ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ ผู้ชักใย (15)

ภาพเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ กล้าณรงค์พยายามจะลืมย้อนกลับมาอีกครั้ง มันยังคงชัดเจนเหมือนกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางแรงกดดัน และความสับสนวุ่นวายในวันนั้น ดาบเดียวที่เขาฟันออกไปโดยขาดความยั้งคิด เพียงดาบเดียวที่เขาฟันออกไปด้วยอารมณ์ ดาบนั้นได้พรากคนที่รักที่สุดไปจากเขาตลอดกาล

กล้าไพรยังคงเดินหน้าเข้าหาพร้อมกับกวัดแกว่งจุลจันทราในมือฟาดฟันเข้าใส่กล้าณรงค์อย่างสุดกำลัง น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลรินลงมาอาบแก้ม เขาแกว่งดาบในมือเข้าต้านรับดาบของลูกชาย ถึงแม้เรี่ยวแรงของกล้าไพรจะมีมากกว่า แต่กล้าณรงค์กลับใช้วิถีดาบที่พลิกแพลงเข้าสลายพลังเอาไว้ได้

“ท่าทางไม่ดีเสียแล้ว”

วาณิชกระซิบเบาๆ เพื่อให้มายาได้ยินเพียงคนเดียว เขามองเห็นโอกาสที่กล้าณรงค์สามารถโจมตีใส่ลูกชายได้อย่างน้อยก็สองครั้งแล้ว แต่กลับปล่อยให้มันผ่านเลยไป และนั่นทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล

มายาพยายามสลัดความรู้สึกที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจออกไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องคิดแก้ไขสถานการคับขันนี้ให้ได้เสียก่อน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความประมาทของเธออีกครั้ง เพราะเธอคิดเอาเองว่ามันคงไม่สามารถควบคุมเด็กคนนั้นได้อีกแล้ว หลังจากที่การปะทะกันในครั้งแรกสิ้นสุดลง จึงไม่ได้เตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อน

เธอหวนนึกถึงบันทึกเก่าๆ ที่เคยได้อ่าน ผู้เคลื่อนไหวในยามค่ำคืน นั้นบางครั้งถูกเรียกด้วยชื่อที่แตกต่างออกไปอีกหลายชื่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ผู้เชิดหุ่น ซึ่งเธอเคยคิดว่ามันอาจหมายถึงการเป็นผู้คอยวางแผนอย่างลับๆ แต่ในตอนนี้เธอเข้าใจดีแล้วว่ามันหมายความตามนั้นจริงๆ มันสามารถบังคับร่างของเด็กคนนี้ได้ตามที่มันต้องการเหมือนกับเป็นเพียงหุ่นตัวหนึ่ง

ถึงอย่างไรกล้าณรงค์ก็คงไม่อาจทำร้ายลูกชายได้แน่ และหากวาณิชฉวยจังหวะช่องว่างโจมตีเข้าใส่เด็กคนนั้น ดาบของผู้เป็นพ่อก็คงวกเข้าใส่เขา ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนไม่เป็นผลดีทั้งสิ้น เธอไม่อาจยอมให้ทั้งสองคนต้องได้รับบาดเจ็บเพื่อที่จะจับตัวเด็กคนนั้น เพราะนั่นอาจหมายถึงว่าทุกคนอาจจะต้องพบจุดจบร่วมกันในค่ำคืนนี้

ถ้าหากต้องเลือก เธอก็มีความจำเป็นที่ต้องเก็บวาณิชเอาไว้ ถึงแม้จะไม่เคยชอบใจเขาเลยก็ตาม แต่เขาก็เป็นเพียงสิ่งเดียวในคำทำนายที่เธอได้พบ และเธอก็ยังคงจดจำคำสัญญาที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะต้องช่วยกล้าไพรด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธออาจต้องยอมเสียกล้าณรงค์ไป

วาณิชเองก็คล้ายกับจะสามารถอ่านความคิดของมายาออก หรือไม่ก็เป็นเพราะทั้งสองคนนี้มีวิธีคิดที่คล้ายๆ กันนั่นเอง หากเขาปล่อยให้การต่อสู้ดำเนินต่อไป ในที่สุดกล้าณรงค์จะต้องถูกจัดการ แล้วในจังหวะนั้นเขาก็จะสามารถฉวยโอกาสลงมือกับกล้าไพรจัดการทั้งสองคนพร้อมกันได้ในทันที

“...ยังไงก็ยั้งมือ ช่วยเด็กนั่นเอาไว้ด้วย”

คำพูดเบาๆ ที่หลุดออกมาจากปากของมายานี้ทำให้วาณิชต้องจ้องหน้าเธออย่างไม่เชื่อหู แต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้าช้าๆ ทั้งสองคนสามารถตกลงกันได้โดยแทบจะไม่ต้องพูดจาอะไรกันเลย

พวกเด็กๆ ที่ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวได้แต่เป็นห่วงสองพ่อลูกที่กำลังต่อสู้กัน ข้าวขวัญถึงกับยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยมี ข้าวเขียวพยายามปลอบใจน้องสาว ส่วนรัตติกาลนั้นยังคงจ้องมองดูการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจึงรู้สึกสนใจการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ มีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างในใจของเขาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในค่ำคืนนี้ เขาอยากที่จะเก่ง อยากเก่งขึ้นให้มากกว่านี้ อย่างน้อยให้เท่ากับกล้าไพรได้ก็ยังดี

'นั่นมันอะไรกัน' รัตติกาลคิดขึ้นในใจพร้อมกับพยายามทำความเข้าใจว่าสิ่งที่เขากำลังมองเห็นอยู่นั้นคืออะไรกันแน่ เขาเห็นเส้นสีดำเล็กๆ จำนวนหนึ่งโผล่ออกมาจากร่างกายส่วนต่างๆ ของกล้าไพร เส้นสีดำเหล่านั้นพุ่งตรงลงไปบนพื้นที่มีเงาทอดยาวอยู่ เส้นพวกนี้มีขนาดที่เล็กมาก เขาจึงแทบจะมองไม่เห็นพวกมันเลยในตอนแรก

เขามองตามเงาบนพื้นไปจนกระทั่งพบกับเจ้าของเงาสีดำนั้น มันคือตัวประหลาดที่ยืนอยู่ข้างนอกพายุหมุนนั่นเอง เงาของผู้เคลื่อนไหวในยามค่ำคืนนั้นยื่นยาวเข้ามาอย่างผิดธรรมชาติ รัตติกาลพลันเข้าใจเรื่องทั้งหมด เจ้าตัวประหลาดนั่นกำลังบังคับร่างของกล้าไพรโดยอาศัยสายสีดำที่ยื่นออกมาจากเงาของมันนั่นเอง

เขาค่อยๆ ขยับเคลื่อนตัวเข้าไปเพื่อบอกเรื่องนี้กับวาณิช เขาไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวว่าหากเจ้าเงาประหลาดนั้นรู้ตัวเข้าเสียก่อน มันอาจจะทำอะไรแปลกๆ ขึ้นอีกก็เป็นได้ แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง วาณิชก็ขยับเคลื่อนตัวเข้าหาสองพ่อลูกที่กำลังต่อสู้กันอยู่

วาณิชคิดว่าจังหวะที่เขารออยู่นั้นกำลังจะเกิดขึ้น ช่วงเวลาที่กล้าณรงค์จะเปิดช่องว่างให้ลูกชายโจมตี เขาตกเป็นฝ่ายรับติดต่อกันมาหลายดาบแล้ว กำลังของเด็กคนนั้นในยามนี้ไม่เหมือนกับคนทั่วไป แม้เขาจะใช้การเบี่ยงเบนวิถีของดาบเพื่อลดแรงปะทะ แต่ก็คงไม่สามารถทำแบบนั้นต่อไปได้นานนัก เขากำลังจะมาถึงขีดจำกัดในไม่ช้านี้แล้ว

วาณิชนับจำนวนโอกาสที่กล้าณรงค์จะโจมตีเด็กคนนั้นได้ทั้งหมดสิบสองครั้ง ครั้งสุดท้ายนั้นดูเหมือนเขาลังเลคิดจะลงมือ แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้โอกาสนั้นผ่านเลยไป วาณิชไม่คิดว่ามันจะมีครั้งที่สิบสามอีกแล้ว และต่อให้มีจริงเขาก็คงจะไม่ยอมลงมือเช่นเดิม

วาณิชขยับเคลื่อนตัวเข้าไปอย่างระมัดระวัง แน่ละเขาไม่ได้แค่ระวังเด็กคนนั้น แต่ยังระวังพ่อของเขาด้วย กล้าณรงค์นั้นเป็นทหารเก่า แถมยังดูเหมือนจะเคยผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ถึงตอนนี้ก็คงพอจะคิดออกแล้วว่าวาณิชกำลังคิดจะทำอะไร

“ฉันจะช่วยเขาเอาไว้ให้ได้...ฉัน...สัญญา...”

วาณิชตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด เขาไม่ต้องการให้มีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น กล้าณรงค์ยิ้มเหยียดๆ พร้อมกับยกดาบขึ้นต้านดาบของลูกชายที่ฟันเข้ามาอย่างสุดแรง ในจังหวะที่ดาบทั้งสองกำลังจะปะทะกัน เขาก็เอียงดาบไปทางด้านข้างปล่อยให้แรงของมันถ่ายเทออกไปทางปลายดาบ แต่ถึงอย่างนั้นแขนของเขาก็แทบจะชาด้านไปหมดแล้ว

“...ฝากเด็กคนนี้ด้วยนะ”

กล้าณรงค์เข้าใจแผนของคนพวกนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาเองก็คิดวิธีการอื่นไม่ออกเช่นกัน หากคิดจะจับเป็นลูกชายก็ต้องได้รับความช่วยเหลือจากวาณิช และพวกเขาทั้งสองก็คงต้องได้รับบาดเจ็บกันไม่มากก็น้อย ซึ่งพวกนั้นต้องไม่ยอมเสี่ยงแน่ เพราะยังมีผู้เคลื่อนไหวในยามค่ำคืนยืนรออยู่ข้างนอกพายุนั่น

เขาเองก็ไม่อาจตัดใจลงมือฟันเด็กคนนั้น หรือปล่อยให้ใครทำร้ายเขาได้ สุดท้ายคงได้แต่ยินยอมให้ใช้ตัวเองเป็นเครื่องสังเวย แต่เขาก็ยังอุ่นใจขึ้นบ้าง ที่คนพวกนั้นยังคงพยายามที่จะรักษาสัญญาเอาไว้ 'นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อพอจะทำให้ลูกได้ ยกโทษให้พ่อด้วยนะ'

เมื่อไม่สามารถเข้าถึงตัววาณิชได้ รัตติกาลจึงกระซิบสิ่งที่เขาคิดให้มายาฟังแทน เธอรีบมองไปยังเงาแปลกประหลาดที่ทอดยาวอยู่บนพื้น และได้เห็นสิ่งที่เด็กชายบอกทันที ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในหัวของเธอก็คือ 'เด็กคนนี้มองเห็นมันได้ยังไงกัน เขาเป็นตัวอะไรกันแน่'

แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้แล้ว มายารู้ดีว่าพวกเขากำลังจะลงมือ แต่เธอก็ยังคิดแผนอย่างอื่นไม่ออก เส้นด้ายที่เกิดจากเงาเหล่านั้น คงไม่อาจตัดให้ขาดได้ด้วยดาบธรรมดา อาวุธชิ้นเดียวที่เธอพอจะฝากความหวังเอาไว้ได้ก็ตกไปอยู่ในมือของเด็กคนนั้นเสียแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เธอจะสามารถทำได้อีกแล้ว

กล้าณรงค์จ้องมองดูใบหน้าของลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย 'เป็นแบบนี้อีกแล้ว แต่อย่างน้อยฉันก็จะปกป้องคนที่เธอรักที่สุดเอาไว้ให้ได้' ภาพของจุลจันทราในมือของลูกชายที่ถูกยกชูขึ้นนั้น มองดูเชื่องช้าเหมือนกับเวลากำลังจะหยุดเดิน 'อย่าทำหน้าแบบนั้นสิลูกรัก ขอให้พ่อได้เห็นรอยยิ้มของลูกเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด'

คมของจุลจันทรากรีดซ้ำลงบนแผลเก่าบนหน้าอกของกล้าณรงค์ พร้อมกับเสียงกรีดร้องของพวกเด็กๆ เขาไม่แม้แต่จะยกดาบในมือขึ้นต้านรับ และตลอดเวลานั้นสายตาของเขาไม่เคยห่างไปจากใบหน้าของลูกชายเลย อาการชาค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วร่าง ก่อนที่ความเจ็บปวดจะค่อยๆ เข้ามาแทนที่

ในขณะที่เลือดกำลังไหลออกจากร่าง ความเย็น และความมืดก็จู่โจมเข้ามา สิ่งสุดท้ายที่ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา คือภาพใบหน้าของหญิงสาวที่เขาพยายามที่จะลืมมาทั้งชีวิต 'ฉันกำลังจะไปหาเธอแล้ว'

วาณิชรีบฉวยโอกาสลงมือในทันที ตอนนี้ดาบในมือของเด็กชายถูกร่างพ่อของเขาหยุดเอาไว้แล้ว เป้าหมายของ วาณิช คือต้องสยบการเคลื่อนไหวลงอย่างรวดเร็ว บริเวณด้านหลังของลำคอน่าจะได้ผลสูงสุด มือซ้ายของเขาพลันขยับฟันออกไป โดยใช้ส่วนของมือที่กุมด้ามดาบเอาไว้ไม่ใช่ส่วนที่เป็นคมดาบ จึงทำให้มันเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงไปเล็กน้อย

“หยุดเดี๋ยวนี้นะกล้าไพร”

ข้าวเขียวตะโกนออกมาอย่างเหลืออด และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ดูเหมือนกล้าไพรจะหันมาตามเสียงนั้น และเมื่อภาพของข้าวขวัญที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ในแนวสายตา ใบหน้าของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาหันกลับไปหาร่างของพ่อที่ร่วงลงไปนอนกองอยู่บนพื้น หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมาจากตาข้างขวาของเขา

วาณิชไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ด้ามดาบกระแทกลงตรงตำแหน่งที่เขาเล็งเอาไว้อย่งแม่นยำ แต่ปฏิกิริยาของเด็กคนนั้นกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด วาณิชไม่ทันได้คิดให้รอบคอบว่า เด็กชายนั้นไม่ได้เป็นคนควบคุมร่างของตนเองตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นการโจมตีใส่ตัวหุ่นเชิดย่อมไม่มีผล

เส้นด้ายสีดำเหล่านั้นเริ่มขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่ร่างของเด็กชายคล้ายกับพยายามออกแรงต่อต้านขัดขืน คนที่เคลื่อนไหวก่อนใครกลับเป็นมายา นี่เป็นโอกาสที่เธอไม่ได้คาดฝัน ความคิดต่างๆ ถูกลบหายออกไปจากใจทั้ง ความกังวล ความลังเล ไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัว นี่คือวิธีการเดียวกับเวลาที่เธอต้องการใช้พลังจากสัญญาแห่งจันทรา แต่ตอนนี้เธอนำมาใช้เพื่อควบคุมให้ร่างกายทำตามความต้องการของเธอ

รัตติกาลเห็นร่างของมายายืนอยู่ใกล้ๆ แต่ชั่วพริบตาต่อมา เธอก็ไปอยู่ตรงหน้ากล้าไพรแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินไป รวดเร็วจนไม่มีใครขยับตัวได้ทัน ยกเว้นอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เพราะว่ามันผู้นั้นไม่ใช่คน ผู้เชิดหุ่นขยับเงาของมันให้ส่งคำสั่งไปตามเส้นด้ายทันที แต่ว่าสำนึกของกล้าไพรทำให้จังหวะของเส้นด้ายแกว่งไกวไปชั่ววูบหนึ่ง ความเคลื่อนไหวทั้งหมดจึงเชื่องช้าลง

จุลจันทราพุ่งวาบเข้าใส่ร่างของมายา เธอไม่เพียงแต่ไม่ยอมหลบดาบนั้น แต่กลับยื่นมือขวาออกไปข้างหน้า มือขาวผ่องข้างนั้นโผล่พ้นออกมาจากเสื้อคลุม นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ทุกคนจะได้เห็นมือข้างนี้ คมดาบสัมผัสกับมือข้างนั้น แต่แขนของกล้าไพรยังคงส่งแรงฟันต่อเนื่องลงไป ผู้เชิดหุ่นคงไม่พอใจแค่มือข้างนั้น มันต้องการฟันร่างของนักมายากลให้ขาดออกเป็นสองท่อนในคราวเดียว

ข้าวขวัญกรีดร้องออกมาอีกครั้งอย่างสุดเสียง ข้าวเขียวยกสองมือขึ้นปิดหน้าแต่กลับแยกนิ้วออกเพื่อให้มองลอดออกมาได้ ไม่มีแขนขาดตกลงมา ไม่มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่มีเลือดสาดกระจาย ดาบจุลจันทราที่เคยอยู่ในมือของกล้าไพรได้สูญหายไปเสียแล้ว

มายายกมือซ้ายขึ้นจุลจันทราก็กลับมาอยู่ในมือของเธออีกครั้ง มันส่องแสงนวลใยที่เข้มข้นออกมารอบๆ คมดาบ มายาตวัดมือฟันดาบออกไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของเธอคือเส้นด้ายเงาที่ยึดโยงร่างของเด็กคนนี้เข้ากับมัน

“ผึง ผึง ผึง ผึง...”

เสียงแปลกๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่เส้นด้ายนั้นขาดลง มันจะส่งเสียงเหมือนกับเส้นลวดเหล็กที่ขึงจนตึงถูกตัดขาด ร่างของกล้าไพรค่อยๆ ร่วงลงไปกองกับพื้น เมื่อด้ายเส้นสุดท้ายถูกตัดขาด มายาก็ตวัดดาบปักลงที่เงาบนพื้นทันที

“อ๊าก...”

ผู้เชิดหุ่นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เงาของมันพลันหดกลับไปยังร่างที่อยู่ข้างนอกพายุ มายาขยับมือขวาอีกครั้ง มีเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่มีแขนเสื้อที่ยาวมากพร้อมกับสายรัดยาวๆ ตลอดตัว

“รีบใส่เสื้อให้เขาแล้วมัดเอาไว้ให้แน่น”

ต้องไม่มีความผิดพลาดแบบเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีก วาณิชรีบคว้าเสื้อตัวนั้นเอาไว้ทันที เขาใส่เสื้อตัวนั้นให้กล้าไพรอย่างรวดเร็ว สายรัดตลอดตัวถูกรัดด้วยปมที่แน่นหนา แต่ทุกครั้งก่อนที่จะรัด เขาจะสอดมือข้างหนึ่งเอาไว้ข้างใต้ด้วย ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพื่อให้มั่นใจว่าปมพวกนี้จะไม่แน่นเกินไป จนทำให้ร่างกายของกล้าไพรได้รับบาดเจ็บจากการถูกมัด แขนเสื้อยาวทั้งสองถูกตลบไปมัดเอาไว้ทางด้านหลัง และทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น

วาณิชดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการใช้ชุดแบบนี้จริงๆ แต่ทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น และทำไมมายาจึงมีของแบบนี้อยู่ด้วย นั่นเป็นเรื่องเก่าๆ ที่เขาไม่อยากนึกถึงอีก

วาณิชได้รับรู้เรื่องราวสำคัญอย่างหนึ่งจากการมัดร่างของเด็กชายเอาไว้ มีรอยสีแดงเปื้อนอยู่บนเสื้อคลุมตัวนี้ มายาไม่ได้ว่องไวมากอย่างที่ทุกคนคิด เธอได้รับบาดเจ็บจากการรับดาบนั้นของเขา และหากความเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้เชื่องช้าลง ตอนนี้มือของเธอคงต้องขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว

เธอเป็นคนที่รู้จักความสามารถของตัวเองเป็นอย่างดี เธอต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ยังตัดสินใจที่จะทำมัน การได้พบเจอกับคนเหล่านี้ทำให้เธอเปลี่ยนไป เธอยอมเสี่ยงแม้แต่กับความปลอดภัยของตัวเอง หรือว่าพวกเขาจะเป็นเป้าหมายที่เธอออกค้นหา แต่วาณิชก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ความหวังสุดท้ายในการต่อต้านเคออสคือเด็กๆ พวกนี้

พวกเด็กๆ ต่างรีบวิ่งตรงไปหาร่างของกล้าณรงค์ที่นอนอยู่ ข้าวเขียวฉุดดึงมือของข้าวขวัญให้เข้าไปด้วยกัน สภาพของเด็กหญิงในตอนนี้นั้นแตกตื่นจนแทบจะคุมสติไว้ไม่อยู่แล้ว

“ทั้งสองคนรีบช่วยกันแบกเพื่อนของพวกเธอขึ้นมา แล้วไปต่อเร็ว”

มายาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่พวกเด็กๆ ยังเอาแต่นั่งล้อมรอบร่างของกล้าณรงค์เอาไว้ บาดแผลที่อกของเขานั้นลึกมากจนเด็กๆ ต่างรู้ว่าเขาคงไม่รอดแน่ แม้แต่ข้าวเขียวยังไม่อาจโวยวายเพื่อขอให้มายาช่วยเหลือ มีน้ำเสียงที่อ่อนล้าดังเล็ดลอดออกมาจากปากของเขา

“...เขา...ปลอด...ภัย...ไหม...”

สิ่งที่เขาห่วงที่สุดยังคงเป็นลูกชาย ข้าวเขียวได้แต่ยื่นมือออกไปกุมมือของเขาเอาไว้พร้อมกับพยักหน้ารัวๆ

“เขาปลอดภัยแล้วครับ”

รัตติกาลเป็นคนที่ส่งเสียงตอบแทน

“...บอกเขา...ว่า...ฉัน...รัก...เขา”

กล้าณรงค์เอียงหน้าไปทางมายา แม้ว่าเขาจะไม่อาจกล่าวคำพูดอะไรได้อีก แต่มายาก็สามารถเข้าใจในคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของเขาได้

“...ฉันสัญญาแล้ว ฉันจะช่วยเขาไว้ให้ได้”

เขายิ้มเหยียดๆ ออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะนอนแน่นิ่งไปในที่สุด


Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 8:28:57 น. 1 comments
Counter : 697 Pageviews.

 
อยากรู้จุดประสงค์ของมายาจัง อ่าน ๆ แล้วยังไม่เข้าใจ แต่จะรอตอนต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร


โดย: (ขพจ.) (บ้านที่ไม่มีอะไร ) วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:18:19:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.