ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สนธยามาเยือน (25)

จุลจันทราหายวับไปจากมือของมายา ผู้ที่มาจากมหาอาณาจักรสุริยันทั้งสามคนนั้น หากรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ของเธอแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เห็นแต่อย่างใด

“เราไปคุยกันทางด้านนั้นจะดีกว่า”

มายาทำท่าเชิญชวนให้สนธยาติดตามไปยังมุมๆ หนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป เพื่อที่จะสามารถคุยกันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครแอบได้ยิน เพราะเรื่องราวที่จะพูดกันนั้นมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย สถานที่พักแรมแห่งนี้เธอเป็นคนเลือก ดังนั้นเธอจึงถือโอกาสทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่เชื้อเชิญแขกให้เข้ามา

“ยินดีครับ”

สนธยากำลังจะติดตามมายาไป แต่ทหารคนหนึ่งกลับเรียกเขาเอาไว้

“อาจารย์คะ”

เสียงของเธอทำให้ทุกคนแปลกใจ ทหารคนที่เมื่อครู่ได้ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็วนั้นกลับเป็นผู้หญิง เธอตัดผมสั้น และมีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว ประกอบกับร่างกายกำยำที่ส่วนใหญ่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องแบบทหาร เมื่อดูผ่านๆ ในครั้งแรกจึงไม่มีใครนึกสงสัยเลยว่าเธอจะเป็นหญิง

“มีอะไรหรือครับ”

'นั่นฟังดูไม่เหมือนกับคำพูดที่ครูดาบใช้กับลูกศิษย์ของตนเลย' และหากเป็นลูกศิษย์ธรรมดาก็คงไม่กล้าเรียกหาอาจารย์ขึ้นมาในช่วงเวลาแบบนี้ 'เธอต้องเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง อาจจะเป็นลูกสาวของขุนนางใหญ่ หรือไม่ก็พวกที่อยู่สูงกว่านั้นขึ้นไปอีก' มายายิ้มเมื่อนำภาพของทหารหญิงคนนี้ไปเชื่อมโยงกับคำๆ หนึ่ง 'เจ้าหญิง'

“ระหว่างที่อาจารย์กำลังเจรจากับท่านมายา ฉันขอประลองดาบกับเด็กคนนั้นจะได้หรือไม่”

เธอชี้มือไปยังรัตติกาลที่ยังคงกุมกระชับดาบเอาไว้ และไม่ยอมผ่อนคลาย
การระวังตัวลงเลย

สนธยามีสีหน้ายุ่งยากใจ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยแน่ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะขัดใจเธอสักเท่าไร มายาเฝ้ามองดูเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไป 'ฉันอาจจะแกล้งถามเรื่องของเธอคนนี้ดูสักหน่อย น่าจะเป็นคนที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว'

รัตติกาลได้ยินคำพูดของเธออย่างชัดเจน และมันทำให้เลือดในกายของเขาสูบฉีดด้วยความตื่นเต้น 'ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง' เขาได้แต่ฝึกฝนด้วยตนเองมาตลอด แม้จะรู้สึกว่าตัวเองมีฝีมือที่รุดหน้าขึ้น แต่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ต่อสู้จริงๆ มาก่อน

สนธยาไม่อยากขัดใจเธอคนนี้ จึงตัดสินใจหันมาถามความเห็นของมายา

“ท่านจะขัดข้องหรือไม่ครับ”

“ลองถามเขาดูเองดีกว่า”

รัตติกาลรีบตอบทันที

“...ผม...ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองมีฝีมือรุดหน้าขึ้นบ้างไหม”

“ดี...เป็นคำตอบที่สมกับเป็นผู้ฝึกดาบ”

สนธยากล่าวชมเชย แต่มายากลับเห็นว่าแววตาของเขานั้นไม่ได้แสดงความชื่นชมออกมาเหมือนกับคำพูดเลย ในตอนแรกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเด็กคนนี้สักเท่าไร พอถึงตอนนี้เขาจึงรีบสำรวจมองดูอย่างรวดเร็ว

'เด็กคนนี้มีกล้ามเนื้อที่ดี' ร่างกายที่ผ่านการฝึกมาอย่างต่อเนื่องสะดุดตาสนธยาเป็นอันดับแรก 'ดาบเล่มนั้นก็เป็นดาบที่ดี แต่ดูเหมือนมันจะหนัก และใหญ่เกินไปหน่อยสำหรับคนรูปร่างขนาดเขา' แต่เมื่อได้เห็นวิธีการจับที่ปลายด้ามดาบ บวกกับการใช้ท่ายืนช่วยถ่วงน้ำหนักดาบของรัตติกาลก็ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาบ้าง 'หากสามารถร่ายรำใช้มันออกได้จริง ก็อันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว'

แม้จะรู้สึกเป็นห่วง แต่สนธยาก็ยังมั่นใจในฝีมือลูกศิษย์ของตน 'หากสู้กันตัวต่อตัวโดยใช้ดาบแล้ว ทั่วทั้งมหาอาณาจักรสุริยันคงมีไม่เกินสิบคนที่จะสามารถเอาชนะเธอได้' เธอไม่ได้เก่งแต่เฉพาะวิชาดาบเท่านั้น หากยังเป็นนักวางแผนตัวยง ที่สามารถนำเอาสิ่งต่างๆ มาพลิกแพลงใช้ให้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้ได้ทั้งสิ้น

'อยู่ๆ เกิดนึกสนุกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ถือเป็นการศึกษาแนวทางดาบของคนแถวนี้ไปในตัว เด็กคนนี้เดินทางมากับนักมายากล คงมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเหมือนกัน' สนธยาแม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจในตอนแรก แต่สุดท้ายก็เห็นว่าเป็นการกระทำที่มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน

“ตอนนี้ฟ้าก็ใกล้มืดเต็มทีแล้ว ตามธรรมเนียมของสุริยัน เราจะไม่ประลองดาบหลังพระอาทิตย์ตก ดังนั้นผมจะให้เวลาเพียงแค่นั้น และขอให้ทั้งสองฝ่ายระวังไว้ให้มาก นี่ไม่ใช่การต่อสู้จริง เป็นแค่เพียงการเปรียบดาบกันเท่านั้น”

พอสนธยาพูดจบ มายาก็หันไปทางรถสินค้า

“พวกเธอที่แอบดูอยู่ก็ออกมากันได้แล้ว”

ข้าวเขียว กับข้าวขวัญ ที่แง้มประตูรถสินค้าแอบดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นก็รีบออกมาทันที สนธยามองดูเด็กทั้งสองคนพร้อมกับยิ้มให้ นักมายากลจะพาเด็กสามคนนี้ไปยังแดนแห่งดาราทำไมกัน เด็กผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นนักมายากลในอนาคตก็จริงอยู่ แต่เด็กผู้ชายสองคนนี้ล่ะ 'เธอมีแผนจะทำอะไรกันแน่'

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราอยู่ดูการประลองให้เสร็จก่อนดีไหม แล้วค่อยเริ่มการเจรจากัน”

มายาเสนอความเห็นขึ้น ซึ่งตรงกับความต้องการของสนธยาพอดี ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจในตัวลูกศิษย์คนนี้สักเพียงใด แต่หากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น เขาคงได้แต่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น

ทหารหญิงเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเด็กชาย โดยเว้นระยะห่างเอาไว้ประมาณสามถึงสี่ก้าว เธอยิ้มให้เขาพร้อมกับกล่าวทักทาย

“ฉันชื่ออรุณรุ่ง อรุณรุ่งแห่งประกายแสงขอรับการสั่งสอน”

มายาสะสุดใจกับคำๆ นั้น 'ประกายแสง ไม่ใช่เจิดจรัสหรอกหรือ เธอมีความเกี่ยวข้องอะไรกับราชาคนก่อน' มายาเหลือบมองสนธยา เขายังคงยืนเฉยเหมือนกับไม่มีเรื่องผิดปกติอะไร 'เธอเป็นใครกันแน่'

รัตติกาลยิ้มตอบ พร้อมกับพูดด้วยความประหม่า

“ผมชื่อรัตติกาล รัตติกาล...แห่ง...แห่ง...หมู่บ้าน...ริมแม่น้ำ...ขอรับการสั่งสอนครับ”

อรุณรุ่งพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ หลังจากได้ยินวิธีการเรียกขานตัวเองอันแปลกประหลาดของเขา 'เธอไม่ได้เป็นหนึ่งในทายาทของเหล่าผู้เหลือรอดอย่างนั้นหรือ' หญิงสาวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย 'ฉันคงเข้าใจผิดไป'

“ดาบของฉันชื่อฉายรัศมี ส่วนเพลงดาบที่ใช้คือแสงตะวัน”

อรุณรุ่งชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว ตัวดาบนั้นเรียวยาวมีความโค้งเล็กน้อย ปลายดาบแหลม มีคมดาบที่บางเบาอยู่เพียงด้านเดียว ครั้งนี้เธอใช้สองมือในการจับดาบโดยมือซ้ายวางอยู่เหนือมือขวา ดาบชี้ตรงไปข้างหน้า ปลายดาบยกเฉียงขึ้นเล็กน้อย มันถูกเล็งตรงมาที่กลางแสกหน้าของรัตติกาลพอดี

ตัวดาบนั้นแม้ดูเหมือนเปราะบาง แต่ความจริงแล้วเนื้อเหล็กมีความเหนียว และยืดหยุ่นไม่แตกหักง่าย เนื่องจากมันถูกขึ้นรูปด้วยการพับโลหะให้เป็นชั้นๆ จำนวนมาก ก่อนที่จะตีให้ยืดออกจนได้ความยาวตามต้องการ หลังจากนั้นก็นำไปทำให้แข็งด้วยการเผาไฟจนร้อนแดงได้ที่ แล้วทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็วด้วยการจุ่มลงในน้ำจากลำธารธรรมชาติ นำไปลับให้คมด้วยวิธีการเฉพาะ จนกลายเป็นดาบที่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ขึ้นมา

ดาบแบบนี้มีใช้เฉพาะแต่ในมหาอาณาจักรสุริยันเท่านั้น และมีแต่เหล่าชนชั้นสูงถึงจะมีสิทธิได้ครอบครอง หากเป็นเพียงทหารทั่วไป ก็จะได้ใช้แต่ดาบที่มีคุณภาพรองลงมาซึ่งถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมากๆ หรือจัดซื้อมาจากที่อื่น

รูปร่างแปลกๆ ของมันทำให้รัตติกาลนึกไปถึงดาบอีกเล่มหนึ่งที่ไม่ค่อยอยากจะนึกถึงนัก ดาบเงาสีดำสนิทที่ยื่นออกมาจากมือทั้งสองของผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีนั่นเอง 'ดาบนั่นก็มีรูปร่างคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน'

รัตติกาลยกดาบในมือขึ้น มือขวาของเขาจับอยู่ตรงปลายด้ามดาบ ส่วนมือซ้ายกำด้ามเอาไว้หลวมๆ เพื่อคอยประคองตัวดาบ เขายกมันขึ้นตั้งตรงเพื่อบดบังตำแหน่งกลางลำตัวทั้งหมด แต่ส่วนปลายนั้นชี้เฉียงไปข้างหน้าเล็กน้อย

“ผม...ไม่รู้จักชื่อของดาบเล่มนี้ และผมใช้เพลงดาบ...ของผมเอง...ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ”

แม้คำพูดของเขาจะฟังดูแปลกๆ แต่ดาบในมือของเขานั้นไม่แปลกปลอมอย่างแน่นอน พลังดาบของอรุณรุ่งที่เคยพุ่งตรงเข้ามาได้ถูกบดบังเอาไว้ ทั้งลูกศิษย์ และอาจารย์ต่างรับรู้ได้ถึงพลังที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากดาบที่ไม่รู้ชื่อเล่มนั้น

มายาจ้องดูดวงตาข้างขวาของรัตติกาล 'มันเกือบจะกลายเป็นสีแดงอยู่แล้ว แปลกจริงๆ เลย' เมื่อมาลองนึกย้อนดูอีกครั้งเธอก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา 'ดูเหมือนมันจะเปลี่ยนไปในเวลาที่เขารู้สึกตื่นเต้นมากๆ นั่นเอง' อาจเป็นเพราะร่างกายที่ตื่นตัวมีการสูบฉีดเลือดเพิ่มขึ้น จึงทำให้เป็นเช่นนี้ 'แต่ทำไมถึงเป็นอยู่แค่ข้างเดียวนะ' ที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อเปลี่ยนสีแล้ว มันส่งผลอะไรกับร่างกายของเขาหรือเปล่า

หัวใจของรัตติกาลยังคงเต้นแรง แต่จิตใจของเขากลับสงบนิ่งอย่างประหลาด ความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวดูกระจ่างชัดเจนยิ่งขึ้น คราวนี้เขาสามารถมองเห็นวิธีการชักดาบของอรุณรุ่งได้แล้ว ซึ่งความจริงมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย

อรุณรุ่งใช้มือซ้ายกุมด้ามดาบ ส่วนมือขวาก็ขยับฝักดาบให้ได้มุมที่พอเหมาะ แล้วจึงเริ่มชักดาบออกมา ในขณะที่ตัวดาบกำลังเคลื่อนหลุดออกจากฝัก มือทั้งสองของเธอก็ทำการปรับเปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้ากับทิศทางการเคลื่อนที่ของข้อต่อต่างๆ ทั่วร่างกาย มองดูเหมือนง่าย แต่มันเกิดจากการฝึกทำซ้ำๆ นับครั้งไม่ถ้วนจนกลายเป็นความเคยชินขึ้นมา

เพลงดาบแสงตะวันที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ถูกดัดแปลงมาจากเพลงดาบโบราณที่ตกทอดกันมาในมหาอาณาจักรสุริยัน โดยตัดทอนรายละเอียดลง เหลือเอาไว้แต่ส่วนที่มีประสิทธิภาพในการทำสงคราม และง่ายต่อการฝึกสอนให้กับทหารจำนวนมากๆ ในเวลาเดียวกัน แต่เพลงดาบที่อรุณรุ่งใช้นั้นเป็นของดั้งเดิมที่ยังคงถ่ายทอดกันอยู่ภายในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น

มายา และสนธยาจ้องดูทั้งสองฝ่ายด้วยความสนใจ ข้าวเขียว กับข้าวขวัญก็เช่นกัน ทั้งหมดพากันยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัว หรือส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย

รัตติกาลยังคงยืนนิ่ง อรุณรุ่งเองก็ไม่ยอมเคลื่อนไหว สนธยาที่คิดไว้แต่แรกว่าลูกศิษย์จะอาศัยความได้เปรียบทางด้านความเร็วโจมตีก่อน พลันเข้าใจในกลยุทธของเธอแล้ว 'ร้ายกาจจริง' ดาบของรัตติกาลนั้นมีน้ำหนักมาก ย่อมไม่อาจถือไว้ด้วยท่านั้นเป็นเวลานาน นั่นหมายถึงเขาจะถูกบังคับให้ต้องโจมตีในที่สุด

รัตติกาลพลันเคลื่อนไหวแล้ว ดาบในมือยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่เขาเริ่มออกเดินไปข้างหน้า ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลง 'จังหวะก้าวเดินของเขาช่างประหลาดจริง' มันเป็นวิธีการเคลื่อนไหวที่เขาคิดขึ้นเองในขณะที่ฝึกอยู่ภายในรถสินค้านั่นเอง

อรุณรุ่งรีบปัดความสงสัยนั้นออกไปจากหัว 'ถึงยังไงวิถีดาบก็มาได้เพียงทิศทางเดียวเท่านั้น' จากท่วงท่า และดาบในมือของรัตติกาล ทำให้เธอได้ข้อสรุปเพียงหนึ่งเดียว 'ดาบที่ฟันจากบนลงล่างโดยอาศัยน้ำหนักของมันในการเพิ่มความเร็ว' เมื่อเขาลงมือจู่โจม ก็จะเป็นเวลาที่การประลองนี้สิ้นสุดลง

อรุณรุ่งขยับดาบในมือคล้ายกับจะจู่โจมตอบโต้ เพื่อทำให้ดูเหมือนเป็นการเปิดช่องว่างให้กับรัตติกาลอย่างไม่ตั้งใจ ก้าวเดินของเขาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง จากก้าวสั้นๆ ที่มั่นคงกลายเป็นเหมือนกับการกระโดดพุ่งตัวออกมาดั่งลูกธนู ดาบนั้นถูกฟันจากบนลงล่างอย่างที่เธอคิด แต่ความเร็วของมันเกินกว่าที่ใครจะคาด

สนธยาสะดุ้งเฮือก มือของเขาเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่เคยห้อยดาบเอาไว้ ก่อนที่จะรู้ตัวว่ามันไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่คนที่ตกใจที่สุดย่อมเป็นอรุณรุ่งที่ยืนขวางทางดาบนั้นอยู่ เธอรีบขยับเบี่ยงตัวพร้อมกับหมุนดาบในมือกลับมาในตำแหน่งป้องกัน เธอปัดดาบนั้นออกไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ต้องเสียหลักไปอย่างช่วยไม่ได้ หากรัตติกาลฉวยโอกาสนี้โจมตีซ้ำ เธอก็คงพ่ายแพ้แล้ว

เสียงดาบปักลงบนพื้นอย่างแรง ตัวดาบจมลึกหายลงไปในพื้นดินที่ทั้งแห้งทั้งแข็ง อรุณรุ่งมองดูดาบนั้นก่อนที่จะเลยไปยังตัวเจ้าของดาบ รัตติกาลมีใบหน้าขาวซีด เขาค่อยๆ ปล่อยมือขวาที่สั่นระริกออกจากด้ามดาบก่อนที่จะก้าวถอยหลังออกมา ลูกศิษย์ และอาจารย์ทั้งสองต่างมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

'ดาบผ่าร่างของเธอออกเป็นสองเสี่ยง' นั่นเป็นภาพที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของรัตติกาล เขาฟันมันออกไปอย่างที่ตั้งใจ ก่อนที่จะทันได้คิดถึงผลของมัน หากเขาไม่พยายามเบี่ยงมันอย่างสุดความสามารถ และอรุณรุ่งไม่เร็วพอที่จะปัดดาบนี้ นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น

รัตติกาลไม่เคยผ่านการฝึกอย่างถูกต้อง ไม่เคยมีใครสอนเขาถึงหลักการที่จำเป็นต้องตระหนักก่อนที่จะกวัดแกว่งสิ่งอันตรายพวกนี้ ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อน เพราะคู่ต่อสู้ที่ผ่านมาของเขาคือเงาที่ชั่วร้ายเหล่านั้น ซึ่งเขาสามารถฟันใส่พวกมันโดยไม่รู้สึกอะไรเลย

น้ำตาของรัตติกาลเริ่มไหลรินลงมา ดวงตาของเขาค่อยๆ กลับคืนเป็นสีเหลืองดังเดิม คล้ายกับว่าน้ำตานั้นได้ชะล้างสีแดงของมันออกไป

มายาค่อยๆ ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น 'ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง เพื่อนของเขาที่ถูกมัดอยู่ในรถสินค้าอาจจะมีประโยชน์มากกว่าก็เป็นได้' แต่ก็ยังดีที่ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นคงทำให้เธอพลาดการเจรจา และอดล้วงข้อมูลของทางมหาอาณาจักรสุริยันไป

มายาทอดสายตามองดูลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆ หายลับขอบฟ้าไปในทิศทางอันเป็นที่ตั้งของแดนแห่งดารา ก่อนที่จะหันไปหาสนธยา

“การประลองจบลงแล้ว อรุณรุ่งเป็นฝ่ายชนะ เราคงเริ่มการเจรจากันได้แล้ว”

สนธยาหันมามองมายาอย่างงงๆ แต่สุดท้ายเขาก็ติดตามเธอออกไป


Create Date : 28 กรกฎาคม 2553
Last Update : 28 กรกฎาคม 2553 11:42:03 น. 2 comments
Counter : 645 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: TREE AND LOVE วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:20:01 น.  

 
หวิดตายแล้วอรุณรุ่ง


โดย: (ขพจ.) (บ้านที่ไม่มีอะไร ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:24:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.