Bloggang.com : Analayo : Walk Around - Su-30MKM แห่งกองทัพอากาศมาเลเซีย

Walk Around - Su-30MKM แห่งกองทัพอากาศมาเลเซีย

^ ^

วันนี้ฤกษ์งามยามดี เป็นศรีเป็นสง่า เลยได้โอกาสมาทำภาคที่สองครับ จุดมุ่งหมายก็คือ เพื่อเป็นฐานข้อมูลอ้างอิงสำหรับนักบินจำลองทุกท่านครับ :D

วันนี้เชิญพบกับ Su-30MKM แห่งของทัพอากาศมาเลเซียครับ :wink:

ในปี 2003 กองทัพอากาศมาเลเซียเซ็นสัญญาสั่งซื้อ Su-30 MKM จำนวน 18 ลำจากรัสเซียมูลค่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย 1 ใน 3 มาเลเซียจ่ายเป็นน้ำมันปาล์ม และพ่วงสัญญาการส่งมนุษย์อวกาศชาวมาเลเซียขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติไปด้วย

มาเลเซียเริ่มได้รับมอบ Su-30MKM ลำแรกในปี 2007 ทำการบินเปิดตัวครั้งแรกในงานวันประกาศเอกราชปีที่ 50 ของมาเลเซีย และทำการบินแสดงสมรรถนะเป็นครั้งแรกในงาน LIMA'07 ณ เกาะลังกาวี ซึ่งเป็นที่มาของรูปชุดนี้ครับ

คาดว่าปีนี้มาเลเซียจะได้รับมอบ Su-30MKM ครบตามจำนวนที่สั่งซื้อทั้ง 18 ลำ และน่าจะประกาศความพร้อมรบได้ในปีหน้าเป็นต้นไป

Su-30MKM "Flanker-C" เป็นเครื่องบินขับไล่-โจมตีทางลึก พิสัยไกล ที่พัฒนามาจากเครื่องบินขับไล่ Su-27 ครับ โดยรุ่น MKM ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกให้มาเลเซียนั้นพัฒนามาจากรุ่น MKI ของกองทัพอากาศอินเดีย ซึ่งถือเป็น Su-30 ที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งของโลก อินเดียเลือกระบบต่าง ๆ จากผู้ผลิตทั่วโลกนำมาติดตั้งกับเครื่องบินของตนครับ ทำให้วิศวกรชาวรัสเซียต้องทำการวิจัยการบูรณาการณ์ระบบต่างค่ายเข้าด้วยกันอยู่นานพอสมควรทีเดียว ส่วนรุ่น MKM ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรุ่น MKI นั้นมาเลเซีลเลือกที่จะตัดอุปกรณ์ที่ผลิตในอิสราเอลออกด้วยเหตุผลทางการเมือง และทดแทนด้วยอุปกรณ์ของผู้ผลิตชาติอื่นเช่นแอฟริกาใต้ครับ

ตัวอย่างประเทศผู้ผลิตของระบบต่าง ๆ ใน Su-30MKM

South Africa:
- Missile Approch Warning System
- Electronic Countermeasure (Mix with Russia)
- Laser illumination Warning System
- Electronic Warfare Controller

Franch:
- Head-Up Display
- Multi-Function Display
- Inertial Navigation System
- etc.

India:
- Mission Computer

USA
- IFF
- Refueling pod

Sweden
- Electronic Support Measures

Russia:
- Radar N011 and Other parts.

ทำให้รัสเซียต้องใช้เวลาวิจัยและพัฒนาค่อนข้างนานครับ และหลังจากได้รับมอบเครื่องบินลำแรกแล้วก็ยังต้องการเวลาในการทดสอบและบูรณาการณ์ระบบอยู่อีกระยะหนึ่ง

Su-30MKM มีนักบินสองคน นักบินคนที่นั่งด้านหน้าจะทำหน้าที่บังคับอากาศยาน ส่วนนักบินด้านหลังจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานกับระบบอาวุธ (Weapon System Officer) ทั้งนี้การมีนักบิน 2 คน ก็เพื่อลดภาระการทำงานของนักบินครับ

ด้านหน้าของ Su-30MKM ทางด้านซ้ายจะมีลูกบอลซึ่งเป็นระบบ IRST (Infared Search and Track) โดยลูกบอลตัวนี้จะรับสัญญาณอินฟาเรดของเครื่องบินข้าศึกเพื่อสร้างตำแหน่งของเครื่องบินข้าศึกให้นักบินทราบ โดยนักบินไม่จำเป็นต้องเปิดเรด้าร์ ซึ่งจะทำให้ลดการถูกตรวจจับได้ของ MKM ครับ

MKM ติดตั้งเรด้าร์ N011M ของรัสเซีย ซึ่งเป็นเรด้าร์ AESA (Active Electronically Scanned Array) ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถติดตามเป้าหมายได้พร้อมกัน 15 เป้าหมาย และเข้าโจมตีได้พร้อมกัน 4 เป้าหมาย สามารถตรวจจับเป้าหมายที่มีภาคตัดขวางเรด้าร์ (Radar Cross Section:RCS) ได้ที่ระยะ 70 กม. สำหรับเป้าหมายที่มีขนาด RCS เท่ากับ 1 ตร.ม. และที่ 40 กม. สำหรับเป้าหมายที่มีขนาด RCS เท่ากับ 0.1 ตร.ม.

ด้าขวาติดท่อรับการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ ซึ่งรับการเติมเชื้อเพลิงจาก KC-130 ของมาเลเซียได้ ส่วนเสาอากาศด้านหน้า เป็นระบบพิสูจน์ฝ่าย (Identification Friend or Foe:IFF) เพื่อแยกแยะมิตรและศัตรู ทั้งนี้ แม้ว่า MKM จะเป็นเครื่องบินรัสเซีย แต่มาเลเซียก็น่าจะเลือกติดตั้งระบบ IFF ของสหรัฐ เหมือนในกรณีของ MiG-29 เพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกับเครื่องบินรุ่นอื่นของกองทัพอากาศมาเลเซียที่เป็นมาตราฐานนาโต้ได้

จุดเด่นของ Su-30 ตระกูล MKM และ MKI คือปีกคาร์นาร์ดทางด้านหน้า ซึ่งช่วยในการทำท่าทางการบินที่ยาก ๆ และเพิ่มสมรรถนะทางการบินครับ ซึ่งจะแตกต่างจาก Su-30 หรือ Su-27 รุ่นอื่น ๆ ที่ไม่มีปีกคาร์นาร์ดใช้งาน นอกนั้นจะต้องเป็น Su-35 ไปเลยครับที่จะมีปีกคาร์นาร์ดใช้งาน (Su-37 Terminator ไม่นับเพราะว่าเป็นเครื่องต้นแบบครับผม :D )

MKM ใช้เครื่องยนต์ AL-31FP 2 เครื่อง ให้แรงขับราว 33,000 ปอนด์ โดยสามารถปรับทิศทางท่อไอพ่นได้ (Thrust Vectoring Control:TVC) ในแนวขึ้น-ลง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบิน

นอกจากนั้น MKM ยังติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิค ระบบแจ้งเตือนการเข้าหาของอาวุธปล่อย ระบบแจ้งเตือนการถูกตรวจจับจากเลเซอร์ ระบบนำร่องด้วยอิฟราเรด ระบบชี้เป้าด้วยเลเซอร์ รุ่นล่าสุดจากผู้ผลิตในประเทศต่าง ๆ ทั้งฝรั่งเศส รัสเซีย แอฟริกาใต้ ฯลฯ

มาเลเซียจัดหาอาวุธที่จะมาติดตั้งกับ MKM ดังนี้

อากาศสู่อากาศ

- จรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางแบบ Active Radar รุ่น R-77 (เทียบเท่า AIM-120C)
- จรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางแบบ Semi-Active Radar รุ่น R-27R1 (เทียบเท่า AIM-7)
- จรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้แบบ R-73E (เทียบเท่า AIM-9X)

อากาศสู่พื้น
- จรวดนำวิถีด้วยกล้องทีวี Kh-29T/TE (เทียบเท่า AGM-65D)
- จรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์ Kh-29L (เทียบเท่า AGM-65E)
- จรวดนำวิถีต่อต้านเรือรบ Kh-31A (เทียบเท่า AGM-84 Harpoon)
- จรวดนำวิถีต่อต้านการแพร่คลื่นเรด้าร์ Kh-31P (เทียบเท่า AGM-88 HARM)
- จรวดนำวิถีด้วยกล้องทีวีพิสัยไกล Kh-59ME เทียบเท่า AGM-130)
- ระเบิดนำวิถีด้วยกล้องทีวี KAB-500KR ขนาด 500 กก. (คล้าย GBU-15)
- ระเบิดนำวิถีด้วยกล้องทีวี KAB-500KR ขนาด 1500 กก. (คล้าย GBU-15)
- ระเบิดอนกประสงค์ OFAB ขนาด 100 กก. - 250 กก. (เทียบเท่า Mk.82 - 83)
- ระเบิดอนกประสงค์ FAB ขนาด 500 กก. (เทียบเท่า Mk.84)

ปัจจุบัน Su-30MKM ประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ Gong Kedak ในโรงเก็บติดเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิเอาไว้ที่ 20 องศาเซลเซียสเพื่อป้องกันเครื่องบินจากความชื้นของอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกองทัพอากาศมาเลเซียลงทุนกับฐานทัพอากาศ Gong Kedak ราว 100 ล้านเหรียญ (1 USD = 3.24 RM) ในการก่อสร้างอุปกรณ์สนับสนุน โรงเก็บเครื่องบิน และปรับปรุงโรงเก็บเพื่อให้ทนต่อการโจมตีจากระเบิดได้ นอกจากนั้นยังปลูกต้นไว้ในด้านบนเพื่อซ่อนพรางจากการตรวจการณ์ของข้าศึก

สำหรับทะเบียนของ Su-30MKM ในกองทัพอากาศมาเลเซียนั้นจะเป็น M52-XX โดย XX แทนด้วยตัวเลขตั้งแต่ 01 - 18 ตามจำนวนเครื่องที่ได้รับครับ

อ่านเพิ่มเติม

"มันมาแล้ว!!!...เอ้ย....ยินดีต้อนรับ "Su-30 MKM" สุดยอดเครื่องบินรบในอาเซียนของ "ทอ.มาเลเซีย""

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=28-05-2007&group=1&gblog=50

"แอบดูฐานทัพอากาศ Gong Kedak; บ้านของ Su-30MKM ของมาเลเซีย"

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=23-06-2008&group=3&gblog=106

สำหรับวันนี้จบเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่าน สวัสดีครับ ^ ^

Create Date : 06 ธันวาคม 2551

Last Update : 7 ธันวาคม 2551 15:09:43 น.

26 comments

Counter : 6098 Pageviews.

เจิม ๆๆๆๆ

^^

โดย: น้าหนูนีล_น้องขวัญ

วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:21:55:29 น.

โดย: Skyman (Analayo

) วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:22:07:47 น.

|
|
V

โดย: MeMoM

วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:22:18:14 น.

สวัสดีครับ ผมขอถามนิดนึงนะครั "MKM ติดตั้งเรด้าร์ N011M ของรัสเซีย ซึ่งเป็นเรด้าร์ AESA (Active Electronically Scanned Array) ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถติดตามเป้าหมายได้พร้อมกัน 15 เป้าหมาย และเข้าโจมตีได้พร้อมกัน 4 เป้าหมาย สามารถตรวจจับเป้าหมายที่มีภาคตัดขวางเรด้าร์ (Radar Cross Section:RCS) ได้ที่ระยะ 70 กม. สำหรับเป้าหมายที่มีขนาด RCS เท่ากับ 1 ตร.ม. และที่ 40 กม. สำหรับเป้าหมายที่มีขนาด RCS เท่ากับ 0.1 ตร.ม.." แล้วอ้างถึง RCS ของกริพเป้นที่พี่ลงไว้ใน Thaiflightsimว่า " RCS ของ JAS39 = 0.5 m2" แสดงว่า Su ของมาเลจะสามารถเห็นกริพเป้นของเราได้ระยะ น้อยกว่า 40 กม.ไหมครับ ถ้าเป็นแบบนี้จริง กริพเป้นเราก็จะสามารถมองเห็นและยิง Su ร่วงได้ก่อนใช่ไหมครับผม ขอบคุณครับ

โดย: BassBigGun (BassBigGun

) วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:23:20:40 น.

ลูกชอบมากเลยค่ะ
ดูสง่างามดีแท้

โดย: ยายกุ๊กไ่ก่

วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:23:38:32 น.

--- เห็นเจ้านี่ของ มาเลย์ แล้วอิจฉานะครับ ประเทศเรา คงไม่มีโอกาสใช้เครื่องบินประสิทธิภาพระดับนี้

เจ้าตัวนี้ นอกจาก Raptor และ Typhoon แล้วคงหาใครกินเค้ายากจริงๆ

ไว้เสี่ยโย เป็น รมต.เมื่อไหร่ ค่อยว่ากันใหม่

โดย: myth

วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:23:46:38 น.

ที่ทำงานพี่นอกจากจะคัดหน้าตาแล้วคัดน้ำหนักด้วยนะ

ตามมาดู

นางแบบจำเป็น(อวบ)

โดย: จูหน่านพ

วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:11:09:40 น.

คุณ BassBigGun ครับ ถ้า เครื่องบิน Jas-39 มี RCS 0.5m2 จะถูกตรวจพบที่ระยะไม่เกิน 70 กม. ครับ แต่ RCS นี้็เป็นแบบตัวเปล่านะครับ ถ้าแบกอาวุธ หรือถังน้ำมัน RCS ก็ต้องเพิ่มขึ้นไปอีกครับ ผิดถูกยังไงพี่โยแก้ให้ทีนะครับ

โดย: sherlork (prasopchai

) วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:11:23:10 น.

เข้ามาอ่าน..

โดย: คนบ้านสามขา101ฯ.

วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:13:37:52 น.

เรียนคุณ BassBigGun #4

ตามหลักการแล้วจะเป็นเช่นนั้นครับ เหมือนที่คุณ sherlork บอกเช่นกัน ..... ระบบทุกอย่างของ MKM นั้นดีมาก แต่ข้อเสียสำคัญของ MKM คือเรื่อง RCS นี่ล่ะครับ เพราะถ้าข้อมูลไม่ผิด MKM มี RCS ถึงเกือบ 2 ตารางเมตร ถือว่าใหญ่มากเลยครับ ..... Gripen ตั้งใจที่จะออกแบบให้มี RCS ที่เล็กเนื่องจากจุดประสงค์หลักคือต้องรับมือกับเครื่องบินรัสเซียที่มี RCS ใหญ่ ..... มีข้อมูลมาหลายครั้งเหมือนกันครับว่า Gripen ยิง F/A-18C/D ของฟินแลนด์ตกได้ก่อนในการซ้อมเพราะ RCS เล็กกว่าจน F/A-18C/D ตรวจจับได้ในระยะใกล้ เช่นเดียวกับที่สามารถตรวจจับ MiG-29 ของเยอรมันตะวันออกเก่าได้ก่อน แต่อาวุธปล่อยนั้นมีพิสัยสั้นกว่าจึงทำลายไม่ได้

แต่อยากเรียนนิดนึงว่าข้อมูลเรื่องค่า RCS กับระยะตรวจจับตรงนี้เป็นข้อมูลที่ยันยืนความถูกต้องไม่ได้ 100% นะครับ เพราะข้อมูลมันค่อนข้างเป็นข้อมูลที่อยู่ในชั้นความลับพอสมควร ระบบจริงอาจจะแตกต่างจากนี้บ้าง แต่ก็น่าจะพอเห็นภาพครับ

คุณ myth

ถึงเสี่ยเป็นรมต.กลาโหมก็ลำบากล่ะครับ เครื่องบินมันแพงซะขนาดนั้น

โดย: Skyman (Analayo

) วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:13:55:23 น.

ขอบคุณมากๆครับผมทั้งพี่ Sherlorkกับพี่ Skyman ครับ ผมเองเห็นข้อมูลก็เลยเอามาคิดเล่นๆดูน่ะครับ แบบว่าเข้าข้างเจ้ากริพเป้นเราเองรับอิอิ แต่ก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลนะครับอิอิ ขอบคุณอีกครั้งครับ แล้วจะติดตามงานพี่ Skyman ต่อไปครับผม

โดย: BassBigGun (BassBigGun

) วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:22:06:28 น.