Group Blog All Blog
|
อำนาจที่อาจเปลี่ยนมือได้ อำนาจที่อาจเปลี่ยนมือได้
ผู้ใดครองอำนาจอยู่ผู้นั้นย่อมต้องการสงวนอำนาจให้อยู่ในกำมือตนให้นานที่สุด แม้นจะใกล้สิ้นลมหายใจยังต้องการให้อำนาจนั้นอยู่ตลอดไปแต่ใช่ว่าจะสมดังใจหวังทุกผู้คนเพราะอำนาจอาจบินหนีไป อภิสิทธิ์ชนถือกำเนิดจากชนชั้นสูง ตระกูลผู้ดีที่มีโอกาสผงาดขึ้นมาแต่เก่าก่อนยากนักที่คนสามัญธรรมดาจะก้าวขึ้นมาเทียมบ่าเทียมไหล่ได้แต่ถ้าอ่านประวัติศาสตร์จีนจะรู้ว่า มีชาวบ้านที่เป็นชาวนาได้ปราบดาภิเษกตนเองเป็นฮ่องเต้และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ แม้แต่ขุนนางชั้นผู้น้อยมีโอกาสก้าวมาเป็นฮ่องเต้ได้เช่นกัน นานมาแล้ว พ.ศ. 337 348 หลิวปังลูกชาวนาที่ยากไร้เกิดในอำเภอเพ่ยเสี้ยน ได้เป็นฮ่องเต้องค์แรกในราชวงศ์ฮั่น พระนามฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้ ต่อมา พ.ศ. 1161 1169 หลี่หยวนเป็นขุนนางดูแลมณฑลไท่หยวนทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อราชวงศ์สุยล่มสลายลงหลี่หยวนได้จัดตั้งกองทัพขึ้นมาด้วยการสนับสนุนทางการเงินจากพ่อค้าไม้แซ่บูซึ่งเป็นพ่อของพระนางบูเช็กเทียนได้เป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ถัง พระนามถังเกาจู่ฮ่องเต้ พ.ศ. 1503 1519 ซ่งไท่จู่ฮ่องเต้ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ซ่ง เดิมชื่อเจ้ากวงอิ้นลูกชายของเจ้าหูยิ่นได้ศึกษาตำราพิชัยสงครามฝึกวิชาการทหาร การทำศึกสงคราม เมื่อเจ้าหูยิ่นสูญเสียอำนาจในการปกครองเจ้ากวงอิ้นอายุ 21 ปีตัดสินใจลาออกจากทหารเดินทางรอนแรมไปแสวงหาอำนาจใหม่ด้วยตัวเอง วันหนึ่งทำตัวเป็นวนิพกนั่งริมทางบังเอิญนักพรตเต๋าเดินผ่านมาได้ทักทายบุคลิกลักษณะอันงามสง่าและให้คำแนะนำว่าให้เดินทางขึ้นทางเหนือที่มีศึกสงครามอยู่จะมีความเจริญก้าวหน้าแล้วเดินทางไปสมัครเป็นทหารได้รับราชการกับแคว้นซูภายใต้การปกครองของโจวไท่จู่กับโจวชิจง เจ้ากวงอิ้นได้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาวังและเลื่อนเป็นผู้บัญชาการทหารม้า ได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแคว้นโจวเพราะพลังแห่งศรัทธาและความเชื่อมั่นจากคำทำนายทายทักของนักพรตเต๋าทำให้เจ้ากวงอิ้นเป็นไปตามคำทำนายได้จริง หมิงไท่จู่ฮ่องเต้ ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์หมิง พ.ศ. 1911 1941 พระนามเดิมจูหยวนจางเกิดในครอบครัวชาวนาที่หมู่บ้านกูจวงตำบลจงหลี อำเภอเหาโจว มณฑลอันฮุย เกิดเมื่อ พ.ศ. 1871 พ่อชื่อจูซื่อเจินแม่ชื่อเฉินสี จากลูกชาวนาปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์หมิง
บางคนอ่านประวัติศาสตร์พงศาวดารแล้วก็อย่างงั้นๆ คืออ่านไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรติดค้างเข้ามาในสมองให้ขบคิดต่อ แต่คงไม่ใช่กับจมื่นศรีสรรักษ์หลวงพลพิชัย หลวงเดชณรงค์ เมื่อทั้งสามอ่านหนังสือเล่มใดมักหาโอกาสเสวนาเปิดประเด็นต่อกันเสมอ บางครั้งอาจนำไปพูดคุยบอกเล่าต่อเจ้าฟ้าสุทัศน์กับพระอินทราชายกเว้นเสียแต่เรื่องที่ชาวนาหรือขุนนางสถาปนาราชวงศ์ใหม่และปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้เพราะคิดแล้วเหมือนจะร่วมกันก่อกบฎอย่างไรไม่รู้ หรือมีความคิดเช่นนี้ในสมองได้อย่างไร
เรื่องเหล่านี้สามหนุ่มอ่านพบและเกิดความทะเยอทยานหวังก้าวหน้าในอาชีพแต่ไม่กล้าเขยิบสูงไปไกลถึงเป็นเจ้านาย แท้จริงแล้ว คนจะเป็นฮ่องเต้หรือผู้นำสูงสุดอยู่ที่การฝึกปรือและมีจิตวิญญาณอันแรงกล้าที่จะก้าวไปสู่จุดนั้นเช่นกันกับคนถ้ามัวแต่งอมืองอเท้ารอสวรรค์บันดาลหรือโชควิ่งเข้าหาอย่างเดียวคงไม่ได้เรื่องแน่ แม้แต่ชาวนาหรือขุนนางชั้นผู้น้อยมีโอกาสก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงสุดปกครองบ้านเมืองได้ขอแต่ให้มีฝีมือและความสามารถเป็นที่ประจักษ์ชัด แล้วทำไมตัวเขาจะเป็นเช่นนั้นบ้างไม่ได้ล่ะจมื่นศรีสรรักษ์แอบคิดในใจคนเดียว เพราะถ้าเรื่องซุบซิบเป็นจริง ตนมีเชื้อสายของเจ้านายเหมือนกัน ด้วยเหตุที่มีความคิดเหล่านี้ฝังอยู่ในใจเมื่อได้อ่านประวัติศาสตร์จีนทำให้นายไลมหาดเล็กน้อยผู้ที่ได้เริ่มเข้ารับราชการในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์มีความทะเยอทยานอย่างสูงที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงที่สุดเท่าที่สติปัญญาจะพาไป จะไม่ยอมจมปลักอยู่กับตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษเช่นนี้ไปตลอดกาล เมื่อมีเวลาว่างนายไลจะฝึกปรือฝีมือให้เหนือกว่าใคร ทุ่มเทเวลาเพื่อการฝึกซ้อม และใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้ให้รอบรู้ในเรื่องราวต่าง ๆทั้งนี้ได้นั่งเสวนาถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาพูดคุยกับเพื่อนอีก 2 คนคือนายเดชและนายพล โดยเรื่องเช่นนี้จะเอ่ยปากพูดสียงดังฟังชัดย่อมทำไม่ได้แน่ จำต้องแอบซุบซิบคุยกันอย่างเบาๆ การซุบซิบพูดจาตามประสาคนคอเดียวกันย่อมต้องทำในที่ลับ ไม่อาจแพร่งพรายสิ่งที่รู้ขยายไปยังคนอื่น เพราะไม่แน่ว่าผู้ที่รับรู้ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือเพื่อนคนอื่น ๆ จะคิดอ่านเช่นไร อาจโดนข้อกล่าวหาว่าพวกนี้สมคบคิดกันจะก่อการกบฎหรือเช่นไร ใช่ว่าทั้งสามจะใช้ชีวิตไปวันๆ เช่นคนทั่วไปแต่ได้มุมานะฝึกปรือฝีมือทางการรบและศึกษาตำราพิชัยสงครามอย่างขมักเขม้นและมีจุดหมายปลายทางของชีวิตอย่างชัดเจนพร้อมจะก้าวไปสู่ความฝันอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ยุคนี้เป็นช่วงที่กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองมีชาวต่างชาติมาค้าขายและรับราชการจำนวนมากการใช้เวลาพบปะกับคนต่างชาติต่างภาษาเพื่อเรียนรู้วิทยาการในโลกอีกฝั่งหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองกว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งนัก เพราะความมุ่งมั่นที่จะเจริญก้าวหน้าพ.ศ. 2155 ณ กรมทหารมหาดเล็กวังหลวง กรุงศรีอยุธยา จากนายไลมหาดเล็กวิเศษได้ก้าวหน้าเป็นถึงจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็ก ก้าวข้ามผ่านตำแหน่งจมื่นสรรเพชญภักดีจมื่นเสมอใจราช จมื่นไวยวรนารถมาโดยไม่ยาก บัดนี้อำนาจทางทหารในกรมทหารรักษาพระองค์อยู่ในกำมือของจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็กในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถเช่นเดียวกับนายเดชได้เป็นหลวงเดชณรงค์ รองเจ้ากรมรักษาพระองค์ และนายพลได้เป็นพระพลพิชัย รองเจ้ากรมพระตำรวจหลวง อำนาจที่เคยฝันใฝ่มาแต่รู้ความและรู้ว่า ไม่ใช่เฉพาะพระโอรสเท่านั้นที่มีสิทธิ์สืบครองราชสมบัติต่อจากพระบิดา ทำให้ทั้งสามครุ่นคิดสงสัยว่ามันเป็นไปได้ในพงศาวดารจีน แต่ที่กรุงศรีย่อมไม่มีทางเป็นไปได้แน่เพราะอัธยาศัยชาวสยามนั้นมีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ยิ่งนักคงไม่มีผู้ใดบังอาจหรืออาจหาญมาล้มล้างได้ เมื่อครั้งที่นายไลได้เป็นจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็กนั้น นับว่าใหญ่โตมากแล้วเพราะจมื่นนั้นนับได้ว่าเป็นใหญ่สุดที่คุมทหารมหาดเล็กในพระราชวังหรือเป็นนายทหารใหญ่คุมกองกำลังรักษาพระราชวังคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พระราชวงศ์ทุกพระองค์โดยมีหลวงเดชณรงค์ และหลวงพลพิชัยเป็นกองกำลังสนับสนุน เรียกว่าเป็นพวกเดียวกันเออออห่อหมกตามกันไปในทุกเรื่องราว ใคร ๆ ต้องเรียกจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็กว่าคุณพระนายตำแหน่งจมื่นนี้อาจเรียกว่าเป็นหัวหมื่น มีตำแหน่งใหญ่กว่าคุณพระแต่เล็กกว่าพระยาสมัยนั้นยังไม่มีตำแหน่งเจ้าพระยา ส่วนหลวงเดชณรงค์ และหลวงพลพิชัยต้องเรียกว่าคุณหลวง ตำแหน่งทหารจะเริ่มจาก นาย พันหมื่น ขุน หลวง พระ จมื่น พระยาทั้งสามได้ก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างรวดเร็วทั้งจากเส้นสายทางบิดาจากการได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเจ้านาย และด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยม ทั้งคุณพระนายและคุณหลวงต่างมีอำนาจคุมทหารมหาดเล็กแต่คุณพระนายหรือจมื่นศรีสรรักษ์จะได้รับยกย่องมากกว่าจมื่นคนอื่น ๆเพราะเป็นตำแหน่งที่ได้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ จะเพ็ดทูลเรื่องใดย่อมได้เปรียบกว่า จมื่นคนอื่นที่สังกัดในบังคับบัญชาของสมุหพระกลาโหม ตำแหน่งเท่ากันแต่ต่างสังกัด อำนาจย่อมต่างกันได้
โดย: สมาชิกหมายเลข 4665919 วันที่: 21 กรกฎาคม 2561 เวลา:6:28:29 น.
โดย: สมาชิกหมายเลข 4665919 วันที่: 21 กรกฎาคม 2561 เวลา:10:31:40 น.
|
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 4665919
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |