|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สัญญาจ้าวราชันย์ แดนแห่งดารา (31)
ที่สุดทางเดินเบื้องล่างมีประตูบานหนึ่งรอคอยพวกเขาอยู่ ด้วยแสงวับแวมจากตะเกียงในมือของมายา ทำให้ข้าวเขียวเห็นว่ามีรูปบางอย่างถูกสลักอยู่บนบานประตูนั้น มันมีอยู่ด้วยกันหลายอัน แต่หนึ่งในนั้นเขาแน่ใจว่าจะต้องเป็นรูปจันทร์เสี้ยวจากสัญลักษณ์ของราชินีแห่งแสงจันทร์แน่ ส่วนรูปอื่นๆ นั้น อาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่เหลืออยู่ของราชาทั้งสามก็เป็นได้ มายายกมือขึ้นเคาะประตูเป็นจังหวะประหลาดๆ ที่เด็กทั้งสองคนฟังไม่ออกว่าจะเคาะมันได้อย่างไร มายามาแล้วค่ะ เข้ามาได้ มีเสียงผู้หญิงสูงอายุดังตอบกลับมาจากอีกด้านของประตู ถึงแม้เสียงนั้นจะถูกลดทอนลงด้วยกำแพงที่กั้นอยู่ แต่เด็กทั้งสองต่างรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของนาง ถ้าจะให้ข้าวเขียวอธิบาย เขาคงบอกได้เพียงว่ามันฟังดูเหมือนกับเสียงของราชินีที่อยู่ในจินตนาการของเขานั่นเอง มีใครอยู่ข้างในนั้นหรือคะ ข้าวขวัญกระซิบถามเบาๆ แต่เธอก็ต้องตกใจ เมื่อได้ยินว่าเสียงของตัวเองนั้นดังเกินกว่าที่ต้องการ คำถามของเธอดังสะท้อนไปมาอยู่ในช่องทางเดินแคบๆ นั้น จนเธอเกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าหากคนที่อยู่ข้างในนั้นได้ยินเข้า อาจจะเกิดความไม่พอใจขึ้นได้ เงียบ... มายาสั่งเบาๆ แต่เฉียบขาด บานประตูนั้นค่อยๆ เปิดออกมาอย่างช้าๆ โดยไม่มีเสียงใดๆ ให้ได้ยิน ข้าวเขียวรู้สึกได้ถึงอากาศเย็นที่ถูกกักเก็บอยู่ภายในค่อยๆ ไหลผ่านช่องเปิดนั้นออกมา มันทำให้เขาต้องขนลุก และเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มายาชี้มือมาที่ข้าวเขียว ...แบกเขาเข้าไป วางไว้ตรงที่ฉันบอก แล้วกลับออกมารอเงียบๆ คราวนี้มายาชี้มาที่ข้าวขวัญบ้าง ส่วนเธอให้รออยู่เงียบๆ ...แต่ถ้าฉันเรียกหาเมื่อไร ก็ให้รีบเข้าไปทันที มายาก้าวผ่านเข้าประตูไป ขาของข้าวเขียวก็นำพาร่างของเขาให้ติดตามเธอเข้าไปด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองไม่ได้อยากจะทำเข่นนั้นเลย คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างในเสียงของเธอที่สะกดให้เขาต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ข้าวขวัญเองก็ได้แต่ยืนนิ่งมองดูพี่ชายหายเข้าไปในประตูบานนั้น ยังโชคดีที่มายาทิ้งตะเกียงดวงนั้นเอาไว้ข้างนอกประตู ข้าวขวัญจึงไม่ถึงกับถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังในความมืด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เธออย่างจะพุ่งตัวติดตามพวกเขาไป แต่ขาทั้งคู่ของเธอก็ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้เลย ข้าวเขียวแทบจะมองไม่เห็นสิ่งใดภายในห้องมืดนั้น เขาบอกไม่ได้ว่าห้องมีขนาดกว้างยาวเท่าไร มีสิ่งใด หรือมีใครอยู่ภายในห้องนี้บ้าง ที่เขารับรู้ได้นั้นมีเพียงความเย็น และความน่ากลัวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้น วางเขาลงตรงนี้ เสียงของมายาดังออกมาจากในความมืด ข้าวเขียวไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นดังมาจากทางทิศใด และ 'ตรงนี้' ที่ว่านั้นคือที่ไหน แต่เขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็วด้วยการวางร่างของกล้าไพรลงตรงตำแหน่งที่เขาหยุดยืนอยู่นั่นเอง เธอกลับออกไปได้แล้ว โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมายา ตั้งแต่ที่วางร่างของกล้าไพรลงเรียบร้อย เขาก็รีบเดินกลับไปหาแสงสว่างที่รออยู่ข้างนอกประตูอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ถึงสายตาจำนวนมากมายที่กำลังจับจ้องมองมายังแผ่นหลังของเขาจากความมืดที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งห้อง ข้าวเขียวต้องฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้วิ่งออกไป พร้อมกับพยายามขจัดความคิดที่ว่ามีสัตว์ประหลาดจำนวนมากหลบซ่อนอยู่ภายในห้อง และพวกมันกำลังรอคอยเวลาที่จะพุ่งเข้ามารุมจัดการกับเขา พอข้าวเขียวก้าวพ้นออกมา ประตูบานนั้นก็ปิดลงอย่างไร้เสียงเช่นเดิม เขาถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สองพี่น้องยืนจ้องหน้ากันภายใต้แสงสลัวของตะเกียง ทั้งสองไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างที่ด้านหลังประตูบานนั้น
##### มายามองผ่านเข้าไปในความมืด ห้องโถงทรงกลมแห่งนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง นอกจากตัวเธอ กับร่างที่หายใจอย่างรวยรินของกล้าไพรแล้ว ก็มีเพียงตรงกลางห้องที่มีเงาของวัตถุบางอย่างตั้งอยู่ ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดอยู่ทั้งสิ้น แล้วเสียงตอบเมื่อครู่นั้นดังมาจากที่ใดกันแน่ มายาเดินตรงไปหาวัตถุนั้น มันมีความสูงมากกว่าตัวเธอ มีความกว้างมากกว่าร่างของเธอนิดหน่อย แต่มีความหนาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันมีลักษณะเป็นแผ่นแบนๆ ตั้งอยู่บนฐานที่มีลวดลายบางอย่างแกะสลักเอาไว้ แม้แต่ด้วยสายตาที่สามารถมองเห็นในความมืด เธอก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันเป็นรูปของอะไร บางครั้งเธอยังคิดว่าลวดลายเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วย มีร่างของใครอีกคนปรากฏขึ้นบนวัตถุสิ่งนั้น แต่เมื่อมองดูให้ดีแล้วมันก็คือเงาสะท้อนของมายานั่นเอง วัตถุลึกลับนี้ที่แท้แล้วคือกระจกเงาบานหนึ่งเท่านั้น เธอค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้ากระจก แต่น่าแปลกที่เงาในกระจกนั้นกลับยังคงยืนอยู่เช่นเดิม และเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จะพบว่าเงาที่อยู่ในกระจกนั้นมีความแตกต่างจากเธออยู่หลายประการ สวัสดีค่ะ ท่านเวทมายา เงาที่ยืนอยู่ในกระจกยกมือขึ้นเพื่อเปิดหมวกคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ มันเป็นใบหน้าของเด็กสาวที่งดงามราวกับภาพวาด ผมสีดำสนิทดั่งราตรีที่ไร้แสงจันทร์ยาวสลวยกระจายลงมาอยู่บนแผ่นหลัง นางคือความงามที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อได้พบเห็น มันเหมือนกับเป็นความงามที่ถูกสร้างขึ้น มากกว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองจากน้ำมือของธรรมชาติ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ที่แท้เสียงทรงอำนาจที่ทั้งหมดได้ยินเมื่อครู่ ก็คือเสียงของนางนั่นเอง
ยินดีเช่นกันค่ะ ที่ได้พบท่านอีกครั้ง ถ้าพวกเด็กๆ มาได้ยินเข้า พวกเขาจะต้องไม่เชื่อหูตัวเองแน่ ว่ามายาจะสามารถพูดจาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้กับใครได้ เอาล่ะอย่าเสียเวลาอีกเลย เริ่มการประชุมได้ แม้จะบอกว่าเป็นการประชุม แต่ก็มีแค่มายา กับเวทมายาเพียงสองคนเท่านั้น ถึงจะมีกล้าไพรอยู่ด้วย แต่ก็ไม่อาจนับเป็นผู้ร่วมประชุมได้ มายาสรุปการเดินทางที่ผ่านมาของเธอให้เวทมายาฟัง ซึ่งมีสาระสำคัญ คือเรื่องการปะทะกับผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีที่หมู่บ้านของพวกเด็กๆ กับเรื่องสัญญาที่เธอได้ทำกับอรุณรุ่งนั่นเอง เธอคาดหวังว่านางจะต้องพอใจในข้อตกลงที่ช่วยขยายขอบเขตอำนาจของแดนแห่งดาราออกไปไกลจนถึงมหาอาณาจักรสุริยันได้ ราชาแห่งสายลมถูกปลดปล่อยออกมาแล้วสินะ เพราะความดื้อรั้นของเธอทำให้ต้องเสียเวลาไปตั้งนาน นอกจากเวทมายาจะไม่สนใจกับผลงานของมายาแล้ว นางยังถือโอกาสต่อว่าเธอในเรื่องที่ผ่านมาอีกด้วย นางได้สั่งให้เธอคืนราชาแห่งสายลมให้กับนิลวายุมาเนิ่นนานแล้ว แต่เธอกลับจงใจขัดคำสั่งนั้น เพราะเห็นว่าจะได้ประโยชน์มากกว่า หากเก็บเขาเอาไว้ใช้งานต่อไป และหากมีเขาอยู่ข้างกาย การจะคืนสิ่งนั้นให้กับเขาเมื่อไรก็ย่อมทำได้ไม่ยาก ...คำสัญญาที่ได้มาจากอรุณรุ่ง จะทำให้อำนาจของพวกเราค่อยๆ แผ่ขยายเข้าไปในมหาอาณาจักรสุริยันได้ในที่สุดนะคะ มายาพยายามกล่าวย้ำถึงผลงานของเธออีกครั้ง เวทมายามองเธอด้วยสายตาที่เหนื่อยหน่าย ฉันเคยบอกไปหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าช่วงเวลาของมหาอาณาจักรจันทรานั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีวันจะหวนคืนกลับมาอีก ตอนนี้พวกเรามีหน้าที่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการปลดปล่อยพลังของสี่ราชาออกมา เพื่อให้ต่อสู้กับเคออสอีกครั้ง มายาก้มหน้าลงก่อนที่จะรับคำ ค่ะ...แต่ว่าทำไมพวกเราถึงไม่ใช้โอกาสนี้ในการ... พอได้แล้ว... ภาพหญิงงามในกระจกเปลี่ยนเป็นเงาที่พร่าเลือน แต่เสียงที่ดังออกมานั้นเฉียบขาดจนมายาต้องรีบปิดปากสนิท ...ว่าแต่ว่า เธอนำร่างของคนที่ตายไปแล้วเข้ามาทำไม ในห้องนี้มีเพียงมายา กับกล้าไพรเท่านั้น คนตายที่เวทมายาหมายถึง หรือว่าจะเป็นร่างที่ยังคงนอนหายใจอย่างรวยรินอยู่ของเขา เธอใจหายวาบเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะหนักยิ่งกว่าที่เธอคาดไว้ ...หนูให้สัญญากับกล้าณรงค์ พ่อของกล้าไพรเอาไว้ ว่าจะช่วยชีวิตเขาให้ได้ หญิงงามในกระจกมองร่างของกล้าไพรด้วยสายตาแปลกๆ วิญญาณของเขาได้ล่องลอยไปสู่อีกด้านหนึ่ง...เขาตายไปนานแล้ว แต่มันก็ยังพอมีหนทางอยู่... มายารู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ...ถ้าเธออยากเสี่ยงกับหายนะที่อาจเกิดขึ้น
##### ข้าวเขียวยกตะเกียงขึ้นส่องดูรูปสลักทั้งสี่บนบานประตู หนึ่งในนั้นคือราชินีแห่งแสงจันทร์ อีกอันคือราชาแห่งสายลม ส่วนสองอันที่เหลือ คือสัญลักษณ์ที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดี รูปหยดน้ำที่เขาเห็นจนชินตาจากจี้ของกล้าณรงค์ กับรูปเปลวไฟที่เขาพึ่งได้พบเห็นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของรัตติกาลที่กำลังเดินทางไปยังมหาอาณาจักรสุริยัน 'ทำไมถึงเป็นรูปของพวกนี้นะ หมายความว่าจี้ทั้งสอง อาจมีความเกี่ยวพันกับสี่ราชาด้วยก็เป็นได้' ข้าวเขียวต้องก้าวถอยหลังออกมาอย่างตกใจ เมื่อบานประตูค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง เข้ามาได้ ข้าวขวัญ เสียงของมายาดังออกมาจากภายในห้อง ข้าวขวัญก้าวเข้าไปตามเสียงเรียกด้วยความลังเล ประตูค่อยๆ ปิดลง ตัดขาดเธอจากแสงตะเกียงให้ตกอยู่ในความมืดมิดเพียงลำพัง ถึงตอนนี้เธอได้แต่ยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปทางไหนดี
##### เธอแน่ใจแล้วหรือ เวทมายาจ้องมองมายาอย่างไม่วางตา 'เพียงแค่ต้องการรักษาคำสัญญาของตน ถึงกับยอมเสี่ยงถึงเพียงนี้เชียวหรือ' นางยิ้ม 'น่าสนใจ น่าสนใจ จริงๆ' ค่ะ หนูมั่นใจ ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้าหากเขาไม่มีความผูกพันกับโลกแห่งนี้อย่างเหนียวแน่นพอ เมื่อนำวิญญาณของเขากลับมาสู่ร่าง เขาก็จะกลายเป็นสิ่งเดียวกับ ผู้ที่ได้พรากชีวิตของเขาไปสู่อีกด้านหนึ่ง... หนูเข้าใจดีแล้วค่ะ ถ้ามันล้มเหลว...เขาจะต้องกลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับผู้เคลื่อนไหวในยามค่ำคืน เธอพร้อมที่จะเสี่ยง มายาหยิบดาบของกล้าณรงค์ออกมาจากความว่างเปล่า พร้อมกับปักมันลงที่ข้างๆ ร่างของกล้าไพร เวทมายามองดูดาบเล่มนั้นอย่างไม่ค่อยประทับใจนัก เธอวางเดิมพันทั้งหมดไว้กับดาบเก่าๆ เล่มนี้อย่างนั้นหรือ เธอคิดดูใหม่ดีกว่า ประตูห้องค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง เข้ามาได้ ข้าวขวัญ เสียงของมายาเรียกหาเด็กหญิงด้วยความมั่นใจ และเมื่อเธอก้าวผ่านประตูเข้ามา เวทมายาก็ยิ้ม พร้อมกับพยักหน้า ก่อนจะพูดกับเธอว่า นั่นค่อยดูเข้าท่าหน่อย แต่เธอคิดจะเดิมพันด้วยความรักอย่างนั้นหรือ ใบหน้าที่สวยงามของเวทมายาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ที่ได้เห็นต้องขนลุก ทำตัวไม่สมกับเป็นลูกสาวคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักเลยนะ แม่ยังเชื่อใจหนูไหมคะ มายาจ้องมองเวทมายา ในที่สุดใบหน้าสวยในกระจกก็ฉายแววของความอ่อนโยนออกมา เธอพยักหน้าเพียงครั้งเดียวแทนคำตอบ และแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว มายาเริ่มเรียกหาข้าวขวัญอีกครั้ง เดินมาตามคำบอกของฉัน ในที่สุดข้าวขวัญก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าร่างของกล้าไพร แม้ไม่รู้ว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอก็รู้สึกอึดอัด และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เสียงของมายาดังมาจากที่ไม่ห่างไกลนัก เธออยากช่วยกล้าไพรหรือไม่ อยากค่ะ ข้าวขวัญตอบอย่างไม่ลังเล ดี ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่าตกใจ อย่าวิ่งหนี ให้โอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความรู้สึกจากใจ...เธอจะทำได้ไหม ได้ค่ะ คำตอบยังคงชัดเจน ไม่มีความลังเลเจือปนอยู่ในนั้นเลย ดี ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้เลย เสียงที่ทรงอำนาจนั้นดังมาจากทิศทางเดียวกับเสียงของมายา และมันทำให้ข้าวขวัญสะดุ้งเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ความเงียบที่ไร้กาลเวลาแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ความเงียบอันหนักอึ้ง ความเงียบที่น่ากลัว ภายนอกห้องเกิดลมพัดปั่นป่วนในช่องทางเดินใต้ดินนั้น แม้แต่ตะเกียงในมือของข้าวเขียวก็ต้องดับไปในที่สุด และในท่ามกลางความมืดมิดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังแว่วมาในสายลม เขาย่อตัวลงพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุด เขาหลับตา ยกมือขึ้นปิดหู แล้วภาวนาให้เหตุการณ์ทั้งหมดนี้สิ้นสุดลงโดยเร็ว
Create Date : 06 กันยายน 2553 |
Last Update : 6 กันยายน 2553 12:28:01 น. |
|
1 comments
|
Counter : 532 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|