All Blog
3เมื่ออำนาจอยู่ในมืออย่ามั่นใจนัก


เมื่ออำนาจอยู่ในมืออย่ามั่นใจนัก

ผู้ใดครองอำนาจอยู่ผู้นั้นย่อมต้องการสงวนอำนาจให้อยู่ในกำมือตนให้นานที่สุด แม้นจะใกล้สิ้นลมหายใจยังต้องการให้อำนาจนั้นอยู่ตลอดไปแต่ใช่ว่าจะสมดังใจหวังทุกผู้คนเพราะอำนาจอาจบินหนีหายวับไปกับตา

อภิสิทธิ์ชนถือกำเนิดจากชนชั้นสูงหรือตระกูลผู้ดีที่เคยได้โอกาสผงาดขึ้นมาแต่เก่าก่อนและคงจะทยานต่อไป ส่วนคนสามัญธรรมดายากนักที่จะก้าวขึ้นมาเทียมบ่าเทียมไหล่ได้ แต่สิ่งนี้อาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป

ถ้าอ่านประวัติศาสตร์จีนจะรู้ว่า มีชาวบ้านที่เป็นชาวนาได้ปราบดาภิเษกตนเองเป็นฮ่องเต้และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ แม้แต่ขุนนางชั้นผู้น้อยมีโอกาสก้าวมาเป็นฮ่องเต้ได้เช่นกัน

นานมาแล้ว พ.ศ. 337 – 348 หลิวปังลูกชาวนาที่ยากไร้เกิดในอำเภอเพ่ยเสี้ยน ได้เป็นฮ่องเต้องค์แรกในราชวงศ์ฮั่น พระนามฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้

ต่อมา พ.ศ. 1161 –1169 หลี่หยวนเป็นขุนนางดูแลมณฑลไท่หยวนทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อราชวงศ์สุยล่มสลายลงหลี่หยวนได้จัดตั้งกองทัพขึ้นมาด้วยการสนับสนุนทางการเงินจากพ่อค้าไม้แซ่บูซึ่งเป็นพ่อของพระนางบูเช็กเทียนได้เป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ถัง พระนามถังเกาจู่ฮ่องเต้

พ.ศ. 1503 – 1519 เจ้ากวงอิ้นลูกชายของเจ้าหูยิ่น อายุ 21 ปี เดินทางรอนแรมแสวงหาอำนาจใหม่เมื่อพ่อสิ้นอำนาจวันหนึ่งนักพรตเต๋าทำนายว่าจะเจริญก้าวหน้า ถ้าเข้าสู่สงคราม เพราะพลังแห่งศรัทธาและความเชื่อมั่นจึงได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแคว้นโจว สุดท้ายเป็นซ่งไท่จู่ฮ่องเต้ฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ซ่ง

พ.ศ. 1911 - 1941 จูหยวนจางชาวนา ปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงพระนามหมิงไท่จู่ฮ่องเต้

สมเด็จพระเอกาทศรถทรงชุบเลี้ยงนายน้อยศรีให้เป็นมหาดเล็กหลวงตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับตำแหน่งมหาดเล็กหุ้มแพรเมื่ออายุ14 และได้เป็นหัวหมื่นมหาดเล็กตำแหน่งจมื่นศรีสรรักษ์อายุเพียง17 ปี

นับเป็นการก้าวกระโดดที่รวดเร็วมากสำหรับการเป็นมหาดเล็กหลวงทั้งนี้เพราะเส้นสายที่ใหญ่โตด้วยเป็นหลานชายของพระสนมที่รักยิ่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ เป็นเพื่อนวิ่งเล่นกับเจ้าฟ้าสุทัศน์และพระอินทราชาด้วยเกิดในปีเดียวกัน และที่สำคัญที่หลายคนแอบซุบซิบคือเพราะเป็นพระโอรสลับในสมเด็จพระเอกาทศรถนั่นเอง

นอกจากเส้นสายเส้นสนกลในแล้ว ลักษณะเด่นของนายน้อยศรีคือเป็นเด็กฉลาดเฉลียวมีปฏิภาณไหวพริบสูงมากเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียน ชอบอ่านค้นคว้าเพิ่มเติมในหอบรรณาลัยที่เก็บตำราหลวงจึงรอบรู้เรื่องราวต่าง ๆ เหนือกว่าเด็กในวัยเดียวกันโดยไม่มีใครรู้ว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะแรงทะเยอทยานภายในใจที่สูงกว่าใคร ๆ

อีกสิ่งคือ นายน้อยศรีจะเข้าหาและใกล้ชิดกับสมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าฟ้าสุทัศน์และพระอินทราชามาก ๆ มากถึงมากที่สุด ด้วยเหตุใดคงมีแต่นายน้อยศรีที่รู้ว่าในใจตนคิดเช่นไรอาจคิดว่าเพราะตนคือพระโอรสเหมือนพระโอรสองค์อื่นกระมัง จึงสมควรได้รับสิ่งนี้เช่นเดียวกัน

เมื่อได้เรียนรู้กับพระอาจารย์พร้อมกับเจ้าฟ้าสุทัศน์และพระอินทราชามักเรียนได้รวดเร็วกว่า ยิ่งกว่านั้นยังใส่ใจการฝึกวิทยายุทธเรียกว่าเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ทีเดียว เป็นที่พึงพอใจของพระอาจารย์ทั้งหลายจนกราบทูลต่อสมเด็จพระเอกาทศรถให้ทรงรับทราบเสมอๆ ยิ่งทำให้สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพอพระทัยในนายน้อยศรีมากยิ่งขึ้น

นอกจากนายน้อยศรีจะมีมาดของผู้นำแต่เล็กแต่น้อยแล้วด้วยนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนทำให้สนใจอ่านหนังสือและไปพูดคุยกับผู้รู้ไม่ว่าจะเป็นบิดา เพื่อนบิดา คนต่างชาติที่มารับราชการ รวมทั้งอ่านหนังสือมากมายแทนการไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กทั่วไป ทำให้นายน้อยศรีดูโดดเด่นเหนือกว่าเพื่อน ๆ

บางคนอ่านประวัติศาสตร์พงศาวดารแล้วก็อย่างงั้น ๆ คืออ่านไปเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรติดค้างเข้ามาในสมองให้ขบคิดต่อ แต่คงไม่ใช่กับนายน้อยศรี นายพล นายเดช

เมื่อทั้งสามอ่านหนังสือเล่มใดมักหาโอกาสเสวนาเปิดประเด็นต่อกันเสมอ บางครั้งอาจนำไปพูดคุยบอกเล่าต่อเจ้าฟ้าสุทัศน์กับพระอินทราชายกเว้นเสียแต่เรื่องที่ชาวนาหรือขุนนางสถาปนาราชวงศ์ใหม่และปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้เพราะคิดแล้วเหมือนจะร่วมกันก่อกบฎอย่างไรไม่รู้ หรือมีความคิดเช่นนี้ในสมองได้อย่างไร

คนที่แอบมาขบคิดในใจอย่างจริงจังคงมีแต่นายน้อยศรี จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าตนคือลูกขององค์เจ้าเหนือหัวที่ปกปิดไม่เปิดเผยแต่แรกเพราะพระสนมนั้นดุมากถ้าบอกว่าน้องเธอเป็นเมียฉันและมีลูกด้วยกัน คงหาความสงบสุขจากพิษรักแรงหึงไม่ได้

“แค่ชาวนายังขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้ แล้วเราล่ะมีเลือดขององค์เจ้าเหนือหัวอยู่แท้ๆ เหตุไฉนจะขึ้นครองราชย์บ้างไม่ได้” คำรำพึงรำพันอย่างน้อยใจในคนที่คิดว่าเป็นพ่อก่อให้เกิดแรงทยานอยากอย่างแรงกล้าขึ้นมาในก้นบึ้งของหัวใจแล้วไม่กล้าเปิดเผยให้ผู้ใดล่วงรู้ ถึงแม้นเขาผู้นั้นจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงใดก็ตามเพราะหัวอาจหลุดจากบ่าไม่รู้ตัว ถ้ามีแม้นเพียงหนึ่งที่ล่วงรู้ความคิดที่อยู่ในใจนี้

เรื่องของคนธรรมดาที่ก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้นี้ ทั้งสามอ่านพบและเกิดความทะเยอทยานหวังก้าวหน้าในอาชีพแต่ไม่กล้าเขยิบสูงไปไกลถึงเป็นเจ้านายยกเว้นเพียงคนเดียว

แท้จริงแล้ว คนจะเป็นฮ่องเต้หรือผู้นำสูงสุดอยู่ที่การฝึกปรือและมีจิตวิญญาณอันแรงกล้าที่จะก้าวไปสู่จุดนั้นถ้ามัวแต่งอมืองอเท้ารอสวรรค์บันดาลหรือโชควิ่งเข้าหาอย่างเดียวคงไม่ได้เรื่องแน่

แม้แต่ชาวนาหรือขุนนางชั้นผู้น้อยมีโอกาสก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงสุดปกครองบ้านเมืองได้ขอแต่ให้มีฝีมือและความสามารถเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วทำไมตัวเขาจะเป็นเช่นนั้นบ้างไม่ได้ล่ะ นายน้อยศรีแอบคิดในใจคนเดียวบ่อยครั้งเพราะถ้าเรื่องซุบซิบเป็นจริง ตนมีเชื้อสายของเจ้านายเหมือนกัน

ด้วยเหตุที่มีความคิดเหล่านี้ฝังอยู่ในใจเมื่อได้อ่านประวัติศาสตร์จีนทำให้นายศรีมหาดเล็กน้อยผู้ที่ได้เริ่มเข้ารับราชการในกรมทหารรักษาพระองค์มีความทะเยอทยานอย่างสูงที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงที่สุดเท่าที่สติปัญญาจะพาไป จะไม่ยอมจมปลักอยู่กับตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษไปตลอดกาล

เมื่อมีเวลาว่าง นายน้อยศรีจะฝึกปรือฝีมือให้เหนือกว่าใคร ๆ ทุ่มเทเวลาเพื่อการฝึกซ้อมและใช้เวลาในการศึกษาหาความรู้ ให้รอบรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ เรียกว่าทำตัวให้พร้อมเตรียมตัวเพื่อรับตำแหน่งที่แอบวาดหวังไว้ในใจ เผื่อว่าวันนั้นมาถึงตนจะเป็นในสิ่งที่หวังอย่างดีที่สุดอย่างที่ใคร ๆ คาดไม่ถึงทีเดียว

ทั้งนี้ได้นั่งเสวนาถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาพูดคุยกับเพื่อนอีก 2คน คือนายเดชและนายพล โดยเรื่องเช่นนี้จะเอ่ยปากพูดสียงดังฟังชัดย่อมทำไม่ได้แน่ จำต้องแอบซุบซิบคุยกันอย่างเบาๆ

การซุบซิบพูดจาตามประสาคนคอเดียวกันย่อมต้องทำในที่ลับ ไม่อาจแพร่งพรายสิ่งที่รู้ขยายไปยังคนอื่น เพราะไม่แน่ว่าผู้ที่รับรู้ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือเพื่อนคนอื่น ๆ จะคิดอ่านเช่นไร อาจโดนข้อกล่าวหาว่าพวกนี้สมคบคิดกันจะก่อการกบฎหรือเช่นไร

ใช่ว่าทั้งสามจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ เช่นคนทั่วไปที่กินเที่ยวเล่นอย่างไร้จุดหมายในชีวิตแต่ได้มุมานะฝึกปรือฝีมือทางการรบและศึกษาตำราพิชัยสงครามอย่างขมักเขม้นอย่างคนที่มีจุดหมายปลายทางของชีวิตอย่างชัดเจนพร้อมจะก้าวไปสู่ความฝันอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้จะเป็นก้าวเล็ก ๆ ของเด็กก็ตามแต่เป็นก้าวที่มั่นคงยิ่งนัก

คนเก่งที่มีอุดมการณ์ มีจิตใจอันแน่วแน่มีความเพียรพยายามอันแรงกล้า ย่อมนำพาตนไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตที่ต้องการได้เสมอไม่เว้นแม้แต่ผู้ใด

ยุคนี้เป็นช่วงที่กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองมีชาวต่างชาติมาค้าขายและรับราชการจำนวนมากการใช้เวลาพบปะกับคนต่างชาติต่างภาษาเพื่อเรียนรู้วิทยาการในโลกอีกฝั่งหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองกว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งนัก

เพราะความมุ่งมั่นที่จะเจริญก้าวหน้าพ.ศ. 2155 ณ กรมทหารมหาดเล็กวังหลวง กรุงศรีอยุธยา จากนายน้อยศรีมหาดเล็กวิเศษได้ก้าวหน้าเป็นถึงจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็ก ก้าวข้ามมาเคียงคู่ตำแหน่งจมื่นสรรเพชญภักดีจมื่นเสมอใจราช จมื่นไวยวรนารถมาโดยไม่ยาก

บัดนี้อำนาจทางทหารในกรมทหารรักษาพระองค์อยู่ในกำมือของจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็กในรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถเช่นเดียวกับนายเดชได้เป็นหลวงเดชณรงค์ รองเจ้ากรมทหารรักษาพระองค์ และนายพลได้เป็นพระพลพิชัย รองเจ้ากรมพระตำรวจหลวง

อำนาจที่เคยฝันใฝ่มาแต่รู้ความและรู้ว่า ไม่ใช่เฉพาะพระโอรสเท่านั้นที่มีสิทธิ์สืบครองราชสมบัติต่อจากพระบิดา ทำให้ทั้งสามครุ่นคิดสงสัยว่ามันเป็นไปได้ในพงศาวดารจีน แต่ที่กรุงศรีย่อมไม่มีทางเป็นไปได้แน่ เพราะอัธยาศัยชาวสยามนั้นมีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ยิ่งนักคงไม่มีผู้ใดบังอาจหรืออาจหาญมาล้มล้างได้

เมื่อครั้งที่นายน้อยศรีได้เป็นจมื่นศรีสรรักษ์หัวหมื่นมหาดเล็กนั้นนับว่าใหญ่โตมากแล้ว เพราะจมื่นนั้นนับได้ว่าเป็นใหญ่สุดที่คุมกรมทหารรักษาพระองค์หรือเป็นนายทหารใหญ่คุมกองกำลังรักษาพระราชวังคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่พระราชวงศ์ทุกพระองค์โดยมีหลวงเดชณรงค์ และหลวงพลพิชัยเป็นกองกำลังสนับสนุน เรียกว่าเป็นพวกเดียวกันเออออห่อหมกตามกันไปในทุกเรื่องราว

อุดมการณ์และจิตใจอันแน่วแน่

ผนวกกับความเพียรพยายามอันแรงกล้า

ย่อมนำพาตนไปถึงจุดสูงสุดของชีวิต

ไม่มีเว้นแม้แต่ผู้ใดจะได้ในสิ่งต้องการเสมอ




Create Date : 30 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 15:38:08 น.
Counter : 612 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

BlogGang Popular Award#20



สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments