ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 

Workshop TQF ที่เขาค้อวัลเล่ย์ จ.เพชรบูรณ์

กลับจากไปร่วมโครงการปฐมนิเทศพนักงานสายวิชาการที่อยุธยา....ผมได้นอนหลับที่พิษณุโลกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นแต่เช้ามากๆ (ตื่นตี ๔ ถือว่าตื่นเช้ามากเกินไป) เพื่อมาขึ้นรถบัสของมหาวิทยาลัยเพื่อไปทำเวิร์คช็อปสัมมนากรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติสำหรับหลักสูตรขั้นอุดมศึกษาที่เขาค้อวัลเล่ย์ จังหวัดเพชรบูรณ์


รถออกจากคณะตอนก่อน ๖ โมงเช้า...แวะรับเพื่อนๆที่คณะซึ่งบางส่วนมารอขึ้นรถบัสที่วิทยาเขตเก่าก่อนมุ่งหน้าไปเขาค้อ


เขาค้อนี่....สำหรับผมยังไม่เคยไปมาก่อน มีคนบรรยายว่าเขาค้อเหมือนสวิสเซอร์แลนด์ในเมืองไทย ผมจินตนาการตามว่า...ท่าทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีบนภูเขานะ


ต้องถือว่าโชคดีที่ได้มาทำงานในเขตจังหวัดพิษณุโลก ทำให้ชีวิตมีโอกาสได้ไปสัมผัสดินแดนที่เป็นธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลเกินไปในเขตย่านนี้่ ธรรมชาติสวยงามแบบนี้ห่างไกลจากกรุงเทพฯ ถ้าคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯต้องการมาสัมผัสทีก็ต้องวางแผนเดินทางดีๆ เพราะมันอยู่ไกลสักหน่อย



สองชั่วโมงกว่าของการเดินทาง....พวกเราก็มาถึงเขาค้อวัลเล่ย์ ในแง่ภูมิทัศน์ถือว่าเขาวางแปลนไว้ได้ดี การมีต้นไม้ ดอกไม้พรรณต่างๆมาปลูก มันทำให้ดูร่มรื่น



ในระหว่างที่รอเพื่อนๆอีกกลุ่มที่ตามมา ผมเก็บภาพความสวยงามของดอกไม้ภายในเขาค้อวัลเล่ย์ไว้เป็นที่ระลึก



ทุกครั้งที่เห็นดอกอาจิไซ ที่ฝรั่งไปเปลี่ยนชื่อเป็น "ไฮดรานเยีย" (Hydrangea) มันชวนให้นึกถึงตำนานดอกอาจิไซระหว่างดร. วอน ฟิลิป ซีโบลด์กับโอทากิ ตอนไปนางาซากิครั้งล่าสุดผมพาครอบครัวผมแวะไปพิพิธภัณฑ์บ้านดร.ซีโบลด์ ยังบอกกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพิพิธภัณฑ์ว่าจะหาโอกาสถ่ายทอดตำนานของดร.ซีโบลด์ให้คนไทยได้รู้จักกัน ทางเจ้าหน้าที่เขายิ้มและขอบคุณที่ผมจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเล่าเรื่องตำนานระหว่างซีโบลด์กับโอทากิให้คนไทยได้รับรู้กัน แต่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ครบ ๒ ปีพอดี....ผมยังไม่ได้ทำอย่างที่รับปาก


บางครั้งชีวิตคนเราก็ถูกลิขิต และหลายครั้งคนเราก็ไม่รู้หรอกว่า....เราจะมีโอกาสได้พบกับใครในช่วงเวลาที่ไม่คิดว่าเป็นไปได้อีกครั้ง


ถ้าเพียงแต่โอทากิ...เธอรู้ว่าเธอจะได้เจอดร.ซีโบลด์อีกครั้ง....เธอจะคอยรออย่างไม่ย่อท้อไหม? เป็นคำถามที่ผมมักจะถามอยู่บ่อยๆ


คนส่วนมากมักไม่อดทนและรออะไรนานๆไม่ค่อยได้ แต่มักจะปลอบใจตัวเองให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะรออะไร ภายหลังจากที่รอมาเป็นเวลาแสนนานมากๆแล้วคิดว่าเป็นเรื่องสูญเปล่า


แต่สำหรับเรื่องตำนานระหว่างดร.ซีโบลด์และโอทากิ...บอกให้รู้ว่า กรรมมีเหตุมีผลที่ทำให้คนสองคนที่พลัดพรากกันเป็นเวลายาวนานกว่า ๓๐ ปีได้กลับมาพบกันอีกครั้งภายใต้เงื่อนไขที่ต่างไปจากเดิม แต่ความรู้สีกดีๆระหว่างกันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา








มีดอกไม้หลากหลายชนิดที่กำลังออกดอกสีสันต่างๆให้ความเบิกบานใจแก่แขกที่มาพักอาศัยที่เขาค้อวัลเล่ย์






มานั่งรอให้ห้องประชุมรอพิธีเปิด....ซึ่งพิธีเปิดการสัมมนากรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติสำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาเริ่มตอนใกล้ๆ ๑๐ โมง











นั่งฟังอาจารย์ดร. รัชนี ตันติรัตนวงศ์บรรยายแบบตั้งใจ....แต่ทำไปทำมาร่างกายที่นอนไม่กี่ชั่วโมงก็เพลียเกินกว่าจะตั้งใจฟังได้ตลอด เรื่องแบบนี้เกิดได้เสมอในการสัมมนาถ้าผู้ฟังต้องตื่นแต่เช้ามากๆนอนไม่กี่ชั่วโมงแล้วมาฟังการบรรยายตอนเช้าๆโดยไม่มีกิจกรรมสนุกสนานทำ




มีการแบ่งกลุ่มกันทำเวิร์คช็อป โดยมีวิทยากรประจำแต่ละกลุ่มคอยแนะนำ ชี้แนะว่าควรแก้ไขตรงไหนบ้าง ความจริงพวกเราเตรียมเนื้อหากันมาบ้างแล้วก่อนจะมาทำเวิร์คช็อปที่นี่ แต่รายละเอียดและความพร้อมของแต่ละภาควิชาต่างกัน

















ในแต่ละภาควิชาตั้งใจทำงานกันจนอยู่ถึงเย็นก็ยุติ....ก่อนจะทานอาหารค่ำ


ผมมีโอกาสได้ไปเดินเล่นรอบๆตัวเขาค้อวัลเล่ย์ บรรยากาศยามเย็นดูสงบ กลิ่นดอกไม้หอมๆลอยมาหอมเย็นชื่นใจ ถ้าเขาปลูกดอกไม้หลากสีบนเนินเขา....บรรยากาศของที่นี่จะดูงดงามมาก ที่พักภายในเป็นสัดเป็นส่วน ผมได้พักห้องพักเดียวกับอาจารย์ณัฐเชษฐ์ ตอนที่ทราบว่าจะได้เดินทางไปสัมมนาเชิงปฏิบัติการคราวนี้...เดาว่าท่าทางจะได้นอนห้องพักเดียวกับอาจารย์ณัฐเชษฐ์ ตอนเขาประกาศห้องพักออกมาเป็นแบบนั้นจริงๆไม่แปลกใจ อาจารย์ณัฐเชษฐ์เคยทำงานที่ศศินทร์มาก่อน ตอนเวลาคุยกันเรื่องเกี่ยวกับศศินทร์จึงสามารถคุยถึงอาจารย์ที่รู้จักหลายๆท่านได้ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยในอเมริกาหลายท่านตอนนี้ไม่ได้มาสอนแล้ว...น่าเสียดายเหมือนกัน


ปกติไม่ค่อยมีโอกาสมาพูดคุยกันแบบนี้มากนัก การมาทำสัมมนาเชิงปฏิบัติการนอกสถานที่แบบนี้ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกันดียิ่งขึ้น ตอนกลางคืนได้ยินเสียงดังมาจากบ้านพักของอาจารย์ผู้หญิงที่อยู่ชั้นบนของเรือนพักที่ผมอยู่ มีคนมารายงานในเวลาต่อมาว่า....อาจารย์ผู้หญิงหลายๆคนขอย้ายเรือนพักเพราะมีตุ๊กแกหลายตัวออกมาทักทาย ส่งเสียงร้อง...

ตั๊ก.แก ตั๊ก...แก ต้๊ก...แก


ตามลำพังเสียงร้องไม่เท่าไหร่ แต่ผิวหนังของตุ๊กแกมันขยะแขยงเกินกว่าจะทนมองได้สำหรับผู้หญิง ที่อาจารย์ผู้หญิงส่วนมากกลัวกันก็คือถ้าสมมติว่าตุ๊กแกเกิดกระโดดมาเกาะบนลำตัวขึ้นมาทำอย่างไรดี?


ท่าทางตุ๊กแกที่นี่เป็นตัวผู้ เพราะห้องพักที่ผมกับอาจารย์ณัฐเชษฐ์อยู่มันไม่มาทักทาย และห้องอาจารย์โด่งก็ไม่มีตุ๊กแกมาเดินเล่นเช่นกัน


บรรยากาศเรือนพักที่ชื่อ "ชายเขา" ที่ผมกับอาจารย์ณัฐเชษฐ์พักกันอยู่





เรือนพักอีกหลังที่อยู่เลยไปไม่ไกล ดูดีทีเดียว...แต่ดูเหมือนไม่มีแขกพักคืนนั้น






อีกมุมนึงที่มองจากด้านบนลงไปข้างล่าง ภูมิทัศน์ภายในเขาค้อวัลเล่ย์






ผมและอาจารย์ณัฐเชษฐ์ต่างตื่นเช้าด้วยกันทั้งคู่ แต่ว่าวันน้้นเราไม่ได้นัดกันมาก่อน โดยบังเอิญที่ใจตรงกันเราทั้งคู่ต่างสวมเสื้อสีดำ.... เราเป็นแขกชุดแรกของห้องอาหารที่ออกมาดื่มเครื่องดื่มตอนเช้าๆระหว่างรออาหารเช้าเสิร์ฟ
อากาศตอนเช้าดีมาก มีแดดอ่อน อากาศไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป





เพื่อนคนอื่นๆค่อยทะยอยลงมา ส่วนมากติดตามข่าวการเจรจาระหว่างนปช.กับรัฐบาลซึ่งโทรทัศน์ทุกสถานีไปทำข่าวเมื่อคืนนี้



อาหารเช้าเป็นข้าวต้มที่ทำจากข้าวไร่ เมล็ดข้าวมีสีขาวขุ่นกว่าข้าวทั่วไป ไม่ได้ทานข้าวต้มเป็นอาหารเช้านานมากแล้ว เพื่อนคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกๆว่าทำไมทานจุจัง ถ้าปกติเพื่อนที่ไปทานข้าวกับผมประจำก็จะทราบว่านี่มัน Regular size มื้อเช้าสำหรับผม อาหารเย็นจะเป็นมื้อที่ไม่ทานมากเพราะไม่มีคุณค่าต่อร่างกายเท่ากับมื้อเช้า ปกติจะไม่ค่อยทานจุบจิบระหว่างมื้อ อันนี้ฝึกมาตั้งแต่ตอนบวชในพรรษาแล้ว






ช่วงเช้ากิจกรรมทำเวิร์คช็อปของแต่ละกลุ่มยังคงทำกันต่อไป โดยอาจารย์ที่เป็นวิทยากรแต่ละกลุ่มจะวิพากษ์และแนะนำว่าควรปรับปรุงอย่างไร














กลุ่มผมที่เตรียมกันมาก่อนจะมาสัมมนาเชิงปฏิบัติการ...เราพบว่าเราตอบโจทย์ที่กรรมการต้องการผิด ผลลัพธ์คือเราต้องแก้และรื้อหลายๆส่วนออกไป ยังดีที่ยังมีเวลาเหลืออยู่ หลักสูตรที่จะมีการใช้จริงในปีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๔ จำเป็นต้องผ่านการยอมรับจากกรรมการ เพื่อมั่นใจว่าหลักสูตรที่ออกไปมีคุณภาพผลิตบัณฑิตได้มาตรฐานและนิสิตนักศึกษาสามารถเทียบโอนหน่วยกิตกับสถาบันในต่างประเทศได้ สถาบันการศึกษาในต่างประเทศยอมรับหลักสูตรที่พวกเราร่างกันขึ้นมา การที่คณะเราเป็นคณะนำร่อง...จึงมีผลกดดันเล็กๆที่ต้องทำหลักสูตรออกมาให้ดีและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ


พิธีปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการจบลงพร้อมกับการบ้านที่ต้องกลับไปแก้กัน.....


มื้อเที่ยงก่อนที่เราจะอำลา เขาค้อวัลเล่ย์ ทางห้องอาหารเขาทำแกงเหลืองเสิร์ฟ์ให้แก่พวกเรา ไม่อยากเชื่อเลยว่าขึ้นมาเหนือแท้ๆแต่ได้ทานแกงปักษ์ใต้ที่มีชื่อ แกงเหลืองเป็นอาหารประเภทแกงที่โปรดปรานสำหรับผม รสชาติที่ห้องอาหารที่นี่ทำเผ็ดสะใจแต่อร่อยกลมกล่อมกว่ารสชาติแกงเหลืองซึ่งทานที่โรงแรมวรบุรี คอนแวนชั่น






ยังมีเมนูอร่อยๆที่ทานเคียงกับแกงรสเผ็ดอย่างแกงเหลือง มีอะไรบ้างดูในรูปกันเอาเองครับ






อำลา "เขาค้อวัลเล่ย์" ตอนบ่ายๆ มุ่งหน้ากลับพิษณุโลกพร้อมกับการบ้านที่ต้องทำให้เสร็จก่อนกำหนดเส้นตาย เห็นนิสิตมีการบ้านกันก็ใช่ว่าอาจารย์จะไม่มีการบ้านนะ




 

Create Date : 06 เมษายน 2553    
Last Update : 6 เมษายน 2553 21:49:11 น.
Counter : 2025 Pageviews.  

ปฐมนิเทศพนักงานสายวิชาการ

มีจดหมายเวียนแจ้งให้พนักงานสายวิชาการ (อาจารย์) ที่เข้ามาทำงานที่มหาวิทยาลัยที่ยังไม่เคยผ่านการปฐมนิเทศให้เข้าร่วมโครงการปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัย....แต่ชื่อผมตกหล่นไป ภายหลังจากแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ของคณะให้ช่วยประสานงานให้..สุดท้ายผมก็ได้เข้าร่วมโครงการปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยรุ่นแรกของปีนี้

๑๐๐ กว่าชีวิตทั้งอาจารย์และเจ้าหน้าที่จากกองบริหารงานบุคคลได้เดินทางเข้าร่วมโครงการปฐมนิเทศสำหรับพนักงานสายวิชาการของมหาวิทยาลัย โดยสถานที่ในการจัดปฐมนิเทศอยู่ที่ โรงแรมวรบุรี คอนเวนชั่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา





ภายในโรงแรมเขาออกแบบตบแต่งให้ความรู้สึกเป็นไทยๆดี












ก่อนจะเข้าไปทำกิจกรรมในโรงแรมวรบุรี คอนแวนชั่น คณะของพวกเราเข้าไปเยี่ยมชมกิจการของกลุ่มชาวบ้านตำบลอรัญญิก ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อรัญญิกขึ้นชื่อในเรื่องของการตีมีด







บทบาทของการรวมกลุ่มของชาวบ้านและการจัดการของเทศบาลตำบลอรัญญิกทำให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม มีการพัฒนาคนในตำบลให้มีความรู้ มีการศึกษาในระดับสูง เพื่อนำเอาวิชาที่เรียนมาในชั้นเรียนมาประยุกต์เข้ากับการทำงานจริงในท้องถิ่น ขณะเดียวกันพยายามคิดค้นหาทางทำให้การตีมีดของอรัญญิกมีความโดดเด่นกว่าการตีมีดของชุมชนอื่นที่พยายามเลียนแบบความมีชื่อเสียงของมีดอรัญญิก

จากประวัติศาสตร์ที่มีโอกาสได้อ่านจากข้อความที่ปรากฏในชุมชนบ้านสาไร บริเวณนี้เคยเป็นแหล่งที่อยู่ของชาวลาวที่รัชกาลที่ ๑ ทรงกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์สมัยที่ทรงตีเอาลาวเป็นเมืองขึ้น พวกลาวอพยพที่มาตั้งรกรากที่นี่มีฝีมือในการตีเหล็กเลยทำการตีมีด และตำบลที่พวกเขาตั้งรกราก เมื่อตีมีดออกมาก็มาขายที่ตลาดอรัญญิก เมื่อมีคนผ่านมาผ่านไปย่านตลาดอรัญญิกก็ซื้อมีดไปใช้แล้วพบว่ามีคุณภาพดี ปากต่อปากทำให้ชื่อเสียงของมีดอรัญญิกเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป




ตอนที่พวกเราเข้าไปที่แหล่งตีมีด เขาให้อาจารย์ที่สนใจลองตีเหล็กขึ้นรูปมีดดู...


มีดอรัญญิกตอนนี้...บางแบบมีคำสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ เขาทำการผลิตตามคำสั่งซื้อ โดยการนำเข้าเหล็กจากเยอรมันมาตัดและตีขึ้นรูป ช่างเขาสาธิตให้เราเห็นว่าวิธีในการขึ้นลายบนใบมีดทำอย่างไร





เมื่อพวกเราเข้าไปในโรงแรมวรบุรี คอนแวนชั่น ทางผู้จัดเริ่มเปิดโครงการปฐมนิเทศโดยการเชิญท่านอธิการบดีกล่าวและปาฐกให้เราเห็นถึงศักยภาพของบัณฑิตที่พวกเรามีหน้าที่ช่วยกันสร้างให้แก่สังคม






แล้วมีการถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก....

ผมขอร้องให้เจ้าหน้าที่จากกองบริการงานบุคคลให้ช่วยถ่ายภาพให้หน่อย โดยแนะนำว่าช่วยยืนใกล้เข้ามาหน่อยเพราะว่ามองจากมอนิเตอร์แล้วจะได้ส่วนประกอบของภาพที่ไม่ดี แต่สุดท้ายก็ได้ภาพเป็นที่ระลึกเพียงแต่ขาดรายละเอียดในภาพ





มีกิจกรรมของคณะวิทยากรจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ทำให้เรารู้จักเพื่อนใหม่ต่างคณะ มีการแชร์ประสบการณ์ในอดีตและให้แต่ละคนลองวาดภาพในอนาคตว่าจะไปให้ไกลถึงไหน

ในกลุ่มมีอาจารย์ในวัยต่างๆและเจ้าหน้าที่จากกองบริหารงานบุคคล ทัศนคติและเรื่องของอนาคตของคนสองกลุ่มนี้จึงต่างกัน

เจ้าหน้าที่จากกองบริหารงานบุคคลจะอยู่ในวัย 20 ปลายๆ เขาจะนึกถึงแต่เรื่องแต่งงานและมีลูก เรียนต่อปริญญาโท ในขณะที่บรรดาอาจารย์จะมองเรื่องการได้ตำแหน่งทางวิชาการ

แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือชีวิตของผู้คนต่างมีอดีตที่ประกอบไปด้วยเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่น่าประทับใจ

มีโอกาสได้แสดงความเห็นต่อกรณีแนวคิดของน้องๆที่มาจากกองบริหารงานบุคคล...ผมเสนอแนะว่าไม่ควรเอาอายุ 30 มาเป็นตัวล็อกว่าต้องแต่งงานก่อน 30 เพราะเขาอาจจะเจอคนที่เขาใช้ชีวิตด้วยแล้วมีความสุขในตอนทีเขาวัยมากกว่า 30 ก็ได้ และสิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องของอายุเท่าไหร่ที่จะแต่งงาน แต่อยู่ที่การได้อยู่กับคนที่เราใช้ชีวิตด้วยแล้วมีความสุขต่างหาก ชีวิตสมรสก็อยู่ตรงนั้น

เห็นผู้หญิงหลายคนเอาเรื่องการมีลูกมาเป็นโจทย์ข้อแรกที่ต้องแก้ให้ได้เลยพ่วงเอาเรื่องต้องแต่งงานอายุไม่เกิน 30 มาเป็นโจทย์ข้อที่สอง ผลลัพธ์เลยเครียดหนักเพราะพอใกล้สามสิบยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอใคร สุดท้ายพอเจอใครก็คว้าไว้ก่อน สุดท้ายพอแต่งงานก่อนอายุ 30 มีลูก แต่ไม่มีความสุขในชีวิตสมรสเลย!!!!!!!!!!!!!


คืนนั้นหลังจากเลิกสัมมนา....ผมเข้าห้องพักแล้วเปิดทีวีดูรายการต่างๆ เปิดไปเจอรายการ Club Friday โดยบังเอิญ ปกติแล้วรายการนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุในกรุงเทพฯคลื่น 106.5 เมกะเฮิร์ซ ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องกรีนแชนแนลด้วย

ตั้งแต่มาใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ไม่มีโอกาสได้ฟังรายการคลับฟรายเดย์เลย เป็นเพราะช่วงเวลานั้นเรามักจะดูรายการทีวีมากกว่าตั้งใจเปิดอินเทอร์เน็ตฟังรายการคลับฟรายเดย์จากหน้าโฮมเพจของคลื่นกรีนเวฟ ไม่เหมือนพฤติกรรมตอนใช้ชีวิตในกรุงเทพฯที่เวลาขนาดนั้นบางทียังติดอยู่บนท้องถนนในคืนวันศุกร์..เลยฟังรายการวิทยุคลับฟรายเดย์ในขณะขับรถแล้วไปฟังต่อตอนถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว

ประเด็นที่หยิบมาพูดคุยกันคืนนั้นคือ "คำถามที่ปวดใจ"

หลายๆประสบการณ์ที่มาแชร์คือคำพูดจากคนที่รักทำลายความรู้สึกดีๆ มีหนุ่มรายหนึ่งแชร์ประสบการณ์ว่า คำถามที่ถามว่า "เมื่อไหร่จะแต่งงาน?" เป็นคำถามที่ปวดใจสำหรับเขา


สำหรับโลกของผู้ชายมีความแตกต่างจากโลกของผู้หญิง คำถามเดียวกันอาจจะมีนัยสำคัญที่ต่างกัน

คำว่าพร้อมสำหรับผู้ชาย....ผู้หญิงหลายคนก็ไม่ได้ต้องการให้พร้อมขนาดมีทุกอย่าง และเลี้ยงดูผู้หญิงโดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหน เพราะสำหรับผู้หญิงรุ่นใหม่หลายคน....พวกเธอภูมิใจที่ได้ทำงานด้วยตนเองมากกว่ารอรับเงินเดือนจากสามีในแต่ละเดือน เพราะการได้ทำงานเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับพวกเธอ

คำว่า "พร้อม" สำหรับผู้ชายเป็นสัญลักษณ์ของความภูมิใจที่พวกเขาสามารถดูแลหญิงที่ตนรักได้ให้มีความสุข

มีคำถามตามมาว่า แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม?

จะต้องเก็บเงินให้ได้ถึง 100 ล้านบาทถึงจะพร้อมใช่ไหม? ถ้าใช่..ชายหลายคนคงยากที่จะบรรลุเป้าหมายนี้

หรือแม้แต่ 10 ล้านบาทสำหรับหลายคนก็ยากที่จะไปให้ถึงเช่นกัน

ถ้าผู้หญิงบางคนเรียกร้อง....อยากมีชีวิตที่สะดวกสบาย มีเงินมากๆเพื่อเชิดหน้าชูตาในสังคม ความพร้อมสำหรับชายอีกหลายๆคนคงยากที่จะไปให้ถึงเช่นกัน

ความพร้อมและความลงตัวของคนสองคน...คงอยู่ที่คนสองคนได้มีการตกลงกันอย่างดีเพื่อวางตำแหน่งความพร้อมสำหรับคนสองคนเอาไว้ ณ. จุดที่เป็นไปได้ทั้งสองฝ่าย

ผู้ชายน่าจะสื่อสารกับผู้หญิงว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงต้องการอะไรเพราะสำหรับผู้หญิงหลายๆคน....ขอเพียงผู้ชายเข้าใจและทำในสิ่งที่เธอต้องการเธอก็ยินดีจะใช้ชีวิตคู่ด้วยโดยไม่ได้สนใจว่าผู้ชายต้องรอเก็บเงินหรือสร้างหนี้สินมากมายเพื่อมาขอเธอแต่งงาน


ตอนแรกคิดว่าจะรอดูรายการ "SME ตีแตก" ทางช่อง 5 แต่ก็ง่วงนอนเกินกว่าจะถ่างตาชมได้ สุดท้ายก็ดับทีวีไปเพราะเพลียมากแล้ว




วันรุ่งขึ้น....ตื่นขึ้นมา อาบน้ำแล้วพบว่าเสื้อเชิ้ตที่ใส่กระเป่ามามีรอยยับย่นจนน่าเกลียด รู้สึกแย่ถ้าจะสวมเสื้อยับๆแบบนั้นเข้าห้องสัมมนา เลยโทรถามแม่บ้าน เขาแจ้งว่าห้องซักรีดยังไม่เปิด เลยถามว่าเขามีเตารีดให้เรายืมใช้ไหม? เพราะในญี่ปุ่นเคยขอเตารีดจากฟร้อนท์มาจัดการรีดเองได้ แม่บ้านนำเตารีดมาให้ยืมรีดเสื้อเชิ้ตเองในห้องพัก

ความจริง...การรีดผ้าเป็นงานอดิเรกแสนรัก ทำทีไรก็ไม่รู้สึกว่าเป็นงานน่าเบื่อ คราวนี้มีเหตุให้ได้ทำงานอดิเรกแสนรักในวันสัมมนาที่สอง ผลงานรีดผ้าเป็นอย่างไรสังเกตจากเสื้อเชิ้ตตัวที่สวมอยู่เพราะพึ่งรีดเสร็จก่อนจะรีดเสื้อเชิ้ตลำลองลายช้างตัวนี้ต่อไป






ตอนเช้าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านวิทยา ผิวผ่อง ได้กล่าวต้อนรับพวกเราที่เดินทางมาจัดโครงการปฐมนิเทศและมาศึกษาชุมชนเข้มแข็งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สิ่งที่ท่านผู้ว่าบรรยายให้พวกเราฟัง มีประเด็นที่น่าคิดเรื่อง "ทุนทางสังคม" เมื่อพ่อแม่เป็นชาวนา...มีความชำนาญในการทำนา ตรงนี้เป็นทุนทางสังคม พร้อมและสามารถถ่ายทอดความรู้เรื่องการทำนาให้ลูกได้อย่างดี ต้นทุนถูกกว่า แต่เพราะค่านิยมทางสังคมที่ตีค่าการทำนาว่าเป็นงานลำบาก รายได้น้อย พ่อแม่เลยไม่อยากให้ลูกมาเป็นชาวนา ส่งเสียให้ไปเรียนวิชาบริหารธุรกิจเพื่อคาดหวังว่าลูกจบออกมาแล้วไปทำงานตามองค์กรต่างๆ เป็นการสร้างต้นทุนทางสังคมมากขึ้นเพราะพ่อแม่ไม่สามารถเปิดกิจการให้ลูกภายหลังจบมาได้ ลูกต้องไปเรียนรู้จากองค์กรอื่นเพราะพ่อแม่ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารธุรกิจให้แก่ลูกได้ ในเมื่อโครงสร้างทางสังคมมันผิดแบบนี้..ดังนั้นทุนทางสังคมเลยสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น คนที่ชำนาญเรื่องอะไรไม่มีโอกาสสอนและถ่ายทอดความชำนาญให้ลูก แต่ลูกต้องไปเสียต้นทุนทางสังคมให้องค์กรอื่นเพื่อไปเรียนรู้ความรู้เรื่องเหล่านั้นที่พ่อแม่ไม่มีความรู้ที่จะสอน

ตอนเช้าคุณบุญเกียรติ โชควัฒนามาบรรยายเรื่อง "ความสุขในการทำงาน" คุณบุญเกียรติหยิบเอาเรื่องของธรรมะมาอธิบายการทำงานอย่างไรให้มีความสุข ในการบรรยายตอนหนึ่งคุณบุญเกียรติหยิบเอาตัวอย่างผู้บริหารระดับสูงที่เขาประสบความสำเร็จในอดีตมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษา คนพวกนี้คิดอย่างเดียวว่าตัวเองถูก ฉลาด รู้ดีกว่าคนอื่น แล้วดูถูกคนอื่นที่คิดแตกต่าง คิดไม่เหมือนว่า "โง่" ผู้บริหารแบบนี้แฝงและสะสมความมีตัวตน (อัตตา) เอาไว้สูงมากๆ ผู้บริหารที่จะประสบความสำเร็จมักมีความสนใจ ใฝ่รู้และรู้จักที่จะฟังคนอื่นพูดอย่างตั้งใจ


ก่อนจะไปทานข้าวเที่ยง ศาตราจารย์พิเศษ กาญจนา เงารังษีได้บรรยายให้เราฟังถึงเส้นทางเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางวิชาการว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไร บทบาทของอาจารย์ที่เราต้องภูมิใจแม้จะเป็นอาจารย์ในต่างจังหวัดก็ตาม เรามีบทบาทในการสร้างพลังของคลื่นลูกใหม่ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่มีคุณภาพให้กับสังคมและชุมชน การได้ลูกศิษย์ที่เข้ามาแล้วขาดทักษะเรื่องของภาษา ขาดทักษะเรื่องของความรอบรู้ ไม่ใช่หน้าที่ของอาจารย์ที่จะพูดว่าเป็นเพราะระบบการคัดเลือกไม่ดีทำให้เราได้เด็กที่ไม่ดีมา...สอนอบรมอย่างไรก็ไม่มีทางได้เด็กที่ดี แต่หน้าที่ของครูอาจารย์คือทำอย่างไรให้เด็กพวกนี้ที่เข้ามาเรียนกับเราแล้วเขาออกไปมีคุณภาพเช่นเดียวกับเด็กกลุ่มอื่น การวิจัยช่วยทำให้อาจารย์มีความรู้ในเรื่องที่สอนนั้นมากขึ้นและนำตัวอย่างจากการทำวิจัยไปใช้ในการเรียนการสอนต่อไป และผลงานจากการวิจัยช่วยเป็นหลักฐานในการขอตำแหน่งทางวิชาการต่อไป


กิจกรรมยามบ่าย วิทยากรให้พวกเราเล่นเกมส์เป่ายิงฉุบ คนที่แพ้โดนทำโทษด้วยการออกมาเดินแบบให้เหมือนนายแบบและนางแบบ งานนี้นางแบบที่ติดโผเป็นอาจารย์ติ๊ก





หลังจากนั้นมีการแบ่งกลุ่ม แล้วโจทย์ที่ให้พวกเราทำคือ สร้างฐานเพื่อรองรับขวดน้ำที่บรรจุน้ำปริมาตร ๕ ลิตร โดยความสูงของฐาน ๖๐ เซ็นติเมตร โดยใช้หลอดกาแฟที่ให้มา





หลายๆกลุ่มไม่ผ่านเพราะออกแบบการรองรับน้ำหนักได้ไม่ดี พอเอาขวดน้ำมาวางแล้วรับน้ำหนักขวดน้ำไม่ได้

วิทยากรอธิบายให้เราฟังว่า ความสูงของฐานเปรียบเหมือนมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นมาโดยกระทรวงศึกษาธิการ แน่นอนเราเปลี่ยนแปลงตรงนี้ไม่ได้ การออกแบบฐานเพื่อรองรับขวดน้ำคือการที่อาจารย์แต่ละคนวางแผนสำหรับภาระที่รับผิดชอบต่อนิสิตและนักศึกษา ขวดน้ำเปรียบเหมือนความต้องการของนิสิตนักศึกษาที่มีต่อหลักสูตรการศึกษาซึ่งความต้องการดูเหมือนเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา หน้าที่ของอาจารย์คือทำอย่างไรให้ภาระของอาจารย์สามารถรองรับความต้องการของนิสิตนักศึกษาให้อยู่ภายใต้กรอบของกระทรวงศึกษาธิการที่กำหนดเอาไว้


ตอนบ่ายเราฟังอาจารย์ปรัชญา ปิยะมโนธรรมมาบรรยาย 7Q ที่มีผลเชิงจิตวิทยาในการทำงาน เพราะบรรยากาศตอนบ่ายชวนง่วงนอนได้ง่าย วิทยากรเลยมามุขตลกที่ทำให้คนฟังหัวเราะได้ตลอดเวลา แถมเทคนิคในการลดน้ำหนักโดยการสะกดจิต วิธีการทำอึ๋ม และวิธีการลดต้นขาโดยเทคนิคการบริหารกล้ามเนื้อที่ถูกต้อง ฟังแล้วไม่น่าเชื่อแต่ผลจากพลังจิตใต้สำนึกสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งตัววิทยากรบอกว่าการที่ได้ผลหรือว่าไม่ได้ผล..ไม่มีอะไรต้องเสียถ้าคิดจะลองทำดู


เย็นๆพวกเราไปงานอยุธยาแฟร์ที่ศาลากลางจังหวัด บรรยากาศเหมือนงานเทศกาลในต่างจังหวัดทั่วๆไปที่ผู้คนมางานเพื่อซื้อของกินของใช้จากหลายๆแหล่ง


รุ่งขึ้นเช้าของวันสุดท้ายของการสัมมนามีโอกาสได้ฟัง อาจารย์วรากรณ์ สามโกเศษ บรรยายเรื่องอนาคตและพันธกิจของการศึกษาไทย อาจารย์มีหน้าที่ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกมาดังนั้นขบวนการในการผลิตบัณฑิตเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าขบวนการผลิตไม่ได้คุณภาพ.....เราก็จะไม่มีทางผลิตบัณฑิตที่มีศักภาพให้แก่ชาติที่สามารถแข่งขันกับเพื่อนบ้านที่เขามุ่งเน้นการผลิตคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพออกมารองรับสังคมเขา ประเทศเราก็จะล้าหลังไปเรื่อยๆ






การปฐมนิเทศจบลงแล้ว...

อาจารย์ในคณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ที่เข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศคราวนี้เลยถือโอกาสถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกันเก็บเอาไว้






อีก ๑๐ ปีผ่านไปอาจารย์เหล่านี้คงมีบทบาทสำคัญในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพให้กับชุมชน สังคม และประเทศชาติ สมกับเจตนารมย์ของการปฐมนิเทศคราวนี้


มีโอกาสแวะไปนมัสการพระประธานในวิหารวัดมงคลบพิตรก่อนเดินทางกลับพิษณุโลก ภายหลังมีการจัดระเบียบแผงลอยหน้าวัดเพื่อป้องกันการถูกถอดถอนอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาจากมรดกโลก...บรรยากาศของวัดมงคลบพิตรวันนี้แตกต่างไปจากบรรยากาศที่เคยสัมผัสมาในอดีต คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสถ่ายภาพพระประธานในวิหารวัดมงคลบพิตร
ศิลปะดูงดงามเฉพาะตัว







 

Create Date : 28 มีนาคม 2553    
Last Update : 31 มีนาคม 2553 1:38:36 น.
Counter : 1972 Pageviews.  

บนพื้นฐานของความเข้าใจและความเชื่อมั่นระหว่างกัน

คืนวันอังคารที่ ๒๓ มีนาคมมีโอกาสได้ดูละคร "หมอหงวน...แสงดาวแห่งศรัทธา" ทางสถานีทีวีไทย

อาจจะเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้เดี๋ยวนี้แม้ว่าใครอีกหลายๆคนที่ใช้ชีวิตข้างนอกบ้าน ยังไม่กลับมาถึงบ้าน จะด้วยเหตุผลของการมีธุระหรือว่าพึ่งเลิกงาน ถ้าสนใจติดตามรายการทีวีที่ตนเองชื่นชอบ สามารถจะคลิกเข้าไปดูรายการทีวีย้อนหลังได้จากเว็บหลายๆเว็บได้

ตัวอย่างเว็บข้างล่างผมก็เคยคลิกเข้าไปดูรายการทีวีที่พลาดเพราะมีธุระอยู่ข้างนอกบ้าน หรือหยิบเอารายการทีวีที่มีเนื้อหาของรายการตอนที่น่าสนใจไปสอนนิสิต สำหรับนิสิตหลายๆคนที่ไม่ได้ดูรายการทีวี เขาก็สามารถเรียนรู้ไปพร้อมๆกันในชั้นเรียน โดยมีอาจารย์และนิสิตร่วมกันวิเคราะห์และวิจารณ์เนื้อหาในรายการทีวีนั้น


//www.thaifreetv.net/tv/replay_tv.php


ตอนที่นำเสนอในคืนวันอังคาร....เป็นตอนที่สะท้อนชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างนายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์และภรรยา ทพญ. อพภิวันต์ นิตยารัมภ์พงศ์

ความรักที่ทพญ. อพภิวันต์ มีต่อนายแพทย์สงวน เป็นความรักที่เต็มไปด้วยการคอยรอ เฝ้ารอ ชื่นชมคนที่ตัวเองรักมาตลอด แต่ด้วยเหตุผลของจังหวะที่ยังไม่ลงตัว หมอสงวนชื่นชมหมอมัลลิกา (ในละครใช้ชื่อว่า หมอมาริสา) ด้วยความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน....เพื่อนจึงไม่สามารถแย่งแฟนเพื่อนได้ หมออพภิวันต์จึงตัดใจและหันไปคบหากับหมอนนท์แทน

ในชีวิตคู่การมีแต่ความรักอย่างเดียวไม่เพียงพอ


คนสองคนมีโลกคนละใบ ความเชื่อ ศรัทธาที่มีต่อเรื่องเดียวกันต่างกัน เป้าหมายในชีวิตต่างกัน....

เมื่อจับคนสองคนมาอยู่ด้วยกันเพียงหวังว่าความรักจะเป็นตัวหล่อเลี้ยง...และเปลี่ยนแปลงคนสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข.....ความคิดเช่นนี้ดูจะทำให้เป็นจริงได้ยาก ทำได้ก็แต่ละครน้ำเน่าที่หลอกล่อคนให้จินตนาการเพ้อฝันไปเรื่อยๆ สำหรับละครที่สร้างจากอัตชีวประวัติของหมอหงวน....จึงไม่มีทางบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หมอหงวนไม่สมหวังในรักกับหมอมัลลิกา


เป็นเพราะหมอมัลลิการู้ใจของตัวเองว่าชอบอะไร มีโลกแบบไหนที่ชื่นชม ปรารถนาอะไร และต้องการอะไร และถ้าหมอมัลลิกาตัดสินใจก้าวเข้าไปสู่โลกของหมอหงวน...หมอมัลลิกาอาจจะไม่มีความสุขสำหรับชีวิตคู่เลย


ดังนั้นถึงแม้จะมีความรักเป็นตัวเชื่อมระหว่างหมอหงวนกับหมอมัลลิกา ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ก้าวข้ามไปสู่ความเชื่อมั่นว่าถ้าใช้ชีวิตคู่แล้วจะมีความสุข

สุดท้ายหมอมัลลิกาจึงทำทุกวิถีทางที่จะปฏิเสธหมอหงวน


อาจจะเป็นเพราะ....กรรมเก่าหรือ...ความเสมอกันในเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธาในเรื่องเดียวกัน โลกที่ใกล้เคียงกันระหว่างหมอหงวนและหมออพภิวันต์ จึงมีเหตุให้คนทั้งสองได้มาเกี่ยวข้องกันอีกในเวลาที่ต่างคนต่างเป็นอิสระแล้ว

ด้วยกระแสแรงดึงดูดของคนที่เสมอกันในหลายๆเรื่อง...ทำให้คนทั้งสองกลายเป็นคนที่รักของกันและกัน เท่าที่ทราบจากการให้สัมภาษณ์ของหมออพภิวันต์...ดูเหมือนหมอหงวนใช้เวลาในการคบหากับหมออพภิวันต์ไม่ถึง ๑ ปีก็ขอแต่งงาน


หมออพภวันต์เชื่อมั่นในตัวหมอหงวน ศรัทธาในสิ่งที่หมอหงวนทำ รู้ว่าหมอหงวนมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะทำโครงการที่ยากและเป็นไปได้ยากเพื่อความอยู่ดีกินดีของคนไทย ตลอดระยะเวลาของการใช้ชีวิตคู่...หน้าที่ของหมออพภิวันต์คือคอยให้กำลังใจหมอหงวนมาโดยตลอด


ในระหว่างที่ชีวิตคู่ดำเนินไป....ความไม่สุนทรีย์ก็เกิดขึ้นจากความพยายามของนักการเมืองที่พยายามป้ายสีให้หมอหงวนมีราคี เพื่อขจัดหมอหงวนออกไปให้พ้นทางที่ขัดขวางผลประโยชน์ที่เหล่านักการเมืองจ้องจะฮุบเข้ากระเป๋าตัวเอง


การสร้างข่าวลือพร้อมกับการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าหมอหงวนมีอะไรกับเลขานุการซึ่งเป็นภรรยาของเพื่อนคนสนิทในที่ทำงานของหมอหงวน

เรื่องเปราะบางแบบนี้....ผู้หญิงส่วนมากหูเบาและเชื่อเอาง่ายๆ


ผมเคยไปร่วมงานมงคลสมรสบางงานที่เขาเชิญหมอขวัญมาทำขวัญให้แก่คู่บ่าวสาว มีหลายๆคำพูดที่น่าสนใจ อย่างเช่น สามีต้องซื่อสัตย์และให้เกียรติภรรยา ภรรยาควรยกย่องให้เกียรติสามี ภรรยาดูแลเรื่องภายในบ้านอย่าให้ขาดตกบกพร่อง รวมทั้งภรรยาต้องหนักแน่นไม่หูเบา เรื่องแบบนี้คนรุ่นใหม่ที่คิดจะแต่งงานหรือแต่งงานไปแล้ว....ได้หยิบเอาไปใช้ชีวิตในการครองเรือนกันไหม??????


บ่อยครั้งที่ครอบครัวมีปัญหาก็มาจาก...บ่างช่างยุ ผู้หวังดีทั้งหลาย ที่เฝ้าเสียดสี แอบเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้จริงหรือไม่จริงมาเล่าให้ภรรยาฟัง เมื่อผู้หญิงได้ยินบ่อยๆ เริ่มคลอนแคลนไปตามคำพูด ใหม่ๆก็อาจจะไม่เชื่อ แต่เมื่อฟังมากๆเริ่มไขว้เขว ไม่หนักแน่นพอ สุดท้ายก็เชื่อว่าเป็นจริง เกิดอาการคลางแคลงใจ ระแวง สุดท้ายก็มีปัญหาความไม่พอใจ กระทบกระทั่งระหว่างสามีภรรยา

ความระแวงระหว่างสามีภรรยา....นำมาซึ่งจุดจบในชีวิตสมรสได้ไม่ยาก

ความซื่อสัตย์ระหว่างกันเป็นเรื่องสำคัญ....มันควรมีตั้งแต่คิดจะเริ่มต้นปลูกต้นรักด้วยกัน และควรยึดมั่นในพันธะสัญญาที่จะซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป


เมื่อมีความซื่อสัตย์ต่อกัน....เชื่อมั่นต่อกัน ไม่หวั่นไหวแม้จะมีสิ่งยั่วตายั่วใจผ่านเข้ามาสักกี่ครั้งก็ตาม


ในความเป็นจริง....ความพอใจของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าคนเราเข้าใจว่า "ความพอดี" คืออะไร ดุลยภาพแห่งความสุขในชีวิตของมนุษย์ก็จะเกิดขึ้นและไม่คิดจะแสวงหาสิ่งใหม่ๆเข้ามาอีก เพราะสิ่งที่เกินมาทำให้เกิด "ความไม่พอดี" ในชีวิตขึ้นมาทันที


กรณีความสัมพันธ์ระหว่างหมอหงวนและหมออพภิวันต์สั่นคลอนเกิดจากคนคิดจะป้ายสีหมอหงวน...ถ่ายภาพหมอหงวนกับเลขาในภาพชวนให้เข้าใจผิดส่งมาให้หมออพภิวันต์ดู....

สิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่รับไม่ได้คือ การที่คนรักนอกใจ (ความจริงสิ่งที่ผู้ชายส่วนมากรับไม่ได้ก็คือการนอกใจเช่นกัน แต่ค่านิยมเลวๆของสังคมรุ่นใหม่กลับมองว่า "การมีกิ๊ก" เป็นกระแส)


กว่าวันที่หมออพภิวันต์จะเข้าใจว่าข้อเท็จจริงคืออะไร...ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวก็เหินห่างกันเป็นเวลานาน วันที่นักการเมืองเลวๆโทรมาขู่หมอหงวนเพื่อจะเอาเงินจากงบประมาณแลกกับการไม่พิจารณาสอบหมอหงวนในข้อกล่าวหาว่าชู้สาว ทุจริตในการจัดซื้อ ฯลฯ ...วันนั้นคือวันที่หมออพภิวันต์เข้าใจว่าข้อเท็จจริงคืออะไร....และรู้สึกผิดว่าที่ผ่านมาตัวเองระแวงเอง ทั้งๆที่หมอหงวนไม่เคยทำอะไรผิดเลย หน้าที่ที่หมออพภิวันต์บกพร่องไปช่วงหนึ่งคือ...ควรเป็นคนคอยให้กำลังใจหมอหงวนต่อสู้กับอุปสรรคทั้งปวง มากกว่าสร้างความไม่สบายใจให้หมอหงวน


ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างหมอหงวนและหมออพภิวันต์....

เป็นอีกตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นว่า....

ความรักเริ่มต้นจากการมีศรัทธาในเรื่องเดียวกัน อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นระหว่างกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน และการเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันความรักแบบนี้มันมีอานุภาพในการฟันฝ่าสิ่งยากๆในชีวิต ในการทำงาน และเรื่องของครอบครัวให้ผ่านพ้นไปได้ในที่สุด


ไม่ง่ายหรอกที่ใครจะเจอเรื่องความรักแบบนี้....แต่ต้องบอกว่าหมอหงวนโชคดีที่ได้หมออพภิวันต์เป็นคู่ครอง มันทำให้วันนี้คนไทยเรามีโครงการประกันสุขภาพออกมา เบื้องหลังความสำเร็จของโครงการประกันสุขภาพอาจจะไม่เกิดถ้าไม่มีหมออพภิวันต์ที่คอยเป็นกำลังใจให้หมอหงวนมาตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตคู่ครองด้วยกัน




 

Create Date : 23 มีนาคม 2553    
Last Update : 23 มีนาคม 2553 22:48:49 น.
Counter : 784 Pageviews.  

คุณภาพของเด็กรุ่นใหม่...กำลังชี้นำโลกในอนาคต

วันอาทิตย์มีโอกาสได้ดูรายการ "มรสุมแดนมังกร" ทางสถานีทีวีไทย รายการสารคดีตีแผ่ชีวิตนักเรียนในประเทศจีน

นโยบายลูกคนเดียวของจีนทำให้พ่อแม่ประคบประหงมลูกมากและคาดหวังในตัวเด็ก พ่อแม่ที่เคยผ่านประสบการณ์ว่างงานหลายเดือน...พอมาได้งานทำแม้จะไม่ใช่งานประจำ ก็ไม่อยากให้ลูกลำบาก ต่างอบรมสั่งสอนให้ลูกตั้งใจเรียน เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้งานดีๆ เพราะเชื่อมั่นว่าถ้าลูกจบจากมหาวิทยาลัยที่ดีก็จะมีอนาคต

เด็กแบ่งกลุ่มในการคบกัน เด็กกลุ่มที่มีผลการเรียนดีก็คบเฉพาะเพื่อนที่มีผลการเรียนดี ไม่คบกับเด็กที่มีผลการเรียนแย่ เพราะคบแล้วผลการเรียนจะตกลง ผมดูรายการทีวีแล้วรู้สึกเศร้าใจที่เงื่อนไขเน้นเรื่องเรียนที่เหล่าเด็กๆที่โดนพ่อแม่ชี้นำมา....ทำให้ความเป็นเพื่อนของวัยเด็กหายไป มันถูกไหม?

พ่อแม่ชาวจีนเขาคาดหวังและกดดันลูกพวกเขามากเกินไป ความจริงบรรดาเพื่อนๆในไทยที่มีลูกกัน...ผมก็ได้ยินเขาเล่ากันเรื่องลูก ฟังแล้วผมก็คิดว่าพ่อแม่คนไทยบางคนก็คาดหวังและกดดันต่อเด็กไม่ต่างกัน อาจจะต่างรูปแบบกันเท่าน้นเอง ไม่แน่ใจว่าพ่อแม่เคยมองย้อนกลับไปสมัยเด็กบ้างไหมว่าทำอะไรบ้าง....ทำไมต้องคาดหวังลูกมากขนาดนั้น เขารู้ไหมว่า...ลูกๆของพวกเขาได้รับแรงกดดันมากๆจากความคาดหวังของตัวเขา


ลูกเกิดมาเพื่อตอบสนองความต้องการ ความคาดหวังของพ่อแม่ อย่างนั้นหรือ? ถ้าเขารู้แบบนี้...เขาอยากจะเกิดขึ้นมาเป็นลูกของพ่อแม่แบบนั้นไหม?


เด็กๆชาวจีนมีความฝัน ความฝันที่พวกเขาถ่ายทอดออกมาบ่งบอกถึงพลังและศักยภาพในตัวเขา แม้แต่เด็กที่ผลการเรียนแย่ก็ยังมีความฝันแต่ไม่กล้าหวังสูง (มันผิดกับเด็กชาวญี่ปุ่น ภายหลังประเทศเจริญสุดแล้ว คนสบาย ไม่สนใจจะกระตือรือล้น ในรายการทีวีญี่ปุ่นที่ผมเคยดูสมัยอยู่ในญี่ปุ่น เมื่อนักข่าวถามว่าเด็กญี่ปุ่นเหล่านั้นมีความฝันอย่างไร เด็กๆเหล่านั้นตอบไม่ได้---คงเหมือนเด็กไทยบางคนที่มาจากครอบครัวที่กินดีอยู่ดีแล้วบางครอบครัว เขาไม่เห็นความจำเป็นต้องดิ้นรนอะไร ทุกอย่างพ่อแม่ประเคนให้หมด เด็กเหล่านั้นไร้ซึ่งความฝัน)

ในรายการสารคดีที่นำเสนอ บทบาทของครูที่เป็นคนสร้างเด็กที่มีคุณภาพ ไม่ใช่โอ๋แต่เด็กเก่ง เวลาเด็กมีปัญหา ครูมีหน้าที่ขัดเกลา ให้กำลังใจ ชี้นำ และรีบแก้ไขปัญหาทันที

เด็กเก่งบางคน...ไม่รับผิดชอบหน้าที่ซึ่งต้องปฏิบัติในชั้น ครูเรียกเด็กเหล่านั้นออกมาหน้าชั้นเรียนแล้วให้สำนึกผิด เด็กบางคนคิดถึงแต่ตนเอง...หน้าที่ของครูขัดเกลาให้เด็กคนนั้นละทิ้งความคิดถึงตนเองออกก่อน ยอมรับผิด ขอโทษต่อทุกคน เด็กคนนึงซ่อนเหตุผลแท้จริงว่า....ที่เธอไม่ยอมทำเวรความสะอาดเพราะว่าแม่เธอบังคับให้เธอทำการบ้าน ท่องหนังสือ ถ้าเธอกลับบ้านช้าเพราะมัวทำเวร เธอก็จะโดนแม่ตี

ครูเรียกผู้ปกครองของเด็กรายนั้นมาคุยด้วยเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาแบบนี้

ผลการวิจัยออกมากว่า เด็กจีนยุคนี้เผชิญปัญหาจากความเครียด ชีวิตวัยเด็กไม่มีความสุขในชีวิตวัยเด็ก

เด็กๆโดนกดดันจากพ่อแม่ที่บังคับให้ตั้งใจเรียน ขยันเรียน พ่อแม่ไม่เคยสนใจฟังลูก มีแต่สั่งและชี้นำให้ลูกแข่งขันกับเด็กคนอื่น แม้ว่าเด็กบางคนจะมีผลการเรียนในระดับที่ดีแต่แม่ก็ยังไม่พอใจ เพราะคอยแต่เอาคนที่ผลการเรียนดีที่สุดในชั้นเป็นเกณฑ์ ราวกับว่าลูกตนเองต้องดีกว่าเด็กคนนั้น


เมื่อครูเรียกผู้ปกครองและเด็กมาพบกันและให้เปิดใจให้เด็กระบายความรู้สึกบ้าง เด็กหลายคนร้องไห้ในระหว่างที่ระบายความรู้สีกภายในใจ เด็กๆหลายคนโดนบังคับให้ท่องหนังสืออย่างหนัก ไม่มีเวลาไปวิ่งเล่นอย่างวัยเด็กควรจะทำ ถึงกระนั้นพ่อแม่ก็ไม่พอใจ เด็กผู้หญิงรายหนึ่งโดนพ่อแม่บังคับให้เรียนภาษาอังกฤษเพราะคอยกรอกหูว่า...ภาษาอังกฤษสำคัญอย่างไร ในขณะที่เด็กคนนี้ไม่เคยชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษเลย เด็กคนหนึ่งไม่ว่าจะทำอะไร...พ่อแม่ก็ต่อว่าเด็กคนนั้นว่า "ไม่ได้เรื่อง" เป็นคำพูดที่เด็กคนนั้นไม่อยากได้ยิน และไม่ชอบเลย

บรรดาผู้ปกครองที่ครูเชิญมาฟังความในใจของลูกตัวเอง...เขาโต้ข้อกล่าวหาของเด็กๆว่ากดดันลูกตัวเองด้วยข้ออ้างแบบผู้ใหญ่ว่า

การที่ไม่เคยพอใจลูกตัวเองแม้ว่า..ลูกจะมีผลการเรียนดีอยู่แล้ว เพราะอยากให้ลูกเก่ง ดังนั้นลูกควรต้องมีมาตรฐานเปรียบเทียบจะได้รู้ว่าตัวเองทำดีหรือยัง (ผมฟังแล้วสงสารเด็กคนนั้นที่มีแม่ที่ชอบเปรียบเทียบ อยากเก่ง อยากดี อยากเด่น น่าสมเพชคนที่เป็นแม่และคิดได้แค่นี้ ในเมืองไทยเราก็มีพ่อแม่ประเภทนี้ไม่น้อยเช่นกัน)

พ่อแม่หลายคนโต้แย้งว่า...ลูกๆต่างกล่าวหาว่าพ่อแม่กดดัน บังคับให้เรียนหนังสือ แต่พวกลูกไม่รู้หรอกว่าสังคมปัจจุบันแข่งขันกันแค่ไหน ลูกๆถูกประเมินด้วยผลการเรียน พ่อก็โดนประเมินผลงานเช่นกัน พวกลูกๆไม่เคยเจอการตกงาน การมีอนาคต เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดีๆ มีอนาคต ไม่ตกงาน ดังนั้นพ่อแม่จึงคาดหวังในตัวลูกสูง


เคยได้ยินอาจารย์ชั้นมัธยมในไทยหลายคนบ่นกันเรื่องนโยบายของรัฐเกี่ยวกับระบบการศึกษาที่เน้นผลงานความเป็นเลิศ ผลตามมาก็คืออาจารย์พากันโอ๋เด็กเก่งแล้วไม่แยแสเด็กห้องเรียนไม่เก่งเลย หรือนโยบายของโรงเรียนบางแห่งที่ตัวผู้บริหารบางคนภูมิอกภูมิใจกับเด็กห้องเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ โดยไม่สนใจกับเด็กสายศิลป์เลย ผมสงสัยว่าผู้บริหารโรงเรียนคิดกันแบบนี้มันถูกต้องไหม? โลกใบนี้มันจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีผู้คนที่จบจากสายศิลป์และแขนงอื่นๆ

ผมได้ยินเพื่อนคนไทยหลายคนเล่ากันว่า...เด็กเดี๋ยวนี้ไม่เรียนพิเศษไม่ได้เพราะอาจารย์สอนชั้นเรียนไม่เพียงพอ แต่หันไปเปิดโรงเรียนกวดวิชา ถ้าเด็กไม่เรียนก็ทำสอบไม่ได้ เมื่อลูกคนอื่นเรียน....ลูกตัวเองก็ต้องเรียนด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางทำคะแนนสอบได้ดี ตัวพ่อแม่เอง...ก็ดีแต่หาเงิน แสวงหาความร่ำรวย เพราะนั่นคือความสุขในความเชื่อของเขา พ่อแม่ไม่มีเวลาสอนหนังสือลูก เพราะสอนไม่ได้ ยกให้เป็นหน้าที่และภาระของครูที่สอนพิเศษ


ถ้าสังคมปัจจุบันมันบิดเบี้ยวแบบนี้...พ่อแม่ดีแต่บังคับให้ลูกมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันอย่างเดียว แล้วต่อไปคนรุ่นใหม่จะเป็นอย่างไร เด็กที่ได้รับบ่มเพาะแต่เรื่องการแข่งขันอย่างเดียว....โดยที่คุณภาพชีวิตด้านอื่นขาดหายไป แบบนี้คุณภาพของคนรุ่นใหม่ สังคมยุคใหม่ จะเป็นอย่างไร?





 

Create Date : 15 มีนาคม 2553    
Last Update : 15 มีนาคม 2553 0:28:43 น.
Counter : 960 Pageviews.  

ละครเรื่องใหม่ หมอหงวน...แสงดาวแห่งศรัทธา

ตอนไปเป็นอาสาสมัครล่ามภาษาญี่ปุ่นค่ายโดสะโฮให้มูลนิธิเพื่อเด็กพิการที่นครศรีธรรมราชเมื่อกลางปีที่แล้ว ในห้องพักมีหนังสือที่เขียนขึ้นโดย นายแพทย์ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติคนแรกของประเทศไทย ผู้ผลักดันโครงการ "๓๐ บาทรักษาทุกโรค" จนเป็นผลสำเร็จ

ผมไม่เคยรู้จักคุณหมอสงวนมาก่อน แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มดังกล่าว...ทำให้ผมทราบว่าคุณหมอเป็นคนเดือนตุลาคม และยังคงรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์จนถึงวันสุดท้าย ก่อนเสียชีวิตลงด้วยมะเร็งปอด ทั้งๆที่คุณหมอไม่เคยสูบบุหรี่ คุณหมอเป็นคนดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี แต่ด้วยเงื่อนไขในการทำงาน..สภาพของที่ทำงานเป็นต้นเหตุทำให้เกิดมะเร็งปอด แต่ถึงแม้จะเป็นมะเร็ง...คุณหมอสงวนไม่ท้อ แต่ยังต่อสู้กับโรคมะเร็ง และพยายามทำงานแข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที คุณหมอสงวนพยายามผลักดันเรื่องนโยบายต่างๆที่เกี่ยวกับสุขภาพของคนไทยจนถึงวาระสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑




(ที่มาของภาพ: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)



เรื่องราวของคุณหมอ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์จะถูกถ่ายทอดให้คนไทยได้มีโอกาสได้ชมกันผ่านรายการละครของสถานีโทรทัศน์ทีวีไทยทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา ๒๐:๒๐ น.

เรื่องราวเหตุการณ์เดือนตุลาคม ๒๕๑๙ ปรากฏการณ์ไทยฆ่าไทยเพราะฝ่ายขวาจัดใช้สื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความชอบธรรมในการฆ่าฟันฝ่ายตรงข้าม ปลุกระดมให้คนไทยเกลียดชังนักศึกษาที่ประท้วงการกลับมาของจอมพล ถนอม กิตติขจร ผู้อยู่เบื้องหลังการกวาดล้างนักศึกษาในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ นักศึกษาจำนวนมากไม่มีทางเลือกมากนักเมื่อพวกเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ทางออกสำหรับบางคน..คือการหนีเข้าป่าเพื่อจับอาวุธเข้าต่อสู้กับคนไทยด้วยกัน






ในละครที่สร้างขึ้นจากชีวิตจริงของนพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เปิดฉากตอนที่คุณหมอเป็นนายกสโมสรนักศึกษาแพทย์มหิดล และโดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ในฐานะที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ตำรวจได้รับคำสั่งมากดดันคุณหมอให้เซ็นต์ยอมรับความผิด (เท่ากับกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์) เพื่อจะได้เข้าเรียนตามปกติ และสามารถเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร แต่คุณหมอเลือกที่จะไม่เซ็นต์รับข้อกล่าวหา ยอมที่จะไม่ร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร พิธีที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แต่คุณหมอขอใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยมาให้อาม๊า คุณแม่ที่หมอรักมากที่สุดเป็นที่ระลึก เป็นเกียรติว่าลูกชายที่มาจากครอบครัวธรรมดาชาวจีนสำเร็จการศึกษาแพทย์ศาสตร์ ก่อนจะไปใช้ชีวิตเป็นแพทย์ชนบทที่โรงพยาบาลราษีไศล ที่จังหวัดศรีสะเกษ...

เรื่องราวของคนที่มีอุดมการณ์ที่ไม่เคยทิ้งความฝันที่จะช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ห่างไกลความเจริญให้ได้รับบริการทางสาธารณสุขเท่าเทียมกับคนในเมือง คุณหมอต่อสู้และผลักดันอย่างมากเพื่อทำในสิ่งที่ทุกคนไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ คือการที่คนไทยทุกคนสามารถรักษาพยาบาลได้ภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นจริงขึ้นมา

แม้นโยบาย "๓๐ บาทรักษาได้ทุกโรค" จะถูกนักการเมืองหยิบฉวยไปแสวงหาผลประโยชน์ยกเป็นความดีนโนบายของพรรคการเมืองไปแล้วก็ตาม แต่บุคคลผู้ปิดทองหลังพระ ผู้ผลักดันความฝันที่จะให้คนไทยมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นผลสำเร็จคือ นายแพทย์ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ต่างหาก บุคคลที่คนไทยจำนวนมากอาจจะไม่รู้จัก

ดีใจที่คนไทยมีทางเลือกในการเสพละครดีๆมากขึ้น

เรื่องราวของหมอสงวน ความยึดมั่นในอุดมการณ์ของหมอสงวน..อาจจะมีแรงผลักดันให้คนไทยยุคใหม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ ไม่ทิ้งความฝันที่จะพัฒนาประเทศไทยต่อไปโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง วันนึงในอนาคตสังคมไทยอาจจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น สิ่งดีๆ ความคิดดีๆ ที่คนไทยไม่เชื่อว่าเป็นไปได้แต่สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นได้จริงเพราะถูกผลักดันโดยคนไทยรุ่นใหม่ที่เชื่อมั่นในอุดมการณ์ อุดมการณ์ที่ไม่ผันแปรไปตามกาลเวลา

เสียงเพลง "แสงดาวแห่งศรัทธา" ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ที่เคยดังกังวาลในอดีต....อาจจะกลับมาดังอีกครั้ง ปลุกประกายไฟแห่งการทำงานเพื่ออุดมการณ์ของผู้คนอีกที




 

Create Date : 01 มีนาคม 2553    
Last Update : 1 มีนาคม 2553 22:26:57 น.
Counter : 1471 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.