ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สนธยามาเยือน (28)

อรุณรุ่งเก็บฉายรัศมีคืนสู่ฝักเรียบร้อยแล้วเมื่อสนธยา กับมายาวิ่งมาถึง ส่วนข้าวเขียว กับรัตติกาลนั้นกำลังช่วยกันดูอาการของข้าวขวัญที่เป็นลมล้มพับไป

“การเจรจาเรียบร้อยแล้วหรืออาจารย์”

อรุณรุ่งถามเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สนธยามองดูดาบในมือของทหารที่นอนตายซึ่งถูกชักออกมาแต่ส่วนปลายยังคงคาอยู่ในฝัก มีคำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวให้กับการกระทำนี้ แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดของเหตุการณ์ แต่เขาก็พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกลอบสังหารเช่นนี้

ทหารทั้งหมดที่ติดตามมากับคณะต้องผ่านการคัดเลือกจากสนธยาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ฝีมือดี และมีประวัติน่าเชื่อถือทั้งสิ้น เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่ายังจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้

สนธยารีบคุกเข่าลง แบมือทั้งสองวางหงายยื่นออกมาให้เห็น พร้อมกับก้มหัวให้กับอรุณรุ่งจนติดดิน นี่เป็นวิธีแสดงการขอโทษอย่างสูงสุดของสุริยัน และที่ต้องยื่นมือทั้งสองออกมานั้นเพื่อให้เห็นว่ามิได้ซุกซ่อนสิ่งใดเอาไว้

มีเรื่องเล่ากันว่าในอดีตนั้นการขอโทษไม่จำเป็นต้องแบมือเช่นนี้ แต่มีชายผู้หนึ่งได้แกล้งคุกเข่าลงพร้อมกับก้มหัวเพื่อหลอกให้ศัตรูของเขาเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะนำอาวุธที่ซุกซ่อนเอาไว้ออกมาสังหารศัตรูที่กำลังประมาทผู้นั้นจนตาย นับแต่นั้นมาการแสดงความสำนึกผิดจึงต้องมีการหงายมือออกมาให้เห็นเช่นนี้ด้วย

สนธยาพูดออกมาทั้งๆ ที่ยังก้มหน้าอยู่เช่นนั้น

“โปรดลงโทษผมด้วย”

“ลุกขึ้นเถิดค่ะอาจารย์”

“แต่ว่า...”

อรุณรุ่งกล่าวเรียบๆ แต่ด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด

“ลุกขึ้นก่อน...เรื่องนี้กลับไปแล้วค่อยคุยกันอีกครั้ง”

สนธยาจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่พูดอะไรอีก 'ไม่ว่าจะได้รับโทษอย่างไร แต่อย่างน้อยท่านก็ไม่เป็นอะไร' ความปลอดภัยของอรุณรุ่งนับว่ามีความสำคัญอย่างสูงสุดสำหรับตัวเขา ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่ต้องรับผิดชอบด้วยชีวิตหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นกับเธอเท่านั้น แต่เขายังคิดว่าเธอคือความหวังของสุริยัน และของผู้คนทั้งหมดในการต่อสู้กับเคออสด้วย

มายามองดูหม้อแกงที่กำลังลุกไหม้อยู่ในกองไฟ ช้อนเงินกลายเป็นสีดำที่ตกอยู่บนพื้น ร่องรอยบาดแผลดาบที่คอของทหารคนนั้น และเธอหันมาหาอรุณรุ่งในที่สุด

“เขาฆ่าตัวตายเองใช่ไหม”

คำถามของมายาทำให้อรุณรุ่งต้องประหลาดใจ

“ใช่...อะไรทำให้ท่านคิดเช่นนั้น”

“เธอคงไม่กล้าทำแบบนั้นต่อหน้าเด็กๆ พวกนี้...นั่นหมายความว่าเขาอาจเป็นคนจากสมาคมนักฆ่า และการถูกคนพวกนี้หมายหัว ก็ทำให้ความเสี่ยงในการเจรจาครั้งนี้เพิ่มมากขึ้น”

'เพราะเธออาจไม่รอดอยู่จนถึงเวลาที่จะทำให้คำสัญญานั้นเป็นผล' นักฆ่าจากสมาคมนั้นเป็นมืออาชีพ หากลงมือผิดพลาดก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ หากคิดหลบหนีไปก็จะถูกสมาชิกที่เหลือไล่ล่าไปชั่วชีวิต และต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน ดังนั้นเมื่อสมาคมนักฆ่ารับงานใดแล้วน้อยครั้งนักที่เป้าหมายจะรอดชีวิตไปได้

“ฉันไว้ชีวิตเขาก็เพราะต้องการสอบสวนหาความจริงเท่านั้น ไม่ใช่ไม่กล้าอย่างที่ท่านบอก ส่วนเรื่องคำสัญญาจะต้องเป็นไปตามนั้นแน่ ท่านไม่ต้องกังวลไป”

ผู้หญิงสองคนนี้เพียงแค่ยืนเผชิญหน้ากันเฉยๆ ก็เกิดบรรยากาศที่กดดันยิ่งกว่าการประลองเมื่อครู่เสียอีก สนธยาที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกยินดีที่เขาไม่ได้ตกเป็นเป้าหมายของใครคนใดคนหนึ่งในเวลานี้ ความเงียบที่น่าอึดอัดดำเนินต่อไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่อรุณรุ่งจะถามสนธยาซ้ำอีกครั้งโดยไม่หันไปมองเขา

“การเจรจาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ อาจารย์”

“...ครับ”

สนธยาตอบเพียงสั้นๆ แค่นั้น เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากในสถานการณ์แบบนี้

“...เรื่องยุ่งยากเล็กน้อยนี้ทางฉันจะเป็นฝ่ายจัดการเอง ในเมื่อการเจรจาตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็จะเป็นฝ่ายให้คำสัญญากับท่านก่อน”

โดยไม่รอฟังคำตอบจากมายา อรุณรุ่งก็เริ่มกล่าวคำสัญญาของเธอทันที

“ฉันอรุณรุ่งแห่งประกายแสงตัวแทนของมหาอาณาจักรสุริยัน ขอทำสัญญากับมายาตัวแทนของสมาคมนักมายากลว่า หากแดนแห่งดาราให้ความสนับสนุนสุริยันในการต่อต้านเคออสจ้าวแห่งความสับสนจนได้รับชัยชนะ ทางสมาคมนักมายากลจะมีอำนาจในการขอรับเด็กๆ ในเขตปกครองของสุริยันเพื่อนำไปฝึกฝนให้เป็นนักมายากลได้โดยไม่มีเงื่อนไข”

ในอดีตที่ผ่านมามีเพียงหมู่บ้านที่กระจัดกระจายอยู่ในเขตปกครองเดิมของมหาอาณาจักรจันทราเท่านั้นที่มีสัญญาเช่นนี้กับแดนแห่งดารา หากเป็นเขตปกครองของมหาอาณาจักรอื่น ถ้าผู้ปกครองไม่อนุญาต นักมายากลก็จะไม่สามารถนำเด็กผู้นั้นไปได้

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันก็จะเป็นเช่นนั้นแทบทั้งสิ้น ไม่มีพ่อแม่คนใดอยากให้ลูกของตนต้องกลายเป็นสมาชิกของกลุ่มคนลึกลับพวกนี้ และถึงแม้พวกเขาจะอนุญาต แต่หากฝ่ายปกครองของมหาอาณาจักรนั้นๆ ทราบเรื่องก็จะทำการขัดขวางทันที เคยมีหลายครั้งที่นักมายากลต้องพาเด็กๆ หลบหนีการติดตามของพวกทหารอย่างทุลักทุเล

มายายิ้มอยู่ภายใต้เสื้อคลุมราตรี นี่เป็นโอกาสอันดีที่สมาคมนักมายากลจะได้ขยายขอบเขตอำนาจของแดนแห่งดาราออกไป เธอยังหวังอีกว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น 'หากจัดการกับเคออสได้เมื่อไร แดนแห่งดาราจะต้องกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งหมดของทุกมหาอาณาจักร'

มายายื่นมือออกไปข้างหน้าพร้อมทั้งนำจุลจันทราออกมา เพื่อแสดงตราสัญลักษณ์เดือนเสี้ยวนั้นอีกครั้ง

“ฉันมายาผู้ครอบครองราชินีแห่งแสงจันทร์ ตัวแทนของสมาคมนักมายากล ขอทำสัญญากับอรุณรุ่งแห่งประกายแสง...ว่าที่ราชินีของมหาอาณาจักรสุริยันว่า นับแต่นี้ต่อไปนักมายากลทุกคนจะบอกเล่าเรื่องราวของเคออสจ้าวแห่งความสับสนในทุกที่ๆ เดินทางผ่าน เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเผชิญอยู่...”

'ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันตั้งใจจะเสนอในการประชุมครั้งนี้อยู่แล้ว และทุกคนก็ต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน' มายาพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้

“...และหากฉันเดินทางไปยังมหาอาณาจักรวารี ฉันจะหาหนทางสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกันในการต่อสู้กับเคออส”

'หากทางสุริยันนำจักรพรรดิแห่งฟากฟ้าออกมา ก็จะเหลือเพียงเจ้าชายแห่งสายน้ำของวารีเท่านั้น ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วที่ต้องไปยังมหาอาณาจักรแห่งนั้น' เมื่อพลังทั้งหมดของสี่ราชาถูกปลดปล่อยออกมา เคออสจ้าวแห่งความสับสนก็จะต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของ 'สายเลือดแต่โบราณ' ตามที่คำทำนายได้ระบุเอาไว้

'ทำหน้าที่ให้ดีด้วยล่ะ' รอยยิ้มกวนๆ ของนิลวายุโผล่แวบขึ้นมาทันที 'คุณก็เป็นแค่เครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งของฉันเท่านั้น' และเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลง อำนาจของแดนแห่งดาราก็จะแผ่ขยายออกไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มายามองตรงไปที่อรุณรุ่ง 'เธอได้มอบอำนาจส่วนหนึ่งให้กับแดนแห่งดารา โดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมเลย ว่าที่ราชินีผู้แสนโง่เขลาเอ๋ย' มายาอดใจไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

อรุณรุ่งไม่เข้าใจความหมายของเสียงหัวเราะนี้ และถึงแม้มันจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่เมื่อคำสัญญาได้ถูกกล่าวออกมาอย่างครบถ้วน เธอก็จำเป็นต้องยื่นมือทั้งสองออกไป มายาเองก็ยื่นมือของเธอออกมาเช่นกัน ทั้งสองคนต่างกุมมือกันแน่นเพื่อแสดงถึงการทำตามคำสัญญาของทั้งสองฝ่าย

“ฉันขอฝังเขาเอาไว้ใกล้ๆ นี้ได้ไหม”

อรุณรุ่งรู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้นักมายากลอีกต่อไป แต่เธอต้องจัดการกับทหารที่ตายให้เรียบร้อยเสียก่อน การแบกร่างของเขากลับไปยังค่ายพักดูจะเป็นความคิดที่ไม่ค่อยเข้าท่านัก

“ตามสบายเลย”

“เมื่อเสร็จแล้ว ฉันจะขอตัวกลับเลย”

“เชิญ...”

มายาตวัดมือทั้งสองข้างลง ก็มีพลั่วสองอันโผล่มาปักอยู่บนพื้นตรงหน้า 'นี่คงช่วยให้พวกเธอไปพ้นๆ หน้าฉันได้เร็วขึ้น'

“...ใช้เสร็จเมื่อไรก็นำมาคืนไว้ที่นี่ เพราะฉันคงต้องกล่าวคำอำลากับพวกคุณเดี๋ยวนี้เลย”

“สวัสดีครับ”

สนธยากล่าวตามมารยาท แต่อรุณรุ่งกลับยืนนิ่งเฉย ซึ่งมายาก็ไม่สนใจ เธอเริ่มเดินกลับไปยังรถสินค้า ตามปกติแล้วเธอ กับข้าวขวัญจะนอนด้วยกันในตัวรถ ในขณะที่เด็กชายทั้งสองนอนเฝ้าอยู่ข้างนอก เธอเดินผ่านพวกเด็กๆ ไป โดยไม่ให้ความสนใจกับข้าวขวัญที่ยังคงนอนสลบอยู่เลย

รัตติกาลเหลียวมองตามมายาไป ก่อนหน้านี้เขายังคงลังเลว่าควรจะทำเช่นไร แต่เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับอรุณรุ่งก็ทำให้เขาตัดสินใจได้แล้ว 'ฉันจะไม่กลัวอีกต่อไป' เพื่อเป้าหมายที่มุ่งหวังเอาไว้ มีแต่ต้องพุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

“คุณมายาครับ”

น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นของรัตติกาลทำให้มายาหยุดเดินทันที เธอเกลียดน้ำเสียงแบบนี้เป็นที่สุด

“...มีอะไร”

น้ำเสียงของมายาทำให้ข้าวเขียวเย็นวาบไปทั้งตัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลกับรัตติกาลเลย ความมั่นใจของเขายังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม

“ผมจะขอแยกทาง เพื่อติดตามคุณอรุณรุ่งไป...”

มายาพยายามข่มความโกรธของตนเอาไว้ 'เธอไม่มีสิทธิจะพูดแบบนี้ เธอเป็นของฉัน'

“...ผมต้องการเรียนรู้วิชาดาบ และแดนแห่งดาราก็ไม่ใช่จุดหมายของผม”

มายาหันกลับมา และนั่นเป็นครั้งแรกที่รัตติกาลได้เห็นใบหน้าของเธอเมื่ออยู่ภายใต้เสื้อคลุมราตรีอย่างชัดเจน แม้จะเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว แต่มันก็ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ มันแตกต่างจากใบหน้าอันสวยงามของหญิงสาวที่พวกเขาเคยได้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย และโชคดีที่มันหายไปแล้ว เพราะหากให้เขาพูดคุยกับใบหน้าเช่นนั้นต่อไป ไม่แน่ว่าเขาอาจจะต้องหันหลังวิ่งหนีไปเสียก่อน

“เราต้องได้พบกับวาณิชอีกแน่”

น้ำเสียงของมายายังคงราบเรียบ ตรงข้ามกับอารมณ์ของเธอที่กำลังเดือดพล่านอยู่เบื้องล่าง

“เพลงดาบแสงตะวันเองก็โดดเด่นไม่แพ้เพลงดาบของเขา”

“...แล้วเรื่องแม่ของเธอ”

“ผมก็จะค้นหาเบาะแสต่อไปเอง”

“เดี๋ยวก่อนสิหนุ่มน้อย พวกเรายังไม่เคยได้พูดคุยเรื่องนี้กันเลย ผมว่า...”

สนธยาแม้จะไม่รู้รายละเอียดความเป็นมา แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความคับขันของเหตุการณ์ และพยายามจะหาทางออก เขาไม่อยากต้องกลายเป็นศัตรูกับมายาเพราะเด็กเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่ทั้งสองฝ่ายก็พึ่งจะทำสัญญาความร่วมมือกันไปเมื่อครู่นี้เอง

“ฉันตกลงกับรัตติกาลเอง ว่าจะรับเขาเป็นศิษย์ และให้เขาติดตามไปด้วย”

อรุณรุ่ง กับรัตติกาลไม่เคยคุยเรื่องนี้กันเลย แต่เธอกลับพูดออกไปแบบนั้น เธอคิดว่าหากปล่อยให้เขาติดตามนักมายากลต่อไป ความสามารถในเชิงดาบของเขาก็จะถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย แต่เหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ เธอโกรธมายาและต้องการจะตอบโต้กลับไปบ้าง

สนธยาเย็นวาบไปทั้งตัว เมื่ออรุณรุ่งเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นแล้ว เขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก รัตติกาลนึกขอบคุณอรุณรุ่งอยู่ในใจ แต่เขาไม่กล้าละสายตาไปจากมายา ความรู้สึกที่ส่งออกมาจากใต้หมวกคลุมนั้นเหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับงูพิษที่พร้อมจะฉกได้ทุกเมื่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ ฉันจะรออยู่ตรงนี้ เธอรีบไปเก็บข้าวของออกมาจากรถเสียก่อน...”

น้ำเสียงของมายากลายเป็นอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ 'ฉันไม่ใช่ผู้ปกครองของเขา และฉันเป็นฝ่ายตกลงให้เขาติดตามมาเอง เมื่อเขาเปลี่ยนใจมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้'

“...นับแต่นี้ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หรือพวกในหมู่บ้านของเธอ ฉันก็จะไม่ยื่นมือช่วยเหลืออีก...แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นต่อหน้าฉันก็ตาม”

น้ำเสียงของเธอที่กล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมาก็ยังคงอ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่ รอยยิ้มที่กำลังจะผลิบานสลายหายไปจากใบหน้าของรัตติกาล เขาเกิดความลังเลขึ้นมาทันที

'นี่มันข่มขู่กันชัดๆ ' อรุณรุ่ง กับสนธยาต่างก็คิดเหมือนกัน

“ช่วยกันหน่อยสิ”

ข้าวเขียวเรียกเพื่อนของเขา แต่คำพูดของเขาก็ทำให้ทุกคนงงงัน 'ช่วยอะไร เรื่องอะไรกัน'

“อ้าว ก็ช่วยกันแบกน้องขวัญขึ้นไปไว้บนรถก่อนสิ แล้วค่อยเก็บของ ถ้าเดี๋ยวฉันต้องแบกคนเดียวก็แย่น่ะสิ”

รัตติกาลช่วยข้าวเขียวแบกร่างของข้าวขวัญขึ้นไปบนรถอย่างงงๆ หรือว่าข้าวเขียวจะฟังอะไรผิดไป เขาจึงไม่สนใจคำขู่ของมายาเลยแม้แต่น้อย

อรุณรุ่ง กับสนธยาก็ช่วยกันแบกร่างของทหารคนนั้นเดินห่างออกไปพร้อมกับพลั่วทั้งสอง สนธยาตั้งใจรอดูว่ารัตติกาลนั้นจะตัดสินใจเลือกเส้นทางใด เด็กคนนั้นจะหวาดกลัวต่อคำขู่ของนักมายากลหรือไม่ ส่วนอรุณรุ่งกลับรู้สึกมั่นใจในคำตอบเดียวที่อยู่ในใจของเธอ


Create Date : 16 สิงหาคม 2553
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 8:01:57 น. 3 comments
Counter : 575 Pageviews.

 
เขียนแล้ว อ่านเพลิน ชวนติดตาม...

จะรออ่านอีกครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 16 สิงหาคม 2553 เวลา:10:18:04 น.  

 
แวะเข้ามายินดีกับเรื่อง วชิระฯ ค่ะ

ดีใจด้วยกับรางวัลนะคะ


โดย: run saya วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:18:40:23 น.  

 
กำลังติดตามอยู่เสมอครับ...ใช้ล็อกอินใหม่นะครับ...ไม่ต้องสงสัย...คนเดียวกันกับบ้านที่ไม่มีอะไร


โดย: ถามวัต สุทธิพงศ์ (เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี ) วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:8:22:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.