ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สงครามครั้งสุดท้าย (64)

เมฆาไม่รู้ว่าข้าวขวัญสามารถนอนหลับไปได้อย่างไรในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เมื่อครู่เขายังเห็นเธอสอดส่ายสายตาไปยังเบื้องล่าง แต่พริบตาต่อมาเธอก็นอนฟุบหน้ากับกิ่งไม้ไปแล้ว 'หากตกลงไปจะทำอย่างไร' เขาพยายามจะขยับเข้าไปหา แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ร่างเงาของเจ้าแมงมุมก็โผล่มาให้เห็นอีกครั้ง

เมฆาตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว เขาได้แต่กอดกิ่งไม้เอาไว้แน่น พร้อมกับภาวนาให้เจ้าแมงมุมรีบจากไปโดยเร็ว ร่างของข้าวขวัญขยับไปมาเล็กน้อยคล้ายกับกำลังติดอยู่ในฝันร้าย เขาจึงรีบภาวนาเพิ่มไปอีกว่า ขออย่าให้เธอร่วงหล่นลงไปในตอนนี้เลย

แมงมุมเงาสอดส่ายสายตาไปมา ทันใดนั้นคล้ายกับมันสามารถรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง มันรีบมุ่งตรงมายังต้นไม้ที่ทั้งสองคนกำลังซ่อนตัวอยู่ทันที 'ไม่ได้การแล้ว' เมฆามองไปยังข้าวขวัญ เธอยังคงนอนกระสับกระส่ายอยู่เช่นเดิม เพื่อความปลอดภัยของเธอ เขาจึงตัดสินใจกระโดดลงจากที่ซ่อนทันที

ดาบในมือตวัดฟันออกไป หลังจากได้พักผ่อนมาครู่ใหญ่ เรี่ยวแรงของเมฆาก็เริ่มฟื้นคืนกลับมาบ้างแล้ว แต่เขารู้ตัวดีว่าไม่อาจต่อสู้อย่างยืดเยื้อได้อีก 'ต้องล่อให้มันไปที่อื่น' เขาจู่โจมใส่แมงมุมเงาอีกสองสามดาบก่อนค่อยๆ ถอยหนีออกห่างจากต้นไม้นั้น 'ตามมาเลย'

ตอนแรกเจ้าแมงมุมดูเหมือนจะติดตามมา แต่ทันใดนั้นมันกลับเปลี่ยนทิศทางไปยังต้นไม้ต้นนั้นอีกครั้ง

“ไม่นะ”

สองขาหน้าของเจ้าแมงมุมเริ่มไต่ขึ้นไปบนต้นไม้ เมฆาจึงรีบเข้าไปพัวพันมันเอาไว้ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้มันยิ่งอารมณ์เสีย มันส่งเสียงขู่แปลกๆ ก่อนหันมาเล่นงานเขา แต่พอเขาเริ่มถอยห่างออกมา มันก็พยายามที่จะไต่ขึ้นไปบนต้นไม้อีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว 'ถึงแม้จะมีเพียงคนเดียว ก็ต้องจัดการกับมันให้ได้'

เมฆาทุ่มเทพลังสัญญาที่เหลืออยู่ทั้งหมดใส่ลงไปในดาบ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาจะไร้ผล ขาที่เหมือนกับดาบทั้งหกเล่มของมันสามารถหยุดดาบเพียงเล่มเดียวของเขาเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะโหมจู่โจมอย่างไร เขาก็ไม่อาจเข้าถึงตัวมันได้เลย

'ตอนนี้เจ้าอาจยังไม่เข้าใจ แต่สักวันหนึ่งเมื่อเจ้ามีสิ่งที่ต้องปกป้อง เจ้าก็จะเข้าใจเอง' คำสอนของบิดาเมื่อครั้งยังเป็นเด็กผุดขึ้นมาในหัว ตอนนี้เมฆานับว่าพอจะเข้าใจมันขึ้นมาบ้างแล้ว เขาคิดที่จะแลกชีวิตของตนเองกับเจ้าแมงมุม เพื่อปกป้องข้าวขวัญเอาไว้ให้ได้

มีเงาภายใต้เสื้อคลุมสีดำโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ ในมือของเธอมีดาบสั้นเล่มหนึ่ง ดาบสั้นที่กำลังเปล่งประกายสีเหลืองนวลดุจดวงจันทร์วันเพ็ญ แมงมุมเงารีบถอยห่างออกไปทันที เมฆาพึ่งเคยเห็นมันแสดงท่าทางหวาดกลัวให้เห็นเป็นครั้งแรก นักมายากลทั้งหมดควรยังอยู่กับกองทัพ หรือว่าพวกนั้นจะยอมส่งคนเหล่านี้ออกมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา

“โจมตีพร้อมกันเร็ว”

นักมายากลตะโกนพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ เมฆาเองก็ไม่รอช้ารีบประสานการโจมตีทันที 'มีอะไรแปลกๆ กับเสียงของเธอ' เขาคิดว่าเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยเหมือนกับเสียงของผู้หญิงเลย นอกจากนั้นเพลงดาบของเธอ ยังดูคุ้นตาอย่างแปลกประหลาดอีกด้วย

ดาบสั้นเล่มนั้นไม่อาจกรีดอากาศให้พลังสัญญาหลั่งไหลออกมา แต่ดูเหมือนว่าเจ้าแมงมุมจะหวาดกลัวมันยิ่งกว่าสิ่งใด ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังรุกไล่มันอยู่นั้น หมวกคลุมของนักมายากลก็เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใน เมฆาส่งเสียงร้องออกไปอย่างคาดไม่ถึง

“ท่านข้าวขวัญ”

เมื่อครู่นี้ข้าวขวัญยังนอนหลับอยู่บนต้นไม้ แต่ตอนนี้เธอกลับกำลังโลดแล่นกวัดแกว่งดาบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“นั่นน้องสาวฉัน”

เสียงทุ้มของผู้ชายตอบกลับมา เขาตวัดดาบสั้นในมือขับไล่ให้เจ้าแมงมุมต้องถอยห่างออกไปอีกครั้ง เมฆาหันมามองนักมายากลอย่างงงงัน ใบหน้านั้นเหมือนกับข้าวขวัญไม่มีผิด แต่คนผู้นี้เป็นผู้ชาย และนั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่นักมายากลอย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก

“นายเป็นใครกัน”

“ฉันข้าวเขียว เป็นพี่ชายของข้าวขวัญ”

“...เพลงดาบที่นายใช้เป็นของรัตติกาลใช่ไหม”

ข้าวเขียวพยักหน้า เมฆาไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดเพลงดาบของเขาจึงดูคุ้นตาอย่างประหลาด มันเป็นเพลงดาบดั้งเดิมของรัตติกาลก่อนที่เขาจะนำมารวมเข้ากับเพลงดาบแสงตะวัน พวกมันจึงมีความคล้ายคลึงกันอยู่มากนั่นเอง

“หยุดคุยก่อน มันมาอีกแล้ว”

ข้าวเขียวกวัดแกว่งดาบสั้นในมือ ประกายสีเหลืองนวลของมันค่อยๆ หดหายลงไปเรื่อยๆ ทั้งสองแยกออกจากกัน เพื่อทำการจู่โจมจากทั้งสองด้าน เจ้าแมงมุมจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่มันยังคงพยายามที่จะไปให้ถึงต้นไม้ต้นนั้นให้ได้

“ปล่อยมันไปแล้วรีบหนีกันเถอะ”

ข้าวเขียวตะโกนบอก

“ไม่ได้ ท่านข้าวขวัญอยู่บนต้นไม้ต้นนั้น”

เมฆาตะโกนด้วยความตกใจ ดูเหมือนว่าข้าวเขียวจะไม่รู้เลยว่าน้องสาวของตนหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เขาอาจผ่านมาเห็นในตอนที่กำลังต่อสู้กับเจ้าแมงมุมอยู่พอดี จึงลงมือช่วยเหลือ

ข้าวเขียวมองขึ้นไปบนต้นไม้ ความรู้สึกแปลกๆ ที่คอยรบกวนจิตใจเขาอยู่เมื่อครู่ คงเป็นเพราะข้าวขวัญกำลังตกอยู่ในอันตรายนั่นเอง แต่เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดแมงมุมเงาตัวนี้จึงไม่ยอมไปเสียที หากไม่ใช่เป็นผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีมาเองแล้ว เมื่อได้พบเห็นประกายของดาบจุลจันทรา พวกเงาประหลาดจะรีบหลบหนีไปโดยเร็วทุกครั้ง ซึ่งทำให้เขาสามารถรอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้

เมื่อรู้ว่าน้องสาวของตนกำลังตกอยู่ในอันตราย ประกายสีเหลืองนวลของจุลจันทราก็กลับมาเจิดจ้าอีกครั้ง ข้าวเขียวสลับเท้าก้าวย่างอย่างรวดเร็ว เขาเคยเห็นวิธีการฟันแบบนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในวันที่อรุณรุ่งประลองดาบกับรัตติกาล ดาบที่เกือบทำให้ทุกคนต้องเสียใจ เขาถึงกับสามารถฟันดาบเช่นนี้ออกได้

เมฆามองดูเพลงดาบของข้าวเขียวอย่างตื่นตะลึง เขาเคยคิดว่านอกจากรัตติกาลแล้ว คงไม่มีใครสามารถฟันดาบที่รวดเร็วเช่นนี้ได้อีก

“หยุดนะ”

เสียงนั้นยังไม่ทันดังขึ้น ความรู้สึกบางอย่างก็สั่นไหวเข้าไปในจิตใจของข้าวเขียวก่อนแล้ว แนวของดาบถูกเบี่ยงเบนไปเล็กน้อย แทนที่มันจะผ่าร่างของแมงมุมเงาออกเป็นสองส่วน กลับเพียงตัดขาสองข้างขาดกระเด็นไปเท่านั้น พอสิ้นเสียงร้อง ดาบของเขาก็ปักลงสู่พื้นแล้ว

เมฆามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ดาบเมื่อครู่นี้สมควรจะจัดการกับมันได้แล้วชัดๆ และผู้ที่ส่งเสียงร้องห้ามนั้น กลับกลายเป็นข้าวขวัญที่พึ่งฟื้นตื่นขึ้นมานั่นเอง

ข้าวขวัญรีบลงจากต้นไม้แล้วมาหยุดยืนอยู่เคียงข้างพี่ชาย แมงมุมเงาที่อยู่ตรงหน้ายกขาข้างที่เหลือของมันขึ้น คล้ายกับต้องการจะปิดบังใบหน้าของมันเอาไว้

“พี่ข้าวเขียวปลอดภัยดีใช่ไหมคะ”

“น้องขวัญห้ามพี่ทำไม”

ข้าวขวัญไม่กล้าหันไปสบตาพี่ชาย

“...มัน...เขาคือ...พี่...กล้าไพร”

“อะไรนะ”

ข้าวเขียวร้องลั่น เมฆาไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ ข้าวขวัญค่อยๆ ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ตัวของเจ้าแมงมุมเริ่มสั่น ข้าวเขียวขยับดาบ แต่เธอรีบยกมือขึ้นห้าม ร่างเงาของมันค่อยๆ บิดเบี้ยวผิดรูป ก่อนกลับคืนสู่ร่างที่ดูคล้ายมนุษย์ เขาต้องยอมรับในที่สุดว่ามันคือกล้าไพรจริงๆ

“...ขอ...โทษ...”

เสียงที่แหบพร่าดังครวญครางมาในสายลม ขอบฟ้าทางทิศตะวันออกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ราตรีที่แสนยาวนานกำลังจะถูกดวงอาทิตย์ขับไล่ให้จากไป แต่ในไม่ช้ากลางคืนที่มืดมิดก็จะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง เงาของกล้าไพรโผเข้าหาข้าวขวัญก่อนจางหายไปในอ้อมกอดของเธอ

“...เขาหายไปไหนแล้ว”

“เขาไม่ได้หายไป เขายังคงอยู่กับเรา...อยู่กับน้องขวัญ”

“ทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”

“...พี่เขาแค่หลงทางไปเท่านั้น...อย่าพึ่งสนใจเรื่องนี้เลย มีงานที่สำคัญกว่ากำลังรอคอยพวกเราอยู่”

ข้าวขวัญเหม่อมองไปที่ลูกกลมสีแดงที่กำลังค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปทีละน้อย ข้างใต้นั้นมีเงาสีดำกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวทั้งสามคนก็ได้เห็นว่าผู้ที่กำลังควบขับม้ามาอย่างเร่งร้อนนั้น คือคนที่พวกเขาทุกคนต่างรู้จักดี

รัตติกาลดีใจที่พบว่า ข้าวขวัญ กับเมฆานั้นยังปลอดภัยดี และดีใจยิ่งขึ้นไปอีกที่ได้พบเห็นเพื่อนเก่าที่ต้องจากกันมานาน เขากระโดดลงจากหลังม้าพร้อมกับโผเข้ากอดข้าวเขียวด้วยความยินดี

“เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกจะผอมลงไปหน่อยนะ”

ข้าวเขียวหัวเราะอย่างยินดี

“ลองมาติดอยู่ในป่าท่ามกลางตัวประหลาดพวกนี้ วันๆ ต้องคอยหลบซ่อน หาทางเอาชีวิตรอดแบบฉันดูบ้างสิ รับรองว่าต้องผอมเหมือนฉันแน่”

ใบหน้าของรัตติกาลเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวความลำบากของเพื่อน

“เรารีบตามไปสมทบกับกองทัพกันเถอะ”

“ใช่ พอได้ยินเสียงของการต่อสู้ ฉันก็รีบเร่งมาทันที มีข่าวสำคัญที่ต้องรีบแจ้งให้พวกเขารู้”

รัตติกาลออกความเห็น และข้าวเขียวก็รีบสนับสนุน

“ไม่ได้ เรามีงานสำคัญต้องรีบทำ”

ทั้งสองคนหันไปมองข้าวขวัญอย่างไม่เข้าใจ เมฆารีบสนับสนุนความคิดเห็นทั้งสองคน

“เราต้องรีบกลับไป ถึงแม้จะมีกองทัพของนักมายากลมาเพิ่มเติม แต่พวกเขาก็ยังต้องการพลังของรัตติกาลอยู่ดี”

“อะไรนะ”

ข้าวเขียวร้องด้วยความตกใจ พร้อมกับถามเมฆาเพิ่มเติม

“พวกเขาพบกับกองทัพของนักมายากลแล้วหรือ”

“ใช่ ท่านมายานำกองทัพมาช่วยพวกเราเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี”

“ถ้าอย่างนั้น ก็ยิ่งต้องรีบไปเตือนพวกเขาโดยเร็วที่สุด”

ข้าวขวัญกางแขนออกยืนขวางพวกเขาเอาไว้

“ผนึกเก่าสูญสลายเงาร้ายหวนกลับคืน แสงจันทร์พลันถูกกลืนด้วยเปลวแห่งไฟสงคราม หมุนเข็มทิศให้ชี้ช่องเสกกุญแจเปิดหนทาง สายเลือดแต่โบราณทวงสัญญาจ้าวราชันย์”

พอข้าวขวัญท่องจบ ข้าวเขียวก็จดจำได้ในทันทีว่ามันคือคำทำนายที่ซุกซ่อนอยู่ในบันทึกของมายา ที่เขาพบเจอด้วยความบังเอิญนั่นเอง และจากคำพูดของเธอ มันคือความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ เขารีบถามด้วยความตื่นเต้น

“น้องขวัญไปได้ยินมันมาจากที่ไหน”

“ไม่มีเวลาแล้ว หากต้องการจะหยุดเคออส พวกเราต้องรีบลงมือทันที”

“...แต่พี่ก็มีเรื่องที่ต้องรีบเตือนทางกองทัพ ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องตายกันหมดแน่”

ทั้งสี่คนมองหน้ากันไปมา เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะคับขันมากกว่าที่พวกเขาเคยคิด แต่ละคนดูเหมือนจะรับรู้เรื่องราวที่ซับซ้อนเพียงคนละส่วนเสี้ยวเท่านั้น ทั้งหมดรีบแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญที่มีอยู่ และทำการตัดสินใจร่วมกันอย่างรวดเร็ว

#####

ม้าตัวหนึ่งควบตะบึงไปอย่างบ้าคลั่ง คนที่นั่งอยู่บนหลังลงแส้มันอย่างต่อเนื่อง หากสามารถติดปีกโผบินขึ้นฟ้าได้ก็คงทำไปแล้ว ในจังหวะที่วิ่งผ่านเข้าไปในเงาไม้หนาทึบ ซึ่งถูกย้ำหลายครั้งว่าไม่ควรทำ เงาประหลาดกลุ่มหนึ่งพุ่งจู่โจมเข้าใส่ทั้งคนและม้า ผืนป่า และท้องทุ่งกลับคืนสู่ความสงบ ความลับที่มีความสำคัญถูกกลบฝังไปพร้อมกับเงามืดเหล่านั้น


Create Date : 02 พฤษภาคม 2554
Last Update : 2 พฤษภาคม 2554 11:50:56 น. 3 comments
Counter : 571 Pageviews.

 
ไหมล่ะ...

ไม่นึกเหมือนกันนะครับว่า จะทำนายแม่น

และขอทำนายต่อว่า นั่นเป็นมายาตัวปลอม

แต่ที่สงสัยอยู่ในขณะนี้ คือ ย่อหน้าสุดท้าย มันเกิดอะไรขึ้น


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 3 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:07:19 น.  

 
หนึ่งในสี่คนนั้น
พยายามไปเตือนกองทัพแต่โดนพวกเงาขัดขวางเอาไว้ครับ


โดย: zoi วันที่: 3 พฤษภาคม 2554 เวลา:17:19:53 น.  

 
Ah!

สาทุ...

ขอให้เป็นเมฆา ด้วยเถิด


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 4 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:41:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.