Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
9 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
ทะเลาะอย่างไรไม่ให้แตกหัก



ตะละแม่วีนัสช่วยไม่ได้นี่นา บางครั้งก็โมโหจนอยากกรี๊ดให้บ้านกระเจิง เก็บกดอัดไว้ในอก
เพราะต้องการรักษาน้ำใจอีกฝ่ายมาก็มาก คราวนี้ทนไม่ไหวจริงๆ ขอเปิดศึกสักตั้ง
แต่เพื่อไม่ให้ถึงขั้นแตกหัก ควรดำเนินการอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ความสัมพันธ์ยืนยาวต่อไป


เคารพซึ่งกันและกัน
ขั้นแรกของการราวีอย่างได้ผลคือ ต้องทะเลาะแบบให้เกียรติกัน ไม่ใช่ขุดวงศ์ตระกูลสาวไส้กัน
ถึงบรรพบุรุษ หลีกเลี่ยงการดูถูกดูแคลน การดุด่าว่ากล่าวตำหนิติเตียน หรือการทำให้อีกฝ่าย
อับอายขายหน้าประชาชี เพราะการฟาดฟันกันตัวต่อตัวแบบนี้มักเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหาย
ย่อยยับ ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น และห่างไกลจากคำว่าติเพื่อก่อหลายร้อยโยชน์
แทนที่จะกล่าวประนามสาดเสียเทเสีย สู้หาเรื่องยกยอสรรเสริญเวลาเขาทำดีจะสวยกว่า เช่น
เวลาเขามาสาย ทั้งที่เราอยากจิกกัดเขาให้สาแก่ใจ เราควรระงับอกระงับใจ แล้วเอ่ยชมอย่าง
ปลาบปลื้มเวลาเขามาตรงเวลา กลเม็ดแบบนี้จะช่วยให้เขาชอบมาทันเวลาเพราะอยากได้คำชม
แทนที่จะฝืนใจมาให้ทันเพราะกลัวถูกด่า


พูดให้ตรงจุดอย่าเลื่อนเปื้อนไปเรื่องอื่น
ตอนแรกก็พูดกันดีๆ ไปๆมาๆชักเครื่องร้อน เพราะเริ่มเอ่ยประโยคต้องห้ามอย่างเช่น
“คุณไม่เคยอย่างโน้น…..อย่างนี้” ประโยคแบบนี้มีแต่พาให้บรรยากาศตึงเครียดเปล่าๆ
เคล็ดลับมีง่ายๆ เหนือสิ่งอื่นใด ควรระลึกเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า อดีตก็ควรทิ้งไว้ในอดีต
อย่าเอามามั่วกับปัจจุบัน ทันทีที่เปิดศึกก็ควรจดจ่ออยู่แต่เหตุการณ์เฉพาะหน้าและเรื่องที่ตั้งใจ
สะสางเท่านั้น ห้ามเผลอเจาะเวลาหาอดีตให้บรรยากาศลุกลามใหญ่โตเกินกว่าที่ตั้งใจไว้
การถกกันหลายหัวข้อ รังแต่จะฉุดให้เราออกนอกทาง ไกลจากหนทางแก้ปัญหาจนกู่ไม่กลับ


ตั้งกฎ
การตั้งกฎหรือตั้งขอบเขตเป็นการดับไฟแต่ต้นลม ช่วยให้เรื่องราวไม่ลุกลาม บางคู่ตั้งกฎไว้น่ารัก
อย่างเช่น ทุกครั้งที่ร่ำๆจะทะเลาะกันก็จะออกไปเดินเล่นด้วยกัน หรือใช้วิธีหลีกลี้หนีหน้ากันไป
สักชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาเจอหน้ากันเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ค่อยลดความระอุลงแล้ว
ลองคิดหาวิธีดูก็แล้วกัน รักชอบแบบไหนเลือกดู ขอรับรองว่าเคล็ดลับนี้ไม่มีอันตรายใดๆทั้งสิ้น


ควบคุมความโกรธ
ต้องยอมรับว่า เราทุกคนมิใช่นางฟ้านางสวรรค์ หรือนางเอกละครบางช่องที่ไม่เค้ยไม่เคยแสดง
อารมณ์โกรธ เอาแต่สะอื้นฮักๆ ร่ำไห้กระซิกๆ เราคือปุถุชนคนธรรมดาที่บางครั้งเผลอน็อตหลุด
หมดความอดทนจนระเบิดอารมณ์เข้าใส่กัน หากศึกครั้งนี้เริ่มด้วยการตะเบ็งเสียงว้ากเข้าใส่กัน
คงต้องท่องเอาไว้ในใจว่า ให้รีบปลีกตัวหาที่สงบ ก่อนที่จะเผลอพูดสิ่งที่ทำให้เสียใจในภายหลัง
แล้วค่อยกลับมาเจอหน้ากันใหม่ โปรดจำเอาไว้ว่า
สิ่งที่ตามมาหลังเสียงกรี๊ดคือ ตัวการสร้างความเจ็บช้ำให้ทุกฝ่าย


สิ่งที่ควรทำ
เวลาอีกฝ่ายเริ่มขึ้นเสียง รีบบอกเขาไปเลยให้รู้ตัว เพราะบางครั้งความโกรธทำให้คนลืมตัวได้ง่าย
พยายามแตะเนื้อต้องตัวเขาบ้าง รสสัมผัสที่สื่อตรงจากใจจะช่วยบรรเทาความเครียด
และความแรงของบรรยากาศลงได้เยอะเลยเชียว เมื่อยุติศึกเสร็จสิ้น ลองถามอีกฝ่ายว่า
ก่อนหน้านี้เราได้ทำหรือพูดอะไรที่ทำให้บรรยากาศเลวร้ายลงไปหรือเปล่า หันมาจี๋จ๋าคืนดีกันให้โลกรู้ไปเลย โดยเฉพาะควรทำต่อหน้าลูกๆอย่างยิ่ง เด็กๆจะได้สบายใจ
เมื่อเห็นว่าพ่อแม่หันมาประนีประนอมกัน


สิ่งที่ไม่ควรทำ
อย่าทะเลาะกันข้ามวันข้ามคืน บางครั้งการเข้านอนทั้งที่ยังโกรธก็ยังดีกว่านั่งถ่างตาเถียงกันปาวๆ
ยิ่งเหนื่อยอ่อนก็ยิ่งขาดสติ เราจะแสดงความไร้เหตุผลและหยาบคายมากขึ้นทุกที
สถานการณ์สามารถลุกลามกลายเป็นเรื่องร้ายได้ทุกวินาที หนีไปนอนเอาแรงดีกว่า
แล้วค่อยกลับมาถกกันหลังจากพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว อย่าดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย
ปัญหาสามารถแก้ไขได้ลุล่วงด้วยคนสองคนเท่านั้น โปรดจำไว้ว่าอย่าใช้ลูก เพื่อน หรือญาติ
พี่น้องเข้ามาเป็นเครื่องมือในการโต้เถียง ห้ามลงไม้ลงมือโดยเด็ดขาด! ไม่ว่าจะโกรธจนอยาก
ฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือก็ตาม การลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายมีแต่ผลเสียร้อยเปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ทั้งนั้นทางที่ดีอย่าทะเลาะกันประเสริญที่สุด
หาทางหลีกเลี่ยง แล้วพยายามทำความเข้าใจอีกฝ่าย สื่อสารกันให้ดี ถนอมน้ำใจกันไว้
มีปัญหาก็หันหน้าปรึกษาหาทางแก้ไข คนรักกันย่อมต้องประสานใจร่วมมือกัน…จริงไหมคะ


ที่มา :
//women.impaqmsn.com
//www.pattanakit.net


เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทะเลาะอย่างไรไม่โกรธไปทั้งชาติ




Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 6 เมษายน 2553 14:39:23 น. 0 comments
Counter : 818 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.