Group Blog All Blog
|
เปิดถุงหนังสือ (รอบแรก) ของสัปดาห์หนังสือต.ค.2557 ค่ะ พักหลังๆ แทบไม่ได้อ่านหนังสือเท่าไรแล้วค่ะ หรือถ้าจะอ่านก็จะไปซื้อที่ร้านหนังสือมากกว่า ขี้เกียจไปเบียดคนเยอะๆ เพราะเราไม่ได้ซื้อมหาศาลเหมือนสมัยก่อนอีก ดังนั้นเรื่องที่จะไปซื้อ มักจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้เห็นตามร้านหนังสือทั่วไปนัก (หรือไม่ก็มี แต่เดินทางดั้นด้นไปค่อนข้างลำบาก) ครั้งนี้ซื้อแค่ 4 เล่มก่อน แค่นี้ก็หนักตึ้บแล้ว แบกกลับกันสนุกสนาน อ้อ! ไม่รู้ว่าเคยบอกหรือเปล่า หลายๆ ครั้งที่หนิงรีวิวนิยายบ้าง หรือช่วยวิจารณ์นิยายบ้าง เลยดูเหมือนเป็นมนุษย์ที่นิยมนิยาย แต่จริงๆ แล้วหนิงนิยม non-fiction นะคะ เมื่อไรที่อ่าน fiction คือจะเป็นเรื่องที่เจ๊รุ้งหรือเพื่อนเชียร์ว่ามันเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่อีกประเภทก็คือ เป็น fiction น้ำเน่าสุดๆ ไปเลย พล็อตเรื่องลอยละล่อง อ่านแล้วไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น แล้วเอ็นจอยกับความไม่เนียนของมัน (ใจร้ายเนาะ) เอาเป็นว่า ถ้าหนิงเปิดถุงหนังสือ จะแตกต่างจากเจ๊รุ้งตรงที่ จะมี non-fiction เยอะหน่อยค่ะ ปล. เราสองคนพี่น้อง เวลาจะจมอะไร เราก็จะบ้าในเรื่องนั้นเป็นพักๆ เพียงแต่เจ๊จะออกแนว fiction และ story มากกว่า ส่วนหนิงจะอยู่จมในเรื่องศาสตร์และความรู้เรื่องนั้นๆ ในสไตล์ non-fiction เท่านั้นเอง เล่มแรก "The Complete Human Body" ของ DK Book ![]() เล่มนี้เป็นสารานุกรมที่ค่อนข้างละเอียด เล่มหนาสะใจ (เดินจากงานหนังสือตัวเอียงได้ถ้าถือข้างเดียว) รวมเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ ตั้งแต่ระบบอวัยวะภายใน รวมทั้งกล้ามเนื้อต่างๆ กระดาษอาร์ตสีทั้งเล่ม สวยงาม ใช้เป็นหนังสืออ้างอิงได้ดีในระดับหนึ่งทีเดียวค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่หนิงสนใจในเรื่องระบบร่างกาย และนิติวิทยาศาสตร์ค่ะ เลยจะมี non-fiction ประเภทนี้เยอะ เล่ม 2 "Science" ของ DK Book ![]() ที่จริงเล่มนี้ออกแนวเก่าอยู่ นั่นคือพิมพ์ปี 2009 และ Edit อีกรอบตอน 2012 ในร้านมีที่ใหม่กว่านี้ค่ะ พิมพ์ปี 2014 เลย เพียงแต่เนื้อหาการลำดับเรื่อง หนิงชอบเล่มนี้มากกว่า ก็เลยจัดการสอยมาโลด บางทีเป็นเพราะเรียนภาษามาตลอด ก็เลยไม่ค่อยได้ข้องแวะกับหมวดวิทยาศาสตร์สักเท่าไรทั้งที่มันก็สนุกดี แต่มองในมุมกลับกัน เพราะเรียนภาษามานี่แหละ ทำให้สามารถหาหนังสือให้ความรู้ต่างๆ ได้ดังใจโดยไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารเลย ข้อดีข้อเสียต่างกันน่ะนะ เล่มนี้ส่วนมากจะยึดเส้นเวลาเป็นหลักว่าความรู้ไหนเกิดในช่วงศตวรรษไหน ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบทฤษฎีต่างๆ ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และการคำนวณ สนุกดีเหมือนกันนะคะ ภาพก็สวยด้วย ชอบค่ะ เล่ม 3 "เมนูคนบาป" หรือ "Mangez-le si vous voulez" (Eat it if you want) โดย Jean Teule ![]() ไม่เคยอ่าน แล้วก็ไม่เคยรู้เรื่องย่อด้วย เพิ่งอ่านเอาจากปกหลังนี่แหละ แต่เรื่องของเรื่องที่ซื้อมาเป็นเพราะชอบ "ร้านชำสำหรับคนอยากตาย" หรือ "Le Magasin des Suicides" เป็นหนังสือเสียดสีสังคมสัญชาติฝรั่งเศส (ซึ่งสั่งหนังสือฉบับภาษาฝรั่งเศสมาเรียบร้อย ชอบจนอยากอ่านเวอร์ชั่น original อ่ะ ไม่ได้อ่านฝรั่งเศสมานาน หยิบภาษามาปัดฝุ่นก็ดี) เรื่องนี้ก็เลยคิดว่าจะได้เจออะไรแสบสีข้างคันๆ อีก แต่ก็ไม่แน่เพราะยังไม่ได้อ่านเลย ถ้ามีอะไรน่าสนใจจะเก็บมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ) เล่ม 4 "สุดที่รักผู้มั่งคั่ง" หรือ "The Great Gatsby" โดย F.Scott Fitzgerald ![]() เพิ่งเห็นชื่อภาษาไทยนี่แหละ ชินกับชื่ออังกฤษมากกว่า "The Great Gatsby" เป็นเรื่องที่ได้ยินชื่อมาช้านาน เป็นคลาสสิคแบบที่อยากซื้อมาเก็บไว้ และคิดว่าน่าจะได้อ่านแหละ (เทียบกับ "Son and Lover" ก็ยังไม่ค่อยอยากหยิบขึ้นมา) เปิดผ่านๆ เห็นเขาใช้มุมมองแล้ว ก็น่าสนใจแฮะ แต่ขี้เกียจอ่านภาษาอังกฤษ (ก็มีอยู่แหละ) อยากอ่านผ่านๆ ไปก่อน เว้นแต่ว่าชอบมาก คงกลับไปอ่านภาษาอังกฤษอีกทีค่ะ เปิดถุงได้มา 4 เล่ม แต่ตังค์โบยบินไปเรียบร้อยแล้ว ที่จริงยังเหลือประวัติศาสตร์ศิลปะอีกเล่มหนึ่งที่ยังไม่ได้ไปสอย เพราะหนักเกิน แบกไม่ไหว งานหนังสืองวดนี้ยังเหลืออีก 2 โซนใหญ่ๆ ที่ยังไม่ได้เดิน ลองดูต่อไปว่าจะมีเขียนบล็อกเปิดถุงรอบ 2 อีกหรือเปล่า "เมนูคนบาป" นี่จดจ้ๆองๆอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาเพราะเกินงบไปแล้ว
![]() โดย: ปีศาจความฝัน
![]() ![]() คุณ lovereason -- ทีดูไม่เหมือนใครเพราะอย่างที่บอกค่ะ บางเล่มที่มันหาได้ทั่วไปมักจะไปซื้อเอาจากร้านหนังสือเลย แต่ถ้าไปงานหนังสือก็จะได้เล่มที่ดูแปลกตาอยู่สักหน่อยค่ะ
คุณปีศาจความฝัน -- หนิงก็จ้องๆ อยู่เหมือนกันตั้งแต่งานคราวที่แล้ว มางวดนี้ก็ได้สอยมาเรียบร้อยค่ะ ^^ คุณ BabyInk -- ลองสอยมาอ่านดูก็ได้นะคะ "เมนูคนบาป" นี่อาศัยชอบเรื่องคนเขียนเลยซื้อมาลอง อาจจะโอหรือไม่โอก็ไม่รู้จิ เพราะยังไม่ได้อ่าน แต่ "The Great Gasby" นี่ออกแนวคลาสสิคค่ะ นับว่ามันสิ่งการันตีถึงความดีงามของมันอยู่ ก็น่าจะโอเคเหมือนกัน โดย: peiNing
![]() สวัสดีค่าคุณหนิง...
เคยอ่านเล่มสุดท้ายค่ะ เป็นหนังสืออ่านประกอบสมัยเรียน ชื่อไทยฟังดูเกาหลีจัง แหะ ๆ ไม่ทราบใครแปลคะ อยู่ตจว. ไม่ได้เดินงานหนังสือมาหลายชาติแล้วค่ะ คิดถึงบรรยากาศนะคะ แต่มาคิดอีกทีก็...อ่านไอ้ที่กอง ๆ อยู่ตรงหน้านี้ให้หมดเสียก่อนเถอะ ![]() โดย: แม่ไก่
![]() คุณแม่ไก่ -- เล่มสุดท้ายดูเหมือนเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาฝรั่งด้วยนะคะ แต่ของไทยนี่เพิ่งรู้นะเนี่ย
ตอนนี้ซื้อหนังสือน้อยลงแล้วค่ะ ตอนเด็กจะคงคอนเซ็ปต์ว่า "หนังสือในปีนี้คือกองดองในปีหน้า" มาหลายปี พอโตก็คิดว่าค่อยๆ ซื้อละกัน อยากอ่านค่อยซื้อเอาค่ะ ![]() โดย: peiNing
![]() |
peiNing
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T) ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)
FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ
FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ
|
หนังสือไม่เหมือนใครเลยนะคะ
น่าจะมีอะไรน่าสนใจดีจังค่ะ
เล่มสามน่าอ่าน
ไม่มีโอกาสไปค่ะ เสียดายมากๆเลย
ได้แต่ตามอ่าน+ดูรูปของเพื่อนๆ
ขอบคุณมากๆนะคะ