All Blog
ฉิน3
การย้ายเมืองหลวง นครเสียนหยางพร้อมเศรษฐีผู้ดีมีเงิน
ส่วนชาวบ้านทำไร่ไถนา สั่งให้ไปพัฒนาที่ดินในถิ่นทุรกันดาร
พวกนักโทษอาชญากรให้ไปอยู่ตามชายแดน หาเลี้ยงตนเอง
การทำเช่นนี้เป็นการจัดสรรปันส่วนที่อยู่ที่ดินทำกินให้เหมาะกับคนแต่ละกลุ่มแต่ละพวกเพื่อเป็นฐานความเจริญในแต่ละจุด
 
บุคลิกเด่นประจำตัว
คนเก่งมาก มักมั่นใจในตนเองสูง ยิ่งเมื่ออำนาจเต็มอยู่ในมือ ยิ่งกล้าสั่งการ ได้ใช้อาญาสิทธิ์จัดการกับทุกคนที่ไม่ทำตามหรือบังอาจขัดขืน
แน่นอนคนเกลียดชังยอมมีเป็นเงาตามตัว เพียงแต่ไม่กล้าเผยอเอ่ยปากออกมาโต้ง ๆ
เป็นไงล่ะ เมื่อสิ้นบุญพ่อ หมดอำนาจวาสนาบารมีคุ้มกะลาหัวผู้เป็นลูกกระแสของคลื่นใต้น้ำจึงทะลักออกมาราวกับน้ำป่า
ขันทีที่เป็นกุนซือเป็นตัวร้ายกาจ กินสินบาทคาดสินบน คอรัปชั่นรุนแรง ช่วยเร่งแรงต้านเร็วขึ้น
 
ความกล้าทำให้ขัดต่อจารีตความเชื่อเดิม ๆ
ความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย สมมติเทพเช่นฮ่องเต้ คงไม่จากไปอย่างอนาถาเป็นแน่ ต้องเตรียมการให้พร้อมสรรพ ไม่ว่าทรัพย์สินศฤงคารประดามี เผื่อได้ฟื้นคืนชีพในชาติหน้า พร้อมเหล่าข้าทาส บริวาร ทหาร
ถึงแม้ข้อครหาว่าฉินจิ๋นซีฮ่องเต้โหดร้าย ทว่าการสร้างสุสานที่มีตุ๊กตาหินทหารจำนวนมากมาย แต่ละตัวมีหน้าตารูปร่างไม่เหมือนกัน อันอาจจะเกิดจากช่างปูนปั้นตั้งใจปั้นให้หน้าตาเหมือนทหารแต่ละคน หรือไม่ก็ฝีมือช่างปูนปั้นไม่คงที่ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งในกาลต่อมา
สุสานนี้แสดงถึงความกล้าหักหาญความเชื่อเก่า ๆ  ที่ใช้ปูนปั้นทหารและม้าศึกแทนทหารจริง เพื่อติดตามรับใช้ในชาติหน้า
ใครว่า ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ เหี้ยมโหดตัวพ่อ คงต้องนึกถึงประเด็นนี้ด้วย
 
กล้าหักล้างความเชื่อของคนส่วนมาก
ผู้นำที่ยึดมั่นว่าตนคิดดี ถูกต้อง จะมุ่งมั่นจนกว่าสำเร็จ ถึงจะมีผู้ต่อต้าน
สิ่งที่ทำแล้วไม่รู้ว่าถูกต้องดีงามหรือไม่ แม้ในช่วงนั้นหรือกาลต่อมา คือ
การเผาตำราของขงจื๊อ และคัมภีร์ที่คิดอ่านแตกต่างจากฮ่องเต้
นอกจากเผาตำรา ยังเข่นฆ่าผู้คิดต่าง การฆ่าบัณฑิตผู้นิยมลัทธิขงจื๊อทั้งหมดกว่า 400 คน ด้วยการเผาทั้งเป็น ฝังทั้งเป็น หรือฝังแค่ร่างแล้วตัดหัว
 
เมื่อตั้งใจเชื่อมต่อกำแพงเมืองทุกเมือง การเกณฑ์แรงงานเพื่อสร้างกำแพงเมืองจีน รวมทั้งสร้างสุสาน และพระราชวัง ทำให้ผู้คนล้มตายอย่างน่าอเน็จอนาถใจเป็นอันมาก นับเป็นเรือนล้าน จนมีคนเอ่ยว่า ซากศพที่ฝังใต้กำแพงนับไม่ถ้วน
 
ความเหี้ยมโหดเด็ดขาดเป็นเรื่องจริง
พระโอรสองค์โตฝูซู เป็นคนเก่ง เชื่อว่า ถ้าได้ครองราชย์ต่อ ราชวงศ์ฉินคงไม่สิ้นสุดเร็ว ฝูซูกล้าทูลทัดทานพระบิดา ทำให้โดนเนรเทศไปคุมงานสร้างกำแพง
เมื่อถึงวันที่คิดว่า สมควรให้ฝูซูกลับวัง ได้เขียนจดหมาย แต่หูไห่น้องรองกลับแก้ไข เปลี่ยนเป็น ให้ฆ่าตัวตายซะ
ขนาดลูกคนโตยังโดนหนักเสียขนาดนี้ ขุนนางคนใดจะกล้าทูลคัดค้านล่ะ
อย่างนี้ซิจึงเรียกว่าเผด็จการสมบูรณ์แบบและอำมหิตโหดร้ายตัวพ่อ
 



Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2567 14:04:35 น.
Counter : 75 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ฮิน2

สองพันกว่าปี ต้องเข้าใจว่า ไม่มีคำว่าสิทธิเสรีภาพหรอก ไม่มีสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคเท่าเทียมคงยังไม่ผุดขึ้นมาในสมองอันน้อยนิดของมนุษย์ ได้แต่รับรู้สถานะแรกเกิดของตน ก้มหน้ารับกรรมจวบจนชีวิตจะหาไม่
 
แต่ไม่ใช่กับอิ๋งเจิ้ง ผู้ไม่ยอมศิโรราบให้กับใคร
ช่วงแรกที่ตกระกำลำบาก แม่โดนทรมานและถูกฆ่าตาย ตนต้องซัดเซพเนจรเป็นกรรมกรแรงงานทาสที่ถูกกดขี่ข่มเหง และมีคนมายัดเยียดตำแหน่งอ๋องให้ ยิ่งกว่าสวรรค์ประทาน ใครจะไม่รับเป็นอ๋องปลอม ๆ คงโง่เต็มที
เพราะเหตุที่ไม่ใช่อิ๋งเจิ้ง ลูกอ๋องเจ้าเมืองตัวจริง แม่ที่คนยัดเยียดให้ ไม่ใช่แม่ที่แท้จริง แถมยังรู้ว่า แม่เป็นนางบำเรอของเสนาบดี โดยความจริงอิ๋งเจิ้ง อาจไม่ใช่ลูกอ๋องด้วยซ้ำ แต่เป็นลูกของเสนาบดีหลี่ต่างหาก
ตัวปลอมที่ไม่ได้ผูกพันทางสายเลือด จึงไม่ได้ห่วงหาอาทรกับแม่หรือพ่อ อุปโหลก ถึงจะรู้ว่าแม่แอบได้กับองครักษ์จนมีลูก จึงกล้าสั่งประหาร
เสนาบดีหลี่ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะให้ลูกของตนที่เกิดจากสนม ได้เป็นอ๋อง สุดท้ายเป็นฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่จวบจนปัจจุบัน
ทันทีที่รับรู้ว่า อำนาจอ๋องนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เมื่อตกกระไดพลอยกระโจน จึงเสวยอำนาจอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
นอกจากอิ๋งเจิ้งจะยิ่งใหญ่ในช่วงนั้น ยังแสดงแสนยานุภาพ แสดงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาจนถึงทุกวันนี้ มีใครไม่รู้จักฉินจิ๋นซีฮ่องเต้บ้างล่ะ
มีคนบอก ฉิน จิ๋น เป็นรากศัพท์ของคำว่า จีน และ China ด้วยซ้ำ
 
ผลงานที่จำต้องกล่าวขาน
ที่เขาว่า อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า คงใช้ไม่ได้กับคนที่มั่นใจในอำนาจของตน เพราะฉินจิ๋นซีฮ่องเต้กล้าปฏิรูประบบต่าง ๆ ตามความคิดว่าดีและเป็นมาตรฐาน โดยไม่หวั่นเกรงคนต่อต้าน
ระบอบประชาธิปไตย งานเช่นนี้คงไม่มีวันสำเร็จ
ในระบอบเผด็จการ ถ้าผู้นำเก่งกล้าสามารถ จะทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง เห็นผลทันตาในยุคของตนได้
การปรับระบบต่าง ๆ ให้ทันสมัย
ทำไมต้องปรับระบบ ที่ผู้คนใช้กันจนเคยชิน
น่าจะมีเสียงก่นบ่นว่า จากทุกผู้คน ไม่เว้นชาวบ้านตาสีตาสา รวมทั้งขุนนางน้อยใหญ่ ที่ต้องปรับการใช้ชีวิตประจำวันจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เป็นยุคเดียว ที่แทบทุกคนต้องปรับตัวกับกฎเกณฑ์วิถีชีวิตใหม่ ๆ แบบจำยอม ไม่ทำตามโดนโทษ หนักเบาไม่รู้ด้วย
สิ่งที่โดนบังคับ ก่อให้เกิดมาตรฐานกลางที่ใช้ได้กับทุกแคว้น
ส่งผลดีต่อมา ที่มีภาษาจีนกลาง กฎเกณฑ์ กฎหมายเดียวทั่วประเทศอันกว้างใหญ่ แม้จะมีชนกลุ่มน้อยหลากหลายเผ่าพันธุ์
จัดระบบเงินตรา ระบบชั่งตวงวัด  ระบบตัวหนังสือให้เป็นภาษากลาง บังคับทุกรัฐ ใช้เหมือนกัน เพื่อความสะดวกในการติดต่อค้าขาย
ทำให้นึกถึงชาติเล็กชาติน้อยจำต้องเรียนรู้ภาษาสากล หน่วยมาตราชั่งตวงวัดมาตรฐานปัจจุบัน เพื่อเทียบกันได้
 
การปราบปรามชนต่างเผ่า พวกมองโกล ชี่ตัน ซ่งหนู ที่มารุกราน ด้วยการสร้างกำแพงเมืองจีนให้เชื่อมต่อกัน
เพราะคำสั่งนี้ กำแพงนี้มีความยาวหมื่นลี้ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศจีน และยังสามารถมองเห็นได้เมื่ออยู่นอกโลก จากคำบอกเล่าของนักบินอวกาศ แม้จะมีคนบอก ก็แค่คำโม้ ไม่จริงหรอก
ถนนขนาดรถม้า 2 คัน สวนกันได้ตลอดบนกำแพงเมืองจีน และถนนทุกแห่งในเมือง เชื่อมต่อกำแพงของทุกเมือง และขุดลอกคูคลองขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศ
เพื่อให้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เริ่มระบบการปฏิรูปแบบซางหยาง รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ฮ่องเต้ ลดอำนาจอ๋องและขุนนาง ทำตามโดยไม่ต้องโต้แย้งหรือให้ข้อคิดเห็น
แต่งตั้งอัครมหาเสนาบดี 3 คน หรือเฉิงเซี่ยงมีอำนาจรองจากฮ่องเต้
ที่ปรึกษาฮ่องเต้หรือยวี่สื่อต้าฟูคอยกำกับดูแลข้าราชบริพารทุกระดับชั้น และผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือไท่เว่ยดูแลกิจการทหาร
แบ่งดินแดนจาก 7 รัฐใหญ่ออกเป็น 36 เมืองย่อย
แต่ละรัฐแบ่งย่อยเป็นอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน
รัฐยินยอมให้ประชาชนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินโดยกำหนดให้มีโฉนดกำกับสิทธิ์การเป็นเจ้าของที่ดิน
สร้างความแข็งแกร่งของประเทศด้วยการสร้างเอกภาพของชาติ จัดทำระบบสำมะโนประชากรทั่วทั้งประเทศ จัดทำมาตรฐานภาษาเขียน จัดทำระบบเงินตรา มาตราชั่งตวงวัด สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างความเจริญให้แก่ประเทศจีนในกาลต่อมา
ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ มีวิสัยทัศน์และคิดค้นนวตกรรมใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่สักแต่ทำงานประจำให้รอดพ้นไปวัน ๆ
ทว่าคนสมัยนั้น จะคิดรู้สึกเช่นไรกันนะ
สิ่งที่ตั้งใจทำดี เพื่อมวลมหาประชาราษฎร์
จะมีสักกี่คน ที่ทำด้วยใจภักดิ์ รู้ว่ามันคือสิ่งดี
คงมีไม่น้อย ที่ด่าทอก่นว่าสารพัด ลับหลัง
คงยากที่ทุกผู้คนจะเห็นดีงาม คล้อยตาม

 



Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2567 13:59:22 น.
Counter : 41 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ฉินจิ๋นซี1

ราชวงศ์แรกที่ประกาศคำว่า ฮ่องเต้
คือเจ้าชีวิต คือสมมติเทพ
ที่ปกครองบรรดาอ๋องทุกแว่นแคว้น
สามารถรวบรวมอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียว
ที่ยิ่งใหญ่ไพศาลเป็นจักรวรรดิ
 
ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกของประเทศจีน สามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก และเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร นับแต่บัดนั้นจนบัดนี้
ชีวิตเริ่มต้นจากอดีตที่คนรุ่นหลังไม่อาจบันทึกข้อเท็จจริงได้ ด้วยเพราะผ่านมานานแสนนาน และความลับที่มืดมน ไม่รู้จริงเท็จมากน้อยปานใด จึงเป็นหนังจีนที่สนุกสนาน แต่ต่างคนสร้าง เนื้อหาเพี้ยนแตกต่างกันไป
 
อิ๋งเจิ้งคือใครกัน จึงสามารถเปลี่ยนขั้วอำนาจได้
ผ่านไปเนิ่นนาน ใครยิ่งใหญ่พอมีอำนาจ รวบรวมสมัครพรรคพวกและคนติดตาม รวมตัวกัน อยู่ด้วยกัน คนยิ่งใหญ่ทำตัวเป็นใหญ่ ดูแลปกครองพวกพ้อง
ที่จีนเรียกคนที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองหรือรัฐของตนว่า อ๋อง
ตอนนั้น อ๋องที่ยิ่งใหญ่มี 6 คน
เจ้าครองนคร 6 รัฐ หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน ฉี
แต่ละรัฐไม่ขึ้นตรงต่อกัน จึงมักเกิดสงครามปะทะซึ่งกันและกันบ่อย ๆ ต่างเป็นใหญ่ ต่างปกครองรัฐของตน ไม่ขึ้นตรงต่อใคร
เหตุไฉนวันดีคืนดี ตนหลุดจากอำนาจที่เคยยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินของตน ตกเป็นเบี้ยล่างของอิ๋งเจิ้ง
เป็นเพราะมีคนเก่งอย่างอิ๋งเจิ้งกระนั้นหรือ
คนเก่งสามารถยึดทุกสิ่งไปจากตนได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นรึ
เขาแสดงตนว่า เขายิ่งใหญ่เหนืออ๋องทั้งปวง
โดยเรียกเจ้าครองนครว่า อ๋องตามเดิม แต่ให้เปลี่ยนสรรพนามของตนเป็น ฮ่องเต้ ซึ่งแปลว่า เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่เหนืออ๋องทั้งหลาย
แค่คำเรียก บ่งบอกว่า เขายิ่งใหญ่เหนือกว่าใคร ๆ ซะแล้ว
เพราะฮ่องเต้ปกครองอ๋องอีกที
ได้ยินคำว่า อ๋อง เข่าแทบทรุดแล้ว
พอได้ยิน ฮ่องเต้ คงแทบหมอบราบลงกับพื้น มิกล้าแม้แต่เงยหน้าปะทะผู้มีอำนาจดุจเทพเจ้าไม่
 
เมื่อยิ่งใหญ่ มีอำนาจบารมีมากล้น
จำต้องแสดงออกอย่างอหังการ์
ให้ทุกผู้คนรับรู้และยอมรับศักดา
จึงจะยิ่งใหญ่เหนือกว่าผู้ใดใต้หล้า
 
แล้วอิ๋งเจิ้งเป็นใครกัน
แฟนหนังจีนคงผ่านตาดูหนังฉินจิ๋นซีฮ่องเต้หลายเวอร์ชั่นมาก
ไม่มีใครการันตีว่า เป็นเรื่องจริงมากน้อยเพียงใด
โถ ๆ มันผ่านมานานอักโข มีแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง แม้ว่าจะมีการจดบันทึกลงไม้ไผ่แล้ว และอิ๋งเจิ้งนี่แหละอาจหาญสั่งทำลายตำราไม้ไผ่ที่ขัดต่อความคิดความเชื่อของตนจนหมดสิ้น
อย่างนี้ ไม่เรียกว่าเผด็จการล้มล้างจารีตวัฒนธรรมความคิดความเชื่อของผู้คนในยุคนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่เพียงเท่านี้หรอก ทำยิ่งกว่านี้ซะอีก
ด้วยประวัติ เขาเป็นเพียงลูกอ๋องที่เกิดจากสนมคนหนึ่ง แล้วส่งตัวไปเป็นตัวจำนำยังอีกเมือง
ที่เล่ากันมา คนที่ได้เป็นฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ ไม่ใช่ลูกอ๋อง แต่เป็นชายหนุ่มที่โดนอุปโหลกให้เป็นตัวแทน ด้วยอิ๋งเจิ้งตัวจริงพลาดท่าเสียทีดันมาตายเสียก่อนนี่
หนุ่มตัวแทนนี้ค่อนข้างเกเร ไม่ได้อยากเป็นอิ๋งเจิ้งหรอก แต่ไม่รู้ยังไง ชะตาพลิกผันต้องตกระกำลำบาก สุดท้ายเลยจำต้องยอม
เด็กเกเรที่กล้ามุทะลุ เมื่อโอกาสอำนวย จึงแสดงตัวตนได้ยิ่งใหญ่
ดูหนังต่างเวอร์ชั่น ช่วงอดีตตอนเป็นอิ๋งเจิ้ง ต้องบอกว่า มันส์หยด
ยิ่งสร้างใหม่ ยิ่งลึกลับซับซ้อน โดยเฉพาะในเรื่อง เจาะเวลาหาจิ๋นซี
 
เผด็จการ กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่คาดคิด
ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้นับเป็นผู้นำเผด็จการตัวจริงที่ได้บันทึกในประวัติศาสตร์จีน
 
เผด็จการมีอำนาจล้นฟ้า
ชี้ไม้เป็นนก คนทั้งหล้าต้องมองเห็นเป็นนก
ใครบังอาจคัดค้าน หัวคงไม่ได้อยู่บนบ่า
 
 



Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2567 13:57:11 น.
Counter : 19 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
บัลลังก์จีน
อำนาจเปลี่ยนมือ พลิกผืนฟ้า ผลัดแผ่นดินจีน

เรียนรู้เรื่องราวแห่งอำนาจ ที่ไม่ได้จีรังยั่งยืน
อำนาจที่ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิต เหนือทุกผู้คนใต้หล้า
ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่คับฟ้ามากล้นเพียงใด ในวันนี้
พรุ่งนี้อาจดับสูญสลาย หดหายมลายสิ้น
การก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่และสืบทอดอำนาจส่งต่อให้ลูกหลาน
ได้ครองบ้านครองเมือง เสพสุขมิรู้สิ้น จะได้นานสักเท่าใดไม่รู้
พอสิ้นวาสนาจำต้องส่งต่อให้กับคนที่มีอำนาจสูงส่งเหนือกว่าอย่างจำใจ
บทเรียนจากจีน ประเทศที่ยิ่งใหญ่เรืองอำนาจ
จากยุคเริ่มรวมตัวเป็นจักรวรรดิ มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
จวบจนสิ้นอำนาจราชวงศ์ ฮ่องเต้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือแผ่นดิน
หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินจีน
 
ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย
การก้าวขึ้นสู่อำนาจและสร้างชาติจีนให้ยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้
ในประเทศจีนยุคจักรวรรดิตั้งแต่ราชวงศ์ฉินจนถึงราชวงศ์ชิง
 
 
 
 
 
ที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน
สถานที่แห่งหนึ่งมีหุ่นขี้ผึ้งของฮ่องเต้ พร้อมกับคำบรรยาย อดีตของฮ่องเต้ทุกพระองค์
บ้างยากลำบากกว่าจะปราบดาภิเษก สถาปนาราชวงศ์ใหม่
บ้างแค่สืบทอดต่ออำนาจในฐานะพระโอรสองค์โตจากฮองเฮา
บ้างโชคเข้าข้าง ได้ครองอำนาจ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์โดยตรง
บ้างเป็นเพียงหุ่นเชิด ให้อำนาจแฝงใช้อำนาจได้เต็มที่
 
เรื่องราวของการมีอำนาจ การก้าวสู่การเป็นฮ่องเต้ การตอบแทนเหล่าบริวารหลังจากได้อำนาจนั้นมาครอบครอง
การเสวยอำนาจบนบัลลังก์อย่างเสพสุขมิรู้สิ้น หรืออยู่อย่างทุกข์ระทม ที่ไม่สามารถมีอำนาจจริง และต้องทนอยู่ภายใต้การบงการของกลุ่มผู้มีอิทธิพล
ความคิดของผู้ที่มีอำนาจซึ่งเคยยิ่งใหญ่มากในอดีต เมื่อกาลเวลาผ่านไปกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานให้ลูกหลานได้รู้เรื่องราวที่ผ่านมาเท่านั้น
 
หนังสือเรื่อง “อำนาจพลิกขั้ว มังกรผงาดฟ้า” เล่มนี้ เน้นการขึ้นสู่อำนาจ การใช้อำนาจ และการสิ้นสุดอำนาจ
ฮ่องเต้มีอำนาจยิ่งใหญ่ เพราะได้ครอบครองแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ไพศาล ผ่านทางอ๋อง
จีนครองความยิ่งใหญ่เป็นมหาอาณาจักรมานานนับหลายพันปีจวบจนถึงปัจจุบัน
ฮ่องเต้เป็นคำเรียกจักรพรรดิจีนในภาษาแต้จิ๋ว
ภาษาจีนกลางจะออกเสียงว่าหวงตี้ 
คำว่าอ๋อง หมายถึง ผู้ที่ปกครองแต่ละแว่นแคว้น
ฮ่องเต้ควบคุมอ๋องทั้งหลาย
 
ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นคนแรกที่ใช้คำฮ่องเต้ ในความหมาย ฮ่องเต้เป็นเทพหรือโอรสของสวรรค์ ฮ่องเต้คือผู้ที่ได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
ผู้ที่จะเป็นฮ่องเต้ จะสืบทอดต่อกันมาเฉพาะทางสายเลือดเท่านั้น ส่วนมากสืบทอดจากพ่อไปสู่ลูกมากกว่าจากพี่ไปสู่น้อง
บางยุคบางสมัยที่ฮ่องเต้หรือราชวงศ์อ่อนแอ อาจมีบางคนหาญกล้าตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ ในกรณีที่เกิดพลิกผันเช่นนี้จะเรียกว่ามีการปราบดา
ภิเษกตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ราชวงศ์เดิมได้
            นั่นคือ อำนาจที่ยิ่งใหญ่ อาจไม่จีรังยั่งยืน
            ผลัดเปลี่ยน หมุนเวียน ไปตามผู้ที่มีอำนาจตัวจริง
 
ฮ่องเต้มีฉลองพระองค์ที่ใช้ในพระราชพิธีเรียกว่า “เหมี่ยนฝู” หรือเสื้อคลุมมังกรซึ่งประกอบด้วยสัญลักษณ์ 12 อย่าง ปักมังกรทองโดดเด่นและสัญลักษณ์ที่แสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่
การใส่เหมี่ยนฝูจะแสดงถึงผู้ทรงศักดิ์และสิทธิ์ทุกประการของผู้ปกครองโดยชอบธรรม สัญลักษณ์เหล่านี้มีพื้นฐานการคิดมาจากราชวงศ์โจวที่ใช้สำหรับการปักเสื้อของฮ่องเต้เพื่อใช้ในพระราชพิธีบวงสรวง
            มังกรในเสื้อเหมี่ยนฝูจะเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่นจนถึงราชวงศ์ชิง ราชวงศ์ถังมังกรจะตัวใหญ่มาก แต่ราชวงศ์หยวนฮ่องเต้เป็นชาวมองโกลสั่งยกเลิกประเพณีการใช้เสื้อเหมี่ยนฝู
พวกขุนนางจีนในสมัยต้นศตวรรษที่ 16 นิยมชมชอบเสื้อเหมี่ยนฝูจึงตัดเย็บและใส่กันเกร่อถึงแม้ว่าจะออกกฎห้ามใส่เสื้อเหมี่ยนฝูก็ตามที
ภายหลังจึงมีข้อกำหนดว่าเสื้อคลุมสำหรับฮ่องเต้ เชื้อพระวงศ์ ขุนนางจะมีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน เสื้อคลุมมังกรจะใช้ได้เฉพาะฮ่องเต้เท่านั้น
 
            รายชื่อราชวงศ์ที่ปกครองจีนโดยฮ่องเต้ เรียงตามลำดับ
ลำดับ   1          ราชวงศ์ ฉิน                    พ.ศ.     322 - 337
ลำดับ   2          ราชวงศ์ ฮั่นตะวันตก       พ.ศ.     337 - 552
ลำดับ   3          ราชวงศ์ ซิน                    พ.ศ.     552 - 568
ลำดับ   4          ราชวงศ์ ฮั่นตะวันออก     พ.ศ.     568 - 763
ลำดับ   5          ราชวงศ์ ยุคสามก๊ก         พ.ศ.     763 - 823
ลำดับ   6          ราชวงศ์ จิ้น                    พ.ศ.     808 - 963
ลำดับ   7          ยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้น พ.ศ.     847 - 982
ลำดับ   8          ราชวงศ์ เหนือ-ใต้            พ.ศ.     963 - 1132
ลำดับ   9          ราชวงศ์ สุย                    พ.ศ.     1124 - 1160
ลำดับ   10        ราชวงศ์ ถัง                    พ.ศ.     1161 - 1450
ลำดับ   11        ราชวงศ์ อู่โจว                 พ.ศ.     1233 - 1248
ลำดับ   12        ราชวงศ์ ห้าราชวงศ์         พ.ศ.     1450 – 1503
ลำดับ   13        ราชวงศ์ เหลียว               พ.ศ.     1450 – 1503
ลำดับ   14        ราชวงศ์ ซ่ง                    พ.ศ.     1503 – 1822
ลำดับ   15        ราชวงศ์ จิน                    พ.ศ.     1658 – 1777
ลำดับ   16        ราชวงศ์ หยวน               พ.ศ.     1749 – 1930
ลำดับ   17        ราชวงศ์ หมิง                  พ.ศ.     1911 – 2187
ลำดับ   18        ราชวงศ์ ชิง                    พ.ศ.     2187 – 2454
 
ประเทศจีนจะปกครองโดยฮ่องเต้ที่ดูแลอ๋องและรวมดินแดนทั้งหมดเป็นอาณาจักรเดียว ซึ่งดินแดนในแต่ละยุคแต่ละสมัยแตกต่างกัน
แม้แต่ในราชวงศ์เดียวกัน แต่ละรัชกาลจะครอบครองดินแดนที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเก่งกล้าสามารถของฮ่องเต้แต่ละพระองค์
บางช่วงมีฮ่องเต้หลายองค์พร้อมกันเพราะประเทศจีนโดนแบ่งเป็นหลายอาณาจักร เช่น ในยุคสามก๊ก มีฮ่องเต้พร้อมกัน 3 องค์ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน
ยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้นและราชวงศ์เหนือ-ใต้ ยุคห้าราชวงศ์ ราชวงศ์เหลียว ราชวงศ์ซ่ง
บางราชวงศ์โดนคั่นรายการด้วยอีกราชวงศ์แต่สามารถกอบกู้และกลับคืนเป็นราชวงศ์เดิมได้ เช่น ราชวงศ์ฮั่นโดนราชวงศ์ซินคั่นกลาง ราชวงศ์ถังโดนราชวงศ์อู่โจวคั่นกลาง
บางราชวงศ์พยายามฟื้นฟูราชวงศ์เดิมของตนเอง เช่น ยุคห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักรแต่ไปไม่รอด ราชวงศ์หมิงใต้ที่โดนราชวงศ์ชิงปราบสุดท้ายไปไม่รอดเช่นกัน
หนังสือเล่มนี้จะเล่าเรื่องราวของฮ่องเต้แต่ละพระองค์เรียงตามลำดับในแต่ละราชวงศ์ ซึ่งคงจะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวของผู้มีอำนาจที่บางคนหาญกล้าจนสามารถรวบรวมแผ่นดินและตั้งราชวงศ์ใหม่ปกครองประเทศที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลมาก
ฮ่องเต้บางองค์เกิดมาแทบจะไม่เคยได้ใช้อำนาจที่มีอยู่เลย เพราะยังเยาว์เกินไปนักและโดนแย่งชิงอำนาจนั้นไปโดยไม่มีโอกาสจะขัดขวางแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้บางองค์มีอำนาจ แต่ไม่รู้จักใช้อำนาจที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ต่อตนและพสกนิกร มัวแต่ลุ่มหลงในอิสตรีและมัวเมาต่อการใช้ชีวิตเสเพล
 
            การเข้าใจเรื่องราวของฮ่องเต้บนผืนแผ่นดินจีน ที่สูญสิ้นไปแล้วในปัจจุบัน จะเป็นบทเรียนให้เข้าใจเรื่องของอำนาจได้ดียิ่งขึ้น
 
 
พรรณี เกษกมล
 
 



Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2567 13:25:46 น.
Counter : 38 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
อำนาจ1
อำนาจเปลี่ยนมือ พลิกผืนฟ้า ผลัดแผ่นดินจีน
เรียนรู้เรื่องราวแห่งอำนาจ ที่ไม่ได้จีรังยั่งยืน
อำนาจที่ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิต เหนือทุกผู้คนใต้หล้า
ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่คับฟ้ามากล้นเพียงใด ในวันนี้
พรุ่งนี้อาจดับสูญสลาย หดหายมลายสิ้น
การก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่และสืบทอดอำนาจส่งต่อให้ลูกหลาน
ได้ครองบ้านครองเมือง เสพสุขมิรู้สิ้น จะได้นานสักเท่าใดไม่รู้
พอสิ้นวาสนาจำต้องส่งต่อให้กับคนที่มีอำนาจสูงส่งเหนือกว่าอย่างจำใจ
บทเรียนจากจีน ประเทศที่ยิ่งใหญ่เรืองอำนาจ จากยุคเริ่มรวมตัวเป็นจักรวรรดิ มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร จวบจนสิ้นอำนาจราชวงศ์ ฮ่องเต้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือแผ่นดิน หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินจีน
 
พรรณี เกษกมล
 
 
 



Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2567 13:24:20 น.
Counter : 74 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments