ดาร์บี้ผีแพ้... แต่แชมป์...???

ในที่สุดดาร์บี้แมตช์ ที่หลายคนรอคอยก็ผ่านพ้นไปด้วยการทำได้ตามเป้าหมายของเรือใบสีฟ้า แต้มกลับมาเท่ากันอีกครั้งหนึ่งกับการพยายามแย่งแชมป์พรีเมียร์ ลีก ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 นัดที่เหลืออยู่ ไม่มีโอกาสให้ทีมไหนพลาดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

                การจัดตัวผู้เล่นของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์นั้นเห็นชัดเจนว่าเฟอร์กี้เสี่ยงไม่น้อยในนัดนี้ การส่งไมเคิล คาร์ริค,ไรอัน กิ๊กส์และพอล สโคลส์ ลงสนามพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อรักษาพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ให้ได้ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่

                แน่นอนประสบการณ์ของทั้ง 3 คนนั้นเพียบ แต่จะให้ไล่กันตลอดเวลาตามเกมที่รวดเร็วของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆเลยความคิดมีแต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย

                ห้องเครื่องของเฟอร์กี้อายุรวมกันร้อยกว่าปีทีเดียว ในขณะที่ปาร์ค จี ซอง ซึ่งเรารับรู้กันเป็นประจำว่าแมตช์ใหญ่เมื่อไหร่เฟอร์กี้เรียกตัวมาใช้งานทันที แต่กับการที่มีโอกาสลงเล่นค่อนข้างน้อย จังหวะมันไม่ได้อีกต่อไป ต้องเล่นอยู่ภายใต้ร่มเงาของยาย่า ตูเร่ ตลอดเวลา

                นั่นทำให้เกมข้างหน้าของเวย์น รูนี่ย์ ต้องอ้างว้างโดดเดี่ยว การบาดเจ็บของทอม เคลฟเวอร์ลีย์และอันแดร์สัน ทำให้ความสดในแดนกลางของผีแดงหายไปเยอะ

                เมื่อเฟอร์กี้ จัดทีมแบบคาดหวังขอแค่ไม่แพ้ ใส่ตัวเก๋าๆลงไป ความสดที่ไม่เต็มที่เท่าไหร่ยิ่งหายไปมากขึ้นกว่าเดิม อันโตนิโอ วาเลนเซีย,แดนนี่ เวลเบ็คหรือแอชลีย์ ยัง ถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองทั้งหมด เกมของผีแดงจึงหดตัวค่อนข้างรุนแรง

                ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสเห็นเฟอร์กี้ต่อล้อต่อเถียงกับใครข้างสนามแบบออกรสชาติ หลังจากสิ้นยุคของโจเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่มีใครกล้าไปต่อปากต่อคำกับเฟอร์กี้สักเท่าไหร่ สีสันข้างสนามหายไปเยอะ

                นาทีนี้โรแบร์โต้ มันชินี่ คงจะเล่นเกมนอกสนามกับเฟอร์กี้ไปอีกนาน ทั้งระหว่างอยู่ริมเส้นหรือบ่นเสียงดังผ่านสื่อเพื่อโยนความกดดัน เพื่อทำลายสมาธิ ทำลายความเชื่อมั่นคู่แข่งให้มากที่สุด

                ในส่วนของอังเดร มาร์ริเนอร์ ผู้ตัดสินที่ลงทำหน้าที่ในศึกใหญ่แทนที่ฮาวเวิร์ด เวบบ์หรือฟิล ดาวน์ ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมากๆนัดหนึ่ง ลองคิดดูก้แล้วกันว่าเกมแบบนี้ผู้ตัดสินจะกดดันขนาดไหน เป็นเกมดาร์บี้แมตช์ เป็นเกมที่ส่งผลต่อการเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาลนี้

                มาร์ริเนอร์ค่อนข้างนิ่งไม่ตื่นเต้นตื่นตูมไปกับบรรยากาศ ปล่อยให้เกมไหลไปและจะหยุดทันทีที่เห็นว่าส่อเค้าแรงขึ้นเรื่อยๆ

                ตามไปเช็กผลงานของนักเตะที่ดวลกันในเกมบ้าง เล็กๆน้อยๆหลังเกมใหญ่ก็ต้องมีอะไรให้ติดตามกัน ในส่วนของแชมป์นั้นถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครสามารถการันตีได้แน่นอน

* ซามีร์ นาสรี่ & ปาทริซ เอฟร่า

                ไม่ง่ายเลยสำหรับปาทริซ เอฟร่า กับการทำหน้าที่แบ็กซ้ายเดิมๆของตัวเอง เมื่อต้องรับมือกับซามีร์ นาสรี่แล้วยังมีดาวิด ซิลบากับปาโบล ซาบาเลต้า สลับกันเข้าโจมตีอยู่ตลอด

                เอฟร่าจะรู้สึกเบาใจและผ่อนคลายลงไปเมื่อนาสรี่หลบเข้าไปตรงกลางหรือเปลี่ยนฝั่งลุยในครึ่งหลัง ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2011-2012 นาสรี่มีโอกาสที่ได้เลือกว่าจะย้ายจากอาร์เซนอลไปเล่นให้ผีแดงหรือเรือใบ

                หลังจากตัดสินใจเลือกไปแล้ว วันเวลาที่ผ่านไปเหมือนกับเป็นการตัดสินใจผิดพลาด ฟอร์มการเล่นวูบวาบก็จริงแต่ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยมากนัก นั่นทำให้ต้องเข้าๆออกๆจากทีมตัวจริงที่ออกสตาร์ตอยู่บ่อยๆ ยิ่งช่วงเวลาที่ดาวิด ซิลบาโชว์ผลงานตระการตา ยิ่งบดบังรัศมีของนาสรี่

                ทว่าในนัดดาร์บี้แมตช์คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าเป็นนัดหนึ่งที่นาสรี่เล่นได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้

* กุน อาเกวโร่ & ริโอ เฟอร์ดินานด์

                เมื่อเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดการส่งคริส สมอลลิ่ง ลงมายืนคู่กับริโอ เฟอร์ดินานด์ มันก็คงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรที่จะได้เห็นริโอต้องเสนอหน้าขึ้นมารับผิดชอบการรับมือกุน อาเกโร่

                งานชุก งานเข้า มาพร้อมหน้าพร้อมตา จน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ต้องเคลียร์บอลทิ้ง เคลียร์บอลให้พ้นทางอันตรายแทบไม่ได้หยุดหย่อน

                อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าริโอจะคอยปัดเป่างานหลังบ้านได้ดีขนาดไหน การเคลื่อนไหวเพื่อคอยปิดช่องว่างจะทำได้โดดเด่น แต่งานที่ต้องจัดการกุน อาเกโร่ ก็หนักหนาเอาการ

                อาเกโร่ต้องไม่มีสกอร์ หรือมีได้แต่ไม่ใช่นัดนี้ เป็นสิ่งที่ริโอ เฟอร์ดินานด์ ทำได้ดี ทำได้ตามเป้าของตัวเอง

* ยาย่า ตูเร่ & พอล สโคลส์

                การออกสตาร์ตเกมของยาย่า ตูเร่ ถือว่าโรแบร์โต้ มันชินี่ จัดให้ยืนค่อนข้างต่ำ ไม่ต้องลุยขึ้นหน้ามากนักเพราะยังมีคาร์ลอส เตเบซ คอยประสานงานกับกุน อาเกโร่ อยู่แล้ว

                ผลงานของยาย่า ตูเร่ จึงค่อนข้างกร่อยไปนิดเพราะมีฤทธิ์ที่จะทำอะไรได้มากกว่าบทบาทที่มันชินี่มอบหมาย หลังจากที่มันชินี่ส่งไนเจล เดอ ยอง ลวสนามแทนคาร์ลอส เตเบซ นั่นจึงได้เห็นกันว่ายาย่า ตูเร่ ลุยขึ้นหน้าแล้วมีความหมายต่อเกมของเรือใบแค่ไหน

                อย่างไรก็ตามที ภาพรวมทั้งหมดของเกมดาร์บี้ แมตช์ ยาย่า ตูเร่ ทำได้ดีกว่าพอล สโคลส์ ชัดเจนตลอดเวลาที่ทั้งคู่อยู่ในสนาม

* แว็งซ็องต์ กอมปานี้ & เวย์น รูนี่ย์

                ก่อนเกมรู้กันอยู่แล้วว่า คู่นี้ต้องดวลกันและใครที่สามารถเอาชนะได้จะมีผลต่อเกมของทีมค่อนข้างมาก ใบเหลืองที่กอมปานี้ได้รับในนาทีที่ 19 เป็นเรื่องราวที่ส่อเค้าไม่ค่อยดีสำหรับเรือใบ เพราะเวลาที่เหลืออีกเพียบต้องเล่นแบบละเอียดมากๆจึงจะเอาตัวรอดไปได้

                อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะระวังแค่ไหน กอมปานีดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนสไตล์ของตัวเอง ยังคงนิ่งและพยายามหยุดรูนี่ย์รวมทั้งเกมรุกของผีแดงสุดตัว

                และที่หลงลืมไปไม่ได้ประตูชัยของเรือใบสีฟ้าก็มาจากการโหม่งของแว็งซ็องต์ กอมปานี สำหรับเวย์น รูนี่ย์ เกมนี้ไม่มีโอกาส ไม่มีพื้นที่ให้เล่นเท่าไหร่ ครึ่งแรกโดดเดี่ยวเดียวดาย ครึ่งหลังแม้ว่าจะโหมกันมากขึ้น แต่ช่องก็แทบไม่มีให้สับไก แถมพวกเรือใบเพรสซิ่งจนไม่มีเวลาตั้งหลักเลย

เรื่องโดย : ดามัน

สนับสนุนเนื้อหา