ไปกด Link ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/skymantaf หรือ Follow ได้ที่ Twitter https://twitter.com/skymantaf หรือที่ http://www.thaiarmedforce.com นะครับ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
18 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
รู้จัก....(ว่าที่) เครื่องบินขับไล่แบบที่ 20 ของกองทัพอากาศไทย: JAS-39 Gripen

สวัสดีครับ

หลังจากนิยายเรื่องนี้ดำเนินมาเป็นเวลานานกว่า 4 ปี วันนี้ มันกำลังเข้าสู่ภาคสุดท้ายแล้วครับ นั่นคือตามข่าวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ครม.มีมติอุมัติในหลักการให้กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินขับไล่ทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 หรือ F-5 ซึ่งกองทัพอากาศจะทำการปลดประจำการหลังจากประจำการมานานกว่า 30 ปี

วันนี้ ผมจึงขอถือโอกาส พาทุกท่านไปรู้จักกับเครื่องบินที่อาจจะมาเป็นเครื่องบินขับไล่แบบที่ 20 (บ.ข. 20) ในประวัติศาสตร์กว่า 90 ปีของกองทัพอากาศไทย นั้นคือ.....

JAS-39 Gripen




ปล. ข้อความใดในกระทู้นี้ ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของข้อความที่ปรากฏอยู่ในกระทู้ ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุดถ้าพบการละเมิดสิทธิอันพึงมีพึงได้ของผู้เขียน เว้นแต่จะได้รับอนุญาต อนึ่ง รูปภาพที่ปรากฏในกระทู้นี้บางภาพไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของผู้เขียน เว้นแต่จะกล่าวเป็นอย่างอื่น




ก่อนจะเริ่ม ขอฝากประโยคอมตะนี้ให้กับทุกท่านอีกครั้งครับ



ตราบใดที่ล้อเครื่องบินยังไม่แตะพื้นเมืองไทย อะไร ๆ ก็เป็นไปได้





ความเป็นมา ในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่ของกองทัพอากาศ


กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ค/ง หรือ F-5 E/F ในฝูงบิน 701 สุราษฏ์ธานี มาประจำการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521 นับถึงวันนี้มีอายุเกือบ 30 ปี ซึ่งถึงเวลาที่ต้องปลดประจำการ กองทัพอากาศจึงเตรียมการที่จะหาเครื่องบินแบบใหม่มาทดแทน

ในชั้นต้น กองทัพอากาศมองเครื่องบินเอาไว้ 5 แบบตามที่มีอยู่ในตลาดโลกคือ

- Eurofighter Typhoon ของยุโรป
- Rafale ของฝรั่งเศส
- F-16C/D Block 50/52+ ของสหรัฐ
- Su-30MKIT ของรัสเซีย
- JAS-39C/D Gripen ของสวีเดน

ซึ่งในขั้นต้นมีอยู่ 3 แบบที่ทอ.สนใจคือ - F-16C/D Block 50/52+ ของสหรัฐ, Su-30MKIT ของรัสเซีย, JAS-39C/D Gripen ของสวีเดน

ซึ่งกองทัพอากาศได้ส่งเจ้าหน้าที่ละนักบินไปบินประเมินค่าเครื่องบินทั้งสามแบบ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจต่อไป ซึ่งจากปัญหาด้านการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้มีข่าวคราวและความเคลื่อนไหวมากมายเกี่ยวกับโครงการนี้


F-5 ฝูง 701


Timeline ของโครงการ


254x - 2547: กองทัพอากาศไทยเริ่มโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ (ต่อไปจะเรียกว่าโครงการบ.ข. 20)

ตุลาคม 2547: ภายหลังจากการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทำให้สวีเดนเสนอขาย Gripen ให้แก่รัฐบาลไทย และรัฐบาลไทยก็แสดงความสนใจในการจัดซื้อ โดยทางสวีเดนจะขายให้ทั้งหมด 12 ลำภายใต้เงื่อนไขการแลกเปลี่ยนสินค้ากับไก่ไทยจำนวน 50% ของเครื่องบิน โครงการเดินมาถึงการเจรจาในระดับคณะกรรมการ แต่ไม่มีความคืบหน้า

กันยายน 2548: สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่ากองทัพอากาศไทยต้องการจัดซื้อ F-16 มือสองจำนวน 16 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานในปฏิบัติการ Enduring Freedom ที่อัฟกานิสถาน

ธันวาคม 2548: ภายหลังจากการเยือนรัสเซียของนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สำนักข่าวของรัสเซียอ้างแหล่งข่าวจากบริษัท Rosoboronexport ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าของรัฐบาลรัสเซียว่า รัฐบาลไทยบรรลุข้อตกลงในการจัดซื้อเครื่องบินรบแบบ Su-30MKIT จากรัสเซียจำนวน 12 ลำในสัญญามุลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ธันวาคม 2548: รัฐบาลไทยปฏิเสธรายงานดังกล่าว

ธันวาคม 2548: กองทัพอากาศประกาศเชิญผู้ผลิตส่งข้อเสนอขั้นสุดท้าย และจะประกาศการตัดสินใจในเดือนมีนาคมปี 2549

กันยายน 2549: รัฐประหาร

ตุลาคม 2550: ครม.อนุมัติในหลักการ กองทัพอากาศยืนยันการจัดหา JAS-39 จากสวีเดน

รู้จัก JAS-39C/D Gripen


หลังจากประสบความสำเร็จในโครงการ J-35 Darken (มีลูกค้าต่างประเทศหลายชาติ) และล้มเหลวจากโครงการ JA-37 Viggen (ไม่มีลูกค้าต่างชาติ) สวีเดนซึ่งเป็นประเทศที่มีประวัติในการพัฒนาอากาศยานทางทหารตั้งแต่สงครามโลกจึงดำเนินโครงการในการวิจัยและพัฒนาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์แบบใหม่ ในปี 2525 รัฐสภาสวีเดนมีมติให้รัฐบาลสวีเดนดำเนินการวิจัยและพัฒนา JAS-39 Gripen ซึ่งจะมาทดแทน JA-37 Viggen ทั้งหมด โดยบริษัท Saab ในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นบริษัทหลักในการพัฒนา

JAS มาจากภาษาสวีเดนโดย....

- J หรือ Jakt หมายถึงอากาศสู่อากาศ
- A หรือ Attack หมายถึงอากาศสู่พื้น
- S หรือ Spaning หมายถึงลาดตระเวน

ซึ่งเป็นการสื่อถึงการปฏิบัติภารกิจได้หลากหลาย แล้วทางผู้ผลิตได้นำชื่อ Gripen ซึ่งก็คือ Giffin ในภาษาอังกฤษมาใช้ด้วยเช่นกัน

Gripen ขึ้นบินครั้งแรกในวันที่ 9 ธันวาคม 2531 และเข้าประจำการในกองทัพอากาศสวีเดนในเวลาต่อมา

รุ่นต่าง ๆ ของ Gripen


JAS-39A/B: รุ่นแรกของเครื่อง ใช้มาตราฐานอาวุธของสวีเดน (กำลังปรับปรุงเป็นรุ่น C/D)

JAS-39C/D: รุ่นที่พัฒนาต่อจาก A/B โดยใช้มาตราฐานของ NATO

JAS-39E/F: รุ่นที่กำลังดำเนินการพัฒนาในอนาคต โดยเพิ่มความสามารถหลาย ๆ อย่างเช่น เรด้าร์รุ่นใหม่ เครื่องยนต์รุ่นใหม่ เพิ่มพิสัยบินให้ไกลขึ้น ฯลฯ

Gripen-N: รุ่นที่เสนอให้กับนอร์เวย์

Gripen-DK: รุ่นที่เสนอให้กับเดนมาร์ก



Model Gripen-N


ประเทศผู้ใช้งาน Gripen


กองทัพอากาศสวีเดน: มีประจำการจำนวนมากกว่า 100 ลำ

กองทัพอากาศเช็ค: มีประจำการจำนวน 14 ลำ โดยเป็นสัญญาเช่าจำนวน 10 ปี

กองทัพอากาศฮังการี: มีประจำการจำนวน 14 ลำ โดยเป็นสัญญาเช่าจำนวน 10 ปี

กองทัพอากาศแอฟริกาใต้: มีประจำการจำนวน 28 ลำ

โรงเรียนการบิน Empire Test Pilots’ School: ใช้งาน Gripen ในการฝึกนักบิน


Griepn ของ EPTS หรือ Empire Test Pilots’ School



สมรรถะของ Gripen


Crew: 1–2
Length: 14.1 m (46 ft 3 in)
Wingspan: 8.4 m (27 ft 7 in)
Height: 4.5 m (14 ft 9 in)
Wing area: 25.54 m (274.9 ft)
Empty weight: 6,620 kg (14,600 lb)
Loaded weight: 8,720 kg (19,200 lb)
Max takeoff weight: 14,000 kg (31,000 lb)
Powerplant: 1× Volvo Aero RM12 (GE F404) afterburning turbofan, 54 kN dry, 80 kN with afterburner (12,000 lbf / 18,100 lbf)
Wheel track: 2.4 m (7 ft 10 in)
Performance
Maximum speed: Mach 2
Range: Combat radius 800 km, (500 mi), (430 NM). ()
Service ceiling: 15,000 m (50,000 ft)
Rate of climb: m/s (ft/min)
Wing loading: 341 kg/m² (70,3 lb/ft²)
Thrust/weight: 0.94
Armament
1 × 27 mm Mauser BK-27 cannon
6 × Rb 74 or Rb 98
4 × Rb 99, Rb 71, MICA or Meteor
Rb 75, KEPD 350, or various other laser-guided bombs, rocket pods.
Rb 15F anti-ship missile
Bk 90 cluster bomb

Credit: Wikipedia.org

สมรรถะของ Gripen: น้ำหนักบรรทุก


ถ้าเทียบกันแล้ว Griepn สามารถบรรทุกอาวุธได้ค่อนข้างน้อย คือราว ๆ 5 ตันเท่านั้น โดยมีตำบลติดอาวุธ (Hard Point) จำนวน 7 จุด (ใต้ลำตัว 1 จุด และปีกข้างละสามจุด) ซึ่งถ้าเทียบกับ F-16 และ Su-30 แล้ว จะมีน้ำหนักบรรทุกที่มากกว่า


Hungarian Air Force


สมรรถะของ Gripen: พิสัยปฏิบัติการ


แต่เมื่อเทียบกับขนาดแล้ว Gripen มีพิสัยปฏิบัติการที่ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียวครับ แผนภาพด้านล่างนี้แสดงพิสัยในการปฏิบัติการเมื่อประจำการตามกองบินต่าง ๆ ในภารกิจที่แตกต่างกันไป

(Thank Mr. signatory)

ในภารกิจขับไล่สกัดกัน ติดอาวุธอากาศสู่อากาศ



ในภารกิจขับไล่สกัดกัน ติดอาวุธอากาศสู่อากาศ วางกำลัง ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ



ในภารกิจโจมตี ใช้การบินแบบ Hi-Lo-Hi (บินเข้าหาเป้าหมายในระดับสูง เข้าโจมตีในระดับต่ำ ถอนตัวในระดับสูง)



ในภารกิจโจมตี ใช้การบินแบบ Lo-Lo-Lo (บินเข้าหาเป้าหมายในระดับต่ำ เข้าโจมตีในระดับต่ำ ถอนตัวในระดับต่ำ) ติดตั้ง GBU-12 จำนวน 3 ลูก



สมรรถะของ Gripen: Datalink


เครื่องบินรุ่นใหม่ ๆ นั้นส่วนมากมี Datalink กันแทบทุกรุ่นครับ และมีประโยชน์ในการรบค่อนข้างมาก เช่นในกรณีของ F-16 MLU ของทอ. เนเธอร์แลนด์ เคยใช้ Datalink รับ-ส่งข้อมูลหากันจนสามารถยิง MiG-29 ของยูโกสลาเวียตกใน Operation Allie Force ที่โคโซโว

หลักการของ Datalink นั้นมันคือไอเดียของสงครามเครือข่าย (Network Centric Warfare) ที่เน้นการเชื่อมโยงการปฏิบัติการของแต่ละหน่วยเข้าด้วยกันเพื่อลดความผิดพลาดในการโจมตีกันเอง (Blue On Blue: Friendy Fire) และเพิ่มประสิทธิภาพในการรบด้วยการใช้ข้อมูลล่าสุดที่ได้จากหลาย ๆ หน่วยมาช่วยในการตัดสินใจหรือการดำเนินกลยุทธ์ครับ

เช่นในกรณีนี้ ERIEYE หรือสถานีเรด้าร์ภาคพื้น ก็สามารถส่งข้อมูลเป้าหมายให้กับ Gripen ได้เลยทั้ง ๆ ที่ยังติดเครื่องอยู่บนพื้น เมื่อหมู่บิน Gripen ได้รับข้อมูลก็สามารถบินเข้าหาเป้าหมายได้ โดยอาจจะเปิดเรด้าร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ส่วนเครื่องอื่นปิดเรด้าร์ซึ่งก็คือการใช้เทคนิคการพรางทางอิเล็กทรอนิค (Eelctronically Stralth) นั่นเองครับ หมู่บินศัตรูก็จะตรวจพบ Gripen เพียงเครื่องเดียว ในขณะที่เครื่องอื่นนั้นจะถูกตรวจพบได้ยาก เพราะไม่มีคลื่นเรด้าร์แพร่ออกไป ระบบ RWR (Radar Warning Reciever) ของเครื่องศัตรูก็จะไม่สามารถตรวจจับได้ ในขณะที่เครื่องที่เปิดเรด้าร์สามารถจ่ายเป้าให้เครื่องอื่นเพื่อใช้อาวุธต่อเป้าหมายได้ครับ



สมรรถะของ Gripen: อื่น ๆ


ดื้อ ๆ เลย......เรื่องเครื่องยนต์ RM-12 รบกวนอ่านบทความข้างล่างเลยครับ

//img182.imageshack.us/my.php?image=rm121bz7.jpg

//img340.imageshack.us/my.php?image=rm122em6.jpg

นอกจากนั้น Gripen ยังมีห้องนักบินที่ทันสมัย โดยมีจอภาพสีขนาดใหญ่จำนวน 3 จอ แสดงสถานะต่าง ๆ ทั้งหมดของเครื่อง ภายในเครื่องติดตั้งระบบ On-board Oxygen Generating System ซึ่งจะผลิตอ๊อกซิเจนให้กับนักบินโดยอัตโนมัติ ระบบสงครามอิเล็กทรอนิคใหม่แบบ EWS-30 เพิ่มความสามารถในการก่อกวนสัญญาณอัตโนมัติ (Automatic Active Jammer) ซึ่งประกอบกับระบบ RWR แบบ BOW-21 ที่เพิ่มความสามารถในการตรวจจับให้แม่นยำขึ้น และมีระบบเติมเชื้อเพลิงทางอากาศด้วย

สมรรถะของ Gripen: การปฏิบัติการจากถนน


ในกรณีที่สนามบินถูกโจมตีจนเสียหายใช้การไม่ได้ Gripen สามารถใช้ถนนหลวงในการปฏิบัติการได้ โดยสามารถใช้ถนนหลวงที่มีความยาว 800 เมตรในการวิ่งขึ้น และ 500 เมตรในการร่อนลง และเจ้าหน้าที่สนับสนุนเครื่องสามารถติดตั้งอาวุธ เติมเชื้อเพลิง ตรวจสอบสถานะของเครื่องได้ที่ข้างถนน

เนื่องจาก Gripen มีค่าใช้จ่ายในการบินที่น้อย ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก คือใช้ช่างอากาศเพียง 5 คนต่อ 1 เครื่อง ทำให้เครื่องสามารถร่อนลงมารับเชื้อเพลิงและอาวุธ แล้ววิ่งขึ้นได้โดยใช้เวลาที่น้อย (Run Around Time สั้น) ทำให้สามารถปฏิบัติการได้ถี่กว่า


Swedish Gripen Operating on Road



Gripen กับลูกค้าต่างชาติ


นอกจากชาติลูกค้าที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีชาติอื่น ๆ ที่สนใจ Gripen ดังนี้

กลุ่มประเทศบอลติก: โรมาเนีย ลัตเวีย นิทัวเนีย มีความต้องการเช่า Gripen จำนวน 12 ลำ (โอกาสปานกลาง-สูง)

โรมาเนีย: ต้องการจัดซื้อเครื่องบินรบจำนวน 40 ลำ โดยมีคู่แข่งคือ F-16 มือสอง (โอกาสปานกลาง-สูง)

นอร์เวย์: ต้องการจัดหาเครื่องบินจำนวน 44 ลำเพื่อทดแทน F-16 โดยสวีเดนเสนอ Gripen-N และมีคู่แข่งคือ F-35 และ Typhoon (โอกาสปานกลาง-ต่ำ)

อินเดีย: มีความต้องการเครื่องบินที่อาจจะมากถึง 300 ลำ โดยมีคู่แข่งคือ F-16, F/A-18, Typhoon, Rafale, MiG-35 (โอกาสต่ำ)

สโลเวเนีย: ต้องการเครื่องบินทั้งหมด 40 ลำ แต่โครงการยังเพิ่งเริ่มต้น (โอกาสปานกลาง-ต่ำ)

สวิสเซอร์แลนด์: ต้องการเครื่องบินเพื่อทดแทน F-5 โดยกำลังอยู่ในช่วงต้นของโครงการ ซึ่งต้องแข่งขันกับ F-35, Rafale, Typhoon (โอกาสต่ำ)

บัลแกเรีย: ต้องการเครื่องบินทั้งหมด 20 ลำ เริ่มโครงการในปี 2548 (โอกาสปานปลาง)

อาวุธของ Gripen


Gripen สามารถติดอาวุธได้หลายค่าย ทั้งสหรัฐ ยุโรป อิสราเอล และ เช่น AIM-120, AIM-9, AGM-65, GBU-10/12, Mk.82 ซึ่งเป็นระบบอาวุธที่กองทัพอากาศมีใช้งาน ส่วนระบบอาวุธของยุโรปที่สามารถติดตั้งได้ก็เช่น Meteor (เทียบเท่า AIM-120), IRIS-T (เทียบเท่า AIM-9), MICA (เทียบเท่า AIM-120) อาวุธของอิสราเอลอย่าง Python-4 (เทียบเท่า AIM-9) และ Darby (เทียบเท่า AIM-120) หรือระบบอาวุธของสวีเดนเองเช่น RBS-15 (ต่อต้านเรือรบ), Taurus KEPD 350 (ระเบิดร่อนคล้าย JSOW)


Hungarian Gripen In Kecskemét Air show


การฝึกที่ผ่านมา


นับตั้งแต่ Gripen เริ่มเข้าประจำการมานั้น ทางทอ.สวีเดนได้ส่ง Gripen เข้าร่วมการฝึกหลายครั้ง เช่น

- การฝึกกับ MiG-29 ของทอ.เยอรมันตะวันออก ในปี 1999 ซึ่ง Gripen สามารถตรวจจับ MiG-29 ได้ก่อนเนื่องจากมีเรด้าร์ที่ไกลกว่าและมีรูปร่างเล็กกว่า ทำให้ MiG-29 ตรวจจับได้ยากขึ้น แต่ไม่สามารถใช้อาวุธได้เพราะระยะไกลเกินกว่าระยะยิงของ AIM-120 (ซึ่งทำให้สวีเดนสนใจที่จะใช้ Meteor ซึ่งยุโรปกำลังพัฒนามาเป็นอาวุธหลัก โดย Gripen กำลังทดสอบ Moteor อยู่ในขณะนี้)

- การฝึกกับทอ.นอร์เวย์ ซึ่งหมู่บินของ Gripen ฝึกการต่อสู้ระยะประชิดหมู่บิน F-16 MLU ของทอ.สวีเดน ผลปรากฏว่าได้รับชัยชนะ

- การฝึกกับ F/A-18C/D ของทอ.ฟินแลนด์ โดยทางสวีเดนอ้างว่าสามารถยิง F/A-18 ตกได้ก่อนเนื่องจากตรวจจับได้ก่อน และ Gripen มีภาคตัดขวางเรด้าร์ (Rader Cross Section:RCS) ต่ำกว่า

- การฝึก Red Flag Alaska 2006 ซึ่ง Gripen เข้าร่วมกับชาตินาโต้ในภารกิจการขับไล่สกัดกั้นและการสนับสนุนทางอากาศ ผลการฝึกปรากฏว่ามีทั้งได้รับชัยชนะและถูกยิงตก


Hungarian Gripen In Kecskemét Air show


Package อาวุธเพิ่มเติม
เขียนโดยคุณ Icy_CMU


ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่าAEW&C ก่อน

AEW&C ย่อมาจาก Airborne Early Warning and Control

ซึ่งเรามักจะใช้สับสนกับ คำว่าAWACS ซึ่งย่อมาจาก Airborne Warning And Control System

2อย่างนี้ต่างกันอย่างไร พูดง่ายๆคือ AEW&C เป็นซับเซทของAWACS
AWACS มีหน้าที่ ตรวจจับ แยกแยะ ระบุประเภทของเป้าหมาย รวมถึงสั่งการ(Command) และ ควบคุม(Control) และจุดสำคัญคือ การจัดการการรบ (Battle Management)
มีอะไรที่AWACS ทำได้ แต่ AEW&Cทำไม่ได้ นั่นคือ Battle Management หรือการจัดการการรบ AEW&C ไม่สามารถบูรณาการข้อมูลจากทั้งสนามรบ เพื่อมาจัดการวางแผนการรบได้อย่างสมบูรณ์
หรือพูดง่ายๆ AEW&C มีหน้าที่ ให้ข้อมูล บอกทิศทางเป้าหมาย บอกประเภทเป้าหมาย และนำร่องเข้าสู่เป้าหมายนั้นๆ

ในลักษณะการรบของJAS39 นั้น Argus จะทำหน้าที่ ส่งข้อมูลผ่านระบบดาต้าลิงค์ มาให้บ.ที่อยู่ภาคพื้น หรือในอากาศ และทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา นำร่องเครื่องjas-39 เข้าสู่เป้าหมาย โดยที่jas-39 ไม่ต้องเปิดเรดาร์ และจะเปิดเรดาร์เมื่อจะทำการยิงอาวุธ/อัพเดทข้อมูลเป้าหมายแก่อาวุธปล่อยเท่านั้น


SAAB 340 AEW&Cหรืออีกชื่อคือ S100B Argus มีพื้นฐานจาก เครื่องบินพาณิชย์ SAAB340

ข้อมูลโดยทั่วไปของSAAB 340
ลูกเรือ: 2 นักบิน, 1 เจ้าหน้าที่การบิน
ยาว: 19.73 ม.
ปีกกาง: 21.44 ม.
สูง: 6.97 ม.
พท.ปีก: 41.8 ตร.ม.
นน.บรรทุกเต็มที่: 13,155 กก.
นน.วิ่งขึ้นสูงสุด: 13,290 กก.
เครื่องยนต์: 2× เจเนอรัลอิเล็คทริค CT7-9B เทอร์โบพร็อพ กำลัง1295 กิโลวัตต์(1,730 แรงม้า หรือ 1850 แรงม้า เมื่อเร่งกำลัง107% ) ต่อเครื่อง
ใบพัด: Dowty Rotol หรือ Hamilton Standard 4กลีบ แบบความเร็วคงที่(เส้นผ่าน ศก. 3.35ม. )
Fuel capacity: 2580 kg (5,690 lb)


ประสิทธิภาพ

ความเร็วสูงสุด: 523 กม./ชม.
ความเร็วเดินทาง: 467 กม./ชม.
พิสัยบิน: 1730กม.
เพดานบินสูงสุด: 25,000 ฟีต



Swedish Gripen with ERIEYE


ในส่วนของเรดาร์และระบบอิเล็คโทรนิคส์นั้นประกอบไปด้วย

เรดาร์ Phase Array แบบ SLAR (Side-Looking Airborne Radar หรือแปลเป็นไทยว่า เรดาร์อากาศยานมองทางข้าง )ชนิด AESA (Active Electronically Scanned Atenna หรือ เรดาร์สแกนด้วยอิเล็คโทรนิคส์แบบแอคตีฟ) รุ่น PS-890 Erieyes ของอิริคสัน ทำงานย่านความถี่ 2-4GHz (นาโต้ E/F แบนด์ หรือ อเมริกัน S-แบนด์)


ความยาวของเรดาร์ 9ม. หนัก 900กก. ใน1ระบบ ประกอบด้วยจานสายอากาศ 2จาน หันหลังชนกัน(แนะให้ดูรูปประกอบ) ในแต่ละด้านประกอบไปด้วยโมดูลตรวจจับ 200โมดูล(ใน1โมดูล มี Radar Transmitter/Reciever อย่างละ1ตัว) ซึ่งให้การครอบคลุมทางข้าง ด้านละ 120องศา (ในทางปฎิบัติแล้ว ตรวจจับได้ 360องศา แต่ องศาการรับสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือ 120องศาในแต่ละด้าน โดยมีจุดอับสัญญาณคือ 60องศาที่ด้านหัวและท้าย)

ความสามารถในการตรวจจับ สามารถตรวจจับเป้าหมายขนาดเครื่องบินขับไล่ในสภาวะสงครามอิเล็คโทรนิคส์หนาแน่นได้ที่ระยะ 350กม.+ ขึ้นอยู่กับหน้าตัดเรดาร์ หรือเป้าหมายภาคพื้น ทะเล ได้ที่ระยะ 320กม.



ระบบอิเล็คโทรนิคส์อีกอย่าง คือ ระบบพิสูจน์ฝ่าย-IFF และระบบเรดาร์เฝ้าระวังตัวที่2-Secondary Surveillance Radar และมาตรการสนับสนุนทางอิเล็คโทรนิคส์-Electronics Support Measures(ทำหน้าที่เหมือนสถานีเฝ้าระวังทางอิเล็คโทรนิคส์ ตรวจจับ และพิสูจน์ทราบบรรดาคลื่นวิทยุทั้งหลาย) ทำงานที่ย่านความถี่ 2-18GHz (นาโต้E-J แบนด์)

พร้อมด้วยระบบวิทยุและดาต้าลิงค์ แบบเข้ารหัส ย่านความถี่HF VHF UHF และดาต้าลิงค์ความเร็ว 4.8kbps ใช้ย่านความถี่VHF/UHF

อีกทั้งยังมีออปชั่น เพิ่มระบบ ESM ECM ECCM อีกด้วย

เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานนั้น มีเพียงนักบิน 2คน และช่างเทคนิค 1คน เท่านั้น โดยการควบคุมการทำงานของเรดาร์จะทำงานผ่านศูนย์ควบคุมภาคพื้น

//www.ausairpower.net/aew-aesa.html





Create Date : 18 ตุลาคม 2550
Last Update : 20 ตุลาคม 2550 23:49:40 น. 5 comments
Counter : 9943 Pageviews.

 
....เจิมอีกแระ...หน้านี้ห้ามประชาชนทั่วไปคอมเม้นท์หรือค่ะพี่


โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:20:16:18 น.  

 
ได้ซะที สงสารนักบิน F5 ตกเกือบทุกปี แค่อยากได้ F16 CD มากว่าแฮะ ถามหน่อยนะครับ F16 ร่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือรุ่นไหนครับ ใช้ ซูฟา ของ อิสลาเอล ไหมครับ


โดย: lyonheartz (lyonheartz ) วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:22:10:04 น.  

 
ง่ะ F-5 ที่ไหนตกทุกปีคะ -_-
ฟังแล้วใจแป้วหมด

++

หน้าตาดีเนาะ ...


โดย: อาซิ่ม วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:23:29:51 น.  

 
แหะ ๆ ที่ไม่ได้ปล่อยให้ทุกคนโพสได้ เพราะกลัวคนมาป่วนฮะ


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:7:50:31 น.  

 
โย เราไม่มีระเบิด 1000 ปอนด์ใช้นะ( Mk 83 ส่วน LGB ไม่แน่ใจน่าจะ GBU 11) เรามีแต่ระเบิด 500 ปอนด์(Mk 82 กับ GBU 12) กับ 2000 ปอนด์(Mk 84 กับ GBU 10)นะ......การนับน้ำหนักระเบิดเราจะใช้ ช็อตตัน(ST: Shot Ton) 1 ST ก็ระเบิด 2000 ปอนด์ นั่นแหละ ในภารกิจ AI:Air Interdiction หรือการขัดขวางทางอากาศ(โจมตีทางลึกก็ใช่) เราน่าจะคิดถึงการติดระเบิดขนาด 2000 ปอนด์ เป็นหลัก ส่วน 500 ปอนด์น่าจะใช้มากในภารกิจ BAI:Battle Field Air Interdiction หรือ ภารกิจการขัดขวางทางอากาศในพื้นที่การรบ กับ ภารกิจ CAS:Close Air Support หรือสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดนะ(AI กับ BAI จะคล้ายๆกัน ต่างกันที่แนวต่างๆนะ เอาง่ายๆคือ BAI จะกระทำต่อเป้าหมายที่ส่งผลต่อพื้นที่การรบหรือยุทธบริเวณโดยตรง เช่น ที่บังคับการของหน่วยที่มันกำลังยิงกับเราอยู่ ส่วน AI จะทำต่อเป้าหมายที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแต่จะเกี่ยวข้องทางอ้อม เช่น สนามบินข้าศึก หรือ พวกเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ส่วน CAS ก็เช่นกันมันจะต่างจาก BAI ที่แนวและสำคัญคือ CAS จะต้องมีการประสานระหว่างนักบินและกำลังภาคพื้นในยุทธบริเวณนะ).................


โดย: FW190 (FW190 ) วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:38:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Analayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




หากโลกนี้มีความยุติธรรม เราคงไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจหรอก/Skyman
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
X
X



free counters


Friends' blogs
[Add Analayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.