ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
6 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ แดนแห่งดารา (31)

ที่สุดทางเดินเบื้องล่างมีประตูบานหนึ่งรอคอยพวกเขาอยู่ ด้วยแสงวับแวมจากตะเกียงในมือของมายา ทำให้ข้าวเขียวเห็นว่ามีรูปบางอย่างถูกสลักอยู่บนบานประตูนั้น มันมีอยู่ด้วยกันหลายอัน แต่หนึ่งในนั้นเขาแน่ใจว่าจะต้องเป็นรูปจันทร์เสี้ยวจากสัญลักษณ์ของราชินีแห่งแสงจันทร์แน่ ส่วนรูปอื่นๆ นั้น อาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่เหลืออยู่ของราชาทั้งสามก็เป็นได้

มายายกมือขึ้นเคาะประตูเป็นจังหวะประหลาดๆ ที่เด็กทั้งสองคนฟังไม่ออกว่าจะเคาะมันได้อย่างไร

“มายามาแล้วค่ะ”

“เข้ามาได้”

มีเสียงผู้หญิงสูงอายุดังตอบกลับมาจากอีกด้านของประตู ถึงแม้เสียงนั้นจะถูกลดทอนลงด้วยกำแพงที่กั้นอยู่ แต่เด็กทั้งสองต่างรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของนาง ถ้าจะให้ข้าวเขียวอธิบาย เขาคงบอกได้เพียงว่ามันฟังดูเหมือนกับเสียงของราชินีที่อยู่ในจินตนาการของเขานั่นเอง

“มีใครอยู่ข้างในนั้นหรือคะ”

ข้าวขวัญกระซิบถามเบาๆ แต่เธอก็ต้องตกใจ เมื่อได้ยินว่าเสียงของตัวเองนั้นดังเกินกว่าที่ต้องการ คำถามของเธอดังสะท้อนไปมาอยู่ในช่องทางเดินแคบๆ นั้น จนเธอเกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าหากคนที่อยู่ข้างในนั้นได้ยินเข้า อาจจะเกิดความไม่พอใจขึ้นได้

“เงียบ...”

มายาสั่งเบาๆ แต่เฉียบขาด บานประตูนั้นค่อยๆ เปิดออกมาอย่างช้าๆ โดยไม่มีเสียงใดๆ ให้ได้ยิน ข้าวเขียวรู้สึกได้ถึงอากาศเย็นที่ถูกกักเก็บอยู่ภายในค่อยๆ ไหลผ่านช่องเปิดนั้นออกมา มันทำให้เขาต้องขนลุก และเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

มายาชี้มือมาที่ข้าวเขียว

“...แบกเขาเข้าไป วางไว้ตรงที่ฉันบอก แล้วกลับออกมารอเงียบๆ”

คราวนี้มายาชี้มาที่ข้าวขวัญบ้าง

“ส่วนเธอให้รออยู่เงียบๆ ...แต่ถ้าฉันเรียกหาเมื่อไร ก็ให้รีบเข้าไปทันที”

มายาก้าวผ่านเข้าประตูไป ขาของข้าวเขียวก็นำพาร่างของเขาให้ติดตามเธอเข้าไปด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองไม่ได้อยากจะทำเข่นนั้นเลย คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างในเสียงของเธอที่สะกดให้เขาต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ข้าวขวัญเองก็ได้แต่ยืนนิ่งมองดูพี่ชายหายเข้าไปในประตูบานนั้น

ยังโชคดีที่มายาทิ้งตะเกียงดวงนั้นเอาไว้ข้างนอกประตู ข้าวขวัญจึงไม่ถึงกับถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังในความมืด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เธออย่างจะพุ่งตัวติดตามพวกเขาไป แต่ขาทั้งคู่ของเธอก็ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้เลย

ข้าวเขียวแทบจะมองไม่เห็นสิ่งใดภายในห้องมืดนั้น เขาบอกไม่ได้ว่าห้องมีขนาดกว้างยาวเท่าไร มีสิ่งใด หรือมีใครอยู่ภายในห้องนี้บ้าง ที่เขารับรู้ได้นั้นมีเพียงความเย็น และความน่ากลัวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้น

“วางเขาลงตรงนี้”

เสียงของมายาดังออกมาจากในความมืด ข้าวเขียวไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นดังมาจากทางทิศใด และ 'ตรงนี้' ที่ว่านั้นคือที่ไหน แต่เขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็วด้วยการวางร่างของกล้าไพรลงตรงตำแหน่งที่เขาหยุดยืนอยู่นั่นเอง

“เธอกลับออกไปได้แล้ว”

โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมายา ตั้งแต่ที่วางร่างของกล้าไพรลงเรียบร้อย เขาก็รีบเดินกลับไปหาแสงสว่างที่รออยู่ข้างนอกประตูอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ถึงสายตาจำนวนมากมายที่กำลังจับจ้องมองมายังแผ่นหลังของเขาจากความมืดที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งห้อง

ข้าวเขียวต้องฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้วิ่งออกไป พร้อมกับพยายามขจัดความคิดที่ว่ามีสัตว์ประหลาดจำนวนมากหลบซ่อนอยู่ภายในห้อง และพวกมันกำลังรอคอยเวลาที่จะพุ่งเข้ามารุมจัดการกับเขา

พอข้าวเขียวก้าวพ้นออกมา ประตูบานนั้นก็ปิดลงอย่างไร้เสียงเช่นเดิม เขาถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สองพี่น้องยืนจ้องหน้ากันภายใต้แสงสลัวของตะเกียง ทั้งสองไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างที่ด้านหลังประตูบานนั้น

#####

มายามองผ่านเข้าไปในความมืด ห้องโถงทรงกลมแห่งนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง นอกจากตัวเธอ กับร่างที่หายใจอย่างรวยรินของกล้าไพรแล้ว ก็มีเพียงตรงกลางห้องที่มีเงาของวัตถุบางอย่างตั้งอยู่ ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดอยู่ทั้งสิ้น แล้วเสียงตอบเมื่อครู่นั้นดังมาจากที่ใดกันแน่

มายาเดินตรงไปหาวัตถุนั้น มันมีความสูงมากกว่าตัวเธอ มีความกว้างมากกว่าร่างของเธอนิดหน่อย แต่มีความหนาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันมีลักษณะเป็นแผ่นแบนๆ ตั้งอยู่บนฐานที่มีลวดลายบางอย่างแกะสลักเอาไว้ แม้แต่ด้วยสายตาที่สามารถมองเห็นในความมืด เธอก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันเป็นรูปของอะไร บางครั้งเธอยังคิดว่าลวดลายเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วย

มีร่างของใครอีกคนปรากฏขึ้นบนวัตถุสิ่งนั้น แต่เมื่อมองดูให้ดีแล้วมันก็คือเงาสะท้อนของมายานั่นเอง วัตถุลึกลับนี้ที่แท้แล้วคือกระจกเงาบานหนึ่งเท่านั้น เธอค่อยๆ คุกเข่าลงตรงหน้ากระจก แต่น่าแปลกที่เงาในกระจกนั้นกลับยังคงยืนอยู่เช่นเดิม และเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จะพบว่าเงาที่อยู่ในกระจกนั้นมีความแตกต่างจากเธออยู่หลายประการ

“สวัสดีค่ะ ท่านเวทมายา”

เงาที่ยืนอยู่ในกระจกยกมือขึ้นเพื่อเปิดหมวกคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ มันเป็นใบหน้าของเด็กสาวที่งดงามราวกับภาพวาด ผมสีดำสนิทดั่งราตรีที่ไร้แสงจันทร์ยาวสลวยกระจายลงมาอยู่บนแผ่นหลัง นางคือความงามที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อได้พบเห็น มันเหมือนกับเป็นความงามที่ถูกสร้างขึ้น มากกว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองจากน้ำมือของธรรมชาติ

“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”

ที่แท้เสียงทรงอำนาจที่ทั้งหมดได้ยินเมื่อครู่ ก็คือเสียงของนางนั่นเอง

“ยินดีเช่นกันค่ะ ที่ได้พบท่านอีกครั้ง”

ถ้าพวกเด็กๆ มาได้ยินเข้า พวกเขาจะต้องไม่เชื่อหูตัวเองแน่ ว่ามายาจะสามารถพูดจาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้กับใครได้

“เอาล่ะอย่าเสียเวลาอีกเลย เริ่มการประชุมได้”

แม้จะบอกว่าเป็นการประชุม แต่ก็มีแค่มายา กับเวทมายาเพียงสองคนเท่านั้น ถึงจะมีกล้าไพรอยู่ด้วย แต่ก็ไม่อาจนับเป็นผู้ร่วมประชุมได้

มายาสรุปการเดินทางที่ผ่านมาของเธอให้เวทมายาฟัง ซึ่งมีสาระสำคัญ คือเรื่องการปะทะกับผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีที่หมู่บ้านของพวกเด็กๆ กับเรื่องสัญญาที่เธอได้ทำกับอรุณรุ่งนั่นเอง เธอคาดหวังว่านางจะต้องพอใจในข้อตกลงที่ช่วยขยายขอบเขตอำนาจของแดนแห่งดาราออกไปไกลจนถึงมหาอาณาจักรสุริยันได้

“ราชาแห่งสายลมถูกปลดปล่อยออกมาแล้วสินะ เพราะความดื้อรั้นของเธอทำให้ต้องเสียเวลาไปตั้งนาน”

นอกจากเวทมายาจะไม่สนใจกับผลงานของมายาแล้ว นางยังถือโอกาสต่อว่าเธอในเรื่องที่ผ่านมาอีกด้วย นางได้สั่งให้เธอคืนราชาแห่งสายลมให้กับนิลวายุมาเนิ่นนานแล้ว แต่เธอกลับจงใจขัดคำสั่งนั้น เพราะเห็นว่าจะได้ประโยชน์มากกว่า หากเก็บเขาเอาไว้ใช้งานต่อไป และหากมีเขาอยู่ข้างกาย การจะคืนสิ่งนั้นให้กับเขาเมื่อไรก็ย่อมทำได้ไม่ยาก

“...คำสัญญาที่ได้มาจากอรุณรุ่ง จะทำให้อำนาจของพวกเราค่อยๆ แผ่ขยายเข้าไปในมหาอาณาจักรสุริยันได้ในที่สุดนะคะ”

มายาพยายามกล่าวย้ำถึงผลงานของเธออีกครั้ง เวทมายามองเธอด้วยสายตาที่เหนื่อยหน่าย

“ฉันเคยบอกไปหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าช่วงเวลาของมหาอาณาจักรจันทรานั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีวันจะหวนคืนกลับมาอีก ตอนนี้พวกเรามีหน้าที่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการปลดปล่อยพลังของสี่ราชาออกมา เพื่อให้ต่อสู้กับเคออสอีกครั้ง”

มายาก้มหน้าลงก่อนที่จะรับคำ

“ค่ะ...แต่ว่าทำไมพวกเราถึงไม่ใช้โอกาสนี้ในการ...”

“พอได้แล้ว...”

ภาพหญิงงามในกระจกเปลี่ยนเป็นเงาที่พร่าเลือน แต่เสียงที่ดังออกมานั้นเฉียบขาดจนมายาต้องรีบปิดปากสนิท

“...ว่าแต่ว่า เธอนำร่างของคนที่ตายไปแล้วเข้ามาทำไม”

ในห้องนี้มีเพียงมายา กับกล้าไพรเท่านั้น คนตายที่เวทมายาหมายถึง หรือว่าจะเป็นร่างที่ยังคงนอนหายใจอย่างรวยรินอยู่ของเขา เธอใจหายวาบเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะหนักยิ่งกว่าที่เธอคาดไว้

“...หนูให้สัญญากับกล้าณรงค์ พ่อของกล้าไพรเอาไว้ ว่าจะช่วยชีวิตเขาให้ได้”

หญิงงามในกระจกมองร่างของกล้าไพรด้วยสายตาแปลกๆ

“วิญญาณของเขาได้ล่องลอยไปสู่อีกด้านหนึ่ง...เขาตายไปนานแล้ว แต่มันก็ยังพอมีหนทางอยู่...”

มายารู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

“...ถ้าเธออยากเสี่ยงกับหายนะที่อาจเกิดขึ้น”

#####

ข้าวเขียวยกตะเกียงขึ้นส่องดูรูปสลักทั้งสี่บนบานประตู หนึ่งในนั้นคือราชินีแห่งแสงจันทร์ อีกอันคือราชาแห่งสายลม ส่วนสองอันที่เหลือ คือสัญลักษณ์ที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดี รูปหยดน้ำที่เขาเห็นจนชินตาจากจี้ของกล้าณรงค์ กับรูปเปลวไฟที่เขาพึ่งได้พบเห็นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของรัตติกาลที่กำลังเดินทางไปยังมหาอาณาจักรสุริยัน

'ทำไมถึงเป็นรูปของพวกนี้นะ หมายความว่าจี้ทั้งสอง อาจมีความเกี่ยวพันกับสี่ราชาด้วยก็เป็นได้'

ข้าวเขียวต้องก้าวถอยหลังออกมาอย่างตกใจ เมื่อบานประตูค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง

“เข้ามาได้ ข้าวขวัญ”

เสียงของมายาดังออกมาจากภายในห้อง ข้าวขวัญก้าวเข้าไปตามเสียงเรียกด้วยความลังเล ประตูค่อยๆ ปิดลง ตัดขาดเธอจากแสงตะเกียงให้ตกอยู่ในความมืดมิดเพียงลำพัง ถึงตอนนี้เธอได้แต่ยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปทางไหนดี

#####

“เธอแน่ใจแล้วหรือ”

เวทมายาจ้องมองมายาอย่างไม่วางตา 'เพียงแค่ต้องการรักษาคำสัญญาของตน ถึงกับยอมเสี่ยงถึงเพียงนี้เชียวหรือ' นางยิ้ม 'น่าสนใจ น่าสนใจ จริงๆ'

“ค่ะ หนูมั่นใจ”

“ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ ถ้าหากเขาไม่มีความผูกพันกับโลกแห่งนี้อย่างเหนียวแน่นพอ เมื่อนำวิญญาณของเขากลับมาสู่ร่าง เขาก็จะกลายเป็นสิ่งเดียวกับ ผู้ที่ได้พรากชีวิตของเขาไปสู่อีกด้านหนึ่ง...”

“หนูเข้าใจดีแล้วค่ะ ถ้ามันล้มเหลว...เขาจะต้องกลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับผู้เคลื่อนไหวในยามค่ำคืน”

“เธอพร้อมที่จะเสี่ยง”

มายาหยิบดาบของกล้าณรงค์ออกมาจากความว่างเปล่า พร้อมกับปักมันลงที่ข้างๆ ร่างของกล้าไพร เวทมายามองดูดาบเล่มนั้นอย่างไม่ค่อยประทับใจนัก

“เธอวางเดิมพันทั้งหมดไว้กับดาบเก่าๆ เล่มนี้อย่างนั้นหรือ เธอคิดดูใหม่ดีกว่า”

ประตูห้องค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง

“เข้ามาได้ ข้าวขวัญ”

เสียงของมายาเรียกหาเด็กหญิงด้วยความมั่นใจ และเมื่อเธอก้าวผ่านประตูเข้ามา เวทมายาก็ยิ้ม พร้อมกับพยักหน้า ก่อนจะพูดกับเธอว่า

“นั่นค่อยดูเข้าท่าหน่อย แต่เธอคิดจะเดิมพันด้วยความรักอย่างนั้นหรือ”

ใบหน้าที่สวยงามของเวทมายาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ที่ได้เห็นต้องขนลุก

“ทำตัวไม่สมกับเป็นลูกสาวคนเดิมที่ฉันเคยรู้จักเลยนะ”

“แม่ยังเชื่อใจหนูไหมคะ”

มายาจ้องมองเวทมายา ในที่สุดใบหน้าสวยในกระจกก็ฉายแววของความอ่อนโยนออกมา เธอพยักหน้าเพียงครั้งเดียวแทนคำตอบ และแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

มายาเริ่มเรียกหาข้าวขวัญอีกครั้ง

“เดินมาตามคำบอกของฉัน”

ในที่สุดข้าวขวัญก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าร่างของกล้าไพร แม้ไม่รู้ว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอก็รู้สึกอึดอัด และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เสียงของมายาดังมาจากที่ไม่ห่างไกลนัก

“เธออยากช่วยกล้าไพรหรือไม่”

“อยากค่ะ”

ข้าวขวัญตอบอย่างไม่ลังเล

“ดี ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่าตกใจ อย่าวิ่งหนี ให้โอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความรู้สึกจากใจ...เธอจะทำได้ไหม”

“ได้ค่ะ”

คำตอบยังคงชัดเจน ไม่มีความลังเลเจือปนอยู่ในนั้นเลย

“ดี ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้เลย”

เสียงที่ทรงอำนาจนั้นดังมาจากทิศทางเดียวกับเสียงของมายา และมันทำให้ข้าวขวัญสะดุ้งเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ความเงียบที่ไร้กาลเวลาแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ความเงียบอันหนักอึ้ง ความเงียบที่น่ากลัว

ภายนอกห้องเกิดลมพัดปั่นป่วนในช่องทางเดินใต้ดินนั้น แม้แต่ตะเกียงในมือของข้าวเขียวก็ต้องดับไปในที่สุด และในท่ามกลางความมืดมิดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังแว่วมาในสายลม เขาย่อตัวลงพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุด เขาหลับตา ยกมือขึ้นปิดหู แล้วภาวนาให้เหตุการณ์ทั้งหมดนี้สิ้นสุดลงโดยเร็ว


Create Date : 06 กันยายน 2553
Last Update : 6 กันยายน 2553 12:28:01 น. 1 comments
Counter : 532 Pageviews.

 
อืม...กำลังสนุกแฮะ...รออั๊บครับผม


โดย: ถามวัต สุทธิพงศ์ (เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี ) วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:19:38:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.