All Blog
3เมื่ออำนาจอยู่ในมืออย่ามั่นใจนัก


เมื่ออำนาจอยู่ในมืออย่ามั่นใจนัก

ผู้ใดครองอำนาจอยู่ผู้นั้นย่อมต้องการสงวนอำนาจให้อยู่ในกำมือตนให้นานที่สุด แม้นจะใกล้สิ้นลมหายใจยังต้องการให้อำนาจนั้นอยู่ตลอดไปแต่ใช่ว่าจะสมดังใจหวังทุกผู้คนเพราะอำนาจอาจบินหนีหายวับไปกับตา

อภิสิทธิ์ชนถือกำเนิดจากชนชั้นสูงหรือตระกูลผู้ดีที่เคยได้โอกาสผงาดขึ้นมาแต่เก่าก่อนและคงจะทยานต่อไป ส่วนคนสามัญธรรมดายากนักที่จะก้าวขึ้นมาเทียมบ่าเทียมไหล่ได้ แต่สิ่งนี้อาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป

ถ้าอ่านประวัติศาสตร์จีนจะรู้ว่า มีชาวบ้านที่เป็นชาวนาได้ปราบดาภิเษกตนเองเป็นฮ่องเต้และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ แม้แต่ขุนนางชั้นผู้น้อยมีโอกาสก้าวมาเป็นฮ่องเต้ได้เช่นกัน

นานมาแล้ว พ.ศ. 337 – 348 หลิวปังลูกชาวนาที่ยากไร้เกิดในอำเภอเพ่ยเสี้ยน ได้เป็นฮ่องเต้องค์แรกในราชวงศ์ฮั่น พระนามฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้

ต่อมา พ.ศ. 1161 –1169 หลี่หยวนเป็นขุนนางดูแลมณฑลไท่หยวนทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อราชวงศ์สุยล่มสลายลงหลี่หยวนได้จัดตั้งกองทัพขึ้นมาด้วยการสนับสนุนทางการเงินจากพ่อค้าไม้แซ่บูซึ่งเป็นพ่อของพระนางบูเช็กเทียนได้เป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ถัง พระนามถังเกาจู่ฮ่องเต้

พ.ศ. 1503 – 1519 เจ้ากวงอิ้นลูกชายของเจ้าหูยิ่น อายุ 21 ปี เดินทางรอนแรมแสวงหาอำนาจใหม่เมื่อพ่อสิ้นอำนาจวันหนึ่งนักพรตเต๋าทำนายว่าจะเจริญก้าวหน้า ถ้าเข้าสู่สงคราม เพราะพลังแห่งศรัทธาและความเชื่อมั่นจึงได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแคว้นโจว สุดท้ายเป็นซ่งไท่จู่ฮ่องเต้ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ซ่ง

พ.ศ. 1911 - 1941 จูหยวนจางชาวนา ปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงพระนามหมิงไท่จู่ฮ่องเต้

สมเด็จพระเอกาทศรถทรงชุบเลี้ยงนายน้อยศรีให้เป็นมหาดเล็กหลวงตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับตำแหน่งมหาดเล็กหุ้มแพรเมื่ออายุ14 และได้เป็นหัวหมื่นมหาดเล็กตำแหน่งจมื่นศรีสรรักษ์อายุเพียง17 ปี

นับเป็นการก้าวกระโดดที่รวดเร็วมากสำหรับการเป็นมหาดเล็กหลวงทั้งนี้เพราะเส้นสายที่ใหญ่โตด้วยเป็นหลานชายของพระสนมที่รักยิ่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ เป็นเพื่อนวิ่งเล่นกับเจ้าฟ้าสุทัศน์และพระอินทราชาด้วยเกิดในปีเดียวกัน และที่สำคัญที่หลายคนแอบซุบซิบคือเพราะเป็นพระโอรสลับในสมเด็จพระเอกาทศรถนั่นเอง

นอกจากเส้นสายเส้นสนกลในแล้ว ลักษณะเด่นของนายน้อยศรีคือเป็นเด็กฉลาดเฉลียวมีปฏิภาณไหวพริบสูงมากเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียน ชอบอ่านค้นคว้าเพิ่มเติมในหอบรรณาลัยที่เก็บตำราหลวงจึงรอบรู้เรื่องราวต่าง ๆ เหนือกว่าเด็กในวัยเดียวกันโดยไม่มีใครรู้ว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะแรงทะเยอทยานภายในใจที่สูงกว่าใคร ๆ

อีกสิ่งคือ นายน้อยศรีจะเข้าหาและใกล้ชิดกับสมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าฟ้าสุทัศน์และพระอินทราชามาก ๆ มากถึงมากที่สุด ด้วยเหตุใดคงมีแต่นายน้อยศรีที่รู้ว่าในใจตนคิดเช่นไรอาจคิดว่าเพราะตนคือพระโอรสเหมือนพระโอรสองค์อื่นกระมัง จึงสมควรได้รับสิ่งนี้เช่นเดียวกัน

เมื่อได้เรียนรู้กับพระอาจารย์พร้อมกับเจ้าฟ้าสุทัศน์และพระอินทราชามักเรียนได้รวดเร็วกว่า ยิ่งกว่านั้นยังใส่ใจการฝึกวิทยายุทธเรียกว่าเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ทีเดียว เป็นที่พึงพอใจของพระอาจารย์ทั้งหลายจนกราบทูลต่อสมเด็จพระเอกาทศรถให้ทรงรับทราบเสมอๆ ยิ่งทำให้สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพอพระทัยในนายน้อยศรีมากยิ่งขึ้น

นอกจากนายน้อยศรีจะมีมาดของผู้นำแต่เล็กแต่น้อยแล้วด้วยนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนทำให้สนใจอ่านหนังสือและไปพูดคุยกับผู้รู้ไม่ว่าจะเป็นบิดา เพื่อนบิดา คนต่างชาติที่มารับราชการ รวมทั้งอ่านหนังสือมากมายแทนการไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วไป ทำให้นายน้อยศรีดูโดดเด่นเหนือกว่าเพื่อน ๆ

บางคนอ่านประวัติศาสตร์พงศาวดารแล้วก็อย่างงั้น ๆ คืออ่านไปเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรติดค้างเข้ามาในสมองให้ขบคิดต่อ แต่คงไม่ใช่กับนายน้อยศรี นายพล นายเดช

เมื่อทั้งสามอ่านหนังสือเล่มใดมักหาโอกาสเสวนาเปิดประเด็นต่อกันเสมอ บางครั้งอาจนำไปพูดคุยบอกเล่าต่อเจ้าฟ้าสุทัศน์กับพระอินทราชายกเว้นเสียแต่เรื่องที่ชาวนาหรือขุนนางสถาปนาราชวงศ์ใหม่และปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้เพราะคิดแล้วเหมือนจะร่วมกันก่อกบฎอย่างไรไม่รู้ หรือมีความคิดเช่นนี้ในสมองได้อย่างไร

คนที่แอบมาขบคิดในใจอย่างจริงจังคงมีแต่นายน้อยศรี จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าตนคือลูกขององค์เจ้าเหนือหัวที่ปกปิดไม่เปิดเผยแต่แรกเพราะพระสนมนั้นดุมากถ้าบอกว่าน้องเธอเป็นเมียฉันและมีลูกด้วยกัน คงหาความสงบสุขจากพิษรักแรงหึงไม่ได้

“แค่ชาวนายังขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้ แล้วเราล่ะมีเลือดขององค์เจ้าเหนือหัวอยู่แท้ๆ เหตุไฉนจะขึ้นครองราชย์บ้างไม่ได้” คำรำพึงรำพันอย่างน้อยใจในคนที่คิดว่าเป็นพ่อก่อให้เกิดแรงทยานอยากอย่างแรงกล้าขึ้นมาในก้นบึ้งของหัวใจแล้วไม่กล้าเปิดเผยให้ผู้ใดล่วงรู้ ถึงแม้นเขาผู้นั้นจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงใดก็ตามเพราะหัวอาจหลุดจากบ่าไม่รู้ตัว ถ้ามีแม้นเพียงหนึ่งที่ล่วงรู้ความคิดที่อยู่ในใจนี้

เรื่องของคนธรรมดาที่ก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้นี้ ทั้งสามอ่านพบและเกิดความทะเยอทยานหวังก้าวหน้าในอาชีพแต่ไม่กล้าเขยิบสูงไปไกลถึงเป็นเจ้านายยกเว้นเพียงคนเดียว

แท้จริงแล้ว คนจะเป็นฮ่องเต้หรือผู้นำสูงสุดอยู่ที่การฝึกปรือและมีจิตวิญญาณอันแรงกล้าที่จะก้าวไปสู่จุดนั้นถ้ามัวแต่งอมืองอเท้ารอสวรรค์บันดาลหรือโชควิ่งเข้าหาอย่างเดียวคงไม่ได้เรื่องแน่

แม้แต่ชาวนาหรือขุนนางชั้นผู้น้อยมีโอกาสก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงสุดปกครองบ้านเมืองได้ขอแต่ให้มีฝีมือและความสามารถเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วทำไมตัวเขาจะเป็นเช่นนั้นบ้างไม่ได้ล่ะ นายน้อยศรีแอบคิดในใจคนเดียวบ่อยครั้งเพราะถ้าเรื่องซุบซิบเป็นจริง ตนมีเชื้อสายของเจ้านายเหมือนกัน

ด้วยเหตุที่มีความคิดเหล่านี้ฝังอยู่ในใจเมื่อได้อ่านประวัติศาสตร์จีนทำให้นายศรีมหาดเล็กน้อยผู้ที่ได้เริ่มเข้ารับราชการในกรมทหารรักษาพระองค์มีความทะเยอทยานอย่างสูงที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงที่สุดเท่าที่สติปัญญาจะพาไป จะไม่ยอมจมปลักอยู่กับตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษไปตลอดกาล

เมื่อมีเวลาว่าง นายน้อยศรีจะฝึกปรือฝีมือให้เหนือกว่าใคร ๆ ทุ่มเทเวลาเพื่อการฝึกซ้อมและใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้ ให้รอบรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ เรียกว่าทำตัวให้พร้อมเตรียมตัวเพื่อรับตำแหน่งที่แอบวาดหวังไว้ในใจ เผื่อว่าวันนั้นมาถึงตนจะเป็นในสิ่งที่หวังอย่างดีที่สุดอย่างที่ใคร ๆ คาดไม่ถึงทีเดียว

ทั้งนี้ได้นั่งเสวนาถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาพูดคุยกับเพื่อนอีก 2คน คือนายเดชและนายพล โดยเรื่องเช่นนี้จะเอ่ยปากพูดสียงดังฟังชัดย่อมทำไม่ได้แน่ จำต้องแอบซุบซิบคุยกันอย่างเบาๆ

การซุบซิบพูดจาตามประสาคนคอเดียวกันย่อมต้องทำในที่ลับ ไม่อาจแพร่งพรายสิ่งที่รู้ขยายไปยังคนอื่น เพราะไม่แน่ว่าผู้ที่รับรู้ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือเพื่อนคนอื่น ๆ จะคิดอ่านเช่นไร อาจโดนข้อกล่าวหาว่าพวกนี้สมคบคิดกันจะก่อการกบฎหรือเช่นไร

ใช่ว่าทั้งสามจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ เช่นคนทั่วไปที่กินเที่ยวเล่นอย่างไร้จุดหมายในชีวิตแต่ได้มุมานะฝึกปรือฝีมือทางการรบและศึกษาตำราพิชัยสงครามอย่างขมักเขม้นอย่างคนที่มีจุดหมายปลายทางของชีวิตอย่างชัดเจนพร้อมจะก้าวไปสู่ความฝันอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้จะเป็นก้าวเล็ก ๆ ของเด็กก็ตามแต่เป็นก้าวที่มั่นคงยิ่งนัก

คนเก่งที่มีอุดมการณ์ มีจิตใจอันแน่วแน่มีความเพียรพยายามอันแรงกล้า ย่อมนำพาตนไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตที่ต้องการได้เสมอไม่เว้นแม้แต่ผู้ใด

ยุคนี้เป็นช่วงที่กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองมีชาวต่างชาติมาค้าขายและรับราชการจำนวนมากการใช้เวลาพบปะกับคนต่างชาติต่างภาษาเพื่อเรียนรู้วิทยาการในโลกอีกฝั่งหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองกว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งนัก

เพราะความมุ่งมั่นที่จะเจริญก้าวหน้าพ.ศ. 2155 ณ กรมทหารมหาดเล็กวังหลวง กรุงศรีอยุธยา จากนายน้อยศรีมหาดเล็กวิเศษได้ก้าวหน้าเป็นถึงจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็ก ก้าวข้ามมาเคียงคู่ตำแหน่งจมื่นสรรเพชญภักดีจมื่นเสมอใจราช จมื่นไวยวรนารถมาโดยไม่ยาก

บัดนี้อำนาจทางทหารในกรมทหารรักษาพระองค์อยู่ในกำมือของจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็กในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถเช่นเดียวกับนายเดชได้เป็นหลวงเดชณรงค์ รองเจ้ากรมทหารรักษาพระองค์ และนายพลได้เป็นพระพลพิชัย รองเจ้ากรมพระตำรวจหลวง

อำนาจที่เคยฝันใฝ่มาแต่รู้ความและรู้ว่า ไม่ใช่เฉพาะพระโอรสเท่านั้นที่มีสิทธิ์สืบครองราชสมบัติต่อจากพระบิดา ทำให้ทั้งสามครุ่นคิดสงสัยว่ามันเป็นไปได้ในพงศาวดารจีน แต่ที่กรุงศรีย่อมไม่มีทางเป็นไปได้แน่ เพราะอัธยาศัยชาวสยามนั้นมีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ยิ่งนักคงไม่มีผู้ใดบังอาจหรืออาจหาญมาล้มล้างได้

เมื่อครั้งที่นายน้อยศรีได้เป็นจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็กนั้นนับว่าใหญ่โตมากแล้ว เพราะจมื่นนั้นนับได้ว่าเป็นใหญ่สุดที่คุมกรมทหารรักษาพระองค์หรือเป็นนายทหารใหญ่คุมกองกำลังรักษาพระราชวังคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พระราชวงศ์ทุกพระองค์โดยมีหลวงเดชณรงค์ และหลวงพลพิชัยเป็นกองกำลังสนับสนุน เรียกว่าเป็นพวกเดียวกันเออออห่อหมกตามกันไปในทุกเรื่องราว

อุดมการณ์และจิตใจอันแน่วแน่

ผนวกกับความเพียรพยายามอันแรงกล้า

ย่อมนำพาตนไปถึงจุดสูงสุดของชีวิต

ไม่มีเว้นแม้แต่ผู้ใดจะได้ในสิ่งต้องการเสมอ




Create Date : 30 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 15:38:08 น.
Counter : 544 Pageviews.

0 comment
11ข้อเท็จจริงหลายอย่างที่เกิดขึ้น


ข้อเท็จจริงหลายอย่างที่เกิดขึ้น

บางเรื่องบางราวที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะมาจากเพียงเหตุเดียวแต่อาจก่อตัวมาเนิ่นนานและมาจากหลายกระแส ซึ่งบางทีไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงรู้แต่เพียงว่ามันเกิดผลตามมาแล้วส่วนเหตุนั้นไม่แน่ชัด

สามนายทหารใหญ่จากกรมทหารรักษาพระองค์หาเวลามาพูดคุยกันเรื่องข่าวของเจ้าฟ้าสุทัศน์พระมหาอุปราชเจ้านายสายตรงกันอีกหลายครั้งหลายคราตามประสาคนที่สงสัยในการจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน

เช่นเดียวกับขุนนางอำมาตย์ แม้แต่ชาวบ้านกลายเป็นเรื่องที่พูดกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยวงในเฉพาะกลุ่มเพื่อนสนิท

เรื่องที่ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงต่างพากันขุดคุ้ยว่า สาเหตุมาจากเรื่องใดกันแน่ ต่างคาดเดากันไปต่าง ๆนานาและเชื่อแน่ว่า คงไม่มีใครกล้าสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้

เวลาพลบค่ำในเรือนของจมื่นศรีสรรักษ์ทั้งสามพูดคุยกันในเรื่องเดิม เรื่องที่ใคร ๆ ต่างพากันพูดคุย

จมื่นศรีสรรักษ์เปิดประเด็นขึ้นมาก่อนว่า“จำเรื่องที่พวกญี่ปุ่นมันก่อกวนได้ไหม”

หลวงพลพิชัยหัวเราะเสียงต่ำๆ “ใคร ๆ จำได้กันทั้งนั้น พวกมันคงคิดว่ามันแน่มากและไม่ได้ยำเกรงในพระราชอำนาจ”

หลวงเดชณรงค์“หรือพวกมันคิดจะยึดครองกรุงศรีอยุธยาเป็นของพวกมันเช่นเดียวกับพวกต่างชาติอีกหลายกลุ่มก้อน บ้านเรายิ่งใหญ่แลอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ใครๆ ก็อยากได้ครอบครอง”

จมื่นศรีสรรักษ์“แล้วองค์ท่านเจ้าฟ้าในฐานะพระมหาอุปราช ได้คิดวางแผนการให้ล้านช้างเข้ามาช่วยโดยหวังให้ปราบพวกญี่ปุ่นกลุ่มออกพระนายไวย”ถึงตอนนี้สีหน้าของจมื่นศรีสรรักษ์เคร่งเครียดยิ่งขึ้น“มันเป็นขุนนางคนโปรดขององค์เจ้าเหนือหัวสมเด็จพระเอกาทศรถ เพ็ดทูลอย่างไรพระองค์เชื่อว่าเป็นจริง ยิ่งกว่านั้น เชื่อกันว่า มันนั่นแหละคือหัวหน้าก่อการกบฏตัวจริงหวังจะเป็นกษัตริย์ แต่โบ้ยความผิดว่าเจ้าฟ้าของเราจะก่อการกบฏ แล้วพระโอรสของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่เป็นเจ้าล้านช้างเข้ามาช่วย”

หลวงเดชณรงค์“มันเลยยุ่งไปกันใหญ่ ทั้งว่าจะก่อกบฏ แล้วยังชักศึกเข้าบ้าน ไม่รู้ว่าออกพระนายไวยไปเพ็ดทูลเช่นไรจากขาวเป็นดำ จากดำเป็นขาว แทนที่มันจะโดนตัดหัวขั้วแห้งกลับกลายเป็นเจ้าฟ้าท่านผิดไปได้เสียนี่”

หลวงพลพิชัย“หรือมันนั่นแหละที่แอบวางยาพิษ โดยให้นางสนมพวกมันจัดการเพราะมันเข้านอกออกในได้อย่างง่ายดาย” ทำหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง“นางสนมคนไหนที่สนิทสนมกับมันมากเป็นพิเศษจนถึงขั้นกล้าทำเรื่องอุบาทว์ชาติชั่วได้เช่นนี้ตายไปตกนรกหมกไหม้แน่นอน แม้นชาตินี้เหาคงกินหัวมันจนหมดสิ้นแล้วเป็นแน่”

หลวงเดชณรงค์“มันได้ตำแหน่งจมื่นไม่นาน พอ ๆ กับพี่ท่าน บังเอิญจับพลัดจับผลูได้ไปอยู่ตำหนักองค์เจ้าเหนือหัวนิสัยช่างพูด ใส่ไฟ ตลบตะแลงตอแหลของมันทำให้มันได้ดิบได้ดีแต่มันทำเรื่องอัปรีย์ได้ถึงเช่นนี้ มันสมควรจะได้ตำแหน่งออกพระหรือไม่คงอีกไม่นานได้เลื่อนเป็นคุณพระ”

หลวงพลพิชัย “ฤาว่าองค์เจ้าเหนือหัวจะรู้ระแคะระคายว่าสิ่งที่ออกพระนายไวยเพ็ดทูลไม่จริงจึงเจรจาความกันตามลำพังมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้ความอาจจะกำลังหาทางดัดหลังและกำจัดกบฎออกพระนายไวยให้สิ้นซาก”

จมื่นศรีสรรักษ์“ถ้าอย่างนั้น คงเป็นมันนั่นแหละที่ออกพูดไปทั่วว่ามันได้ยินว่า เจ้าฟ้าสุทัศน์รายงานว่าจะขอคนออก แล้วองค์เจ้าเหนือหัวกริ้วตรัสว่า เจ้าจักเป็นกบฎหรือเพราะเท่าที่รู้ไม่มีแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดได้เข้าใกล้พอจะได้ยินเสียด้วยซ้ำไอ้นี่มันชาติชั่วจริง ๆ วางแผนสลับซับซ้อน โบ้ยความผิดไปหน้าด้าน ๆ ”เสียงที่พูดเน้นหนักด้วยความโกรธกริ้วและเกลียดชังจึงใช้คำพูดที่ดุเด็ดเผ็ดร้อนผิดวิสัยดั้งเดิม

หลวงพลพิชัย“ตั้งแต่มันชิดใกล้องค์เจ้าเหนือหัวคงใช้อำนาจบาตรใหญ่หวังสูงเกินศักดิ์คิดจะช่วงชิงบัลลังก์เสียเองสร้างอิทธิพลในหมู่ขุนนางอำมาตย์ให้เกลียดชังและต่อต้านเจ้าฟ้าสุทัศน์พร้อมทั้งลักลอบนำพวกญี่ปุ่นเข้ามาได้เป็นหลายร้อยนายทีเดียวมาเป็นกองกำลังที่จะก่อกบฏ”

หลวงเดชณรงค์เสริมต่อทันทีว่า“น่าจะเกือบ 500 นายทีเดียวกะจะโอบล้อมพระราชวังแล้วบังคับให้เกิดสิ่งที่มันต้องการโชคดีนะที่องค์เจ้าฟ้ารู้ทันพวกมันได้เสียก่อนเพียงแต่ยังปราบให้ราบคาบไม่ได้และยังสาวไม่ถึงต้นตอได้แต่คิดไปว่าพวกญี่ปุ่นเท่านั้น แท้ที่จริงอยู่ใต้การบงการของไอ้ออกพระนายไวยนี่เองถึงทำให้วุ่นวายได้ถึงเพียงนี้”

ทั้งสามกินไปคุยไปภายในเรือนที่เหล่าบริวารออกไปไกลจากเรือนแล้วด้วยไม่อยากให้เรื่องที่เจรจารู้ไปถึงหัวคนนอกแล้วไปพูดต่อความยาวสาวความยืดให้เรื่องยุ่งยากบานปลายอันเรื่องที่เจรจานี้ไม่เหมาะให้ใคร ๆรู้มากความไปกว่าข่าวลือที่พูดกันไปทั่วจนไม่รู้ว่าความใดจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน

พอคุยจนชักเหนื่อยนั่งเอนกายตามสบาย พอหายเหนื่อยและนึกออกว่ามีเรื่องใดจะพูดต่อจึงค่อยคุยกันไป

หลวงพลพิชัย“ไอ้คำที่ว่า ขอคนออก มันมีนัยซ่อนเร้นอะไรหรือขอรับพี่ท่าน”พลางผินหน้าไปหาพี่ทั้งสองเพื่อต้องการคำตอบ “คนนี่คือเจ้าล้านช้างหรือเปล่าขอรับหรือปลดออกพระนายไวยออกจากตำแหน่ง หรือย้ายคนของออกพระนายไวยออกไปเพื่อไม่ให้มันมีเส้นสนกลในหรือจะขอเอาใครออกจากคุกหลวง”

จมื่นศรีสรรักษ์ทำเสียงต่ำ“เมื่อไม่มีใครได้ยิน เลยไม่รู้ว่าจริงเท็จเป็นเช่นไร เพียงแต่หาเหตุพูดไปว่าขอคนออกแล้วทำให้องค์เจ้าเหนือหัวพิโรธหนักถึงขั้นบริภาษว่าเจ้าจักเป็นกบฏหรือนี่แหละแต่ไอ้คนที่ปล่อยข่าวออกมามันช่างคิดนะ ทำให้สับสนว่ามันได้เกิดเรื่องเช่นนี้จริงๆ “

หลวงพลพิชัย“แล้วที่เขาว่าออกพระนายไวยเป็นคนขององค์เจ้าเหนือหัวพระองค์ดำแล้วประสงค์จะให้พระโอรสในพระองค์ท่านได้ครองราชย์แทนเจ้าฟ้าสุทัศน์พระโอรสในองค์เจ้าเหนือหัวสมเด็จพระเอกาทศรถอีกล่ะจริงไหม เพราะเดิมที่องค์เจ้าเหนือหัวพระองค์ดำไม่ได้ตรัสมอบราชบัลลังก์ให้แก่ผู้ใดแต่ตามธรรมเนียมแล้วพระโอรสควรสืบต่อราชสมบัติ”

หลวงเดชณรงค์ “เขาว่ากันว่า ออกพระนายไวยกับพวกวงศ์วารพระยากำแพงเพ็ชรร่วมมือกันเพื่อการณ์นั้นจริงๆ ตอนนั้นพวกเขาคิดกันว่า สมเด็จพระเอกาทศรถจะแต่งตั้งพระมหาธรรมราชาพระโอรสในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นพระมหาอุปราชแต่กลับกลายไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง”

หลวงพลพิชัย“ตอนนั้นพระมหาธรรมราชาทรงหนีไปตั้งหลักที่ล้านช้างจริง แต่ทว่าครอบครัวโดนจับติดคุก

เจ้าฟ้าสุทัศน์คิดจะปล่อยครอบครัวกลับไปหาพระมหาธรรมราชาที่ล้านช้างเพื่อยุติปัญหาทั้งปวงระหว่างศึกสายเลือดที่อาจจะเกิดขึ้น”

จมื่นศรีสรรักษ์ “ออกพระนายไวยเป็นหัวหน้าในวางแผนการอันชั่วร้ายนี้ทั้งหมดถ้าไม่หวังยกแผ่นดินให้พระมหาธรรมราชา คงหวังครอบครองเสียเองเป็นแน่แท้”พูดพลางทำหน้าครุ่นคิด “เมื่อแผนการยังไม่บรรลุผลตามที่มันมุ่งหวังมันจะทำอะไรต่อไปนะ อย่างน้อยมันได้กำจัดเจ้าฟ้าสุทัศน์หลุดออกจากตำแหน่งพระมหาอุปราชได้แล้วตอนนี้คงพักรบก่อนมั๊ง ต้องรอดูทีท่าของพวกมันต่อไป”

หลวงเดชณรงค์ “พระมหาธรรมราชาพระโอรสในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นถึงวังหน้าได้รั้งเมืองพิษณุโลกใคร ๆ คาดว่า องค์ท่านควรจะได้ครองเมืองต่อจากพระราชบิดาแต่ไม่รู้มีสัญญาลับอะไรต่อกัน สมเด็จพระเอกาทศรถจึงได้ครองราชย์ต่ออาจเป็นเพราะทรงรักพระอนุชาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแล้วองค์ท่านไปเป็นเชยเสียที่เมืองพม่าหลายปีดีดัก คงคิดว่าเมื่อสิ้นพระอนุชาแล้วพระโอรสคงได้ครองราชย์สืบต่อมา เมื่อไม่ได้ตามที่คิดไว้ หัวเมืองทางเหนือที่พระมหาธรรมราชาทรงคุ้นเคยจึงรวมตัวกันแล้วเจ้าฟ้าสุทัศน์คงปรารถนาให้เป็นไปเช่นนั้นด้วย”

จมื่นศรีสรรักษ์สรุปสุดท้ายก่อนแยกย้ายไปนอนต่อที่เรือนของท่านนั่นแหละเพราะคุยกันนานค่ำมืดดึกดื่นแล้ว“มันผ่านมาแล้วยากจะแก้ไข พวกเราไม่ได้ป้องกันแต่แรกคราวนี้ต่อไปคงต้องระวังตัวกันมากขึ้น เชื่อแน่ว่าฝ่ายนั้นคงไม่ยอมลดราวาศอกง่าย ๆเพียงแต่รอพักสักระยะ เอ้าไปนอนกันดีกว่า”

บางเรื่องผ่านไปแล้วยากแก่การแก้ไข

รอเรื่องใหม่ที่จะผ่านมาอย่าเกิดซ้ำอีก

บางเรื่องเกิดแล้วปกปิดกะให้มิดชิด

แต่คนรุ่นหลังขุดคุ้ยให้โผล่มาได้อีก




Create Date : 01 สิงหาคม 2561
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 15:41:59 น.
Counter : 712 Pageviews.

3 comment
นิยายอิงประวัติศาสตร์


นิยายอิงประวัติศาสตร์

Historical fiction byDrPK

อันตัวเรานั้นอ่านนิยายจากนิตยสารตั้งแต่ชั้นป.4 กระมัง ด้วยที่บ้านเป็นร้านเสริมสวยจำต้องซื้อเอาไว้ให้แขกอ่านแขกคือคนที่มาเสริมสวยหาใช่คนขายถั่วตัวดำ ๆ ไม่และคิดฝันมาตลอดว่าอยากแต่งนิยายสักเล่ม จนเวลาล่วงเลยมาจนจะแก่เฒ่าหมดเรี่ยวแรงเต็มทีจะลองสักตั้งแต่งให้สำเร็จด้วยคิดว่าเป้นเรื่องยากเสียเหลือเกิน

เมื่อมีโอกาสเขียนหนังสือเรื่องผลัดแผ่นดินกรุงศรีกับปราสาททองบ้านพลุหลวงตีพิมพ์เป็นเล่มเชียวนะ-สำนักพิมพ์แสงดาวคิดเองเออเองว่าพลอตเรื่องมีแล้ว แค่เติมสีสรรค์เข้าไปคงเป็นนิยายได้กระมังลองเขียนได้ 9 ตอน คิดว่าน่าจะลองสำรวจตลาดสักหน่อย แล้วลองถามอากู๋ googleกับ Pantip โอ้โฮที่นี่มีคำตอบมากมาย

คิดในใจว่าเรื่อง“อำนาจ มิตรภาพ ความรัก” -เราจะมีใครอยากอ่านสักกี่คนกันแต่เมื่อตั้งใจทำสิ่งใดมักทำให้สำเร็จมาตลอด อาจไม่มีใครอ่านสักคน ตัวเราก็ได้อ่านและได้ทำในสิ่งที่อยากทำ

ลองดูสิว่ามีเรื่องใด-ใครบ้าง

กษัตริยา- แก้วกัลยา - อธิราชา ธุวตารา ราชินีชีบารัตนโกสินทร์ ฟ้าใหม่ ราตรีประดับดาว รากนครา ร่มฉัตร กฤตยา เวียงกุมกาม สุริยวรรมัน ทวิภพ-ทมยันตี สี่แผ่นดิน -พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นี่ นายขนมต้ม-คมทวนคันธนู สายโลหิต-ญาติกา -โสภาค สุวรรณ ฟ้าใหม่ -ศุภร บุนนาค เจ้าไล ท้าวทองกีบม้า ขุนดาบทนายเลือก - อ.คึกเดชกันตามระ รากนครา สะพานแสงคำ -ปิยะพร ศักดิ์เกษม บ่วงบรรจถรณ์ - กีรติ ชนา บางระจัน ขุนศึก ทหารเอกพระบัณฑูร - ไม้ เมืองเดิม สุริโยทัย - คึกเดช กันตามระ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน- วินทร์ เลียววาริณ เวียงแว่นฟ้า หนึ่งฟ้าดินเดียว ขุนหอคำ นางพญาหลวง - กฤษณาอโศกสิน สาวหลงยุค - พงศกร สิเน่หามนตราลานนา -บัณฑูร ล่ำซำ บุญบรรพ์ -ศรีฟ้าลดาวัลย์ ล่าสุด บุพเพสันนิวาส – รอมแพง

ขอกำลังใจและความสำเร็จจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิดสนใจอ่านได้จาก online ถ้าเป็นเล่มแล้วอาจต้องเสียเงินซื้อกันนะคะ




Create Date : 31 กรกฎาคม 2561
Last Update : 31 กรกฎาคม 2561 5:48:54 น.
Counter : 1029 Pageviews.

1 comment
10ความลับที่ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง


ความลับที่ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง

บางเรื่องราวที่เกิดขึ้นบางคนอาจรู้เพียงผิวเผินจากข่าวลือที่เล่าต่อ ๆ กันมาและกลายเป็นตำนานที่ไม่มีแม้แต่ผู้ใดล่วงรู้ข้อเท็จจริงนอกจากผู้ที่ล่วงลับไปแล้วปล่อยให้ผู้คนพิศวงงงงวยคาดเดาไปต่าง ๆ นานา

ข่าวการปลิดชีพด้วยยาพิษของเจ้าฟ้าสุทัศน์พระมหาอุปราชก่อให้เกิดคำถามต่างๆ ตามมามากมาย บางคนเชื่อแน่ว่าปลิดชีพด้วยองค์เอง บ้างคิดว่าเป็นแผนลอบสังหารของฝ่ายตรงข้ามแล้วเรื่องใดเป็นจริง คงหาคำตอบที่ถูกต้องเต็มร้อยไม่ได้

ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์พระมหาอุปราชทรงยาพิษด้วยองค์เองเพราะน้อยใจในพระราชบิดาที่ตรัสต่อว่าจักเป็นกบฏเหรอ

เหตุการณ์ขณะนั้นการเมืองคุกรุ่น ด้วยเจ้าฟ้าสุทัศน์พระมหาอุปราชหลังจากได้ตำแหน่งพระมหาอุปราชแล้วได้ขอเปลี่ยนแปลงกำลังทหารในบังคับการ ทำให้ฐานอำนาจเก่าไม่พึงพอใจผู้ที่ตกเป็นข่าวกลุ่มนี้รู้สึกเช่นไรคงไม่ต้องสงสัยจึงหาทางขัดขวางไม่ให้เจ้าฟ้าสุทัศน์พระมหาอุปราชได้ขึ้นครองราชย์ต่อ

หลังข่าวแพร่สะพัดออกไปโดยธรรมชาติของข่าวลือย่อมผิดเพี้ยนไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนคิดว่าเพราะคำพูดของพระราชบิดาทำให้พระโอรสองค์โตน้อยพระทัยคิดสั้นปลิดชีพตนเอง

พระราชบิดาที่ตกเป็นข่าวว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์สิ้นพระชนม์หลังจากมาเข้าเฝ้าพระองค์เท่ากับเสียงที่เล็ดลอดมาเข้าหูเท่ากับตำหนิว่าพระองค์ทำสิ่งใดฤาพระโอรสจึงคิดสั้นถึงกับทำร้ายองค์เองเช่นนี้

ไม่มีคำอธิบายใด ๆออกจากพระโอษฐ์ของพระราชบิดา ผู้ที่ใคร ๆ ต่างกล่าวหาลับหลังว่าคงใช้คำพูดที่เชือดเฉือนน้ำพระทัยว่า เจ้าคิดจะก่อกบฏจริงหรือเพราะเท็จจริงไม่มีแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างบุคคลทั้งสองต่างคาดเดากันไปเองเพราะมีข่าวลือหนาหูเช่นนี้มาก่อนหน้า

พระองค์ปิดพระโอษฐ์เงียบไม่ได้พูดให้ใครฟังสักนิดว่า แท้จริงแล้วสนทนากันเรื่องใด ได้แต่เศร้าโศกเสียพระทัยตรอมใจกับการจากไปของพระโอรสองค์โตที่ทรงรักและคาดหวังมากที่สุด

ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงในวันนั้นอย่างแท้จริงมีแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างเท่านั้น

ใครจะพูดเช่นไรมิมีใครไปห้ามปรามขัดขวางได้เลย ปล่อยให้พูดกันไปอย่างนั้นเอง

สามนายทหารคนสนิทคงเศร้าไม่น้อยไปกว่าผู้ใดเพราะเจ้าฟ้าสุทัศน์เป็นทั้งเจ้านายสายตรงและเป็นเพื่อนสนิทที่พูดคุยปรึกษาหารือและช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด

ช่วงระหว่างงานพระศพทั่วทั้งวังต่างวิ่งวุ่นกับการตระเตรียมงาน มิมีแม้แต่ผู้ใดในวังที่จะมาสืบค้นหาข้อเท็จจริงแม้แต่น้อยว่ายาพิษนี้เป็นของผู้ใดและมาอยู่ในห้องของเจ้าฟ้าสุทัศน์ได้เช่นไรเพราะแต่เดิมไม่เคยมีใครเห็นยาพิษนี้ในพระราชวัง

หลังเสร็จสิ้นงานพระศพค่อยคลายความทุกข์โศกหายตระหนกตกใจลงไปบ้าง

สามนายทหารได้มีโอกาสมาพูดคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง

จมื่นศรีสรรักษ์คนแรกที่เอ่ยปากว่า “ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์จะคิดสั้นดื่มยาพิษด้วยองค์เองเพราะวันก่อนยังมาปรึกษาหารือถึงแผนการสับเปลี่ยนกำลังพลรวมทั้งการฝึกอย่างเข้มในกรมทหารรักษาพระองค์

พระองค์ยังเปรยว่าจะกราบทูลรายงานพระราชบิดาให้รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ รวมทั้งพูดว่า กลุ่มนายทหารของสมุห

พระกลาโหมผู้ที่คิดจะก่อกบฏตัวจริงมีการเคลื่อนไหว”เสียงที่พูดคุยเริ่มเบาลงราวกับกระซิบกระซาบทั้งที่อยู่กันเพียงสามในที่ห่างไกลจากผู้คน

หลวงพลพิชัยผู้ที่โดนหักอกจากฤทธิ์เดชของสมุหพระกลาโหมรีบเอ่ยปากเสริมทันทีว่า“ข่าวที่ว่าถ้าเจ้าฟ้าสุทัศน์ได้เป็นใหญ่จริง กลุ่มทหารของสมุหพระกลาโหมจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจเด็ดขาดและจะก่อกบฏนี้มีวงในแอบพูดกันเหมือนกัน”เสียงยิ่งเบาลงเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

หลวงเดชณรงค์กล่าวต่อว่า “อาจมีคนมาแอบวางยาก็เป็นได้นะเพราะพวกเขาคงเดาไม่ถูกว่า สมเด็จพระเอกาทศรถอาจจะอยู่ฝ่ายเจ้าฟ้าสุทัศน์ก็เป็นได้และคงหาทางแก้เกมการเมืองครั้งนี้ทั้งที่เมื่ออยู่ในท้องพระโรงทำทีอยู่ฝ่ายโน้นอย่างชัดแจ้ง สังเกตไหมว่าพระองค์ไม่เปรยเลยสักนิดว่า คุยกันเรื่องใด อาจกำลังมีแผนซ้อนแผนตลบหลังอีกฝ่ายก็เป็นได้และไม่คิดจะสืบสาวหาข้อเท็จจริง ด้วยเป็นไปได้ว่าไม่ต้องการให้อีกฝ่ายหาเหตุก่อกบฏ”

จมื่นศรีสรรักษ์เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ กล่าวว่า “คนวางยาต้องการกำจัดเสี้ยนหนามต้นตอเสียก่อนที่พวกเขาจะโดนโค่นอำนาจและการวางยาเป็นวิธีที่ดูปลอดภัยที่สุดแล้ว แถมปล่อยข่าวว่า เจ้าฟ้าสุทัศน์เข้าไปหาแล้วโดนตำหนิอย่างรุนแรงจนน้อยใจปลิดชีพเองมันเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยเห็นทีท่าที่ท้อถอยหรือน้อยอกน้อยใจให้เห็นแม้แต่น้อย”

หลวงเดชณรงค์เมื่อคิดว่าน่าจะเป็นไปเช่นนั้นแน่จึงเสริมต่อว่า“มีแต่แผนการที่คิดจะทำโน่นทำนี่ คนคิดมากน้อยใจจนซึมเศร้าคงไม่คิดวางแผนได้มากมายเท่านี้”

ทั้งสามคุยเรื่องนี้นานพอควรแล้วสรุปกันเองว่าน่าจะเป็นแผนการของฝ่ายตรงข้ามเป็นแน่แท้แต่ทำให้ดูเนียนเท่านั้นเองเพราะยาพิษชนิดนี้ไม่เคยปรากฏในสารบบบัญชีของสำนักพระราชวังแล้วพระองค์ท่านจะไปเอามาจากไหนในเวลาเช่นนั้น

หลังจากที่ผู้คนหายตระหนกตกใจกับข่าวการสิ้นไปของเจ้าฟ้าสุทัศน์พระมหาอุปราชที่เสวยยาพิษปลิดชีพตนเองนั้นไม่มีเว้นแม้แต่ผู้ใดที่จะไม่พูดถึง เป็นเรื่องที่พูดกันทั้งบ้านทั้งเมือง

ผู้คนต่างพากันซุบซิบพูดจากันไปในหลายประเด็นแล้วแต่กระแสข่าวที่ตกมาถึงและเป็นกลุ่มก้อนใด

“ข้าว่านะคงจะจริงอย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละ ว่าองค์ท่านคิดก่อกบฏจริง ๆ พอใคร ๆ เขารู้เข้าคงกลัวความผิดจะต้องโทษโดนอาญาถึงแก่ชีวิตอย่างอเนจอนาถใจ ซ้ำร้ายพวกใกล้ชิดพลอยโดนฟ้าโดนฝนซวยไปด้วยเลยยอมเสียก่อนจะต้องโทษโดนอาญา” คนแรกพูดเบา ๆ เพราะเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดจาโจ๋งครึ้มกันได้เสียเมื่อไหร่

เสียงถอนหายใจของอีกคนพร้อมเสียงเหมือนบ่นพึมพำแทนการพูดจาตอบโต้ว่า “ทำไมต้องคิดก่อกบฏด้วยนะในเมื่อองค์ท่านเป็นถึงพระมหาอุปราช ยังไง ๆ เสียก็ได้ครองราชย์อยู่แล้วองค์เจ้าเหนือหัวพร้อมใจยกให้ ข้าล่ะคนหนึ่งไม่เข้าใจจริง ๆหรือว่าไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดกัน” หันหน้ามามองหน้าเพื่อน ๆ เชิงขอความคิดเห็น

ถึงจะเป็นเสียงบ่นพึมพำในลำคอแต่ทว่าทุกคนต่างเงี่ยหูฟังกัน จึงได้ยินทุกถ้อยกระบวนความ

อีกคนโพล่งขึ้นมาทันทีว่า“เออหรือจะจริงวะที่บางคนบอกว่า ไม่ใช่องค์ท่านหรอกที่คิดก่อกบฏน่ะแต่เป็นไอ้พวกใส่ไฟท่านต่างหาก จริงไม๊”

คราวนี้ทุกคนหน้าเหวอ“เออแล้วมันเป็นยังไงกันนิ ตกลงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ถ้าไม่ได้ก่อกบฏแล้วจะกินยาพิษหนีความผิดทำไมกันล่ะ งงว่ะ ข้าง๊งงง”ทำเสียงสูงพร้อมสีหน้าประกอบว่างงจริง ๆ

อีกคนที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นมาว่า“ได้ตำแหน่งเป็นถึงพระมหาอุปราช รองจากองค์เจ้าเหนือหัวเพียงหนึ่งแต่เหนือกว่าคนทั่วหล้าจะถอดใจง่าย ๆ เพราะมีกลุ่มต่อต้าน ไม่น่าเป็นไปได้นิ”

“เป็นไปได้ไหมที่บางคนพูดว่าไม่ได้กินเองน่ะสิ แต่มีคนแอบเอายาพิษไปวางเพื่อหวังฆ่าองค์ท่าน ด้วยองค์ท่านกับองค์เจ้าเหนือหัวรู้กันแล้วจะวางแผนตลบหลังน่ะซิไอ้พวกนี้มันกลัวเลยจัดการซะเลย เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่า ไปคุยอะไรกันเป็นความลับไม่มีแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดจะรู้เรื่องเลย”

“ถ้าเป็นจริงอย่างนั้นนะ ไอ้พวกนั้นมันเหมือนวัวสันหลังหวะที่พร้อมจะทำลายคู่ศัตรูที่เพราะกลัวจะถูกเปิดโปง เลยชิงดักหน้าซะก่อน”

เรื่องลับ ๆ แบบนี้ชาวบ้านชอบเม้าท์กันนักไม่มีใครรู้ความจริงแท้สักคน เรื่องในรั้วในวังล่ะชอบพูดเองคิดเองแล้วต้องแอบตั้งวงสนทนากระซิบกระซาบไม่ให้คนนอกมาได้ยิน ยิ่งถ้าเป็นพวกขุนน้ำขุนนางที่อยู่ฝ่ายนั้นยิ่งห้ามเด็ดขาดที่จะไปพูดด้วยให้ได้ยินพูดไปพูดมาไม่เข้าหู อาจหัวหลุดจากบ่าไม่รู้ตัว แถมโดนฆ่าล้างโคตรเสียอีกไม่ใช่เฉพาะเจ้าตัวนะ

หนึ่งเรื่องแต่ต่างความคิด

พูดไปพูดมายิ่งบานปลาย

ถ้าคิดต่างอย่าคุยด้วยจะเกิดเรื่อง

ถ้าคิดตรงกันคุยเอามันส์ได้เลย




Create Date : 27 กรกฎาคม 2561
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 15:44:51 น.
Counter : 869 Pageviews.

0 comment
9เศร้านี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน


เศร้านี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

เมื่อแผนการไม่อาจเป็นไปตามที่คาดฝันจะคิดการใดต่อไป เดินหน้าสู้ต่ออย่างเต็มกำลังหรือถอยหนีเพื่อตั้งหลักหรือหันหลังไม่คิดจะต่อกรด้วย ปล่อยทุกอย่างไปตามที่ควรจะเป็น

เวลาผ่านไปเพียง 4เดือนเศษ หลังจากที่เจ้าฟ้าสุทัศน์ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยาด้วยรูปลักษณ์อันงามสง่า ผิวพรรณผุดผ่อง แถมด้วยสติปัญญาอันล้ำเลิศเหมาะสมอย่างยิ่งด้วยประการทั้งปวงต่อตำแหน่งที่ได้รับ ได้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินได้ทั่วทุกหย่อมหญ้า

ผู้คนทั่วหล้าต่างชื่นชมยินดีแลโสมนัสยิ่งนักที่ได้รับทราบข่าวนี้พร้อมตั้งความหวังว่าเจ้าฟ้าน้อยพระองค์นี้จะนำพาประเทศชาติสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยพระปรีชาสามารถเหนือยิ่งกว่าพระโอรสองค์ใดแต่ทว่าอาจมีเพียงขุนนางกับนายทหารกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ไม่ยินดีปรีดาด้วยพร้อมจะเข้าขัดขวางไม่ให้เดินเรื่องไปสุดปลายทาง

จากความปีติยินดีกลายเป็นความเคลือบแคลงสงสัยด้วยข่าวลือที่หนาหูลือกระฉ่อนไปทั่วทั้งพิภพโลกาว่า เจ้าฟ้าสุทัศน์ไม่ได้ยินดีแต่เพียงตำแหน่งของพระมหาอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยาเท่านั้นแต่หมายปองสูงยิ่งไปกว่าโดยหวังจะครอบครองราชบัลลังก์แทนพระราชบิดา

ไม่นานเลยใช่ไหมจากชายหนุ่มผู้หาญกล้าและกระตือรือร้นหวังจะให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าโดยเร็วเมื่อโดนเสียงใส่ร้ายไปทั่วทุกทิศเช่นนี้กลับเกิดสลดหดหู่และคิดว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกอันสวยสดงดงามโลกแห่งความฝันห่างกันไกลลิบจากโลกแห่งความเป็นจริง

จากใจอันหาญกล้าด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งกายและใจกลับหดหู่เศร้าหมองและท้อถอยจนคิดจะหนีลาจากภาระอันหนักอึ้งและด้วยเสียงนินทาว่าร้ายทุกเช้าค่ำจากฐานอำนาจเก่า

วันหนึ่งเจ้าฟ้าสุทัศน์ได้แสดงความในใจต่อพระราชบิดาว่าคิดจะลาออกจากตำแหน่งพระมหาอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งปวงอันอาจจะเกิดขึ้นด้วยตนเพียงคนเดียวที่จะทำให้ราชบัลลังก์สั่นคลอนได้

แทนการปลอบประโลมให้พระโอรสเข้มแข็งและมีใจฮึกเหิมพร้อมจะต่อสู้เพื่อราชบัลลังก์และประเทศชาติด้วยเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำพาให้ประเทศชาติก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองแต่สิ่งที่ได้รับกลับต่ำกว่าที่คาดหมายไว้เยอะด้วยพระสุรเสียงที่กล่าวออกมาว่าเจ้าคิดจะก่อกบฏจริงหรือ

คำพูดเช่นนี้ก่อให้เกิดความสะเทือนใจอย่างรุนแรงต่อเจ้าฟ้าสุทัศน์ผู้ที่คิดว่า น่าจะมีใครสักคนเข้าใจความคิดและการกระทำที่ทำด้วยใจสุจริต แต่ไม่มีเลยแม้นสักคนอาจยกเว้นพระสหายคนสนิทที่คิดวางแผนปรับบ้านปรุงเมืองให้ดียิ่งขึ้น

เจ้าฟ้าสุทัศน์ไม่ได้รอคำตอบหรือคำพูดต่อจากนั้นเพียงได้ยินคำถามเช่นนั้น หัวใจหล่นตุ๊บไปกองที่พื้นทันใด ไม่ได้คิดเป็นอื่นนอกจากพระราชบิดาคิดเห็นเช่นคนทั่วไปที่เกิดจากคำพูดยุงแยงรีบผลุนผลันวิ่งออกจากพระตำหนักของพระราชบิดากลับไปยังตำหนักส่วนพระองค์ปิดประตูเงียบลั่นดานมิให้ใครเข้าไปพบ

ยกเว้นเสียแต่สั่งพระกระยาหารเข้าไปเสวยตามลำพังพระองค์เดียวมิได้ออกมาร่วมเสวยกับพระญาติเช่นดั่งปกติดังเคย

ครั้นเช้าวันรุ่งขึ้นมหาดเล็กได้พบว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์สิ้นพระชนม์ด้วยเห็นยาพิษที่ตกอยู่ข้างกายทันใดนั้นทั้งพระราชวังวุ่นวายด้วยต้องเตรียมงานพระศพพร้อมกับเสียงร้องไห้ระงมที่ดังไปทั่ว

ข่าวลือเช่นที่กล่าวมาดังไปทั่วว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์น้อยใจในพระราชบิดาหลังจากที่เข้าไปพบเป็นการส่วนพระองค์แล้วกลับเข้าพระตำหนักขังองค์เองไว้ไม่อยากออกมาพบปะผู้ใด ปลิดชีพตนเอง

ความเศร้าโศกเข้ามาเยือนอย่างรวดเร็วทั่วทั้งวังวุ่นวายยุ่งเหยิงด้วยต้องจัดการให้สมพระเกียรติพระมหาอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยา

ชาวบ้านร้านถิ่นต่างตระหนกตกใจกับข่าวคราวที่ออกมาจากพระราชวังว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์สิ้นพระชนม์ ต่างร้องไห้ระงมเสียงดังระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั่วพร้อมจะไว้ทุกข์ให้กับการจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน

ข่าวที่ว่า เจ้าฟ้าสุทัศน์สิ้นพระชนม์ด้วยมหาดเล็กเห็นยาพิษที่ตกอยู่ข้างกายนั้นเมื่อออกจากปากผู้หนึ่งผู้ใดแล้วขยายความต่อไปอย่างรวดเร็ว กลับผิดเพี้ยนไปราวกับเป็นคนละเรื่องเขาถึงว่า ข่าวลือนี้เชื่อถือไม่ได้จริง ๆ

ข่าวลือยิ่งผิดเพี้ยนเมื่อออกจากปากผู้ที่ได้แต่งแต้มเติมสีให้มากความไปยิ่งขึ้นว่าพ่อลูกทะเลาะเสียงดังลั่นแล้วลูกคิดจะทำร้ายพ่อจนโดนตำหนิอย่างรุนแรงโดยหวังจะสืบอำนาจเสียเองตามคำกล่าวลือไปก่อนหน้านั้นว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์คิดก่อกบฏ

แต่ละข่าวแต่ละที่อาจผิดแผกแตกต่างกันไปตามที่ผู้ที่ฟังมาแล้วเล่าต่ออาจเติมจินตนาการส่วนตัวเข้าไปผนวกด้วย แต่ทั้งหมดต่างรู้สึกเศร้าที่สูญเสียพระมหาอุปราชแห่งกรุงศรีอยุธยาไปอย่างคาดไม่ภึง

ไม่ต้องพูดถึงพระราชบิดาที่ตกเป็นข่าวว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์สิ้นพระชนม์หลังจากมาเข้าเฝ้าพระองค์เท่ากับเสียงที่เล็ดลอดมาเข้าหูเท่ากับตำหนิว่าพระองค์ทำสิ่งใดฤาพระโอรสจึงคิดสั้นถึงกับทำร้ายองค์เองเช่นนี้

ไม่มีคำอธิบายใด ๆออกจากพระโอษฐ์ของพระราชบิดา ผู้ที่ใคร ๆ ต่างกล่าวหาลับหลังว่าคงใช้คำพูดที่เชือดเฉือนน้ำพระทัยว่า เจ้าคิดจะก่อกบฏจริงหรือเพราะเท็จจริงไม่มีแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างบุคคลทั้งสองต่างคาดเดากันไปเองเพราะมีข่าวลือหนาหูเช่นนี้มาก่อนหน้า

พระองค์ปิดปากเงียบไม่ได้พูดให้ใครฟังสักนิดว่า แท้จริงแล้วสนทนากันเรื่องใด ได้แต่เศร้าโศกเสียพระทัยตรอมใจกับการจากไปของพระโอรสองค์โตที่ทรงรักและคาดหวังมากที่สุด

ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงในวันนั้นอย่างแท้จริงมีแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างเท่านั้น

ใครจะพูดเช่นไรมิมีใครไปห้ามปรามขัดขวางได้เลย ปล่อยให้พูดกันไปอย่างนั้นเอง

สามนายทหารคนสนิทคงเศร้าไม่น้อยไปกว่าผู้ใดเพราะเจ้าฟ้าสุทัศน์เป็นทั้งเจ้านายสายตรงและเป็นเพื่อนสนิทที่พูดคุยปรึกษาหารือและช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด

ช่วงระหว่างงานพระศพทั่วทั้งวังต่างวิ่งวุ่นกับการตระเตรียมงาน มิมีแม้แต่ผู้ใดในวังที่จะมาสืบค้นหาข้อเท็จจริงแม้แต่น้อยว่ายาพิษนี้เป็นของผู้ใดและมาอยู่ในห้องของเจ้าฟ้าสุทัศน์ได้เช่นไรเพราะแต่เดิมไม่เคยมีใครเห็นยาพิษนี้ในพระราชวัง

หลังเสร็จสิ้นงานพระศพค่อยคลายความทุกข์โศกหายตระหนกตกใจลงไปบ้าง

สามนายทหารได้มีโอกาสมาพูดคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง

จมื่นศรีสรรักษ์คนแรกที่เอ่ยปากว่า ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อว่าเจ้าฟ้าสุทัศน์จะคิดสั้นดื่มยาพิษด้วยองค์เองเพราะวันก่อนยังมาปรึกษาหารือถึงแผนการสับเปลี่ยนกำลังพลรวมทั้งการฝึกอย่างเข้มในกรมทหารรักษาพระองค์ได้เปรยว่า จะหาทางเข้าไปโน้มน้าวพระทัยพระราชบิดาให้รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่รวมทั้งยังเปรยว่าผู้ที่คิดจะก่อกบฏตัวจริงน่าจะเป็นกลุ่มนายทหารของสมุหพระกลาโหมด้วยซ้ำเสียงที่พูดคุยเริ่มเบาลงราวกับกระซิบกระซาบทั้งที่อยู่กันเพียงสามในที่ห่างไกลจากผู้คน

หลวงพลพิชัยผู้ที่โดนหักอกจากฤทธิ์เดชของสมุหพระกลาโหมรีบเอ่ยปากเสริมทันทีว่าข่าวที่ว่าถ้าเจ้าฟ้าสุทัศน์ได้เป็นใหญ่จริง กลุ่มทหารของสมุหพระกลาโหมจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจเด็ดขาดและจะก่อกบฏนี้มีวงในแอบพูดกันเหมือนกันเสียงยิ่งเบาลงเมื่อพูดเรื่องนี้กัน

หลวงเดชณรงค์กล่าวต่อว่า อาจมีคนมาแอบวางยาก็เป็นได้นะเพราะพวกเขาคงเดาไม่ถูกว่า พ่อลูกคุยเรื่องใดกัน สมเด็จพระเอกาทศรถอาจจะอยู่ฝ่ายของเจ้าฟ้าสุทัศน์ก็เป็นได้และคงหาทางแก้เกมการเมืองครั้งนี้สังเกตไหมว่า พระองค์ไม่เปรยเลยสักนิดว่า คุยกันเรื่องใดอาจกำลังมีแผนซ้อนแผนตลบหลังอีกฝ่ายก็เป็นได้ และไม่คิดจะสืบสาวหาข้อเท็จจริงด้วยเป็นไปได้ว่า ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายหาเหตุก่อกบฏ

จมื่นศรีสรรักษ์เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ กล่าวว่า คนวางยาต้องการกำจัดเสี้ยนหนามต้นตอเสียก่อนที่พวกตนจะโดนโค่นอำนาจและการวางยาเป็นวิธีที่ดูปลอดภัยที่สุดแล้ว แถมปล่อยข่าวว่า เจ้าฟ้าสุทัศน์เข้าไปหาแล้วโดนตำหนิอย่างรุนแรงจนน้อยใจปลิดชีพเองมันเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อไม่เคยเห็นทีท่าที่ท้อถอยหรือน้อยอกน้อยใจให้เห้นแม้แต่น้อย

หลวงเดชณรงค์เสริมต่อว่า มีแต่แผนการที่คิดจะทำโน่นทำนี่คนคิดมากน้อยใจจนซึมเศร้าคงไม่คิดวางแผนได้มากมายเท่านี้

ทั้งสามคุยเรื่องนี้นานพอควรแล้วสรุปกันเองว่าน่าจะเป็นแผนการของฝ่ายตรงข้ามเป็นแน่แท้แต่ทำให้ดูเนียนเท่านั้นเอง

ผู้เป็นที่รักปานดวงใจของคนทั่วหล้า

ปุบปับจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน

ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าสร้อย

ไปทั่วทุกหย่อมหญ้าไม่เว้นแม้ผู้ใด




Create Date : 22 กรกฎาคม 2561
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 15:43:37 น.
Counter : 677 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments