ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

สัญญาจ้าวราชันย์ พ่อค้าเร่กับนักมายากล (5)

“ทำไมกัน มาถึงนี่แล้วแต่จะกลับงั้นเหรอ…เป็นอะไรกันไปหมด”

ข้าวเขียว บ่นไม่หยุดปาก เมื่อ ข้าวขวัญ บอกว่าไม่อยากไปดู รถสินค้า แล้ว รัตติกาล กับ กล้าไพร ต่างเห็นด้วยกับเธอ เหตุผลก็คือ นักมายากล อยู่ที่นั่น และทั้งสามคนก็ไม่อยากไปอยู่ใกล้ๆ กับเธออีก

“พี่ก็ไปคนเดียวสิ”

“ก็ได้…แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ ถ้ามีขนมอร่อยๆ ขาย ฉันจะไม่แบ่งให้หรอก”

ข้าวเขียว เดินจากไปคนเดียวอย่างหงุดหงิด รัตติกาล รู้สึกแปลกใจที่เขาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมรับรู้ถึงความผิดปกติของ นักมายากล เลย หลังจากนั้นทั้งสามจึงพากันเดินย้อนกลับทางเก่า ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตนเอง ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“สวัสดีเด็กๆ เป็นอะไร ทำไมดูไม่ร่าเริงกันเลย”

ชายแปลกหน้าที่เดินสวนมาส่งเสียงทักทายพวกเขา

“พวกเธอยังเป็นเด็กควรจะวิ่งเล่นซุกซนมีความสุขกันสิ ปล่อยให้ความกังวลเป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่เขา”

“คุณคือ…พ่อค้าเร่…”

ข้าวขวัญ จดจำใบหน้าของเขาในตอนที่ขับรถเข้ามาในหมู่บ้านได้

“ใช่แล้ว ฉัน วาณิช ยินดีรับใช้ ต้องการสินค้าใด ขอให้บอกมา…”

พ่อค้าเร่ แปลกใจที่เด็กทั้งสามคนยังคงทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตกอยู่เช่นเดิม

“นี่พวกเธอเป็นอะไรกัน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ฉันอาจจะช่วยพวกเธอได้นะ”

รอยยิ้มที่จริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้น พอ ข้าวขวัญ เห็นเข้าก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง กล้าไพร ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านข้างรีบชิงถามขึ้นก่อน

“คุณเดินทางกับ นักมายากล มานานหรือยังครับ”

รัตติกาล กับ ข้าวขวัญ หันไปมองหน้า กล้าไพร ทั้งสองไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ วาณิช ไม่แสดงท่าทีแปลกใจแต่อย่างใดกับคำถามของเขา

“…นึกแล้วเชียวเห็นเธอเดินมาทางนี้ พวกเธอคงเจอกันแล้วใช่ไหม อืม…เธอ…ฉันหมายถึง นักมายากล น่ะ เธอชื่อ มายา เอ่อ…เธอไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็นหรอกนะ เอ่อ…ถึงเธอจะไม่ยอมพูดกับพวกเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ เอ่อ…”

“แต่เธอคุยกับพวกเรา…”

ข้าวขวัญ โพล่งออกไปอย่างลืมตัว

“เธอว่าอะไรนะ…มายา…คุยกับพวกเธองั้นหรือ”

วาณิช ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อคำพูดของ ข้าวขวัญ เด็กชายทั้งสองจึงช่วยกันยืนยันคำพูดของเธอ

“ฉันหมายถึง เอ่อ…เธอไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็นหรอก ไว้รอดูการแสดงของเธอในคืนนี้สิ รับรองว่าพวกเธอจะต้องชอบแน่…ใช่แล้ว หัวหน้าหมู่บ้าน ยังขอให้ฉันถามเรื่อง พลุ ให้ด้วย ฉันหมายถึง ดอกไม้ไฟ น่ะ คืนนี้พวกเธออาจจะได้ดูก็ได้นะ”

“…เธอบอกพวกเราว่า คืนนี้จะมี การแสดงพลุ ด้วย”

ข้าวขวัญ พูดต่อ วาณิช ที่ได้ยินถึงกับนิ่งอึ้งไป

“เธอบอกว่ามันเป็นธรรมเนียมอะไรสักอย่าง”

วาณิช ถอนหายใจ รอยยิ้มที่เคยปั้นไว้ หายไปหมดแล้ว

“พวกเธอชื่ออะไรกันบ้าง”

พวกเขาจึงพากันกล่าวแนะนำตัวเอง

“ข้าวขวัญ กล้าไพร กับ รัตติกาล สินะ…พวกเธอ คนไหนที่…ช่างเถอะจะเป็นคนไหนก็…”

เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าก่อนที่จะหยิบขนมแท่งเล็กๆ ที่ทำมาจากน้ำตาลกวนผสมกับน้ำผึ้งจำนวนหนึ่งออกมา

“เอาไปแบ่งกันกินนะ…และขอให้พวกเธอโชคดี ฉันต้อง…ต้องกลับไปหา หัวหน้าหมู่บ้าน อีกครั้ง พอดีลืมอะไรนิดหน่อยน่ะ”

กล้าไพร กลับรั้งตัวเขาเอาไว้

“ผมมีเรื่องจะถามหน่อยน่ะครับ”

“หือ…เรื่องอะไรล่ะ”

“คุณจะอยู่ที่นี่สักกี่วันครับ”

“อืม…จริงๆ แล้วฉันอยากจะอยู่สักสาม สี่ วัน ขายของก่อนแล้วก็หาซื้อของเพิ่ม เอาไว้ไปขายที่อื่นต่อด้วย แต่ว่ามายามีนัดหมายสำคัญอยู่…พรุ่งนี้คงต้องรีบออกเดินทางแล้วล่ะ ถ้าพวกเธออยากจะได้อะไรก็ต้องรีบมาซื้อหน่อยนะ”

พอพูดจบเขาก็โบกมือให้แล้วรีบเดินย้อนกลับไปที่บ้านของ หัวหน้าหมู่บ้าน ทันที

“…พรุ่งนี้อย่างนั้นหรือ ถ้ามันเป็นนัดหมายที่สำคัญจริงๆ ล่ะก็…”

กล้าไพร บ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียว ในขณะที่ ข้าวขวัญ มีสีหน้ายุ่งยากใจ

“ต้อง…ต้องมีอะไรไม่ดีแน่ๆ เลย ขวัญ รู้ และคงต้องเกี่ยวกับ ขวัญ ด้วย ที่ นักมายากล คนนั้นถาม เธอต้องทำอะไรกับ ขวัญ แน่ ขวัญ…ขวัญ กลัว”

พอ กล้าไพร เห็นสีหน้าท่าทางของ ข้าวขวัญ เขาจึงตัดสินใจที่จะทำตามแผนที่เขาคิดเอาไว้ ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะยอมรับ

“ไม่ต้องกลัว…ฉันจะปกป้องเธอเอง ฉันขอสัญญา”

รัตติกาล กับ ข้าวขวัญ มองหน้า กล้าไพร ด้วยความตกใจ คำสัญญา คือสิ่งที่ต้องรักษา หากพูดออกมาแล้วต้องทำให้ได้ กล้าไพร กำมือแน่น เขาตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องปกป้อง ข้าวขวัญ เอาไว้ให้ได้

#####

ข้าวเขียว เดินวนดูรอบๆ รถสินค้า มันมีขนาดใหญ่กว่ารถคันอื่นๆ ที่เขาเคยเห็นมา รอบๆ ตัวรถถูกทาเอาไว้ด้วยสีน้ำเงินสด เป็นภาพของท้องฟ้าในยามค่ำคืน ส่วนล่างถูกระบายให้เป็นผืนป่ากับภูเขา ส่วน บนท้องฟ้าก็มีดวงดาวอยู่มากมาย ที่ด้านหน้าของตัวรถตรงที่นั่งของคนขับมีรูป ดวงจันทร์เต็มดวง ปรากฏอยู่

ที่ด้านหลังตรงบริเวณบันไดทางขึ้นเข้าสู่ด้านในของตัวรถ มีภาพของเมืองที่ประกอบไปด้วยหอคอยจำนวนมากตั้งอยู่ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีเมืองแห่งไหนที่มีหอคอยมากมายขนาดนี้

พ่อค้าเร่ ยังคงไม่กลับมาเสียที ข้าวเขียว จึงได้แต่เที่ยวดูไปรอบๆ เมื่อเขาได้มาเห็นม้าสีดำทั้งสองตัวอย่างใกล้ชิด เขาก็เริ่มคิดว่าบางที กล้าไพร อาจจะพูดถูกก็เป็นได้ พวกมันดูคล้ายกับ ม้าศึก จริงๆ อย่างที่เขาว่า

ร่างของพวกมันสูงใหญ่และเต็มไปด้วยมัดกล้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของพวกมัน ดวงตาที่ไม่มีความหวาดกลัวต่อมนุษย์ปรากฏให้เห็น เมื่อจ้องหน้าพวกมัน พวกมันก็พากันจ้องกลับมาอย่างไม่เกรงกลัว

“เธอคงจะไม่ได้ชอบม้ามากใช่ไหม”

เสียงของ มายา ที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำเอา ข้าวเขียว สะดุ้งขึ้นสุดตัว

“เหวอ…”

ร่างภายใต้เสื้อคลุมสีดำมายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ข้าวเขียว ก้าวถอยหลังไปอย่างลืมตัว แม้ว่าใจจริงแล้วเขาจะรู้สึกชอบ มายา อยู่มาก แต่การที่เธอโผล่มาเงียบๆ แบบนี้ก็ทำเอาเขาตกใจไปเหมือนกัน

ตั้งแต่ที่ได้พบเจอกันในครั้งแรก เขาไม่เคยคิดว่าเสื้อคลุมสีดำนี้ดูน่ากลัวแต่อย่างใด สำหรับเขาแล้วมันดูลึกลับ และดึงดูดใจมากกว่า โดยเฉพาะเสียงหวานๆ ของเธอ ที่เขารู้สึกชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เสียงของเธอทำให้เขาคิดไปถึงเด็กสาวๆ ที่น่ารัก ในขณะที่ท่าทางของเธอกลับดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นความขัดแย้งที่น่าสนใจสำหรับเขา

“ครับ…ผมไม่ค่อยชอบพวกมันนัก บางครั้งมันก็ดู…น่ากลัวนิดหน่อย”

ข้าวเขียว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ตัวเองพูดในตอนนี้นั้น หมายถึงม้าหรือ ตัว มายา เอง ม้าดำทั้งคู่เกิดอาการกระวนกระวายขึ้นเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ และพยายามเดินหนีไปอีกด้านหนึ่ง

“ฉันมีเรื่องจะถาม เกี่ยวกับน้องสาวของเธอ”

“…ครับ”

“จริงๆ แล้ว เธอเป็นอย่างที่ฉันว่าหรือเปล่า ปีนี้เธอชอบทำของหายใช่ไหม”

“…เปล่าหรอกครับ”

“เธอพูดจริงเหรอ”

“ครับ ผมหมายถึง…เธอไม่ได้พึ่งมาชอบทำของหายเอาปีนี้ แต่เธอเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะครับ”

“เธอพูดจริงหรือ เธอเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ก่อนอายุสิบสองอย่างนั้นหรือ”

“ครับ…ถึงผมไม่บอก ใครๆ เขาก็รู้กันอยู่แล้ว”

ข้าวเขียว คิดอย่างนั้นจริงๆ ในตอนที่ มายา ถาม เขาก็คิดอยู่แล้วว่าถึงจะพยายามปิดบังอย่างไร ก็ยังมีอีกหลายคนในหมู่บ้านที่รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นถึงจะดึงดันปฏิเสธไปก็ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์ เพราะสุดท้ายเธอก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดี

มายา รู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง ‘พลังตื่นขึ้นตั้งแต่ก่อนอายุครบสิบสองปี บางทีเด็กคนนี้อาจจะเป็น…ในที่สุดเวลานั้นอาจจะ…’

“เอ่อ…”

“หา…มีอะไรเหรอ”

ข้าวเขียว ตัดสินใจสะกิดถามเมื่อเห็น มายา ทำท่าทางเหมือนกับกำลังยืนใจลอยอยู่

“เอ่อ ดอกไม้…พลุ…ที่จะแสดงในคืนนี้น่ะครับ…มัน…มันจะใหญ่ไหมครับ หรือว่าจะเป็นแบบเล็กๆ “

จนถึงตอนนี้ความสนใจของ ข้าวเขียว ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้เท่านั้น

“ใหญ่สิ…งานฉลองแบบนี้ ก็ต้องยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา”

พอพูดจบใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ กล้าไพร แววตาของเขาที่มองมาก่อนที่จะจากกันนั้น แสดงความในใจออกมาอย่างชัดเจน เขาจะต้องกลายเป็นตัวปัญหาแน่ๆ แต่ความสามารถของเขาก็อาจจะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้

ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งก็เหมือนกัน รัตติกาล เขามีประกายตาที่ดูแปลก แถมยังทำท่าเหมือนกับว่าสามารถมองผ่าน เสื้อคลุมแห่งราตรี ของเธอได้อีกด้วย แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

นับตั้งแต่เริ่ม การออกเดินทางเพื่อค้นหา เธอยังไม่เคยพบเจออะไรที่น่าสนใจแบบนี้มาก่อนเลย หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ มีเรื่องราวที่สามารถสร้างความประหลาดใจให้กับเธอได้มากมายหลายเรื่องทีเดียว

#####

วาณิช ค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวออกมาให้ หัวหน้าหมู่บ้าน รับฟัง โดยพยายามเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่อาจพูดจาให้มันฟังดูดีได้เลย

หัวหน้าหมู่บ้าน รับฟังอย่างเงียบงัน

“เธอแน่ใจเหรอ”

“ครับ…ผมค่อนข้างแน่ใจ”

“…”

ทั้งสองได้แต่นิ่งเงียบ

“…ไม่มีทางทำอะไรได้เลยหรือ”

หัวหน้าหมู่บ้าน ถามออกมาในที่สุด

“ครับ ผมเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้”

“…ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน นี่เป็น สัญญา ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ฉันคงไม่อาจละเมิดได้ พ่อของฉันที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนก็ย้ำถึงเรื่องนี้ในตอนที่ยกตำแหน่งให้กับฉัน”

“ผมเคยได้ยินมาว่า หมู่บ้านในแถบนี้ส่วนใหญ่ ต่างก็มี สัญญา ด้วยกันทั้งนั้น”

“ใช่…แต่ฉันก็ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว ฉันคิดว่ามันคงจะหมดไปแล้วเสียอีก แต่นี่…คนอื่นเขาจะคิดยังไงก็ไม่รู้…เฮ้อ”

หัวหน้าหมู่บ้าน นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามคำถามสุดท้าย

“…เธอพอจะรู้ไหมว่าเป็นคนไหน”

“ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงจะเป็นคนไหน ก็คงไม่แตกต่างกันไม่ใช่หรือครับ”

“ก็อาจจะไม่”

หัวหน้าหมู่บ้าน คิดขึ้นในใจ ’แต่ถ้าเป็น กล้าไพร ก็อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็ได้ ยังไง กล้าณรงค์ ต้องไม่ยอมแน่ และถ้าเขาตั้งใจขัดขืนขึ้นมาล่ะก็…เฮ้อ…ยังไงก็อย่าให้เป็นเขาเลย’

สุดท้าย วาณิช ก็กลับไปเปิดร้านขายของ ในขณะที่ หัวหน้าหมู่บ้าน ได้สั่งให้สร้างเวทีขึ้นใน ลานกลางหมู่บ้าน และเรียกประชุมผู้ชายที่เป็นแกนนำของหมู่บ้านเพื่อแจ้งข่าวเรื่อง สงคราม การแสดงพลุ กับ สัญญา แต่โบราณที่กำลังจะต้องช่วยกันรักษาเอาไว้

การประชุมในครั้งนี้ ไม่มี กล้าณรงค์ บิดาของ กล้าไพร กับ อุดม ที่เป็นบิดาของ ข้าวเขียว กับ ข้าวขวัญ เข้าร่วมด้วย




 

Create Date : 17 มีนาคม 2553
2 comments
Last Update : 17 มีนาคม 2553 11:04:45 น.
Counter : 500 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 17 มีนาคม 2553 11:35:45 น.  

 

Believe in God and with this believe
he will help you to pass through all the difficultlity
as he does to me just believe

 

โดย: da IP: 168.120.73.82 17 มีนาคม 2553 12:04:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.