ตุลาคม 2557

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เปิดถุงหนังสือ (รอบแรก) ของสัปดาห์หนังสือต.ค.2557 ค่ะ
พักหลังๆ แทบไม่ได้อ่านหนังสือเท่าไรแล้วค่ะ หรือถ้าจะอ่านก็จะไปซื้อที่ร้านหนังสือมากกว่า ขี้เกียจไปเบียดคนเยอะๆ เพราะเราไม่ได้ซื้อมหาศาลเหมือนสมัยก่อนอีก ดังนั้นเรื่องที่จะไปซื้อ มักจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้เห็นตามร้านหนังสือทั่วไปนัก (หรือไม่ก็มี แต่เดินทางดั้นด้นไปค่อนข้างลำบาก)

ครั้งนี้ซื้อแค่ 4 เล่มก่อน แค่นี้ก็หนักตึ้บแล้ว แบกกลับกันสนุกสนาน

อ้อ! ไม่รู้ว่าเคยบอกหรือเปล่า หลายๆ ครั้งที่หนิงรีวิวนิยายบ้าง หรือช่วยวิจารณ์นิยายบ้าง เลยดูเหมือนเป็นมนุษย์ที่นิยมนิยาย แต่จริงๆ แล้วหนิงนิยม non-fiction นะคะ

เมื่อไรที่อ่าน fiction คือจะเป็นเรื่องที่เจ๊รุ้งหรือเพื่อนเชียร์ว่ามันเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่อีกประเภทก็คือ เป็น fiction น้ำเน่าสุดๆ ไปเลย พล็อตเรื่องลอยละล่อง อ่านแล้วไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น แล้วเอ็นจอยกับความไม่เนียนของมัน (ใจร้ายเนาะ)

เอาเป็นว่า ถ้าหนิงเปิดถุงหนังสือ จะแตกต่างจากเจ๊รุ้งตรงที่ จะมี non-fiction เยอะหน่อยค่ะ

ปล. เราสองคนพี่น้อง เวลาจะจมอะไร เราก็จะบ้าในเรื่องนั้นเป็นพักๆ เพียงแต่เจ๊จะออกแนว fiction และ story มากกว่า ส่วนหนิงจะอยู่จมในเรื่องศาสตร์และความรู้เรื่องนั้นๆ ในสไตล์ non-fiction เท่านั้นเอง

เล่มแรก

"The Complete Human Body" ของ DK Book



เล่มนี้เป็นสารานุกรมที่ค่อนข้างละเอียด เล่มหนาสะใจ (เดินจากงานหนังสือตัวเอียงได้ถ้าถือข้างเดียว) รวมเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ ตั้งแต่ระบบอวัยวะภายใน รวมทั้งกล้ามเนื้อต่างๆ กระดาษอาร์ตสีทั้งเล่ม สวยงาม ใช้เป็นหนังสืออ้างอิงได้ดีในระดับหนึ่งทีเดียวค่ะ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่หนิงสนใจในเรื่องระบบร่างกาย และนิติวิทยาศาสตร์ค่ะ เลยจะมี non-fiction ประเภทนี้เยอะ

เล่ม 2

"Science" ของ DK Book



ที่จริงเล่มนี้ออกแนวเก่าอยู่ นั่นคือพิมพ์ปี 2009 และ Edit อีกรอบตอน 2012 ในร้านมีที่ใหม่กว่านี้ค่ะ พิมพ์ปี 2014 เลย เพียงแต่เนื้อหาการลำดับเรื่อง หนิงชอบเล่มนี้มากกว่า ก็เลยจัดการสอยมาโลด

บางทีเป็นเพราะเรียนภาษามาตลอด ก็เลยไม่ค่อยได้ข้องแวะกับหมวดวิทยาศาสตร์สักเท่าไรทั้งที่มันก็สนุกดี แต่มองในมุมกลับกัน เพราะเรียนภาษามานี่แหละ ทำให้สามารถหาหนังสือให้ความรู้ต่างๆ ได้ดังใจโดยไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารเลย ข้อดีข้อเสียต่างกันน่ะนะ

เล่มนี้ส่วนมากจะยึดเส้นเวลาเป็นหลักว่าความรู้ไหนเกิดในช่วงศตวรรษไหน ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบทฤษฎีต่างๆ ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และการคำนวณ สนุกดีเหมือนกันนะคะ ภาพก็สวยด้วย ชอบค่ะ

เล่ม 3 

"เมนูคนบาป" หรือ "Mangez-le si vous voulez" (Eat it if you want) โดย Jean Teule 



ไม่เคยอ่าน แล้วก็ไม่เคยรู้เรื่องย่อด้วย เพิ่งอ่านเอาจากปกหลังนี่แหละ แต่เรื่องของเรื่องที่ซื้อมาเป็นเพราะชอบ "ร้านชำสำหรับคนอยากตาย" หรือ "Le Magasin des Suicides" เป็นหนังสือเสียดสีสังคมสัญชาติฝรั่งเศส (ซึ่งสั่งหนังสือฉบับภาษาฝรั่งเศสมาเรียบร้อย ชอบจนอยากอ่านเวอร์ชั่น original อ่ะ ไม่ได้อ่านฝรั่งเศสมานาน หยิบภาษามาปัดฝุ่นก็ดี)

เรื่องนี้ก็เลยคิดว่าจะได้เจออะไรแสบสีข้างคันๆ อีก แต่ก็ไม่แน่เพราะยังไม่ได้อ่านเลย ถ้ามีอะไรน่าสนใจจะเก็บมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ)

เล่ม 4

"สุดที่รักผู้มั่งคั่ง" หรือ "The Great Gatsby" โดย F.Scott Fitzgerald



เพิ่งเห็นชื่อภาษาไทยนี่แหละ ชินกับชื่ออังกฤษมากกว่า 

"The Great Gatsby" เป็นเรื่องที่ได้ยินชื่อมาช้านาน เป็นคลาสสิคแบบที่อยากซื้อมาเก็บไว้ และคิดว่าน่าจะได้อ่านแหละ (เทียบกับ "Son and Lover" ก็ยังไม่ค่อยอยากหยิบขึ้นมา) เปิดผ่านๆ เห็นเขาใช้มุมมองแล้ว ก็น่าสนใจแฮะ แต่ขี้เกียจอ่านภาษาอังกฤษ (ก็มีอยู่แหละ) 

อยากอ่านผ่านๆ ไปก่อน เว้นแต่ว่าชอบมาก คงกลับไปอ่านภาษาอังกฤษอีกทีค่ะ

เปิดถุงได้มา 4 เล่ม แต่ตังค์โบยบินไปเรียบร้อยแล้ว ที่จริงยังเหลือประวัติศาสตร์ศิลปะอีกเล่มหนึ่งที่ยังไม่ได้ไปสอย เพราะหนักเกิน แบกไม่ไหว งานหนังสืองวดนี้ยังเหลืออีก 2 โซนใหญ่ๆ ที่ยังไม่ได้เดิน ลองดูต่อไปว่าจะมีเขียนบล็อกเปิดถุงรอบ 2 อีกหรือเปล่า




Create Date : 16 ตุลาคม 2557
Last Update : 18 ตุลาคม 2557 23:15:28 น.
Counter : 2800 Pageviews.

6 comments
  
สวัสดีค่า คุณหนิง ^^
หนังสือไม่เหมือนใครเลยนะคะ
น่าจะมีอะไรน่าสนใจดีจังค่ะ
เล่มสามน่าอ่าน

ไม่มีโอกาสไปค่ะ เสียดายมากๆเลย
ได้แต่ตามอ่าน+ดูรูปของเพื่อนๆ

ขอบคุณมากๆนะคะ

โดย: lovereason วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:22:30:35 น.
  
"เมนูคนบาป" นี่จดจ้ๆองๆอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาเพราะเกินงบไปแล้ว
โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:18:54:03 น.
  
เมนูคนบาป กับ The Great Gasby น่าสนใจมากค่ะ
โดย: BabyInk วันที่: 17 ตุลาคม 2557 เวลา:21:55:31 น.
  
คุณ lovereason -- ทีดูไม่เหมือนใครเพราะอย่างที่บอกค่ะ บางเล่มที่มันหาได้ทั่วไปมักจะไปซื้อเอาจากร้านหนังสือเลย แต่ถ้าไปงานหนังสือก็จะได้เล่มที่ดูแปลกตาอยู่สักหน่อยค่ะ

คุณปีศาจความฝัน -- หนิงก็จ้องๆ อยู่เหมือนกันตั้งแต่งานคราวที่แล้ว มางวดนี้ก็ได้สอยมาเรียบร้อยค่ะ ^^

คุณ BabyInk -- ลองสอยมาอ่านดูก็ได้นะคะ "เมนูคนบาป" นี่อาศัยชอบเรื่องคนเขียนเลยซื้อมาลอง อาจจะโอหรือไม่โอก็ไม่รู้จิ เพราะยังไม่ได้อ่าน แต่ "The Great Gasby" นี่ออกแนวคลาสสิคค่ะ นับว่ามันสิ่งการันตีถึงความดีงามของมันอยู่ ก็น่าจะโอเคเหมือนกัน
โดย: peiNing วันที่: 18 ตุลาคม 2557 เวลา:14:45:54 น.
  
สวัสดีค่าคุณหนิง...

เคยอ่านเล่มสุดท้ายค่ะ เป็นหนังสืออ่านประกอบสมัยเรียน
ชื่อไทยฟังดูเกาหลีจัง แหะ ๆ ไม่ทราบใครแปลคะ

อยู่ตจว. ไม่ได้เดินงานหนังสือมาหลายชาติแล้วค่ะ คิดถึงบรรยากาศนะคะ แต่มาคิดอีกทีก็...อ่านไอ้ที่กอง ๆ อยู่ตรงหน้านี้ให้หมดเสียก่อนเถอะ
โดย: แม่ไก่ วันที่: 19 ตุลาคม 2557 เวลา:15:42:28 น.
  
คุณแม่ไก่ -- เล่มสุดท้ายดูเหมือนเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาฝรั่งด้วยนะคะ แต่ของไทยนี่เพิ่งรู้นะเนี่ย

ตอนนี้ซื้อหนังสือน้อยลงแล้วค่ะ ตอนเด็กจะคงคอนเซ็ปต์ว่า "หนังสือในปีนี้คือกองดองในปีหน้า" มาหลายปี พอโตก็คิดว่าค่อยๆ ซื้อละกัน อยากอ่านค่อยซื้อเอาค่ะ
โดย: peiNing วันที่: 20 ตุลาคม 2557 เวลา:21:50:58 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peiNing
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



เป็นเด็กกรุงเทพแท้ๆ แต่อยู่บ้านนอกของกรุงเทพน่ะนะ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษนอกจากแกล้งสัตว์เลี้ยงที่บ้าน นั่นคือนกฮู้ผู้มีอายุ 10 ปีได้ (นกแก่มีหนวด) (แต่ตอนนี้ในที่สุดนกฮู้ก็จากไปอย่างสงบ ไม่รู้อายุรวมเท่าไรแต่มาอยู่ที่บ้านได้ 11 ปี ขอไว้อาลัยปู่ฮู้ ขอให้ไปสู่สุขคตินะ T^T)

ขอชี้แจงอีกอย่าง ชื่อ peiNing นี้ เป็นชื่อที่พี่กะน้องใช้ร่วมกันสองคน ดังนั้นอย่างงว่าเดี๋ยวก็แทนตัวว่ารุ้งบ้างหนิงบ้าง ก็มันคนละคนนิ (รุ้งน่ะคนพี่ หนิงน่ะคนน้อง)

FB สำหรับคนชอบงานเขียน peiNing ค่ะ

FB สำหรับคนชอบบทความสอนห้องเรียนนิยายค่ะ

  •  Bloggang.com