•  Bloggang.com
  • ธันวาคม 2567

    1
    2
    3
    4
    5
    7
    8
    9
    10
    11
    12
    13
    14
    15
    16
    17
    18
    19
    20
    21
    22
    23
    24
    25
    26
    27
    28
    29
    30
    31
     
     
    All Blog
    รีวิวหนังสือ "ถ้าฉันตายน้องแมวจะหม่ำลูกตาฉันไหมนะ" (Will MyCat Eat My Eyeballs) โดย Caitlin Doughty
    ไม่ได้มาอัพบล็อกเสียนานเพราะไม่ค่อยมีเล่ม Non-Fiction ที่อ่านจบสักเท่าไหร่ ส่วนมากตอดอ่านวันละตอนสองตอน แต่ก็มีเล่ามนี้แหละ ข้ามมันทุกคิว ตะลุยอ่านจนจบแล้วรีบหยิบมาเล่าให้ฟังก่อนเลยค่ะ

    นี่คือรายละเอียดของหนังสือเล่มนี้
     

    ผู้แต่ง : Caitlin Doughty
    ผู้แปล : ปิยะกัลย์ สินประเสริฐ
    สนพ : Galapagos

    คำโปรย
    เราทำให้ความตายเป็นเรื่องสนุกไม่ได้ แต่เราทำให้การเรียนรู้เรื่องความตายเป็นเรื่องสนุกได้นะ

    รวม 34 คำถามเรื่องความตายจากเหล่าเยาวชนซนปัญญา ตอบโดยพี่สาวสัปเหร่อใจดี ผู้รอบรู้และรุ่มรวยอารมณ์ขัน

    ด้วยภาษาง่าย ๆ เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี 
    "ถ้าฉันตาย น้องแมวจะหม่ำลูกตาฉันไหมนะ?" จะพาคุณไปเปิดโลกความตายอย่างสนุกสนาน และอาจทำให้ความตายกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวน้อยลง

    -------------------------------------------------


    ตามที่บอกไป ส่วนมากจะไปรีวิวหนังสือในเพจนิยาย แต่พวกสารคดีจะนำมาใส่ในบล็อก แต่คิดไปคิดมาก็ลงมันสองที่เลยแล้วกันนะ

    นี่ไม่ใช่เล่มแรกที่เคยอ่านของคนเขียนคนนี้ คุณ Caitlin เป็น อืมม...สัปเหร่อ น่ะค่ะ แต่ว่าการทำศพในเมกากับในเมืองไทยอาจจะคนละแบบ ไม่ได้เป็นเมรุในวัด แต่เป็นโรงเผาศพ เรียกสวยๆ หน่อยก็ฌาปณสถาน คนเขียนเคยเป็นสัปเหร่อที่ทำงานในนั้นมาก่อน เธอเคยเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวและความสนใจเกี่ยวกับความตายว่าเป็นมาอย่างไร มาเป็นสัปเหร่อได้อย่างไร สามารถอ่านได้ที่เรื่อง "ศพ ความจริงสั้นๆ หลังความตาย" (Smoke Gets in Your Eyes) ส่วนตัวเคยมีรีวิวไว้ที่บล็อกนะคะ

    รีวิวหนังสือ "ศพ ความจริงสั้นๆ หลังความตาย" (Smoke Gets in Your Eyes) โดย Caitlin Doughty

    จากเล่มนั้นถึงเล่มนี้ ดูเหมือนคนเขียนจะมีฌาปณสถานของตัวเอง และดังขึ้นกว่าเดิมมาก เธอเป็นคนนำเทรนด์กับคอนเทนต์ที่ให้มุมมองเรื่องความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติที่สามารถนำมาพูดคุยถกเถียงได้ ไม่ใช่หัวข้อต้องห้ามที่อยากจะหยิบมันไปแอบไว้ใต้พรมอะไรแบบนั้น
    เล่มนี้เธอจึงรวบรวมคำถามจากเด็กๆ ที่ทั้งน่าสนใจทั้งฮาร์ดคอร์เกินกว่าผู้ใหญ่จะถาม (แต่พวกเขาอยากรู้จริงๆ นะ) และที่ชอบสำหรับเล่มนี้คือ คนเขียนพยายามตอบ พยายามหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามที่ได้รับอย่างจริงจัง

    ในบางเรื่องเกี่ยวพันกับศาสตร์อื่นด้วย คนเขียนถนัดในอาชีพของตน แต่เมื่อมีเรื่องอื่นเข้ามาด้วย เช่น

    "ถ้านักบินอวกาศตายในอวกาศจะเป็นยังไงนะ"

    แปลว่าจะต้องรู้เรื่อง "ความตาย" และต้องรู้เรื่อง "อวกาศ" ด้วย จึงจะสามารถตอบคำถามนี้ได้ ด้านหลังเล่มจะมีแหล่งอ้างอิงที่คนเขียนใส่ไว้ให้ ถ้าสนใจเรื่องไหนเพิ่มเติมสามารถเข้าไปหาอ่านเพิ่มเติมได้

    โดยส่วนตัว ถือเป็นหนังสือที่อ่านได้ไม่ยาก เพราะคนเขียนต้องการให้เด็กเข้าใจ และคนแปลก็พยายามแปลโดยใช้ภาษาพูดให้เข้าถึงได้ง่าย (น่าจะคงอารมณ์ของต้นฉบับไว้ แต่อันนี้เดานะคะ  ยังไม่ได้ไปเปรียบเทียบกับต้นฉบับ และคงไม่ทำด้วย ขี้เกียจอ่านภาษาอังกฤษ ^^") เป็น Non-Fiction ที่ย่อยง่ายค่ะ

    ถ้าเราไม่พูดถึงศพและความตายในแง่มุมที่ทำให้ใจเสีย คำถามหลายๆ อย่างของเด็กๆ เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นจริงๆ นะคะ เราคิดว่าขออนุญาตยกตัวอย่างหัวข้อที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้นะคะว่ามีคำถามอะไรบ้าง ทั้งหมด 34 คำถาม ขอดึงมาส่วนหนึ่งค่ะ

    - ถ้าฉันตาย น้องแมวจะหม่ำลูกตาฉันไหมนะ (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหนังสือ)

    - ถ้าตอนตายฉันทำหน้าตลก มันจะแข็งค้างอยู่อย่างนั้นตลอดไปไหมนะ

    - ถ้าเราเกิดกลืนเมล็ดป๊อปคอร์นเข้าไปทั้งถุงก่อนตาย ตอนเผาศพจะเป็นยังไงนะ

    - ถ้าฉันตายบนเครื่องบิน จะเกิดอะไรขึ้น

    - คนตายบริจาคเลือดได้ไหมนะ

    ฯลฯ

    เหมือนเป็นคำถามที่เชื่อว่าหลายคนคงสงสัย (ทั้งเด็กและผู้ใหญ่) นั่นคือ หลังเราตาย เขาจะทำยังไงกับร่างของเราต่อ หรือว่าร่างของเราจะเกิดกระบวนการยังไง งานของคนที่จัดการร่างของเรา พวกเขาทำอะไรอย่างไรบ้าง มีขั้นตอนแบบไหนเหรอ ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีใครมาบอกมาเล่าให้ฟังโต้งๆ หรอกค่ะ เพราะแต่ละคนล้วนแต่อยากหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึง

    เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องแรกของสำนักพิมพ์นี้ โปรดักชั่นของการทำหนังสือน่าประทับใจนะคะ ถ้าใครที่เป็นสาย Non-Fiction จะเข้าใจความบัดซบของรูปเล่มที่ไม่ค่อย Reader-Friendly สักเท่าไหร่ เราเป็นนักอ่านสายนี้มายาวนานหลายสิบปี มองสำนักพิมพ์เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปมากมาย  ถ้าจะให้หนังสืออยู่ได้ สนพ บางครั้งจะต้องบีบอัดตัวหนังสือ ตั้งค่าหน้ากระดาษ หรือใดๆ ที่จะทำให้หนังสือลดขนาดลงให้ได้

    เล่มนี้ก็พอมีร่องรอยของสิ่งนั้นอยู่บ้าง แต่โดยรวมเราว่าเนียนนะคะ กลบสิ่งที่เรารู้สึกต่อหนังสือ Non-Fiction บางเล่มไปได้ แม้ตัวหนังสือค่อนข้างเล็ก แต่เราขอชมเรื่องการเลือกฟอนต์นะคะ ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กแต่พอใช้ฟอนต์ที่ทำให้ช่องไฟระหว่างตัวหนังสือห่างออกมาหน่อย ทำให้สามารถกวาดสายตาและจับตัวอักษรได้โดยไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องลายตา (เป็นสิ่งสำคัญของคนอายุเริ่มมากและมีปัญหาสายตาแบบเรา)

    อ้อ ภาพประกอบน้องแมวดูน่ารักดีค่ะ เป็นแมวหน้าง่วงๆ ดูกลมๆ (เหมือนแมวต้นฉบับจะตาแหลมๆ ดูนาง Sassy กว่า)

    รีวิวเผื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ



    Create Date : 06 ธันวาคม 2567
    Last Update : 6 ธันวาคม 2567 22:25:33 น.
    Counter : 291 Pageviews.

    0 comments

    ผู้โหวตบล็อกนี้...
    คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว

    ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
    Comment :
     *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
     

    peiNing
    Location :
    กรุงเทพ  Thailand

    [ดู Profile ทั้งหมด]
     ฝากข้อความหลังไมค์
     Rss Feed
     Smember
     ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



    เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T)

    ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)

    FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ

    FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ