรานป่าอีกคนที่คอยตามล่ากวางป่าตัวนี้อยู่
ณ ชายป่าแห่งนี้นี่เองกวางป่าวิ่งหนีพรานป่าเตลิดเข้าไปในต้นองุ่น กวางป่าทำเสียงออดอ้อนอย่างสุภาพอ่อนโยนว่า ต้นองุ่นจ๋าข้าหนีร้อนมาพึ่งเย็นอาศัยความมีเมตตาของท่านช่วยปกปักรักษาชีวิตของข้าน้อยด้วยทีเถิดเพราะพรานป่ากำลังวิ่งไล่ตามล่าข้าน้อยอยู่ เสียงออดอ้อนเช่นนี้ทำให้ต้นองุ่นที่ไม่ได้รู้จักมักจี่หรือคุ้นเคยกับกวางป่าตัวนี้มาก่อนอดสงสารไม่ได้
กวางป่าพูดจบแทรกตัวหลบเข้าไปในต้นองุ่นทันที ต้นองุ่นไม่ได้โวยวายหรือรังเกียจเดียดฉันท์แต่อย่างใด จังหวะนั้นเองพรานป่าวิ่งตามมาพอดีแต่ไม่อาจมองเห็นกวางป่าได้ คิดสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วกวางป่าหายไปไหนนะ มันน่าจะผลุบหายไปในต้นองุ่นนี่แหละ พรานป่าเป็นผู้มีมารยาทไม่ผลีผลามฟันต้นองุ่นในทันที แต่พรานป่าได้เอ่ยปากถามต้นองุ่นอย่างสุภาพว่า เห็นกวางป่าวิ่งผ่านมาทางนี้บ้างหรือเปล่าหนอ
ต้นองุ่นเห็นพรานป่านิสัยดีแต่สงสารกวางป่าที่อาจโดนจับไป ได้แต่พลอยร่วมมือกับกวางป่ามุสาบอกพรานป่าว่า ไม่เห็นหรอก มันคงไม่ได้วิ่งหนีมาทางนี้กระมัง เมื่อพรานป่าได้ฟังคำตอบจากต้นองุ่นไม่คิดว่าต้นองุ่นจะพูดมุสาหลอกลวงตนจึงวิ่งไล่ล่ากวางป่าไปอีกทางหนึ่ง
            เจ้ากวางป่าผู้ซึ่งเพิ่งจะได้รับการช่วยเหลือจากต้นองุ่นที่ช่วยโกหกหลอกพรานป่าไป เพียงเสี้ยวนาทีเดียวที่ช่วยทำให้ตนรอดชีวิตมาได้อย่างเฉียดตายกลับไม่นึกถึงบุญคุณอันใหญ่หลวงในครั้งนี้ มันกัดกินพวงองุ่นอันแสนจะโอชะนี้ทันที
พวงองุ่นที่โดนกวางป่ากัดกินรู้สึกเจ็บจึงร้องโอดโอยบอกต้นองุ่นว่า เจ็บนะ ช่วยด้วย ๆ ต้นองุ่นตะโกนด้วยความไม่พอใจว่า เจ้ากวางป่าผู้ไม่รู้จักบุญคุณของข้ากลับกล้ามาทำลายพวงองุ่นของข้าได้
            กวางป่าหัวเราะเยาะหยันว่า ต้นองุ่นเอ๋ยทำไมเจ้าจึงโง่เช่นนี้นะ พวงองุ่นอันแสนจะโอชะนี้ใครจะไม่อยากกินเล่า แล้วถ้าข้าไม่กินเดี๋ยวสัตว์อื่นผ่านมาก็ต้องกินอยู่ดีนั่นแหละ ต้นองุ่นโกรธมากที่พวงองุ่นสวย ๆ โดนกวางป่าที่เพิ่งจะช่วยเหลือมาหยก ๆ กัดกินอย่างหน้าตาเฉย คิดว่าอย่างนี้เรียกว่าปิดทองหลังพระกระมัง ทำคุณกับใครไม่ขึ้น เขามองไม่เห็นสิ่งดีงามที่เราทำ
            ทันใดนั้นเองพรานป่าอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านมาพอดี อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เรียกว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกเสียมากกว่า เขามองเห็นกวางป่ากำลังกัดกินพวงองุ่นอย่างเอร็ดอร่อยเพลิดเพลินจนลืมระวังภัยให้ตัวเอง เขาคิดในใจว่า โชคดีอะไรเช่นนี้ วันนี้ล่ากวางป่าได้ แล้วกวางป่าตัวนี้โดนพรานป่าคนนี้จับได้ในนาทีนั้นนั่นเอง มันไม่อาจร้องขอชีวิตหรือตะโกนให้ต้นองุ่นได้ช่วยเหลืออีกครั้ง ต้นองุ่นรู้สึกสาแก่ใจมากที่เจ้ากวางป่าผู้ชั่วร้ายโดนพรานป่าจับไปเสียได้
            นิทานเรื่องนี้สอนให้คิดว่า คนที่ไม่รู้จักการทดแทนบุญคุณมักจะประสบแต่หายนะ แทนที่คิดจะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยช่วยตนกลับไปทำร้ายให้เขาบาดเจ็บแบบนี้มันสมควรไหมล่ะ การกตัญญูรู้คุณคนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สังคมอยู่รอดได้ ผู้ที่อ่อนแอต้องการการช่วยเหลือครั้นเมื่อแข็งแรงดีแล้วควรจะช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่าตนไปเรื่อย ๆ
            ในสังคมกลางเมืองใหญ่ บ้านหลังหนึ่งอาจมีทั้งพ่อแม่ปู่ย่าตายายและหลานตัวเล็ก ๆ เมื่อหลานยังเป็นเด็กเล็กไม่รู้ประสีประสา ใครจะช่วยเลี้ยงดูถ้าไม่ใช่ปู่ย่าหรือตายาย เมื่อพ่อแม่ไปทำงานปู่ย่าตายายรับภาระเลี้ยงดูหลาน ครั้นหลานโตขึ้น ปู่ย่าตายายแก่ตัวลงจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใครล่ะจะเลี้ยงดูพ่อแม่ปู่ย่าตายายถ้าไม่ใช่ลูกหลาน มันเป็นเช่นนี้ชั่วนาตาปีในสังคมมนุษย์
            เรื่องนี้ต้องอ้างสำนวนจีนที่ว่า บุญคุณต้องทดแทน แต่ไม่ต้องพูดต่อว่า แค้นต้องชำระหรอก มันจะจบไม่สวย ถ้ากวางป่ารู้จักสำนึกในบุญคุณของต้นองุ่นและไม่กัดกินพวงองุ่นอย่างเพลิดเพลิน ไม่พูดจายโสโอหังเช่นนี้ เมื่อพรานป่าคนใหม่มา กวางป่าอาจจะได้รับการช่วยเหลือจากต้นองุ่นอีกครั้งก็ได้แล้วไม่ต้องมาจบชีวิตอันน่าเศร้าเช่นนี้
 
สำนึกในบุญคุณผู้มีพระคุณ
ชาตินี้ไม่มีวันล่มจม
ถ้าลำเลิกในบุญคุณ
อาจหมดเนื้อหมดตัวได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

 
 



Create Date : 03 ตุลาคม 2562
Last Update : 3 ตุลาคม 2562 5:25:15 น.
Counter : 1225 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments