|
นิสิตปริญญาเอก (DBA) ชั้นเรียนแรกในมหาวิทยาลัยนเรศวรที่ผมสอน
ผมเคยสอนชั้นเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะอาจารย์พิเศษเมื่อวันครูปีนี้ (วันเสาร์ที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓) แต่เมื่อทางคณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์บรรจุเป็นอาจารย์ประจำ ผมรับผิดชอบสอนวิชา "กลยุทธ์ธุรกิจแบบบูรณาการ" แก่นิสิตหลักสูตรปริญญาเอกทางด้านบริหารธุรกิจ
นิสิตหลักสูตรปริญญาเอกรุ่นที่สอนเป็นชั้นปีที่ ๑ เป็นรุ่นที่ ๔ ตั้งแต่คณะฯเปิดหลักสูตรปริญญาเอกด้านบริหารธุรกิจขึ้นมา
ผมเคยเจอนิสิตปริญญาเอกปี ๑ มาแล้วครั้งแรกตอนงานปฐมนิเทศเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายนที่ผ่านมา ตอนนั้นเอาประสบการณ์ตอนเรียนหลักสูตรปริญญาเอกในญี่ปุ่นมาแชร์ให้พวกเขาฟัง ให้เข้าใจว่ากว่าจะเรียนจนจบได้เป็นดุษฎีบัณฑิต มีคำว่า "ดร." นำหน้า มันผ่านความยากลำบากมาอย่างไร อาจารย์เป็นตัวอย่างให้ลูกศิษย์เห็นว่า
"ความพยายามของผู้คนไม่เคยจบลงด้วยความสูญเปล่า"
คณะฯมอบหมายให้ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาสำหรับนิสิตปริญญาเอกรุ่นที่ ๔ ด้วย นับจากวันปฐมนิเทศผมยังไม่มีโอกาสได้เจอนิสิตปริญญาเอกรุ่นนี้พร้อมหน้าเท่าไหร่ ผมทราบข่าวจากนิสิตว่ามีคนขอลาออกจากหลักสูตรปริญญาเอกเพราะมีปัญหาสุขภาพ ๒ ราย ดังนั้นรุ่นนี้จึงเหลือเพียง ๘ ราย
วันนึงจิตราแวะเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องปัญหาในการเรียน จิตราไม่อยากเป็นภาระแก่คนในชั้นเพราะมีปัญหาเรื่องของภาษาอังกฤษ ผมพูดให้กำลังใจแก่จิตรา โดยยกตัวอย่างของผมให้จิตราดูว่า
ถ้าภาษาอังกฤษยากสำหรับจิตรา...ขอให้ดูตัวอย่างของผมที่ไปเรียนในญี่ปุ่น ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาทางวิชาการที่เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นที่ผมเรียนไปเพียงแค่ ๑ ปี ภาษาญี่ปุ่นช่วงแรกๆไม่ว่าใครจะดูถูกว่าภาษาญี่ปุ่นของผมไม่ดี ผมไม่สนใจ ผมต้องการพัฒนาภาษา เอาชนะปัญหาเรื่องของภาษาญี่ปุ่นให้ได้ ถ้าผมไม่สามารถเอาชนะได้...ผมจะอยู่ประเทศนี้อย่างไม่มีความสุข
ทุกภาษากว่าจะพัฒนาให้สามารถสื่อสารได้ดีมันใช้เวลาทั้งนั้น แต่ถ้าเราไม่ละทิ้งความพยายาม เราจะเห็นการพัฒนาเป็นลำดับจนเราประหลาดใจ ผมเชื่อมั่นว่าคนเราถ้ามีความตั้งใจ มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้กับอุปสรรค สุดท้ายเราจะได้ความสำเร็จเป็นของตอบแทนเสมอ
วิธีพัฒนาภาษาไม่ใช่ตะบี้ตะบันท่องศัพท์กันอย่างที่เราสอนๆกัน มันเป็นวิธีที่ผิด การใช้ดิกไฟฟ้าก็เป็นวิธีไม่ช่วยจำเพราะมันไม่ใช่วิธีการจดจำตามธรรมชาติของมนุษย์ เพราะวิธีเรียนที่คนไทยทำกันอยู่มันผิด เราจึงโทษตัวเองว่าภาษาอังกฤษของเราไม่ดีขึ้นเสียที ทำไมท่องศัพท์แทบตายไม่จำเลย ทำไมพูดไม่ได้เลย ก็เพราะวิธีการฝึกภาษามันผิด มันฝืนธรรมชาติในการจดจำของมนุษย์
การจะจดจำเรื่องๆหนึ่ง คำศัพท์ใหม่ๆ เราน่าจะอ่านผ่านตาบ่อยๆแทนการท่องจำ และนี่เป็นวิธีจดจำทางธรรมชาติที่ได้ผลและจดจำได้นานกว่าการท่องศัพท์ที่นิยมทำกัน
แนะนำให้จิตราลองอ่านบทความภาษาอังกฤษบ่อยๆ ฝึกอ่านบ่อยๆ จะเห็นการพัฒนาภาษาเป็นลำดับ
ก่อนจะมาสอนวิชา "กลยุทธ์ธุรกิจแบบบูรณาการ" ผมสอบถามบรรดานิสิตปริญญาเอกรุ่นก่อนหน้าเพื่อประมวลปัญหาของการเรียน วิเคราะห์ว่าอะไรเป็นปัญหาที่ทำให้งานวิทยานิพนธ์ของนิสิตปริญญาเอกไม่คืบหน้า อะไรคือสิ่งที่จะช่วยเสริมให้นิสิตปริญญาเอกสามารถจบได้เร็วขึ้น
พอรู้จุดบกพร่องแล้ว....ผมก็ออกแบบหลักสูตรของวิชาที่สอนเพื่อที่จะช่วยพัฒนาทักษะของนิสิตปริญญาเอกรุ่นที่ ๔ ที่ผมอยากจะดันให้เป็นรุ่นแรกที่น่าจะสามารถจบหลักสูตรปริญญาเอกภายในเวลาไม่เกิน ๕ ปี
๗ สิงหาคมเป็นวันแรกที่ผมได้ไปสอนนิสิตปริญญาเอกรุ่นที่ ๔ ยอมรับว่าตื่นเต้น แต่ไม่ประหม่า มีอาการเครียดที่แสดงออกจากอาการเข้าห้องน้ำถี่ๆ
ผมมีโอกาสได้แนะนำหลักสูตรวิชาที่ผมสอนแก่นิสิตและเงื่อนไขที่ผมสร้างขึ้นมาในชั้นเรียนวิชาที่ผมสอนเพื่อช่วยพัฒนาทักษะเรื่องของภาษาอังกฤษและการเขียนบทความของนิสิตรุ่นนี้ เพราะการตีพิมพ์บทความเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาให้สำเร็จการศึกษา ดังนั้นพวกเขาควรจะคุ้นเคยกับการฝึกเขียนบทความวิชาการตั้งแต่ปี ๑
ผมบอกกับนิสิตว่า
"...ทุกคนเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้มีเป้าหมายเหมือนกัน ต้องการมีคำว่า "ดร." นำหน้า ดังนั้นผมจะพยายามผลักดันให้รุ่น ๔ เป็นรุ่นแรกที่สามารถสำเร็จการศึกษาให้ได้ภายใน ๕ ปี ตอนที่พวกคุณสำเร็จการศึกษามีคำว่า "ดร." นำหน้า ไม่เพียงแต่คุณที่ภูมิใจ ผมในฐานะคนสอนก็มีความภาคภูมิใจด้วยเช่นกัน"
ชั้นเรียนผมกระตุ้นให้นิสิตแสดงความคิดเห็น โดยมีคะแนนแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน เพราะพวกเขาต้องสามารถวิพากษ์วิจารณ์งานและบทความต่างๆ เพื่อต่อยอดความคิดมาเขียนงานวิทยานิพนธ์ดีๆชิ้นหนึ่งเป็นของตนเองได้
ในชั้นเรียนนิสิตทุกคนต้องอ่านบทความวิชาการจากวารสารต่างประเทศร่วมกันในชั้นเรียน และพวกเขาต้องสรุปค้นหาประเด็นสำคัญจากบทความเหล่านั้นที่ให้อ่านแล้วมาสังเคราะห์เป็นบทความใหม่จากแนวความคิดของเขา มีงานมอบหมายให้ทุกคนต้องส่งบทความให้ผมภายในอาทิตย์ถัดไปเพื่อฝึกให้พวกเขาคุ้นเคยกับการเขียนบทความเพื่อไปตีพิมพ์ลงวารสารทางวิชาการในอนาคตซึ่งเป็นเงื่อนไขในการขอจบการศึกษา
การที่พื้นฐานของนิสิตรุ่นนี้ใกล้เคียงกันเลยทำให้วัฒนธรรมองค์กรของชั้นเรียนที่ผมสอนไม่มีปัญหา ทกุคนเคารพความคิดของคนอื่น ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
นาวาโทวิเศษเป็นประธานรุ่น เขาเป็นนายทหารเรือแต่มีภรรยาเป็นอาจารย์ที่คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เขาสร้างวัฒนธรรมของชั้นเรียนให้นิสิตแสดงความเคารพอาจารย์ก่อนและหลังเรียนเสร็จ ผมไม่เคยเจอวัฒนธรรมแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แต่ก็เป็นวัฒนธรรมการเรียนที่น่าชื่นชมสำหรับสังคมไทย
ผมเล็คเชอร์หัวข้อที่สำคัญของหลักสูตรวิชานี้ช่วงเช้าและนำนิสิตในชั้นให้พวกเขาถกประเด็นที่ผมหยิบยกขึ้นมาในชั้นเรียน....
ผศ.ปาณิสรา มักจะแสดงความคิดเห็นบ่อยที่สุดในชั้นเรียน จุดประเด็นต่อให้คนอื่นถกในประเด็นเหล่านั้นต่อ จิระเป็นลูกน้องของ ผศ.ปาณิสราที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ กำแพงเพชร มักจะแสดงความคิดเห็นสอดแทรกจากประสบการณ์สมัยทำงานที่สหฟาร์ม
ในขณะที่ประทีปจะอธิบายขยายความในเวลาที่ต้องการจะเสนอความคิดเห็นต่างๆจนเพื่อนๆหัวเราะเพราะมักจะโยงไปเรื่องอื่นนานมากก่อนจะเข้าประเด็น
ปกรณ์เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มาเรียนพร้อมกับสมพงษ์เพราะทั้งคู่ทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ สมพงษ์ทำงานด้านบริษัทที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานของรัฐและเอกชน
จิตรามักจะนั่งจดสิ่งผมอธิบายและสิ่งที่เพื่อนๆในชั้นเรียนถกประเด็นสำคัญมากกว่า แต่ก็มาทำแต้มแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียนเอาวันท้ายๆ
บางครั้งก็เอาคลิปหนังที่มีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับหัวข้อที่สอนมาใช้ประกอบการสอน แล้วให้นิสิตเขาวิเคราะห์ว่าเขาค้นพบอะไรจากหนังที่หยิบขึ้นมาใช้ประกอบการสอน
พอนิสิตเขาถกกันเสร็จ ในฐานะอาจารย์ก็จะสรุปประเด็นสำคัญให้นิสิตฟังว่าในหัวข้อที่หยิบขึ้นมาถกกันมีมุมไหนบ้างที่พวกเขาอาจจะมองข้ามหรือสรุปประเด็นสำคัญที่เราน่าจะให้ความสำคัญ
ที่ดีใจมากเห็นจะเป็นการที่ผมมีโอกาสได้นำหัวข้อ "การจัดการกับวิกฤตการณ์ (Crisis Management)" งานวิจัยที่ผมทุ่มเทมาตลอดระยะเวลาที่เรียนหลักสูตรปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเคโอ ในญี่ปุ่น มาถ่ายทอดแนวคิดที่เป็นประโยชน์ให้แก่นิสิตหลักสูตรปริญญาเอก DBA รุ่นที่ ๔ ขอเพียงแต่พวกเขาเข้าใจแนวคิดและความหมายของคำว่า "การจัดการกับวิกฤตแบบบูรณาการ (Integrated Crisis Management)" อย่างถูกต้อง มันช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินแก่ผู้คนบนโลกนี้ได้อย่างมหาศาล
ตอนบ่ายจะเป็นการอ่านและวิเคราะห์บทความทางวิชาการจากวารสารต่างประเทศร่วมกัน...บรรยากาศการเรียนการสอนจะต่างจากตอนเช้า
ตอนที่ผมอ่านบทความทางวิชาการไปพร้อมๆกับลูกศิษย์เหมือนกับว่าผมกลับมาเรียนหลักสูตรปริญญาเอกใหม่อีกครั้ง.... เครียดพอๆกับลูกศิษย์
ผลของการอ่านบทความทางวิชาการร่วมกันและฝึกให้นิสิตเขาเขียนบทความ..ทำให้หลายๆคนรู้สึกว่าภาษาอังกฤษของตนเองมีการพัฒนาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์บทความที่พวกเขาอ่าน นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้เกิดขึ้นในชั้นเรียนนี้
บรรยากาศสังสรรค์ระหว่างนิสิตและอาจารย์เกิดขึ้นหลังวันเกิดพี่นัท (นิสิตอีกคนของรุ่น ๔) หนึ่งวัน งานนี้ลูกศิษย์เชิญอาจารย์ให้ร้องคาราโอเกะ แพทย์แผนโบราณจีนแนะนำผมว่าการร้องเพลงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดอาการเครียด...เพราะตอนที่เราร้องเพลงออกมาเราปลดปล่อยความเครียดออกมาพร้อมกับเสียงเพลง ยอมรับว่าการได้ร้องเพลงหรือฟังคนอื่นทำฮาเวลาร้องคาราโอเกะ...มันช่วยปลดปล่อยภาวะเครียดได้ชั่วเวลาหนึ่ง
แต่งานเลี้ยงไม่ได้อยู่ดึกจนเกินไปเพราะยังมีชั้นเรียนครั้งสุดท้ายในวันรุ่งขึ้น
บรรยากาศของชั้นเรียนครั้งสุดท้าย ผมกล่าวอะไรกับลูกศิษย์เล็กน้อยก่อนอวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนหลักสูตรนี้และหวังว่าจะเป็นรุ่นแรกที่สามารถสำเร็จการศึกษาภายใน ๕ ปี
นิสิตเขามีพวงมาลัยมามอบเป็นสัญลักษณ์ของการเคารพและเชิดชูที่ได้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้แก่เขา จิตราเป็นตัวแทนฝ่ายหญิง
ประทีปกล่าวอะไรในฐานะลูกศิษย์และขอฝากตัวให้ผมช่วยแนะนำจนกว่าเขาจะจบหลักสูตรปริญญาเอก ประทีปเอาพวงมาลัยมามอบให้ในฐานะตัวแทนนิสิตชายของรุ่น
ถ่ายภาพร่วมกันกับนิสิตหลักสูตรดุษฎีบัณฑิตบริหารธุรกิจชั้นปีที่ ๑ โดยมี Comparative Integrated Crisis Management Model ของผมที่ทำการวิจัยมาหลายปีเป็นฉากหลังประกอบรูปนี้
แล้วก็มาถึงวันสอบปลายภาค....
ทุกคนตั้งใจทำสอบมาก ภายในเวลา ๓ ชั่วโมงกับข้อสอบ ๕ ข้อที่ต้องอธิบายโดยโยงเอาความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดจากชั้นเรียนวิชานี้ใช้อธิบายตอบคำถามในข้อสอบ
ไม่รู้มาก่อนว่าหลายคนนัดกันใส่เสื้อโปโลของรุ่นสีเขียวอ่อนสดๆตัวนี้ ไม่อย่างนั้นคงสวมเสื้อโปโลสีเขียวของรุ่นนี้มาด้วย
จบหลักสูตรวิชา "กลยุทธ์ธุรกิจแบบบูรณาการ" สำหรับนิสิตหลักสูตรดุษฎีบัณฑิตบริหารธุรกิจรุ่นที่ ๔ แต่สำหรับพวกเขาแล้วจริงๆเป็นเพียงก้าวเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาตัวเองต่อไปจนกระทั่งบรรลุเป้าหมายของการมาศึกษาหลักสูตรนี้ต่างหาก
วันที่นิสิตเหล่านี้ได้สวมครุยดุษฎีบัณฑิตบริหารธุรกิจของคณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะครูที่เคยสอนนิสิตเหล่านี้มาคงเป็นวันหนึ่งที่มีความสุขมากๆสำหรับผม
Create Date : 26 กันยายน 2553 |
Last Update : 26 กันยายน 2553 16:36:52 น. |
|
18 comments
|
Counter : 4779 Pageviews. |
|
|
|
โดย: NOO+JHA IP: 202.216.9.69 วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:14:18:28 น. |
|
|
|
โดย: i-ninewiiz วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:14:29:28 น. |
|
|
|
โดย: jejeeppe วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:15:34:53 น. |
|
|
|
โดย: สมพงษ์ IP: 111.84.159.22 วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:15:54:12 น. |
|
|
|
โดย: Art (ประทีป) IP: 192.168.50.136, 110.164.239.228 วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:21:45:07 น. |
|
|
|
โดย: เอ๋ IP: 10.1.1.21, 58.137.125.180 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:12:02:16 น. |
|
|
|
โดย: เอก DBA2 IP: 119.42.106.95 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:12:19:09 น. |
|
|
|
โดย: ทรงพล สืบวงศ์ลี IP: 118.172.185.54 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:12:21:03 น. |
|
|
|
โดย: YUCCA วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:15:14:26 น. |
|
|
|
โดย: chompu IP: 113.53.232.218 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:17:20:41 น. |
|
|
|
โดย: ปาณิสรา IP: 118.175.15.146 วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:22:21:11 น. |
|
|
|
โดย: หนูน้อยเสื้อแดง IP: 118.172.141.1 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:17:30:30 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:20:04:46 น. |
|
|
|
โดย: ปกรณ์ IP: 118.172.98.64 วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:15:30:19 น. |
|
|
|
โดย: เบิ้ม ประธานสินิต NU-DBA2 IP: 124.122.120.62 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:04:00 น. |
|
|
|
โดย: suwit วิศวกรรมการจัดการ IP: 171.7.192.125 วันที่: 27 มีนาคม 2555 เวลา:0:25:19 น. |
|
|
|
โดย: นิสิต ป.โท MBS IP: 61.19.233.61 วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:20:28:37 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:13:30:26 น. |
|
|
|
| |
|
|
ตอนนี้หนูกำลังเรียนปริญญาโทชั้นปีที่ 2 แล้วค่ะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร คงจะจบเดือนมีนาที่จะถึงนี้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้ด้วยกันนะคะ ขอบคุณค่ะ