สวัสดีครับ ผมมีโอกาสไปท่องเที่ยวเมืองฮอกไกโดและเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ไปกับทัวร์ เมื่อวันที่ 25-30 กรกฎาคม 2566 โดยบินตรงจากเชียงใหม่ไปถีงเมืองโอซาก้า แล้วต่อเครื่องในประเทศไปยังเมืองฮอกไกโด ขอนำกำหนดการและภาพประกอบมาบันทึกไว้ในวันนี้ครับ

เดินทางไปเมืองโอซาก้าด้วยสายการบินไทยเวียดเจ็ท แล้วต่อเครื่องไปเมืองซัปโปโรด้วยสายการบินเจ็ทสตาร์
 

แล้วนั่งรถโค้ชปรับอากาศเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามโปรแกรม
 

ชมสวนไม้ดอกนานาพันธุ์ที่ฟาร์มโทมิตะ

ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita) เป็นฟาร์มในเมืองนากะฟูราโนะ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครซัปโปโร ประมาณ 120 กิโลเมตร ฟาร์มเปิดให้เข้าชมระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤศจิกายน ช่วงเหมาะสมไปเยือนที่สุดคือเดือนกรกฎาคม การเข้าชมฟาร์มไม่มีค่าใช้จ่าย

ฟาร์มโทมิตะก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1903 โดยนายโทกูมะ โทมิตะ เกษตรกรจากจังหวัดฟูกูอิ ก่อนที่ในปี 1958 จะได้เริ่มมีการปลูกต้นลาเวนเดอร์เพื่อใช้ทำน้ำมันหอมระเหย พื้นที่แปลงลาเวนเดอร์เคยกว้างที่สุดถึง 1,400 ไร่ในปี 1970 ก่อนที่จะลดขนาดลงมา ต่อมาในปี 1976 ทุ่งลาเวนเดอร์ของฟาร์มโทมิตะ ถูกนำไปใช้เป็นภาพบนปฏิทินของกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น (JR) ทำให้เกิดกระแสนักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปเที่ยวชมจากทั่วญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มมีการพัฒนาฟาร์มเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการปลูกดอกไม้ สร้างเรือนกระจก สร้างพิพิธภัณฑ์ตามมาอีกหลายอาคาร ของอร่อยสำหรับที่นี่คือไอศกรีมกลิ่นลาเวนเดอร์และผลเมลอนสด
 

นั่งรถที่ลากด้วยแทรกเตอร์ชมสวนชิคิไซ โนะ โอคะ

สวนชิคิไซ โนะ โอคะ (Shikisai no oka) เป็นสวนดอกไม้บนเนินเขา ที่มีลักษณะเป็นพรมดอกไม้บานตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม มีทั้งดอกทิวลิป ลูพิน ลาเวนเดอร์ ซัลเวีย ทานตะวัน รักเร่ และแอนนีโมนีญี่ปุ่น ค่าเข้าชมอยู่ที่ 500 เยนสำหรับผู้เข้าชมที่มีอายุมากกว่า 15 ปี และ 300 เยนสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เปิดทำการตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 18.00 น. ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน
 

เดินทางไปยังเมืองโอตารุ

โอตารุ (Otaru) เป็นเมืองท่าในกิ่งจังหวัดชิริเบชิ จังหวัดฮอกไกโด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซัปโปโร ตัวเมืองหันหน้าออกสู่อ่าวอิชิการิ และเป็นเมืองท่าหลักของอ่าวมาเป็นเวลานาน มีอาคารเก่าแก่มากมาย จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ใช้เวลานั่งรถยนต์จากซัปโปโรเพียง 25 นาที โอตารุมีชื่อเสียงในด้านเบียร์ที่ผลิตในเมือง คือโอตารุเบียร์ (Otaru Beer) 

คลองโอตารุ คือแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองโอตารุ เพราะในอดีตบริเวณนี้เป็นสถานที่สำหรับการขนส่งสินค้าทางเรือ ดังนั้นริมคลองโอตารุจึงมีโกดังเก่าสำหรับเก็บสินค้าที่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี บรรยากาศก็สุดแสนจะชิล เพราะตอนเย็นๆ จะมีศิลปินมาแสดงดนตรี มานั่งวาดภาพกันริมคลอง นอกจากความชิลแล้วยังมีความโรแมนติกด้วย เพราะริมคลองโอตารุถูกตกแต่งด้วยโคมไฟสไตล์วิคตอเรียน ยิ่งในช่วงหน้าหนาวที่หิมะปกคลุมทางเดินริมคลองโอตารุ พร้อมการจัดเทศกาลประจำปีอย่างเทศกาลแสงไฟริมคลองโอตารุ (Otaru Snow Light Path Festival) ที่มีการจุดเทียนและเปิดไฟสว่างไปทั่วทั้งริมคลอง จึงทำให้คลองโอตารุเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวฮอกไกโดที่ไม่ควรพลาด
 

พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1912 โดดเด่นด้วยอาคารอิฐแดงและนาฬิกาไอน้ำโบราณสไตล์อังกฤษที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ซึ่งนาฬิกาไอน้ำนี้เหลือเพียง 2 เรือนในโลกเท่านั้น เมื่อเข้าไปยังด้านในก็จะได้พบกับความน่ารัก โรแมนติก และหรูหรา อบอวลไปด้วยเสียงเพลงเพราะ ๆ ภายในมีกล่องดนตรีจำนวนมากให้เราได้ชมกัน รวมไปถึงตุ๊กตาคาระกุริ (Karakuri Dolls) ตุ๊กตาเก่าแก่ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 
 

ถนนคนเดิน ย่านช้อปปิงในเมืองซัปโปโร

ไปชมเนินแห่งพระพุทธเจ้า

เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha) ตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโร เป็นผลงานการสร้างชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งของทาดาโอะ อันโดะ(Tadao Ando) สถาปนิกชาวญี่ปุ่นเจ้าของรางวัลพริตซ์เกอร์ที่ถือว่าที่สุดรางวัลของสถาปนิก โดยมีลักษณะเป็นเนินเขาล้อมรอบรูปปั้นพระพุทธรูปมีความสูงมากถึง 13.5 เมตรและมีน้ำหนัก 1500 ตัน พื้นที่ที่ล้อมรอบจะค่อยๆลาดลง อีกทั้งรายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่จะสามารถเห็นต้นลาเวนเดอร์จำนวนกว่า 150,000 ต้นล้อมรอบรูปปั้นพระพุทธรูป และยังมีรูปปั้นอื่น ๆ อยู่ภายในบริเวณเดียวกัน เช่น โมอาย และ เทพเจ้าสายฟ้า-พายุ เป็นต้น

ไฮไลท์สำคัญของการมาชมที่นี่ก็คือการเดินลอดไปตามอุโมงค์ที่มีความยาว 40 เมตร เมื่อเดินไปจนถึงจุดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่อยู่บริเวณปลายทางของอุโมงค์แล้วมองย้อนขึ้นไป จะมองเห็นเหมือนมีแสงสะท้อนอยู่รอบๆองค์พระพุทธรูปเปรียบเสมือนรัศมีแสงแห่งฟ้า ซึ่งไม่สามารถมองได้จากทางด้านนอก ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทางสถาปนิกตั้งใจออกแบบเพื่อให้ทุกๆส่วนมีความพิเศษไม่แพ้กัน นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Unseen Hokkaido สถานที่ที่มีความมหัศจรรย์และคุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับการมาเยือน
 

ไปชมปราสาทโอซาก้าที่เมืองโอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า ถูกสร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่พำนักของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ผู้รวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวในสมัยนั้น ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนถึงเสร็จสมบูรณ์ยาวนานกว่า 16 ปี และต่อมาได้รับการสร้างขึ้นใหม่โดยโทคุงาวะ อิเอยาสุ ในปี 1931 มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่ภายในปราสาท องค์ประกอบของปราสาท เช่น กำแพงหิน คูเมือง ป้อมปราการ และประตู ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม  เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวที่ไปโอซาก้าจะพลาดไปชมไม่ได้ครับ
 

ถนนคนเดินย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi)

ถนนคนเดินที่เป็นทั้งแหล่งกินแหล่งช็อปของนักท่องเที่ยว ที่ใครมาแวะ Osaka ก็ต้องห้ามพลาด เพราะที่นี่มีทั้งช็อปเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแบรนดัง รวมไปถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และขนมของฝากมากมาย ที่สำคัญยังมีช็อปเครื่องสำอาง tax free ไว้ให้เลือกซื้อกลับไปอีกด้วย และจุดไฮไลท์ของที่นี่ก็คือมีร้านแบรนเนมอยู่นั่นเอง เพราะเป็นที่ตั้งของห้าง 2 แห่ง คือ Daimaru และ Parco