ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 

สถิติใหม่ในการเผาผลาญเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ 2ZR-FE Dual VVTi

ภายหลังจากซื้อรถยนต์โตโยต้า Altis 1.8 G มาใช้ ลองทดสอบความเร็วและการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิงในหลายๆลักษณะ

พฤติกรรมการขับขี่ จังหวะในการแตะคันเร่ง และความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ มีส่วนต่อประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิงที่แตกต่างกัน

วันจันทร์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๕ มีโอกาสทดสอบการกินพลังงานเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ 2ZR-FE Dual VVTi อยากรู้ว่าจะทำอัตราประหยัดน้ำมันได้สูงสุดกี่กิโลเมตร/ลิตร


การควบคุมความเร็วให้ไม่เกิน ๑๐๐ กม./ชั่วโมง อาจจะเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับคนชอบความเร็ว แต่ผมกลับพบว่าการควบคุมความเร็วของเครื่องยนต์ให้คงที่และการควบคุมตำแหน่งของเท้าที่สัมผัสกับคันเร่งให้คุมอัตราการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิงเป็นการสร้างสติและสมาธิอย่างหนึ่ง


การที่เราช้าลงไป ๑ ก้าว....ทำให้เราเห็นอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม


ในอดีตที่ขับขี่รถยนต์คันนี้มาหลายเดือน...ผมทำอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ ๑๖ กิโลเมตร/ลิตร แล้วก็เชื่อว่ามันอยู่ในระดับนี้ แต่วันนี้อยากรู้ว่าจะไปถึง ๑๗ กิโลเมตร/ลิตร สำเร็จไหม?


ดึงระดับความเร็วลงมาที่ ๙๐-๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง รักษาตำแหน่งการกดแป้นคันเร่งเอาไว้ในนิ่งๆซึ่งใช้สมาธิมากทีเดียว....เป็นการเจริญสติแบบหนึ่ง เพราะใจเราเคยชินกับการขับรถที่ระดับความเร็วสูงกว่านี้


บนเส้นทางหลวงหมายเลข ๑๑๗ นครสวรรค์-พิษณุโลก ซึ่งไม่ค่อยมีทางโค้ง เพิ่มความเร็วมาจนอยู่ที่ระดับ ๙๐-๑๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง


อัตราการประหยัดน้ำมันขึ้นไปได้ถึง ๑๗.๒ กิโลเมตร/ลิตรสำเร็จ


ผมยังสงสัยว่าอัตราประหยัดน้ำมันจะสามารถขึ้นไปได้สูงสุดกี่กิโลเมตร/ลิตร? เพราะอยากลองดูว่าจะทำได้สูงสุดเท่าไหร่จึงยังคงรักษาอัตราความเร็วเอาไว้คงที่รวมถึงตำแหน่งเท้าที่กดลงบนคันเร่ง


มีคำแนะนำจากศูนย์บริการโตโยต้าว่าวิธีแก้ปัญหากลิ่นอับของแอร์ในห้องโดยสาร ก่อนถึงปลายทาง ๓๐ นาที เปลี่ยนระบบระบายอากาศภายในด้วยพัดลมแทนจะเป็นเครื่องปรับอากาศ และเปิดกระจกระบายอากาศ


มีโอกาสทดลองทำดูคราวนี้.....ซึ่งเคยอ่านมาว่าวิธีนี้ก็ช่วยในการประหยัดน้ำมันรถได้ด้วย


ปรากฏว่าอัตราประหยัดน้ำมันวิ่งขึ้นไปถึง ๑๘.๒ กิโลเมตร/ลิตร แต่ผมยังไม่หยุดแค่นั้น....ลองดูต่อไปว่าจะไปได้สูงสุดกี่กิโลเมตร/ลิตร


ก่อนถึงจุดหมายทำการเช็กดูที่หน้าปัทม์พบว่า

อัตราการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง ระยะทางประมาณ ๓๙๐ กิโลเมตรใช้น้ำมันไปครึ่งถัง และอัตราความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดที่ทำได้วันนี้คือ ๑๙.๗ กิโลเมตร/ลิตร เหนือความคาดหมาย







คนที่เขาขับขี่รถยนต์ไฮบริดจ์อย่าง Prius ที่เครื่องยนต์ ๑,๘๐๐ ซีซีเหมือนกัน เขาเคยบอกว่าอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของรถรุ่นพริอุสอยู่ที่ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร/ลิตร แต่สำหรับอัลติส เครื่องยนต์ ๑,๘๐๐ ซีซี ที่ทดสอบวันนี้....ถือว่าประหยัดน้ำมันในระดับที่ผมพอใจ


ไม่แน่ใจว่าคนอื่นที่ขับขี่อัลติสเหมือนกันทำอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดได้กี่กิโลเมตร/ลิตร?


วันนี้นำสถิติใหม่มาโชว์ว่าอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดของรถยนต์ Toyota Altis 1.8 G ที่ทำได้ล่าสุดอยู่ที่ระดับไหน ไม่แน่..ผมอาจจะทำอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงกว่านี้ก็ได้ในโอกาสต่อไป.....






 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2555 4:20:33 น.
Counter : 2225 Pageviews.  

กิจกรรมข้ามศักราชใหม่

ปลายปีพ.ศ.๒๕๕๔ ผมมีกำหนดการเดินทางไปนิเทศนิสิตที่ฝึกงานยังสถานประกอบการต่างๆ เส้นทางที่เดินทางไปนิเทศนิสิตที่ฝึกงานเป็นเขตในจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี และเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๕ ไปนิเทศนิสิตที่ฝึกงานในเขตจังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร


ชีพจรลงเท้าอีกครั้ง....


ก่อนออกเดินทางไปนิเทศงานลูกศิษย์ มีโอกาสได้ใส่บาตรเช้าวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปีที่ชมรมพุทธศาสน์ได้จัดกิจกรรมตักบาตรตอนเช้าให้แก่นิสิต คณาจารย์ และบุคลากรของมหาวิทยาลัยนเรศวร






มีนิสิตฝึกงานยังสถานประกอบการในเขตอำเภอเมืองนครสวรรค์สองคน หลังจากนิเทศงานลูกศิษย์เสร็จก็มีนิสิตปริญญาเอกเอางานวิทยานิพนธ์มาปรึกษาที่บ้านเนื่องจากเขาเป็นคนในเขตพื้นที่นครสวรรค์เหมือนกันแต่อยู่นอกเขตเทศบาลนครสวรรค์


วันรุ่งขึ้นไปนิเทศงานลูกศิษย์ในเขตพยุหะคีรี ทั้งสองคนฝึกงานที่ธนาคารออมสิน





บรรยากาศของสาขาพยุหะคีรีที่ไปนิเทศดูพี่ๆเขาดูแลนิสิตเป็นอย่างดี บรรยากาศเป็นกันเอง มีโอกาสได้สอบถามพี่เลี้ยงถึงคุณสมบัติที่บัณฑิตควรจะมีเพื่อให้การทำงานในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น






มีโอกาสแวะไปวัดพระปรางค์เหลือง วัดซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะรัชกาลที่ ๕ สมัยทรงเสด็จประพาสต้น เคยทรงเสด็จขึ้นฝั่งที่วัดแห่งนี้




ศาลาที่มีอายุร่วม ๑๑๐ ปี ทางวัดยังคงอนุรักษ์เอาไว้







ผมมีโอกาสแวะไปสถานสงเคราะห์คนชราบ่อแก้ว ปกติจะไปบริจาคของให้คนชราที่นี่ช่วงปลายปี ปีนี้บังเอิญมีธุระผ่านทางนี้เลยแวะเข้าไปบริจาคของให้คนชราที่อยู่ที่นี่ ตัวเลขล่าสุดทางสถานสงเคราะห์ฯแจ้งว่ามีคนชราที่อาศัยที่นี่ทั้งสิ้น ๑๑๐ คน ผมเอ่ยปากเรื่องไปบริจาคของที่สถานสงเคราะห์คนชราบ่อแก้ว แฟนผมสนใจร่วมบริจาคด้วย เราเลยเอาของไปร่วมบริจาคด้วยกัน






คนชราบางคนช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ไม่สามารถมารับของที่บริจาคที่โรงอาหารได้ เราเลยเอาของไปบริจาคถึงเตียงนอน





คุณยายรายหนึ่ง...พอผมเอาของไปแจก คุณยายรายนั้นเอามือผมไปจับแล้วก็ให้พร ผมยกมือไหว้รับพรด้วยใจที่เบิกบาน





แวะไปนิเทศงานนิสิตอีกรายที่อุทัยธานี.....อุทัยธานีวันนี้ยังดูเรียบง่าย ไม่พลุกพล่านเหมือนหลายๆจังหวัด ลูกศิษย์ดีใจที่ผมอุตส่าห์เดินทางไปนิเทศงานเธอถึงอุทัยธานี เธอมีน้ำใจฝากข้าวหลามมาเป็นของฝาก น้ำใจเล็กๆน้อยๆเป็นสิ่งที่ผมในฐานะครูรู้สึกซาบซึ้ง





มีโอกาสแวะไปวัดท่าซุง แต่วัดท่าซุงอยู่ระหว่างการบูรณะเนื่องจากเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อช่วงปลายปี คาดว่าจะเสียหายไม่ต่ำกว่า ๕๐ ล้านบาท ทางวัดกำลังเร่งซ่อมแซมเพื่อให้ทันกับงานสมโภชน์ของวัดที่จะจัดปลายเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๕ ช่วงนี้จึงไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในศาลาของวัดที่อยู่ระหว่างซ่อมแซม หมาภายในวัดมีจำนวนมากจนน่ากลัว ถึงกับมีป้ายเขียนเตือนนักท่องเที่ยวว่าหมาดุระวังถูกกัด


ความจริงปลายปีผมควรจะพักผ่อนอยู่กับครอบครัว....แต่ภารกิจในการตรวจเช็กเนื้อหาบทความของลูกศิษย์ปริญญาโทที่ต้องการนำผลงานไปเสนอในการประชุมวิชาการนานาชาติที่คณะฯจัดขึ้น....ทำให้เวลาถูกแบ่งไปกับการนั่งเช็กงานและแนะนำแก้ไขเนื้อหาหลายส่วนที่ไม่สอดคล้อง จริงๆแล้วไม่สนุกหรอกที่ปลายปีต้องมานั่งแก้งานลูกศิษย์ แต่ด้วยสามัญสำนึกของคนเป็นครู คงรับไม่ได้ถ้าผลงานของลูกศิษย์ที่นำเสนอมีข้อบกพร่องแต่คนเป็นที่ปรึกษากลับวางเฉยปล่อยให้ผลงานผิดพลาดแบบนั้นนำเสนอในการประชุมวิชาการ



รุ่งขึ้นเช้าของวันสิ้นปี....ตื่นแต่เช้ามาใส่บาตรพระ









มีพระภิกษุที่มารับบิณฑบาตรในซอยแถวบ้านที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า "มหาเฮง" เวลาท่านให้พรทีจะส่งเสียงดังลั่น สังเกตดูลีลาท่านใพ้พรแล้วตัวท่านก็สั่นไปด้วย แต่เสียงดังกังวาลทีเดียว ถ้านอนอยู่ในบ้านก็จะทราบว่าเวลาประมาณ ๖ โมงครึ่ง เพราะปกติท่านจะมารับบาตรในซอยบ้านที่ผมอยู่เวลานี้






กิจกรรมตอนสายคือไปทำบุญโรงสี ที่พิจิตร บางทีกิจกรรมแบบนี้ถือเป็นการรวมญาติประจำปีอย่างหนึ่ง





คุณแม่สามีของพี่สาวเกิดวันที่นับแบบข้างขึ้นข้างแรม...ซึ่งจำไม่ได้เลยถือเอาเดือนเกิดแทน เลยเหมาเอาเป็นการฉลองวันเกิดไปพร้อมกันทีเดียว









สำหรับผม...ขนมเค้กเป็นของหวานที่ระยะหลังไม่ได้ปลื้มนัก ยิ่งพอเช็กเลือดแล้วพบปริมาณคลอเรสเตอรอลที่สูง ยิ่งพยายามหลีกเลี่ยง

แต่สำหรับผลไม้บ้านๆอย่าง "มะขามเทศ" กลับเป็นสิ่งโปรดปรานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะสร้างแก๊สอยู่สักหน่อยก็ตามที ดีใจที่กลับบ้านคราวนี้ได้กินมะขามเทศฝักใหญ่ๆ รสชาติหวานๆ






ของขวัญวันเกิดปีนี้ที่ได้รับตรงกับวันเกิดเป็นกระเป๋าสะพายและเสื้อเชิ้ต






มีข้อความอวยพรวันเกิดจากลูกศิษย์และเพื่อนผ่าน Facebook กว่า 170 ราย...เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่สร้างความเบิกบานใจให้แก่เจ้าของวันเกิด ซึ่งต้องขอบคุณสำหรับน้ำใจจากคนเหล่านั้น


สมัยไปเรียนหนังสือในญี่ปุ่น ปีแรกมีโอกาสเดินทางไปเล่นสกีกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น พวกเขาเชื่อว่าจะไม่ทิ้งความสกปรก เศษอาหาร ข้ามปี ดังนั้นพวกเขาจะจัดการทำความสะอาด แปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวข้ามไปสู่วันขึ้นปีใหม่ ด้วยความเชื่อที่พกพามาพร้อมกับปริญญาจากญี่ปุ่น...ผมจึงจัดการทำความสะอาดรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาหลายวันและไม่มีเวลาเช็ดทำความสะอาด








ที่ผ่านมาในอดีต...คืนข้ามปีมักจะนั่งฉลองตามลำพัง เพราะส่วนใหญ่คนอื่นในบ้านมักจะหลับกันหมดแล้ว มีแต่เราที่ถ่างตารอเวลา 24:00 น. ของวันสิ้นปีเพื่อรอเสียงพลุจุดฉลองต้อนรับปีใหม่


ปีนี้แตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมา....ความคิดเรื่องไปสวดมนต์ข้ามปีถูกทำให้เป็นจริง ผมชักชวนแฟน และหลานสาว ไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดนครสวรรค์ซึ่งเป็นสถานที่ในการจัดงานสวดมนต์ข้ามปี


ตอนเย็นผ่านมาที่วัดนครสวรรค์ ทางวัดเขาเตรียมสายสิญจน์รอบๆบริเวณที่ให้สาธุชนมาทำพิธีสวดมนต์ข้ามปีกัน แต่ไม่เห็นคนมาที่วัดกันมากนัก ตอนหัวค่ำผ่านอีกทีก็ไม่เห็นคนมากันเท่าไหร่ แต่ว่าตอนที่เรามาที่วัดตอน ๕ ทุ่มมันตรงกันข้าม มีสาธุชนมาชุมนุมกันที่วัดนครสวรรค์เพื่อร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปีกันมากจนต้องมานั่งข้างๆศาลากัน








พิธีสวดมนต์เป็นภาษาบาลี...มีบทสวดมงคลชีวิต ๓๘ และบทสวดพาหุงด้วย ความจริงถ้าเขาสวดมนต์แปลเป็นภาษาไทยอาจจะเกิดประโยชน์ต่อคนที่มาร่วมพิธีนี้ด้วย เพราะบทสวดบาลีคนส่วนมากไม่ทราบความหมาย

แล้วพิธีสวดมนต์ก็หยุดก่อนเวลาเที่ยงคืนเพราะมีพิธีการที่ดำเนินโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ที่เป็นประธานในพิธี ก่อนผู้ว่าฯจะทำการตีฆ้องชัยและพระสวดบทชยันโต มีเสียงพลุดังลั่นบ่งบอกว่าย่างเข้าสู่ศักราชใหม่แล้ว


กลับไปบ้านหลังพิธีสวดมนต์ข้ามปีเสร็จสิ้นลง....กว่าจะได้เข้านอนก็เกือบตี ๑


เช้าวันปีใหม่ ทักทายคนในบ้านด้วยคำว่า

"สวัสดีปีใหม่ครับ"


ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ หรือ ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ ปีที่หลายๆคนคาดหวังกับเรื่องราวต่างๆที่จะเกิดในชีวิต....

ชีวิตคือความสวยงาม (Life is beautiful)
เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ถูกต้องว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิต
ชีวิตคือความไม่แน่นอน
จึงเป็นเสน่ห์ให้มนุษย์เราค้นหากันว่า
ในความไม่แน่นอนจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย
ต่างก็เติมเต็มสีสันให้งดงามแก่ชีวิตของมนุษย์
ดังนั้นชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สวยงาม



ผมไปใส่บาตรเช้าพร้อมกับครอบครัวในเช้าวันขึ้นปีใหม่บริเวณถนนอรรถกวีทางลงจากเขากบ (วรนารถบรรพต)







มีโอกาสไปเจอเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ ผศ.ดร. อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว ที่ตอนนี้เป็นคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต การได้เจอเพื่อนเก่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง เพื่อนเหมือนเหล้าเก่าที่ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งมีคุณค่ามากขึ้น






มีโอกาสได้เดินทางเข้าไปที่โรงเรียนนครสวรรค์ วันนี้บรรยากาศและสถานที่หลายๆจุดภายในโรงเรียนแตกต่างไปจากวันที่ผมเคยเรียน...












ทุกอย่างเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์....อนิจจัง--ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยง---





มีโอกาสได้ล่องเรือรอบบึงบอระเพ็ดพร้อมครอบครัว






คราวนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่เคยล่องเรือในบึงบอระเพ็ด เพราะมีมัคคุเทศก์น้อยที่ชื่อ นาย สมคิด สาลีพันธุ์ นักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดปากน้ำโพใต้ มาช่วยอธิบายเล่าเรื่องเกร็ดเกร็ดน้อยเกี่ยวกับบึงบอระเพ็ดให้ฟัง





เรือนที่เห็นเคยเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ ๗ สมัยเสด็จมาประพาสที่นี่ แต่น่าเสียดายที่หน่วยงานของราชการในปัจจุบันขัดแย้งกันเกี่ยงกัน ไม่มีใครสนใจอนุรักษ์สิ่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างเรือนแพหลังนี้ไว้ แต่กลับปล่อยให้ผุพังรอวันที่สูญหายไปจากตำนานของบึงบอระเพ็ด





น้องสมคิดเขาเล่าว่าตอนน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้วมีจระเข้เลี้ยงหลุดเข้ามาในบึงบอระเพ็ด ถ้าโชคดีก็อาจจะได้เจอ... พอพูดเสร็จเรือแล่นเข้าใกล้เกาะแห่งหนึ่ง..ผมเห็นลักษณะเหมือนสัตว์คล้ายจระเข้นอนอยู่บนฝั่ง พอเรือดับเครื่องแล่นเข้าไปใกล้ๆ...กลายเป็นจระเข้จริงๆ ตัวเป็นๆ แต่เขากลัวคน พอเรือเข้าใกล้ก็รีบดำน้ำหนี แต่รีบถ่ายภาพเอาไว้ทันเลยมีภาพที่ระลึกของการเดินทางคราวนี้ ที่วงเอาไว้นั่นคือจระเข้ที่พบในบึงบอระเพ็ด





เรือวนรอบบึงบอระเพ็ดกำลังเพลินกับสายลมและแสงแดดอยู่...แป๊บเดียวก็มาถึงบริเวณฝั่งแล้ว เวลา ๑ ชั่วโมงแล้ว...เวลาผ่านไปเร็วจริง


เริ่มศักราชใหม่...เริ่มสิ่งดีๆ รับสิ่งดีๆในชีวิตไปพร้อมๆกันครับ





 

Create Date : 28 มกราคม 2555    
Last Update : 29 มกราคม 2555 21:20:51 น.
Counter : 4425 Pageviews.  

วันครูแห่งชาติ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๕ ครูของลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร

สมัยตอนผมเป็นเด็กๆ....เคยนั่งคิดว่าถ้าผมเป็นครูจะเล่าเรื่องต่างๆถ่ายทอดให้เด็กนักเรียนที่ผมสอนฟัง.... นั่นเป็นความรู้สึกสมัยวัยเยาว์ที่ผ่านมานานหลายสิบปีมากแล้ว


วันนี้เมื่อกลายเป็นครูของลูกศิษย์ที่มีจำนวนร่วมพันคนในสถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยนเรศวร....ผมยังคงทำหน้าที่อย่างที่ผมเคยคิดเอาไว้ตอนเด็กๆ


ตอนเด็กๆมักฟังคนเปรียบครูเหมือนเรือจ้าง....


เรือจ้างมีหน้าที่แจวส่งผู้โดยสารถึงฝั่ง...แล้วผู้โดยสารก็ถีบหัวเรือออกไปโดยไม่สนใจ เพราะไม่เห็นความสำคัญของเรืออีกต่อไป ถ้าครูเป็นอย่างที่เขาเปรียบจริงๆ...อาชีพครูก็จะกลายเป็นอาชีพที่น่าสงสาร

ครูช่วยเหลือลูกศิษย์ให้ถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อลูกศิษย์ได้ดีแล้วก็ลืมครูคนที่คอยช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นเสียสิ้น


คนที่เขาเปรียบเทียบครูแบบนั้น.....ดูเหมือนเขาคิดแคบๆมากเลยนะ และถ้าคนทั่วไปคิดแบบนั้น...คงไม่มีใครคิดจะเป็นครู คอยถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนรุ่นใหม่



พอผมโตขึ้นมาหน่อย...อาจารย์ที่โรงเรียนพูดว่าคนเก่งควรจะไปเป็นครู เพราะครูคือคนที่สร้างคนเก่งให้กับสังคม ถ้ามีแต่คนไม่เก่ง ทำอะไรไม่ได้ มาเป็นครู นักเรียนรุ่นต่อๆมาก็จะแย่ลงไปเรื่อยๆ เพราะคนไม่เก่งย่อมไม่สามารถสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนที่เก่งได้


สังคมไทยบิดเบี้ยวแบบนี้เพราะคนเก่งๆไม่อยากลำบาก มารับเงินเดือนน้อยๆ ประกอบอาชีพครูสอนหนังสือ คนเก่งจึงเลือกที่จะไม่ประกอบอาชีพครู เพราะรายได้น้อยและชีวิตลำบาก


จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่....สุดท้ายผมก็กลายเป็นครูของลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร


มีลูกศิษย์บางคนตั้งข้อสงสัยว่าผมน่าจะไปประกอบอาชีพอื่นที่ทำรายได้มากกว่าการมาประกอบอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ทำไมผมเลือกที่จะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เงินเดือนไม่มาก โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่รายได้เทียบกันไม่ได้กับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ


จังหวะชีวิต...และกรรมจัดสรรให้ผมมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้พบลูกศิษย์ที่ผมสอนผ่านมาถึงสองรุ่นแล้ว ทั้งลูกศิษย์ปริญญาตรี-โท-เอก


สิ่งหนึ่งที่รู้สึกและสัมผัสได้ทั้งตัวผู้เรียนและผู้สอนก็คือ บรรยากาศของชั้นเรียนที่ผมสอน.....ผมไม่เคยเอาอารมณ์ที่ขุ่นเคืองเข้ามาในชั้นเรียน แม้ว่าบางครั้งจะมีอารมณ์โกรธค้างก่อนเข้าชั้นเรียนที่สอนก็ตาม

สำหรับผม....ชั้นเรียนคือช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผมพยายามถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์ที่ผมสอน ผ่านเรื่องราวต่างๆที่บางครั้งมันก็ปรากฏแทรกเข้ามาโดยบังเอิญในขณะที่สอนอยู่



ถ้าใครคิดว่า วิชาที่ผมสอนอ่านในชีทเองก็ได้ ไม่ต้องเข้าชั้นเรียนก็ได้ ผมคิดว่าเขาคิดผิด เพราะบ่อยครั้งคุณค่าของสิ่งที่สอน มันออกมาจากหัวขณะนั้น ไม่ได้อยู่ในชีท และสิ่งที่ผมออกข้อสอบบ่อยครั้งไม่ได้ปรากฏอยู่ในชีทเลย แต่อยู่ในชั้นเรียนที่ผมบรรยายซึ่งเนื้อหาเหล่านั้นมันออกมาเองจากหัวในขณะที่สอน


ในชั้นเรียนที่ผมสอน.....บ่อยครั้งที่จะเห็นนิสิตที่ผมสอนส่งเสียงหัวเราะดังลั่น






กิจกรรมที่ใช้สอนในชั้นเรียนไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบการนั่งจดอะไรตามผู้สอนตลอด สื่อการสอนที่หยิบขึ้นมาใช้ หรือว่ากิจกรรมระหว่างที่สอนสามารถสร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนได้ และเขาเหล่านั้นสนุกกับชั้นเรียน มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน มีความสุขจากการได้เรียน










ไม่ว่าชั้นเรียนที่ต้องสอนจะเป็นการสอนกี่คาบก็ตาม....คุณภาพในการสอนคือสิ่งที่ผมพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ตลอดไป บางครั้งเคยเตรียมการสอนถึงตี ๕ เพียงเพื่อจะสอนชั้นเรียนที่เขาเชิญไปบรรยายในฐานะวิทยากรพิเศษแค่ ๓ ชั่วโมง แต่ผมให้ความสำคัญกับผู้เรียนทุกคนที่ผมสอน เพราะเชื่อมั่นว่าลูกศิษย์ที่สอนมีศักยภาพ สามารถพัฒนาได้ เพียงแต่เราต้องรู้จักว่าจะสอนเรื่องยากๆอย่างไรให้กลายเป็นเรื่องที่สนุกและเขาพร้อมจะเรียนรู้ไปพร้อมกันกับเรา









บทบาทของอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่ใช่แค่สอนหนังสือ แต่ยังมีหน้าที่คอยแนะนำลูกศิษย์ เซ็นต์อนุมัติให้เพิ่ม-ลด รายวิชาที่มีผลต่อการสำเร็จการศึกษาของลูกศิษย์







ให้คำปรึกษางานค้นคว้าอิสระของลูกศิษย์ปริญญาโท เพื่อชี้แนะว่าควรปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาอย่างไรให้งานของพวกเขาผ่านไปได้ด้วยดี สามารถสำเร็จการศึกษาตามกำหนด








ช่วยนิสิตปริญญาเอกซึ่งผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ให้คำปรึกษาและผลักดันให้สอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ และผลักดันต่อให้งานวิทยานิพนธ์ออกมาเสร็จอย่างที่เขาตั้งใจเอาไว้






กิจกรรมบางอย่างก็ไปคลุกคลีตีโมงร่วมกับนิสิต ตามนิสิตไป Study Tour ในต่างจังหวัด ย่านชนบทเพื่อศึกษาและเข้าใจชุมชนอย่างแท้จริง







ไปนิเทศงานลูกศิษย์ที่ฝึกงานตามสถานประกอบการต่างๆ











สำหรับการสอนให้ความรู้ ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆแง่คิดกับลูกศิษย์ เป็นกิจกรรมที่ผมทำแล้วสนุก มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ เมื่อคนทำสนุก เวลาถ่ายทอด คนรับก็จะรับรู้ถึงความสุขที่ถ่ายทอดออกไป


ในชั้นเรียนที่สอน....ผมตระหนักเสมอว่าผมกำลังทำหน้าที่ของครูสำหรับลูกศิษย์ไม่ใช่แค่คนสอนหนังสือ ดังนั้นในชั้นเรียนทุกครั้งที่สอนจึงมีความสุข และทุกครั้งที่เห็นลูกศิษย์ที่สอนมีความสุข...ผมได้รับพลังจากลูกศิษย์กลับมาด้วย พลังที่จะทำให้เราทำหน้าที่หว่านเพาะเมล็ดพันธุ์ความคิดให้แก่คนรุ่นใหม่ต่อไปเรื่อยๆเพื่อให้เหล่าเมล็ดพันธุ์ความคิดนี้ไปงอกเงย เติบโต ยังที่ต่างๆ กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ทางความคิดที่พัฒนา ช่วยขับเคลื่อนสังคมนี้ ประเทศนี้เจริญงอกงามต่อไป


ข้อความเล็กน้อยจากลูกศิษย์คือกำลังใจที่ได้รับ...มันทำให้เราทำงานอย่างมีความสุข






ภาพถ่ายกับลูกศิษย์หลายๆคนในวันที่เขายังเป็นนิสิตคือความทรงจำร่วมกันภายหลังจากชั้นเรียนปิดคอร์สลง


















และในวันที่พวกเขาสำเร็จการศึกษา ภาพเหล่าลูกศิษย์ที่เคยสอนในชุดครุย....คือความภูมิใจของคนเป็นครู คนที่เคยสอนพวกเขาแม้จะเพียงแค่วิชาเดียวกันก็ตาม











ในวันที่มีการถ่ายภาพหมู่บนสแตนด์ของเหล่าบัณฑิตของคณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๕๓ ผมมองไปที่บัณฑิตร่วม ๘๐๐ คนที่ยืนบนสแตนด์ ในจำนวนนี้มีลูกศิษย์ที่ผมเคยสอนอยู่ถึง ๒๐๐ กว่าคน






บัญชีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษารุ่นนี้...เกือบทั้งหมดคือลูกศิษย์ที่ผมเคยสอน







มหาบัณฑิตบริหารธุรกิจ ผมเคยสอนให้พวกเขาเหล่านี้ไม่กี่ครั้งในฐานะวิทยากรพิเศษ เคยติวบางวิชาให้ และหลายคนคือลูกศิษย์ที่ผมเป็นที่ปรึกษางานค้นคว้าอิสระให้









ปีที่แล้วด้วยความใจดี เมตตากับลูกศิษย์ เลยหลวมตัวเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้แก่ลูกศิษย์ปริญญาโทถึง ๑๕ คน แต่ละคนเข็นกันน่าดูแต่สุดท้ายก็ผลักดันจนสำเร็จการศึกษาได้ทุกคน


ในวันรับปริญญาบัตร นิติกร เขาแนะนำผมให้พ่อแม่เขารู้จัก แล้วขอถ่ายภาพผมร่วมกับพ่อแม่เขา เขาบอกกับพ่อแม่ว่า เพราะอาจารย์ทำให้เขาจบได้ ฟังแล้วซาบซึ้งมาก สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เราตั้งใจช่วยเหลือลูกศิษย์สำหรับบางคนมันเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากๆสำหรับเขา






จุลณพเคยสัญญากับผมว่า จะไม่ทำให้ความพยายามของผมสูญเปล่าที่สั่งสอนพวกเขาให้ก้าวหน้าในงานที่ทำ เขาจะไม่เป็นพนักงานชั้นต้นตลอดไป ในวันสำเร็จการศึกษาเขารายงานให้ผมฟังว่าเขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีแล้ว ฟังแล้วก็ดีใจที่ได้ยินว่าลูกศิษย์มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน






ลูกศิษย์หลายๆคนรู้ว่าผมทำงานหนัก และบางครั้งมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ของขวัญปีใหม่จากลูกศิษย์ปริญญาเอกจึงเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ มันเป็นน้ำใจที่เรารู้สึกขอบคุณในความมีมุฑิตาจิตของลูกศิษย์






คงมีเหตุผลและเรื่องของกรรมเก่าในอดีตชาติ.....

จึงเป็นเหตุผลทำให้ผมมีโอกาสได้มาเป็นครูของลูกศิษย์เหล่านี้ มีพื้นที่ให้ได้สร้างกุศลทุกวันด้วยการให้...

ความรู้แก่ลูกศิษย์

ความรักและความเมตตาแก่ลูกศิษย์

โอกาสแก่ลูกศิษย์ที่จะพัฒนาตนเองเพื่อพัฒนาสังคมต่อไป



วันนี้ผมเรียนรู้ว่าครูไม่ใช่แค่เรือจ้างอย่างที่บางคนเข้าใจผิด....

แต่ครูคือคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสังคมและประเทศ

เพราะครูคือคนที่หว่านเมล็ดพันธุ์ความคิดให้แก่คนรุ่นใหม่ เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้งอกเงย เจริญงอกงาม ในดินแดนต่างๆ เป็นคนที่มีคุณค่าของสังคม สร้างสังคมนี้ให้น่าอยู่และพัฒนาต่อไป



ขอบคุณและภูมิใจในตัวคุณครูทุกคน เพราะทุกคนคือพลังสำคัญในการผลักดันประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป






 

Create Date : 17 มกราคม 2555    
Last Update : 29 มกราคม 2555 21:06:40 น.
Counter : 2807 Pageviews.  

แนะนำของอร่อยในจังหวัดนครสวรรค์


เมื่อหลายเดือนก่อนผมเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์หอการค้าจังหวัดนครสวรรค์ ในคอลัมน์เส้นทางธุรกิจ โดยดร.ชาตรี ปรีดาอนันทสุข เสนอแนะมุมมองเรื่องยุทธศาสตร์ของจังหวัดนครสวรรค์ที่คนนครสวรรค์เองอาจจะมองข้ามไป.... จุดขายของนครสวรรค์ไม่ใช่ไปเน้นเรื่องการท่องเที่ยวที่เน้นความสวยงามของธรรมชาติแต่ควรเน้นเรื่องอาหารอร่อยแทน


ความจริงทุกจังหวัดต่างมีของดีของตนเอง....แล้วแต่ว่ามองออกไหม และรู้จักสร้างจุดขายถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ถ้าสร้างเรื่องราวเป็นโดยการโยงกับของดีๆในจังหวัดของตนที่มีและแตกต่างไปจากจังหวัดอื่น แค่นั้นก็จะสร้างจุดขายและดึงนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดของตนเองได้สำเร็จ


เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วมีโอกาสไปร่วมเป็น Moderator ให้กับโครงการไทยเข้มแข็ง ตัวแทนแต่ละจังหวัดในเขตภาคเหนือตอนล่างเข้ามาร่วมสัมมนาว่าจะทำจังหวัดของตัวเองให้เป็นเมืองแห่งการสร้างสรรค์ (Creative City) อย่างไร ทุกจังหวัดต่างอวดของดีๆของตนเองว่ามีอะไรเป็นจุดขายที่แตกต่างไปจากจังหวัดอื่น แต่พอผมสงสัยแล้วก็ถามกลับว่ารสชาติของอาหาร ผลไม้ ในจังหวัดของท่านแตกต่างไปจากจังหวัดอื่นอย่างไร...ตัวแทนของจังหวัดเหล่านั้นกลับอธิบายในรายละเอียดไม่ได้ อันนี้น่าเสียดายมาก เพราะถ้าเป็นตัวแทนจังหวัดเปรียบเหมือนต้องเป็นเซลส์ที่รู้จักสินค้าของตนเองเป็นอย่างดี ใครถามเกี่ยวกับสินค้าอะไรของตนต้องสามารถอธิบายได้ดีรู้จุดเด่นและจุดด้อย


ตัวแทนจากจังหวัดที่ไม่มีงบมากนัก....ก็คิดได้แค่ว่าเพราะขาดงบประชาสัมพันธ์...จังหวัดตนเองไม่มีจุดขายส่งเสริมการท่องเที่ยว


มีตัวแทนจากอบจ.นครสวรรค์เขาพูดถึงงบมหาศาลของจังหวัดแต่ไปเน้นไม่ค่อยถูกจุดมากนัก ดูเหมือนเขาพยายามเน้นที่จะชูบึงบอระเพ็ดเป็นจุดขายเกินไป


โดยส่วนตัว...ผมไม่เห็นด้วยที่นครสวรรค์พยายามโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เพราะจุดขายในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติในนครสวรค์ไม่โดดเด่นมากพอ แต่ถ้าจะขายการท่องเที่ยวในนครสวรรค์โดยสร้างเรื่องราวเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์หรือละครหลายๆเรื่องที่เอาฉากในนครสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง ตรงนี้นครสวรรค์ทำได้ดีไม่แพ้จังหวัดอื่น



การได้มาใช้ชีวิตในจังหวัดอื่นแล้วเปรียบเทียบจุดขายของแต่ละจังหวัดทำให้พบว่า....แท้ที่จริงแล้วนครสวรรค์กินขาดจังหวัดอื่นเรื่องของกินรสชาติอร่อยและหลากหลายในราคาไม่แพง แต่ดูเหมือนคนนครสวรรค์ตระหนักว่านครสวรรค์มีของอร่อยแต่บางครั้งก็มองข้ามกันไป เพราะเป็นของใกล้ตัว ไม่คิดจะหยิบเอาตรงนี้ทีไม่ต้องลงทุนมากนักแต่สามารถโปรโมทเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวนครสวรรค์เพื่อชิมของอร่อยได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอให้ถึงหน้าเทศกาลที่ปีหนึ่งมีไม่กี่ครั้ง



และถ้าคิดจะโปรโมทนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวนครสวรรค์โดยดึงเอาจุดขายเรื่องของอร่อย...สามารถกระทำได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลต่างๆเลย



เสียงสะท้อนของผมในฐานะคนนครสวรรค์คนหนึ่งจะมีกี่คนรับฟังและพร้อมผลักดันให้นครสวรรค์เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงโภชนาการที่มีจุดขายแตกต่างไปจากจังหวัดอื่น.....ถ้าเพียงแต่มีการผลักดันให้เป็นเรื่องเป็นราว นครสวรรค์จะไม่ใช่เป็นแค่เมืองผ่านและมีแต่ขนมโมจิที่เป็นของฝากเท่านั้นที่คนทั่วไปรู้จักอีกต่อไป แต่นครสวรรค์จะเป็นศูนย์กลางของอร่อยที่มีความหลากหลาย ราคาไม่แพง และรสชาติที่แตกต่างไปจากที่อื่น ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมานครสวรรค์กี่ครั้ง ก็จะได้สัมผัสถึงรสชาติอาหารอันแสนอร่อยที่ไม่สามารถไปหาจากที่ไหน


ถ้าเพียงแต่มีการผลักดันเป็นรูปธรรม.....เสียงสะท้อนของผมในวันนี้ก็คงไม่สูญเปล่า และคงทำให้คนนครสวรรค์อีกหลายๆคนภาคภูมิใจในจังหวัดของตนเอง นครสวรรค์ไม่ใช่แค่เมืองที่เป็นทางผ่านอีกต่อไป



กว่าจะถึงวันนั้น....วันที่นครสวรรค์เป็นจังหวัดที่มีคุณค่าแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน และสัมผัสของอร่อยที่หลากหลาย คงใช้เวลา...แต่เชื่อว่าวันนึงแนวคิดนี้จะถูกทำให้เป็นจริงขึ้นมา ผมเชื่อแบบนั้น ในฐานะคนนครสวรรค์คนหนึ่งที่อยากเห็นบ้านเกิดของตนเองพัฒนาต่อไปแบบยั่งยืนในระยะยาว



เนื้อหาบล็อกตอนนี้ผมจะแนะนำร้านอาหารอร่อยในจังหวัดนครสวรรค์ที่ผมชื่นชอบในรสชาติและอาหารหรือขนมในร้านเหล่านี้ผมเคยลองชิมมาแล้วทั้งสิ้น ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับร้านเหล่านี้ แต่วัตถุประสงค์ในการแนะนำร้านอาหารเหล่านี้ก็เพียงแค่ต้องการให้คนจากจังหวัดอื่นได้รับรู้รับทราบว่านครสวรรค์มีอาหารอร่อยที่ไหนบ้าง อยู่ย่านไหน เมื่อท่านมีโอกาสผ่านมานครสวรรค์อยากให้มาลองชิมของอร่อยของนครสวรรค์ ผมอาจจะแนะนำร้านได้ไม่ทั้งหมดในบล็อกตอนนี้....แต่อยากให้ลองชิมร้านที่แนะนำในบล็อกตอนนี้ถ้าท่านมีโอกาสมาเยือนนครสวรรค์


สิ่งหนึ่งที่สอนลูกศิษย์ในชั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวรเสมอก็คือ


คนท้องถิ่นควรภูมิใจในของดีๆของจังหวัดตัวเอง และไม่ต้องอายใครที่เกิดในต่างจังหวัด แม้จะไม่ได้เกิดเป็นคนเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯก็ตาม



ขอเริ่มต้นแนะนำร้านแรกก่อน....บังเอิญกลับไปช่วงปลายปีเที่ยวนี้มีธุระต้องไปนิเทศนิสิตที่ฝึกงานในเขตนครสวรรค์ ผมผ่านแถวอุทยานสวรรค์หรือที่เรียกกันในท้องถิ่นว่า "หนองสมบุญ" เจอร้านไก่ย่างนิภากรกำลังย่างไก่น่ากิน กลิ่นหอมโชยออกมาทีเดียว ร้านไก่ย่างนิภากรเป็นร้านเก่าแก่ร้านหนึ่งในตลาดอำเภอเมืองนครสวรรค์ ขายมาร่วม ๔๐ ปีแล้ว ร้านเดิมอยู่บริเวณโรงแรมเป็นหนึ่งในปัจจุบัน แต่ได้ย้ายมาขายริมอุทยานสวรรค์หลายปีแล้ว ร้านไก่ย่างนิภากรอยู่ใกล้ๆกับร้านขายส่งส.ล.โฮลเซลส์ ได้สอบถามพี่ผู้ชายเจ้าของร้านเรื่องตำนานของร้าน ร้านเดิมเป็นชื่อของพี่สาวแต่ตอนนี้พี่สาวตายไปหลายปีแล้ว วันนี้จึงมีแต่พี่ผู้ชายที่ขายกับภรรยา เนื่องจากเป็นกิจการในครอบครัวทำกันสองคนสามีภรรยา จำนวนไก่ที่ย่างในแต่ละวันจึงมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ ๓๐-๕๐ ตัวเท่านั้น เริ่มขายตอนบ่าย ๒ โมง ขายหมดก็หมดเลย จุดเด่นของไก่ย่างของร้านนี้คือวิธีย่างที่เขาย่างให้เนื้อแน่นหรือเนื้อแห้งแล้วแต่ลูกค้าชอบ น้ำจิ้มเป็นน้ำจิ้มที่ทำจากน้ำมะขาม รสชาติจึงต่างไปจากน้ำจิ้มแจ่วทั่วไป นอกจากนี้ยังมีน้ำจิ้มไก่รสชาติหวานพอดี






ผมมีโอกาสไปนิเทศนิสิตที่ฝึกงานในเขตอำเภอพยุหะคีรีในวันรุ่งขึ้น ได้แวะไปทานก๋วยเตี๋ยวร้านเฮียตี๋น้อย อยู่บริเวณทางแยกเนินมะกอกเลี้ยวซ้ายเข้ามาทางไปนิคมเขาบ่อแก้ว ประมาณ ๒-๓ กิโลเมตร ร้านนี้เจ้าของอัธยาศัยดี เขาขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวและเนื้อหมู เครื่องใน มีก๋วยเตี๋ยวลิ้นวัวที่เขาเคลมว่าเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เข้ามาจากทางแยกเนินมะกอกมุ่งหน้าไปนิคมเขาบ่อแก้ว จุดสังเกตจะมีป้ายร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียตี๋น้อยอยู่ฝั่งขวามือ







ที่แนะนำให้ลองชิมกันคือ แคบหมู ของร้านนี้เขาทอดมารสชาติกรอบอร่อย เขามีน้ำจิ้มรสเด็ดมาให้ทานเล่นกับแคบหมูระหว่างรอก๋วยเตี๋ยว






สำหรับคนชอบทานปลาร้า ปลาร้าจ่าวิรัช ที่ตำบลท่าน้ำอ้อย อำเภอพยุหะคีรี เป็นของฝากที่แนะนำให้ลองซื้อไปทานกัน ร้านนี้ได้เชลส์ชวนชิม และเป็นสินค้า OTOP ปลาร้าที่เป็นของมีกลิ่นเมื่อมาปรุงด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างทำให้ได้น้ำพริกรสชาติหลากหลายที่มีส่วนผสมของปลาร้า เช่น น้ำพริกเผาปลาร้า ปลาร้าหยองที่รูปร่างใกล้เคียงกับหมูหยอง น้ำพริกนรกปลาร้า ร้านปลาร้าจ่าวิรัชอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา....ขับเลียบแม่น้ำมาจากตลาดพยุหะคีรีอยู่ทางขวามือก่อนถึงใต้สะพานลอดไปวัดพระปรางค์เหลือง







สำหรับคนที่ชอบทานอาหารรถเข็นยามค่ำคืน ตลาดริมน้ำเป็นย่านอาหารอร่อยที่ขายบนรถเข็น สองข้างทางมีอาหารอร่อยหลากหลายให้นักชิมได้มาลองลิ้มชิมรสกัน ร้านแรกที่แนะนำคือขนมไทยร้านนายกุหลาบ มังกร เป็นขนมอร่อยที่ขายมานาน ในอดีตร้านนายกุหลาบ มังกร (คนละร้านกับขนมโมจิ แม่กุหลาบที่อยู่ตำบลหนองเบน) อยู่บริเวณตลาดบ่อนไก่ ด้านหลังโรงหนังนิวนครสวรรค์ แต่พอตลาดริมน้ำเป็นย่านขายของกินยามค่ำคืน ร้านนายกุหลาบก็ย้ายมาขายตลาดริมน้ำ วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนม เขาใช้ของอย่างดีทำ เม็ดขนุน ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ล้วนแต่ใช้ไข่เป็ดทำ ไม่ผสมสีเหลืองอย่างร้านขนมไทยที่เห็นทั่วไปหลายๆร้าน ร้านนี้ได้เชลส์ชวนชิม ผมมาทานขนมร้านนี้ทีไรก็ยังได้รสชาติอร่อยของขนมร้านนี้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ยังไม่เคยเจอร้านขนมไทยร้านไหนที่จะทำรสชาติขนมอร่อยได้เหมือนร้านนายกุหลาบ มังกรเลย ร้านขนมไทยนายกุหลาบ มังกร อยู่ริมสุดของตลาดริมน้ำ จากสี่แยกถนนอรรถกวีตัดกับถนนโกสีย์ตรงเข้ามาจากทางไปรษณีย์นครสวรรค์ ร้านอยู่ร้านแรกด้านซ้ายมือ


ผมเคยถามคนขายในปัจจุบันซึ่งเป็นรุ่นหลานที่รับช่วงกิจการต่อว่าจะทำไปอีกนานไหม? เพราะเสียดายของอร่อยของนครสวรรค์อยากให้อยู่คู่กับนครสวรรค์ตลอดไป คนขายรุ่นหลานบอกว่าจะรับช่วงกิจการให้อยู่ต่อไปให้นานที่สุด น่าดีใจที่เห็นคนรุ่นหลานให้ความสำคัญกับของอร่อยที่เป็นมรดกตกทอดมาและเป็นเอกลักษณ์ของนครสวรรค์สืบไป








เลยถัดไปอีกประมาณ ๑๐ เมตร เป็นร้านหอยทอดเจ๊ฮวย แต่เดิมเจ๊ฮวยขายหอยทอดอยู่ที่ป้อมหนึ่ง แต่ต่อมาย้ายมาขายตอนกลางคืนที่ริมน้ำ ร้านเจ๊ฮวยแม้จะไม่ได้เปิบพิสดารหรือว่าเชลส์ชวนชิมก็ตาม แต่ความกรอบของแป้งที่ทอดหอยทอดรสชาติอร่อยทีเดียว ทานหอยทอดหลายๆร้านยังไม่ค่อยเจอร้านไหนทอดหอยได้อร่อยเหมือนร้านนี้






ถัดไปไม่ไกลเป็นร้านจอยบัวเกี้ย ขนมบัวเกี้ยเป็นขนมของคนจีนไหหลำ แต่เดิมร้านตรงนี้เป็นร้านของเพื่อนรุ่นน้องแต่ตอนนี้เขาขายแถวบ้านเขาบริเวณถนนโกสีย์ใกล้กับวัดนครสวรรค์ ร้านนี้ไม่ทราบที่มานักแต่ว่าทำรสชาติบัวเกี้ยอร่อยไม่แพ้กับร้านของเพื่อนรุ่นน้อง ไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯหลายปี เคยทานบัวเกี้ยแต่รสชาติความอร่อย เส้นที่เหนียวนุ่ม สู้ขนมบัวเกี้ยของนครสวรรค์ไม่ได้






ในตอนกลางวัน มีร้านผัดไทยริมรั้ววัดนครสวรรค์รสชาติอร่อย ร้านผัดไทยป้าสำราญ คุณป้าอายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว หูอาจจะไม่ค่อยดีนักแต่ผัดก๋วยเตี๋ยวผัดไทยรสชาติอร่อยมาตลอด คุณป้าสำราญเริ่มผัดไทยครั้งแรกมาตั้งแต่อายุ ๒๔ ปี







บริเวณหัวมุมถนนเวชสุวรรณตัดกับถนนโกสีย์มีร้านเค้กทองใบ ร้านนี้ทำเค้กรสชาติอร่อย ในช่วงเทศกาลต่างๆบ้านผมนิยมสั่งเค้กใบเตยกับร้านนี้ ปีนี้สั่งเค้กใบเตยหน้าขนมไทยมา แต่ว่าผมอยู่ระหว่างคุมปริมาณคลอเรสเตอรอลที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง เลยได้แต่มองแต่ไม่มีโอกาสลองลิ้มชิมรสเค้กใบเตย...






อาหารกลางวันที่เป็นอาหารจีน แนะนำร้านเล่งหงษ์ซึ่งเป็นภัตตาคารจีนเก่าแก่ในจังหวัดนครสวรรค์ ร้านอยู่ข้างโรงเรียนนครสวรรค์เป็นบริเวณเดียวกับสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนนครสวรรค์ บริเวณเชิงเขากบ หาร้านนี้ไม่ยาก






ผมมักจะทานโกยซีหมี่ร้านนี้เป็นเมนูประจำ ราดหน้าก็อร่อย







ถ้าพูดถึงย่านโรงเรียนนครสวรรค์จะไม่พูดถึงร้านกล้วยปิ้งริมหัวมุมซอยมาตุลี ๑๗ ก็จะดูเหมือนขาดอะไรไป ซอยมาตุลี ๑๗ ในอดีตเรียกกันว่า "ซอยลูกเสือสอง" ร้านกล้วยปิ้งร้านนี้กิตติศัพท์เลื่องลือในมารยาทการต้อนรับของคนขายที่ไม่เคยง้อลูกค้า จนมีคนตั้งฉายาให้ว่า "ร้านกล้วยปิ้งยายหยิ่ง"


ถ้าลูกค้ารายไหนอยากกินจริงๆต้องนั่งรอ....อย่าได้คิดสั่งออเดอร์ทิ้งไว้แล้วกลับมารับทีหลัง เพราะว่าคนขายจะดุเอา คนขายไม่ง้อลูกค้า ถ้าอยากกินจริงๆต้องนั่งเรียงแถวรอ





ความอร่อยเป็นอย่างไร? ทำไมคนยังหันมาเป็นลูกค้าร้านกล้วยปิ้งยายหยิ่ง คุณคงต้องลองผ่านประสบการณ์ซื้อกล้วยปิ้งร้านนี้มาลองชิมดูถึงจะรู้ว่าทำไมแม่ค้าหยิ่งขนาดนี้...ลูกค้าก็ยังหันมาซื้อกล้วยปิ้งร้านนี้ วันนี้เอารูปกล้วยปิ้งร้านยายหยิ่งมาให้ดูต่างหน้าก่อน







แวะมานครสวรรค์คราวหน้าลองหาโอกาสตระเวณชิมของอร่อยๆในจังหวัดนครสวรรค์ดู...แล้วคุณจะเข้าใจว่า...


นครสวรรค์แท้จริงแล้วไม่ใช่เมืองที่เป็นทางผ่านแต่กลับมีของอร่อยๆไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเดินทางมาเยือนวันไหน ของอร่อยในจังหวัดนครสวรรค์ไม่เคยเบื่อที่จะทำหน้าที่ให้ความสุขแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนในเรื่องของรสชาติความอร่อยของอาหารและขนมที่แตกต่างไปจากจังหวัดอื่น


แล้วแวะมาเยือนกันที่นครสวรรค์ครับ







 

Create Date : 03 มกราคม 2555    
Last Update : 3 มกราคม 2555 13:25:39 น.
Counter : 45486 Pageviews.  

โปสการ์ดที่ไม่ใช้สามารถนำมาทำประโยชน์แก่คนตาบอดได้


การส่งส.ค.ส.ให้แก่เพื่อน คนที่รู้จัก คนที่เคยช่วยเหลือกัน เป็นกิจกรรมที่ผมกระทำมาทุกปีนับตั้งแต่ผมเรียนปริญญาตรีในเมืองไทย


ยิ่งตอนไปเรียนหนังสือในญี่ปุ่นแล้วเห็นว่าประเพณีการส่งการ์ดอวยพรในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นกิจกรรมที่คนญี่ปุ่นเขาให้ความสำคัญมาก คนญี่ปุ่นถือว่าไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ที่เขาเรียกว่า "เนงกะโจว" (年賀状) เป็นการส่งข้อความแจ้งถึงกันว่าในรอบ ๑ ปีที่ผ่านมาเกิดอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้างในชีวิตและส่งความสุข คำอวยพรและความระลึกถึงกัน ในเทศกาลปีใหม่


ตอนเราเขียนจ่าหน้าส.ค.ส.ไปถึงผู้คนต่างๆ....ใช้เวลาเอาการทีเดียว เพราะปีๆหนึ่งจะส่งส.ค.ส.ประมาณ ๑๐๐ แผ่นได้ แต่ตอนที่เราเป็นคนรับส.ค.ส.มันเป็นความสุขใจ ความสุขใจแบบนี้มนุษย์ไม่ว่าชาติไหนมีความรู้สึกร่วมกัน เพราะเข้าใจในความรู้สึกแบบนี้....ผมจึงไม่เคยหยุดที่จะส่งสคส.แม้ว่าคนยุคนี้จำนวนมากไม่เห็นความสำคัญของสคส.แล้วก็ตาม ภายหลังจากโลกไซเบอร์เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิต...คนจำนวนมากไม่เห็นความสำคัญของการส่งสคส.ที่เป็นการ์ดแต่หันมาส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ตแทน


สิ่งที่ต่างกันระหว่างการ์ดอิเล็กทรอนิคส์กับสคส.ที่เป็นการ์ดจริงๆคงจะเป็นการที่เราสามารถหยิบเอาการ์ดจริงๆเหล่านั้นขึ้นมาดูใหม่ได้ทุกเมื่อ และทุกครั้งที่อ่านข้อความเหล่านั้นมันได้ความสุขทันที ในขณะที่การ์ดอิเล็กทรอนิคส์ไม่มีลายมือของผู้ส่ง ไม่ทราบอารมณ์ในขณะที่เขียน และบางครั้งข้อความเหล่านั้นก็หายไปถ้าไม่มีการเก็บไฟล์เหล่านั้นไว้ให้ดี


ดังนั้น จดหมาย ส.ค.ส. จึงเป็นเครื่องมือสื่อสารของมนุษย์ที่คลาสสิคมาก ความรู้สึกดีๆของผู้คนไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามกาล ทุกครั้งที่ได้อ่านข้อความเหล่านั้นมันมีความสุขในฐานะของผู้รับ


เมื่อจำนวนการ์ดส.ค.ส.มีจำนวนมากขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการพิมพ์และจ่าหน้า....การพิมพ์จากเครื่องพิมพ์จึงเป็นวิธีอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่ง


ผมเคยนั่งเขียนจ่าหน้าและเขียนข้อความในการ์ดอวยพรปีใหม่ด้วยมือตนเอง....กินเวลาข้ามวันข้ามคืนเลย ตั้งแต่นั้นเฉพาะการจ่าหน้าบางครั้งยังคงเขียนด้วยลายมือ เพราะการจัดเรียงตำแหน่งพิมพ์ไม่สะดวก โดยเฉพาะวิธีการเขียนจ่าหน้าแบบญี่ปุ่นที่แตกต่างจากสากล และตัวคันจิบางครั้งเขียนก็ไม่สวยเท่ากับการพิมพ์เพราะมีจำนวนเส้นที่เยอะมาก ลากเส้นผิดก็ชื่อผิดไปเลย


ระยะหลังผมจะเลือกส่งส.ค.ส.ไปยังผู้รับเฉพาะคนที่เห็นความสำคัญของการ์ดอวยพรมากกว่า เพราะหลายๆคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการ์ดอวยพรของจริงมากนัก บางครั้งการส่งไปให้คนเหล่านั้นเหมือนเป็นการสูญเปล่าเพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปแบบของการส่งส.ค.ส. แต่ผมเลือกที่จะส่งเป็นอิเล็กทรอนิคส์การ์ดไปให้คนเหล่านั้นแทน


ปีนี้พยายามเลือกการ์ดที่จะมาทำเป็นส.ค.ส. แต่พบว่าจำนวนการ์ดที่มีขายในท้องตลาดมีจำนวนน้อยแบบมาก ไม่ถูกใจ ผิดกับทุกปีที่ผ่านมา ถ้าจะให้เดา..โรงพิมพ์อาจประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่มีการพิมพ์การ์ดอวยพรออกมาจำหน่ายเหมือนทุกปี


ในที่สุดปีนี้ก็เลือกที่จะใช้ไปรษณียบัตรอวยพรของบริษัทไปรษณีย์ไทยเป็นการ์ดอวยพรปีใหม่แทน เพราะมันตอบโจทย์ได้ใกล้เคียงมากที่สุด


แต่ปัญหาที่ประสบก็คือ พอพิมพ์ข้อความแล้วเครื่องพิมพ์มีปัญหา อักษรเลือนจนอ่านได้ลำบากบ้าง หรือตำแหน่งที่พิมพ์ออกมาคลาดเคลื่อนไปบ้าง เกิดความสูญเสียขึ้น เพราะการ์ดอวยพรปีใหม่ไม่สมควรมีข้อความแก้ไขบนการ์ด การ์ดจำนวนมากที่พิมพ์เสียไม่สามารถไปขอคืนที่บริษัทไปรษณีย์ไทยได้เหมือนกับบริษัทไปรษณีย์ญี่ปุ่นที่ยินดีรับซื้อคืนไปรษณีย์บัตรอวยพรปีใหม่ที่ลูกค้าพิมพ์เสีย


ตอนที่พิมพ์เสร็จมีการ์ดที่พิมพ์เสียร่วม ๒๗ ใบ คิดเป็นเงินมูลค่ามากทีเดียว ผมคิดว่าจะเอาการ์ดที่พิมพ์เสียเหล่านี้ไปทำประโยชน์แทนที่จะทิ้งไปให้สูญเปล่า


เคยได้ยินโครงการขอรับบริจาคกระดาษที่ไม่ใช้เพื่อเอาไปทำอักษรเบลล์ให้แก่คนตาบอดผ่านทางฟอร์เวิร์ดเมลนานมาแล้ว แต่ค้นหาเมลนั้นไม่เจอ เลยไม่ทราบว่าจะมีช่องทางในการส่งกระดาษที่ไม่ใช้เหล่านั้นอย่างไร


ในขณะที่คิดเรื่องการทำกุศลที่จะบริจาคโปสการ์ดอวยพรปีใหม่ที่พิมพ์เสียให้กับโครงการช่วยเหลือคนตาบอดอยู่....ก็มีเพื่อนที่เคยทำงานร่วมกันที่ธนาคารกสิกรไทยส่งฟอร์เวิร์ดเมลมาว่า มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยรับบริจาคปฏิทินที่ไม่ใช้แล้วเพื่อมาทำอักษรเบลล์ให้แก่คนตาบอด เลยได้ที่อยู่สามารถติดต่อเพื่อส่งไปรษณีย์บัตรอวยพรที่พิมพ์เสียเหล่านี้ไปให้กับมูลนิธิ


วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๕ ควรจะเป็นวันพักผ่อนแต่กลายเป็นวันแรกของการทำงานเพราะนิสิตที่ดูแลงานวิทยานิพนธ์ต้องการส่งบทความไปงานประชุมวิชาการซึ่งกำหนดส่งเป็นพรุ่งนี้ เป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่ปรึกษาต้องตรวจเช็กเนื้อหาที่พิมพ์ออกมาซึ่งคุณภาพยังไม่ดีนัก ผมใช้เวลาช่วงบ่ายถึงสองทุ่มทำการแก้ไขเนื้อหาจนเสร็จ หิวข้าวมากๆ เข้าใจว่าจะได้ทานอาหารค่ำที่ห้างเซ็นทรัลพลาซาพิษณุโลก ปรากฏว่าเขาปิดตอน ๓ ทุ่ม ต้องไปตระเวณหาร้านอาหารทาน กว่าจะได้ทานอาหารเย็นก็ปาไป ๔ ทุ่มกว่า เพราะร้านอาหารส่วนใหญ่ปิดกันในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีไม่กี่ร้านที่เปิดขาย มาได้ร้านข้าวต้มวิโรจน์ผักบุ้งเหิรฟ้า แต่ต้องรอนานทีเดียวกว่าจะได้ทาน

ในขณะที่รออาหารที่สั่งในร้านข้าวต้มใช้เวลาเขียนจ่าหน้าถึง


มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย
๔๒๐ ถนนราชวิถี
แขวงทุ่งพญาไท เขตราชวิถี
กรุงเทพฯ
๑๐๔๐๐


ความรู้สึกหิว ความรู้สึกคับข้องใจที่รออาหารเป็นเวลานาน กลับหายไป แต่เกิดความปีติในกุศลที่ได้ทำ แม้จะเป็นกิจกรรมเล็กๆน้อยๆก็ตาม







มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร? เป็นคำถามยากๆที่ใครบางคนเคยตั้งคำถามขึ้นมาถาม และหาคำตอบได้ยากมาก


บางคนอาจจะตอบว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรม

แต่ผมไม่เห็นด้วยกับคำตอบทีว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรม เพราะถ้าเราคิดแบบนั้นแสดงว่าเราเกิดมาเพื่อก้มหน้ารับใช้กรรมต่อไป โดยไม่พยายามเปลี่ยนแปลงผลของกรรมที่บังเกิดขึ้นในชีวิตของเรา แต่ยอมรับผลของกรรมโดยดุษฎี นั่นหมายความว่าถ้าเราเชื่อแบบนั้นคนพิการกลายเป็นคนไร้ค่าไปเลย เพราะกรรมได้จัดสรรให้พวกเขามีอุปสรรคในชีวิต มีร่างกายที่ไม่ครบถ้วน ทำให้ใช้ชีวิตที่ลำบากกว่าบุคคลอื่น


แต่ตัวอย่างของคนพิการทั้งในไทยและต่างแดนที่ผมได้พบเห็น...กลับพบว่าคนพิการเหล่านั้นกลับใช้ชีวิตที่สง่างาม เป็นแบบอย่างให้เราเห็นว่า มนุษย์ทุกคนสามารถพัฒนาได้ และความพยายามของผู้คนสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคทั้งปวงได้ ความพิการแท้จริงเป็นแค่ความไม่สะดวกสบายเท่านั้นเอง แต่ความสามารถที่อยู่ภายในตัวของคนๆหนึ่งไม่ว่าร่างกายปกติหรือว่าร่างกายพิการ...ไม่ได้ต่างกันเลย


วันนี้ผมมีคำตอบที่ชัดเจนว่า


"มนุษย์เกิดมาเพื่อพัฒนาตนเอง เพราะมนุษย์เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้ มนุษย์สามารพัฒนาได้ตลอดชีวิต มนุษย์เกิดมาเพื่อพัฒนาให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และทิ้งสิ่งที่มีคุณค่าให้กับคนรุ่นใหม่เพื่อที่จะพัฒนาสังคมนี้ โลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้น"


โปสการ์ดที่พิมพ์เสียอาจจะเป็นของไร้ค่าแต่ถ้าเรารู้จักดัดแปลงกลับมาใช้ประโยชน์ มันกลายเป็นของที่มีคุณค่ากับคนตาบอด ในฐานะที่คนเหล่านั้นต่างเป็นเพื่อนร่วมสังคมกับเรา การหยิบยื่นช่วยเหลือให้กับเพื่อนร่วมสังคมกับเรา มันช่วยทำให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้น เพราะการช่วยเหลือถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน.....เป็นเสน่ห์ของสังคมไทยที่ยังเหลือให้เห็นอยู่และน่าจะรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ต่อไปในสังคมไทย


นานมากแล้วที่ไม่ได้นอนดึกมากขนาดนี้.....แต่ว่ามีความสุขที่ได้เขียนบล็อกเรื่องนี้ก่อนเข้านอน ผมคงเข้านอนแบบมีความสุขคืนนี้หรือว่าเช้านี้กันแน่




หลับฝันดีครับ








 

Create Date : 03 มกราคม 2555    
Last Update : 3 มกราคม 2555 4:28:23 น.
Counter : 1265 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.