All Blog
จิ๋นซี2
มีอำนาจ แต่ไม่อาจสืบทอดต่อได้
ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้นับเป็นผู้นำเผด็จการตัวจริงที่ได้บันทึกในประวัติศาสตร์จีน
เผด็จการมีอำนาจล้นฟ้า
ชี้ไม้เป็นนก คนทั้งหล้าต้องมองเห็นเป็นนก
ใครบังอาจคัดค้าน หัวคงไม่ได้อยู่บนบ่า
สองพันกว่าปี ต้องเข้าใจว่า ไม่มีคำว่าสิทธิเสรีภาพหรอก ไม่มีสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคเท่าเทียมคงยังไม่ผุดขึ้นมาในสมองอันน้อยนิดของมนุษย์ ได้แต่รับรู้สถานะแรกเกิดของตน ก้มหน้ารับกรรมจวบจนชีวิตจะหาไม่
 
แต่ไม่ใช่กับอิ๋งเจิ้ง ผู้ไม่ยอมศิโรราบให้กับใคร
ช่วงแรกที่ตกระกำลำบาก แม่โดนทรมานและถูกฆ่าตาย ตนต้องซัดเซพเนจรเป็นกรรมกรแรงงานทาสที่ถูกกดขี่ข่มเหง และมีคนมายัดเยียดตำแหน่งอ๋องให้ ยิ่งกว่าสวรรค์ประทาน ใครจะไม่รับตำแหน่ง คงโง่เต็มที
เพราะเหตุที่ไม่ใช่อิ๋งเจิ้ง ลูกอ๋องเจ้าเมืองตัวจริง แม่ที่คนยัดเยียดให้ ไม่ใช่แม่ที่แท้จริง แถมยังรู้ว่า แม่เป็นนางบำเรอของเสนาบดี โดยความจริงอิ๋งเจิ้ง อาจไม่ใช่ลูกอ๋องด้วยซ้ำ แต่เป็นลูกของเสนาบดีหลี่ต่างหาก
ตัวปลอมที่ไม่ได้ผูกพันทางสายเลือด จึงไม่ได้ห่วงหาอาทรกับแม่หรือพ่อ ถึงจะรู้ว่าแม่แอบได้กับองครักษ์จนมีลูก จึงกล้าประหาร
เสนาบดีหลี่จึงใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะให้ลูกของตนที่เกิดจากสนม ได้เป็นอ๋อง
ทันทีที่รับรู้ว่า อำนาจอ๋องนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เมื่อตกกระไดพลอยกระโจน จึงเสวยอำนาจอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
นอกจากอิ๋งเจิ้งจะยิ่งใหญ่ในช่วงนั้น ยังแสดงแสนยานุภาพ แสดงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาจนถึงทุกวันนี้ มีใครไม่รู้จักฉินจิ๋นซีฮ่องเต้บ้างล่ะ
มีคนบอก ฉิน จิ๋น เป็นรากศัพท์ของคำว่า จีน และ China ด้วยซ้ำ
 



Create Date : 17 มกราคม 2567
Last Update : 17 มกราคม 2567 17:39:18 น.
Counter : 312 Pageviews.

0 comment
ฉินจิ๋นซี1

อิ๋งเจิ้งคือใครกัน จึงสามารถเปลี่ยนขั้วอำนาจได้
ผ่านไปเนิ่นนาน ใครยิ่งใหญ่พอมีอำนาจ รวบรวมสมัครพรรคพวกและคนติดตาม รวมตัวกัน อยู่ด้วยกัน คนยิ่งใหญ่ทำตัวเป็นใหญ่ ดูแลปกครองพวกพ้อง
ที่จีนเรียกคนที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองหรือรัฐของตนว่า อ๋อง
ตอนนั้น อ๋องที่ยิ่งใหญ่มี 6 คน
เจ้าครองนคร 6 รัฐ ต่างเป็นใหญ่ ต่างปกครองรัฐของตน ไม่ขึ้นตรงต่อใคร เหตุไฉนวันดีคืนดี ตนหลุดจากอำนาจที่เคยยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินของตน ตกเป็นเบี้ยล่างของอิ๋งเจิ้ง
เป็นเพราะมีคนเก่งอย่างอิ๋งเจิ้งกระนั้นหรือ
คนเก่งสามารถยึดทุกสิ่งไปจากตนได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นรึ
เขาแสดงตนว่าเขายิ่งใหญ่เหนืออ๋องทั้งปวง โดยเรียกเจ้าครองนครว่า อ๋องตามเดิม แต่ให้เปลี่ยนสรรพนามของตนเป็น ฮ่องเต้ ซึ่งแปลว่า เป็นเจ้าที่เหนืออ๋องทั้งหลาย
แค่คำเรียก บ่งบอกว่า เขายิ่งใหญ่เหนือกว่าใคร ๆ ซะแล้ว
เพราะฮ่องเต้ปกครองอ๋องอีกที
ได้ยินคำว่า อ๋อง เข่าแทบทรุดแล้ว
พอได้ยิน ฮ่องเต้ คงแทบหมอบราบลงกับพื้น มิกล้าแม้แต่เงยหน้าปะทะผู้มีอำนาจดุจเทพเจ้าไม่
 
แล้วอิ๋งเจิ้งเป็นใครกัน
แฟนหนังจีนคงผ่านตาดูหนังฉินจิ๋นซีฮ่องเต้หลายเวอร์ชั่นมาก
ไม่มีใครการันตีว่า เป็นเรื่องจริงมากน้อยเพียงใด
โถ ๆ มันผ่านมานานอักโข มีแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง แม้ว่าจะมีการจดบันทึกลงไม้ไผ่แล้ว และอิ๋งเจิ้งนี่แหละอาจหาญสั่งทำลายตำราไม้ไผ่ที่ขัดต่อความคิดความเชื่อของตนจนหมดสิ้น
อย่างนี้ ไม่เรียกว่าเผด็จการล้มล้างจารีตวัฒนธรรมความคิดความเชื่อของผู้คนในยุคนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่เพียงเท่านี้หรอก ทำยิ่งกว่านี้ซะอีก
ด้วยประวัติ เขาเป็นเพียงลูกอ๋องที่เกิดจากสนมคนหนึ่ง แล้วส่งตัวไปเป็นตัวจำนำยังอีกเมือง
ที่เล่ากันมา คนที่ได้เป็นฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ ไม่ใช่ลูกอ๋อง แต่เป็นชายหนุ่มที่โดนอุปโหลกให้เป็นตัวแทน ด้วยอิ๋งเจิ้งตัวจริงพลาดท่าเสียทีดันมาตายเสียก่อนนี่
หนุ่มตัวแทนนี้ค่อนข้างเกเร ไม่ได้อยากเป็นอิ๋งเจิ้งหรอก แต่ไม่รู้ยังไง ชะตาพลิกผันต้องตกระกำลำบาก สุดท้ายเลยจำต้องยอม
เด็กเกเรที่กล้ามุทะลุ เมื่อโอกาสอำนวย จึงแสดงตัวตนได้ยิ่งใหญ่
 



Create Date : 17 มกราคม 2567
Last Update : 17 มกราคม 2567 17:11:08 น.
Counter : 342 Pageviews.

0 comment
661102 ปมปกปิดชาติกำเนิด
661102 ปมปกปิดชาติกำเนิด by DrPK
            ปมในใจ อาจเกิดจากพ่อไม่ยอมรับ หรือเป็นลูกนอกสมรส
            ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด มีนัยยะซ่อนเร้นมากน้อยแค่ไหน
            คำถามมากมายผุดขึ้นมา แต่คงไม่ได้รับคำตอบ
            บางคนอาจเกิดปมด้อยทำตัวเหลวแหลก
บางคนอาจยิ่งเพิ่มแรงทะยานอยาก
สมัยกรุงศรีอยุธยา เคยเกิดเหตุเช่นนี้ ไม่ใช่บันทึกทางการ แต่เป็นเรื่องเล่าเม้าท์มอยส์ ให้คนอ่านตั้งคำถามว่า จริงเท็จมากน้อยเพียงใด
ไม่มีใครการันตีว่าจริง ได้แต่เล่าสืบต่อกันมา
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ผู้ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองสุดขีด ตามประวัติ เป็นเพียงบุตรขุนนาง มิใช่เจ้าฟ้าหรือพระราชโอรส
คนสามัญธรรมดาได้ปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นพระมหากษัตริย์ และสถาปนาราชวงศ์ปราสาททอง ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
เรื่องเล่าว่า แท้จริงเป็นพระราชโอรสในพระมหากษัตริย์รัชกาลก่อน แต่มิได้รับรองเป็นทางการ
เมื่อจะมอบอำนาจจึงให้เจ้าฟ้าไชย บุตรที่เกิดก่อนพิธีราชาภิเษก แทนที่จะให้พระนารายณ์ราชกุมารพระราชโอรสจากพระอัครมเหสี ทำให้เกิดเหตุยุ่ง ๆ
พระศรีสุธรรมราชาพระอนุชาร่วมมือกับพระนารายณ์ราชกุมารแย่งชิงได้ สุดท้ายพระนารายณ์ราชกุมารแย่งต่อ ด้วยข้ออ้างว่า จำต้องปกป้องกรมหลวงโยธาทิพ พระขนิษฐา ให้รอดพ้นจากพระศรีสุธรรมราชา
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมิประสงค์ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน เมื่อได้ลูกชายจากเจ้านางต่างเมือง จึงยกให้สหายสนิท กาลต่อมาคือสมเด็จพระเพทราชา
เด็กชายเดื่อหรือพระเจ้าเสือจึงมีปมในใจเช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ที่เป็นลูกชายของพระมหากษัตริย์ แต่มิได้รับรองให้เป็นพระราชโอรส แม้จะได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดียิ่ง
สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ล้างเจ้านายราชวงศ์เดิมด้วยเหตุจำเป็น เช่นเดียวกับพระเจ้าเสือได้ล้างพระปีย์บุตรบุญธรรม ที่มีทีท่าจะได้สืบอำนาจต่อ
ข้ออ้างว่า มิใช่พระโอรส รูปร่างเตี้ย หลังค่อม ด้อยปัญญา และเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ ที่สำคัญนิยมชาติตะวันตกมาก คงไม่แคล้วกรุงศรีต้องตกเป็นเมืองขึ้น
ปมในใจทำให้กล้าทำสิ่งที่บางคนคิดว่าไม่น่าทำ แท้ที่จริงเพราะความรักชาติ ต้องการให้ชาติอยู่รอด
 



Create Date : 02 พฤศจิกายน 2566
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2566 10:38:43 น.
Counter : 441 Pageviews.

0 comment
รักสุดท้าย เจ้าชายนอกบัลลังก์
รักสุดท้าย เจ้าชายนอกบัลลังก์

รักระหว่างรบ หวานชื่นในความวุ่น
 
 
เศร้าแรกที่จ้าวทัศน์จากลา ยังไม่ลางเลือนจางหาย ยังความคลางแคลงใจมาสู่ผู้คน แต่ยังมิทันคลายความเศร้าโศก จำต้องโศกเศร้ากว่าเดิมซ้ำร้ายมาเยือนกระทันหันอีกครา
 
รักแรกสมหวัง ท่ามกลางความยุ่งวุ่นวายของราชสำนัก
สิงห์ตัดสินใจแต่งงานกับแม่เอื้อย ท่ามกลางความยุ่งเหยิงทางการเมือง
ดูไปแล้ว ไม่น่าเลย ที่จะจัดงานแต่ง
แต่ความรักที่สุกงอมทำให้รอคอยฤกษ์พานาทีที่เหมาะที่ควรไม่ได้
สิงห์หน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลาของงาน ถึงจะดูยุ่ง ๆ กับพิธีการ หาทำให้สองหนุ่มสาวหงุดหงิดแม้แต่น้อย
สีหน้าที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของสิงห์ ดูแปลกตาไปสำหรับผู้ได้รับเกียรติพิเศษมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญของบ่าวสาว ปกติมีแต่สีหน้าเรียบเฉย ออกจะเป็นคนขี้เก๊กเสียด้วยซ้ำ และหน้าที่ออกบึ้งตึงดุเด็ดเผ็ดมันยามที่ลูกน้องไม่ได้ดั่งใจ
ทุกคนรับรู้ว่า บ่าวสาวรักกันจริงแท้แน่นอน หน้าตาจึงอิ่มเอิบ ดูมีความสุขที่ซ่อนเร้นในอกและพลอยทะลักออกมานอกใจให้ใคร ๆ ได้ปรากฏเห็น
“ในที่สุดพี่ท่านได้แม่เอื้อยมาครองรักสมใจ คืนนี้ขอให้พี่ท่านสุขสมอารมณ์หมายทุกประการนะขอรับ” แก้วกล่าวพลางยิ้ม ๆ ในหน้า ขณะรอส่งตัวหน้าห้องหอ
น้องสองคนที่สนิทสนมมาแต่วัยเยาว์ มีหรือจะพลาดมาร่วมส่งเข้าเรือนหอในคืนนี้ ตามประสาหนุ่ม ๆ ที่อยากเย้าแหย่ อดปากอดคำเจรจาไม่ได้
“เฮ้ย ไม่ต้องพูดมากความ คืนนี้ พรุ่งนี้ห้ามมากวนใจแล้วกัน ขอดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ให้หวานชื่นเต็มที่” สิงห์กล่าวตอบน้องเล็กที่มาร่วมส่งเข้าหอด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะยังมีผู้ใหญ่ยืนอยู่ข้าง ๆ น้ำเสียงมีความสุขล้นใจ จนออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“กระผมยินดีด้วยนะขอรับ ขอให้พี่ท่านมีความสุขสมใจไปตลอดนะขอรับ” ขวัญพูดอย่างเป็นทางการแล้วต่อท้ายด้วยการหยอดคำชม “รู้สึกยินดีจริง ๆ ที่พี่ท่านไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาอุปสรรค คว้าแม่เอื้อยมาครองคู่ได้ นับถือ ๆ ในความใจกล้าของพี่ท่านจริง ๆ”
ถึงมาดจะดูเป็นทางการ แต่สีหน้านั้นออกจะยิ้ม ๆ ขำ ๆ ท่าทีของพี่ท่านที่เขินอายนิด ๆ ผิดกับปกติที่สมเป็นชายชาติทหารมาดเคร่งขรึม คืนนี้พี่ท่านจะเป็นเช่นไรหนอ แอบรำพึงในใจ
“ขอบใจ ๆ น้องขวัญ น้องแก้ว อย่าลืม ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก ห้ามมากวนใจเป็นอันขาดนะ คืนนี้น่ะ” สิงห์ตอบยิ้ม ๆ ที่โดนเย้าแหย่จึงแกล้งตอบทีเล่นทีจริงแล้วเข้าเรือนหอเพื่อทำพิธีส่งตัวอย่างเป็นทางการจากบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่กันตามลำพัง สมใจที่รอคอยกันมานาน
คืนส่งตัวจะประกาศ ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของซึ่งกันและกัน
การเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามระเบียบแบบแผนจารีตประเพณี ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้
 
เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องหอ มีหรือที่สองหนุ่มสาวจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยมิได้กระทำการสิ่งใด อ้อมกอดของชายหนุ่มที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงสาวคนรัก ทำให้มีแต่ความสุขอิ่มเอิบล้นใจ
แม่เอื้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเขินอายตามประสาสาวที่ไม่เคยต้องมือชาย ชะม้ายชม้อยชายตามองสามี ที่โอบกอดนางอยู่ นางรู้สึกยินดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน พร่ำพรอดบอกรักอย่างหวานชื่น พร้อมคำมั่นสัญญาต่าง ๆ นานาว่าจะดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันตราบจนชีวิตจะหาไม่
หนุ่ม ๆ ที่นอนเฝ้าหน้าห้องหอหาวหวอด ๆ ตั้งใจแอบฟังเสียงที่อาจเล็ดลอดออกมา เผื่อเอาไว้ไปเย้าแหย่เมื่อเจอกันครั้งต่อไป แต่ไม่ได้ยินสักน้อย เพราะห้องหอนี้กว้างใหญ่มิใช่เบา และหนุ่มสาวที่อยู่ในห้องรู้อยู่เต็มอกว่า ขืนเอะอะมะเทิ่งหรือเสียงดังอึงไป คงรู้กันไปทั่วเรือนในวันต่อมาเป็นแน่
เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ริมหู โอบกอดเร้ารึงไปทั่วร่าง ทั้งสองคลึงเคล้าเรือนร่างซึ่งกันและกัน มิได้เปล่งเสียงอื้ออึงให้ใครต่อใครได้ยิน
ความสุขเช่นนี้ มากพอที่จะอิ่มเอมเปรมปรีด์และจดจำไปได้อีกนานแสนนาน
ความรักของหนุ่มสาวที่สมหวังได้ครองคู่อยู่ร่วมกันด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย รวมญาติสนิทมิตรสหาย แม้จะอยู่ระหว่างช่วงไว้ทุกข์ของเจ้านายสายตรง และบรรยากาศอันอึมครึมทางการเมืองของคนที่อยู่คนละฟากฝั่ง ว่าจะเดินเรื่องต่อเช่นใดกันแน่
คืนนี้ไม่มีความคิดที่น่าหวาดกลัวอันใด อาจหาญเข้ามาแทรกกลางระหว่างความอิ่มเอมเปรมใจของทั้งสอง มีแต่รักหวานชื่นสมหวังของหนุ่มสาวที่เฝ้ารอคอยคืนนี้มานานพอควร เป็นน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ทุกคู่จะได้พานพบประสบ และจดจำไปจนแก่เฒ่า มิมีลืมเลือน ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุโผล่เข้ามาแปรเปลี่ยน
 



Create Date : 06 กรกฎาคม 2566
Last Update : 6 กรกฎาคม 2566 9:00:53 น.
Counter : 421 Pageviews.

0 comment
#ยุทธวิถีผู้กล้าแห่งสามก๊ก #เศรษฐกิจนำหน้าการเมือง
#พรรณีเกษกมล
#ยุทธวิถีผู้กล้าแห่งสามก๊ก
#เศรษฐกิจนำหน้าการเมือง
มณฑลเอ๊กจิ๋ว โดยเจ้ามณฑลคนก่อน ไม่ได้ควบคุมตระกูลที่มั่งคั่ง ปล่อยให้เอารัดเอาเปรียบราษฎร แต่ตนกลับมีชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย ส่งผลให้คนจนยิ่งจนลง และคนจนเพิ่มมากขึ้น
ขงเบ้งเชื่อว่า จ๊กก๊กจะมั่นคง ด้วยการรักษาเสถียรภาพและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน ถ้าราษฎรมีฐานะความเป็นอยู่ดี ไม่แร้นแค้น
นโยบายนี้จะกวาดล้างข้าราชการทุจริต จำกัดการใช้อำนาจในทางที่ผิดของขุนนางต่อราษฎร ยกเว้นภาษี ลดการบังคับใช้แรงงานและการระดมกำลังทหาร จัดระเบียบทางการเกษตร เพื่อเพิ่มผลผลิตอาหาร บูรณะซ่อมแซมเขื่อน เร่งการผลิตเกลือ ผลิตไหม และโลหะ



Create Date : 17 พฤษภาคม 2566
Last Update : 17 พฤษภาคม 2566 10:24:41 น.
Counter : 554 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments