ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ อดีตของรอยแผล (49)

ม่านเมฆไม่เข้าใจว่าตัวเองรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร แต่ร่างประหลาดที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือลูกชายของกล้าณรงค์ กับม่านฟ้าพี่สาวของเธอนั่นเอง ร่างของเธอค่อยๆ หยุดสั่น จากความกลัวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความเศร้า เธอไม่อาจย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่เธอก็อยากชดเชยให้กับเด็กคนนี้ ที่ตัวเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

แววตาที่สงบนิ่งของกล้าไพรค่อยๆ เกิดความสั่นไหว ข้าวขวัญหวนนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นใต้ปราสาทจันทรา ความบ้าคลั่งกำลังหวนกลับมาสู่จิตใจของเขาอีกครั้ง มือขวาของเขาเอื้อมออกไปเพื่อคว้าเจ้าชายแห่งสายน้ำ แต่มือของเธอก็เอื้อมมาฉุดดึงมือซ้ายของเขาเอาไว้

ม่านเมฆยืนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงบ เธอไม่คิดจะทำอะไรทั้งสิ้น หากเด็กคนนี้ต้องการแก้แค้น เธอก็พร้อมที่จะยอมรับมันโดยไม่คิดจะต่อสู้ขัดขืนใดๆ เลย

เจ้าชายแห่งสายน้ำ กล้าไพร กับข้าวขวัญ ทั้งสามเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกัน คมดาบที่เคยแวววาวพลันมีรอยเลือดสีแดงโผล่ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ม่านเมฆจดจำมันได้เป็นอย่างดี 'เหมือนกับในตอนนั้นเลย' ในค่ำคืนนั้นเลือดของม่านฟ้าได้สาดกระเซ็นใส่หลายสิ่งภายในห้องรวมทั้งดาบเล่มนี้ด้วย

หมีใหญ่ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหมีทอง ภายหลังจากที่ได้ฝากรอยแผลไว้ที่หน้าอกของกล้าณรงค์ในคืนนั้น เขาก็ได้คว้าเจ้าชายแห่งสายน้ำขึ้นมา เพื่อประกาศความครอบครองเป็นเจ้าของ พร้อมทั้งขึ้นเป็นราชาคนใหม่เหนือชนเผ่าทั้งมวล เขาเช็ดคราบเลือดนั้นเข้ากับกางเกงของตัวเอง ก่อนที่ร่างของเขาจะเกิดอาการเกร็ง น้ำลายเป็นฟองขาวไหลออกจากมุมปาก มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ถูกยกขึ้นกุมที่หน้าอก ก่อนจะล้มลงหงายหลังแล้วขาดใจตายทันที

ไม่มีใครคิดว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเรื่องอังเอิญ ความเชื่อที่ว่าเจ้าชายแห่งสายน้ำได้ถูกทำให้แปดเปื้อนจนกลายเป็นดาบต้องสาปก็เกิดขึ้น ไม่มีใครกล้าแตะต้องมันอีก และไม่มีใครรู้ว่ามันย้อนกลับขึ้นไปตั้งอยู่ในที่เดิมได้อย่างไร นั่นยิ่งทำให้ความเชื่อในเรื่องนี้ฝังแน่นยิ่งกว่าเดิม

หลังจากนั้นหัวหน้าเผ่าทั้งหมดจึงได้ทำการตกลงร่วมกันว่า หากได้ตัวผู้ที่จะขึ้นเป็นราชาเมื่อใด สิ่งสุดท้ายที่เขา หรือเธอจะต้องทำก็คือ ชูเจ้าชายแห่งสายน้ำขึ้นพร้อมทั้งประกาศตัวเองเป็นราชาให้ทุกคนได้เห็น และแน่นอนว่าใครคนนั้นจะต้องรอดชีวิตจากคำสาปของมันได้ด้วย

ม่านเมฆคิดว่าวิญญาณร้ายที่สิงสู่อยู่ในเจ้าชายแห่งสายน้ำก็คือม่านฟ้าพี่สาวของเธอ 'ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉัน' การสิ้นชีวิตจากคมของดาบเล่มนี้ ด้วยมือของกล้าไพรจึงนับเป็นบทสรุปที่เธอคิดว่าดีที่สุดแล้ว 'ทุกคน ยกโทษให้ฉันด้วย'

จี้ที่ข้าวขวัญขอยืมมาจากข้าวเขียว และนำมาพกติดตัวเอาไว้พลันส่องแสงสว่างขึ้นมา เธอกับกล้าไพรถูกดึงให้เข้าสู่โลกของความทรงจำอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความทรงจำของคนอีกสองคน หนึ่งคือม่านฟ้าที่อยู่ในเจ้าชายแห่งสายน้ำ และอีกหนึ่งคือกล้าณรงค์ที่อยู่ในจี้อันนั้น

จี้อันนี้แต่เดิมเป็นสมบัติที่ตกทอดกันมาภายในครอบครัวของม่านฟ้า และเธอได้มอบมันให้กับกล้าณรงค์ในวันที่เขาแต่งงานกับเธอ ไม่มีใครรู้ถึงความสำคัญของมัน เพราะก่อนหน้านั้นไม่เคยมีใครได้พบเห็นเครื่องหมายที่อยู่บนเจ้าชายแห่งสายน้ำมาก่อน จึงไม่มีใครรู้ว่าสัญลักษณ์ที่อยู่บนทั้งสองสิ่งนี้มีความเหมือนกัน

กล้าณรงค์ที่เป็นคนนอกกลับระแคะระคายถึงความลับในเรื่องนี้ เพราะเขาเคยมีโอกาสได้พบเห็นสัญลักษณ์ทั้งหมดของสี่ราชามาก่อน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาวางแผนที่จะรวบรวมชนเผ่าทั้งหมดให้กลายเป็นหนึ่งเดียว สิ่งที่ซ่อนลึกอยู่ภายในใจ ความมุ่งหมายที่แท้จริงของเขา คือการสร้างกองทัพไว้รอคอยการเรียกหาจากพายุหมุนอีกครั้งนั่นเอง

กล้าณรงค์คืออดีตทหารเดนตายกลุ่มสุดท้ายที่แตกหนีออกจากปราสาทวายุ เมื่อสถานการณ์เลวร้ายจนไม่อาจแก้ไขได้ ราชาพายุหมุนได้ตัดสินใจที่จะยอมตายไปพร้อมกับการล่มสลายของมหาอาณาจักรวายุ แต่กลับสั่งให้เหล่าทหารกล้าหลบหนีออกไปให้หมด 'จงอดทนรอเวลาจนกว่าพายุหมุนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง'

กล้าณรงค์เดินทางร่อนเร่มาจนถึงดินแดนแถบนี้ เขาได้พบเข้ากับเผ่าของสองพี่น้องม่านฟ้า กับม่านเมฆ ซึ่งพ่อของพวกเธอที่เป็นหัวหน้าเผ่าอยู่ในตอนนั้นได้อ้าแขนต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น ท่านผู้เฒ่าไม่สนใจในเรื่องที่เขาเป็นคนนอกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผิดไปจากประเพณีของชนเผ่าที่เคยมีมา

กล้าณรงค์ได้นำระเบียบวิธีแห่งกองทัพพายุหมุนมาปรับปรุงให้เข้ากับวิถีชีวิตของชนเผ่าเร่ร่อน ความสามารถบนหลังม้าของพวกเขาเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุด พวกเขาสามารถยิงธนูจากบนหลังม้าได้แม่นยำอย่างคาดไม่ถึง แต่ธนูที่พวกเขาใช้อยู่นั้นเหมาะสำหรับการล่าสัตว์เท่านั้น คันธนูที่สั้นทำให้ไม่เกะกะในขณะที่อยู่บนหลังม้า แต่ก็ทำให้มีระยะยิงที่ไม่ไกลนัก

กล้าณรงค์จึงได้จัดสร้างธนูสายฝนขึ้นมา ความยาวของคันธนูทำให้ไม่อาจใช้ได้จากบนหลังม้า ส่วนความแม่นยำก็ถูกลดลง แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือระยะยิงที่ไกลอย่างคาดไม่ถึง เขาต้องเสียเวลาอยู่นานในการปรับเปลี่ยนวิธีการยิงธนูของคนเหล่านี้ แต่สิ่งที่ได้มานั้นก็สุดแสนจะคุ้มค่า

ธนูสายฝนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว เมื่อยิงรวมกันเป็นหมู่จำนวนมากจากระยะทางที่พอเหมาะ มันจะสามารถจัดการกับกองทหารที่ไม่ทันระวังตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธนูสำหรับการฆ่าเท่านั้น และเมื่อรวมเข้ากับยุทธวิธีที่เหมาะสม จึงทำให้กองทัพเล็กๆ ของกล้าณรงค์สามารถพิชิตชัยไปทั่วทุกทิศ

เรื่องการรวมกองทัพนั้นไม่ใช่ความตั้งใจแต่แรกเริ่ม กล้าณรงค์รักม่านฟ้าด้วยใจจริง และนั่นทำให้เขาเกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นภายใน เขายังคงจงรักภักดีต่อราชาพายุหมุนอย่างไม่เสื่อมคลาย แต่ความคิดที่จะนำพาผู้คนเหล่านี้เข้าสู่สงครามที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเช่นกัน

แล้วในที่สุดเวลาที่กล้าณรงค์รอคอยก็มาถึง คืนที่เขาจะได้ขึ้นเป็นราชา คืนที่กองทัพในฝันของเขาจะกลายเป็นความจริง แต่เขากลับถูกทรยศจากคนที่คาดไม่ถึง ม่านเมฆได้เปิดเผยความลับที่เขาเป็นคนนอกให้หมีใหญ่ศัตรูคู่แค้นของเขาได้รู้

ความโกรธแค้นได้เข้าบดบังหัวใจของกล้าณรงค์ ดาบที่ฟันออกไปในตอนนั้นมีเพียงความต้องการที่จะฆ่า เขาจึงไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ เมื่อม่านฟ้าใช้ร่างของตัวเองเข้ามาขวางเอาไว้ หากไม่มีกล้าไพรอยู่ด้วยในตอนนั้น เขาคงขวางดาบเชือดคอตัวเองตายตามเธอไปแล้ว

ความทรงจำในส่วนของม่านฟ้าเริ่มขึ้นจากช่วงเวลาที่เธอได้พบหน้ากับกล้าณรงค์ และคนที่นำพาให้ทั้งสองมาพบกัน ก็คือม่านเมฆน้องสาวของเธอนั่นเอง

ม่านเมฆได้พบเจอกับกล้าณรงค์เป็นคนแรก หลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เฝ้าพร่ำพูดถึงเรื่องราวของเขาให้พี่สาวรับฟัง ม่านฟ้ารู้ได้ในทันทีว่าน้องสาวคนนี้ได้ตกหลุมรักชายหนุ่มแปลกหน้าเข้าให้แล้ว แต่เรื่องราวกลับสลับซับซ้อนขึ้นมา เมื่อทั้งสองได้พบหน้ากัน ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามมากเท่าไร แต่สุดท้ายก็ไม่อาจปฏิเสธความจริง เธอต้องยอมรับว่าตัวเองก็ตกหลุมรักเขา และดูเหมือนว่าเขาเองก็หลงรักเธอเช่นกัน

ม่านฟ้าเข้าใจความรู้สึกของม่านเมฆเป็นอย่างดี ความผิดหวังในครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับถูกทรยศจากคนที่เธอรักมากทั้งสองคน และมันนำไปสู่ความคิดแก้แค้นอย่างโง่ๆ นั่นคือการขายความลับของกล้าณรงค์เพื่อทำลายความฝันของเขา

ม่านเมฆในตอนนั้นก็เหมือนกับกล้าณรงค์ในยามที่ฟันดาบออกไปด้วยความโกรธ เธอถูกความแค้นเข้าบดบังจนไม่อาจแยกแยะเรื่องราวให้กระจ่างได้ ม่านฟ้าคิดเสมอว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอ จึงใช้ร่างของตัวเองเข้าขวางดาบปกป้องน้องสาวเอาไว้

ความทรงจำของทั้งสองเชื่อมต่อถึงกันผ่านร่างของกล้าไพร กับข้าวขวัญ แสงสว่างจากจี้ค่อยๆ จางลง รอยเลือดที่อยู่บนคมของเจ้าชายแห่งสายน้ำก็เช่นกัน และรวมถึงประกายที่บ้าคลั่งในแววตาของกล้าไพรด้วย เขาหยิบดาบออกมาจากแท่นที่วางของมัน ก่อนที่จะหันไปมองม่านเมฆ โดยที่ข้าวขวัญยังคงเกาะกุมมือซ้ายของเขาเอาไว้

#####

การแสดงบนเวทีของมายาใกล้จะจบลงแล้ว เธอเหลือบมองไปที่ด้านข้างเวที หมีทองที่ยืนอยู่ตรงนั้นส่ายหน้า ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสียแล้ว

ทันใดนั้นเองก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่ด้านหลังเวที มายาเหลือบไปเห็นข้าวเขียว กับข้าวขวัญแล้ว จึงเริ่มกล่าวคำปิดการแสดงทันที แต่ในระหว่างนั้นเธอก็มองเห็นใครอีกคนหนึ่งที่ไม่ควรมายืนอยู่ตรงนั้น นางเสือดาวม่านเมฆกำลังจับตาดูเธอ กับหมีทองอยู่

เมื่อมายากำลังจะก้าวลงจากเวที ข้าวขวัญ กับม่านเมฆก็รีบเดินสวนขึ้นไปบนเวทีพร้อมๆ กัน เธอมองดูการกระทำของทั้งสองอย่างสงสัย ข้าวเขียวรีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับพูดขึ้นทันทีว่า

“พวกเขาไม่ยอมฟังคำพูดของผมเลย”

มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นต้อนรับทั้งสองคน พวกเขาคิดว่าคงจะมีการแสดงต่อไปอีก ม่านเมฆยกมือขึ้นเพื่อให้เสียงต่างๆ นั้นสงบลง

“ในค่ำคืนนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทุกคนในเมืองแห่งกระโจมได้มารวมตัวกัน ฉันจึงคิดว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสมในการประกาศเรื่องสำคัญนี้”

ม่านเมฆหันไปสบตากับข้าวขวัญ และเงาของใครอีกคนที่อยู่ใต้หมวกคลุมพร้อมกับพยักหน้า ข้าวขวัญจึงเปิดหมวกคลุมพร้อมทั้งปลดเสื้อคลุมที่สวมใส่อยู่ออกจากร่าง

“นับแต่นี้ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับสมาคมนักมายากลอีกต่อไป”

ข้าวเขียวยกมือขึ้นปิดหน้า ในขณะที่มายาจับจ้องมองข้าวขวัญอย่างไม่วางตา หากมีใครสามารถมองเห็นแววตาของเธอในตอนนี้ ก็จะพบได้ว่ามันกำลังวาววับไปด้วยความแค้น เธอพอจะคาดเดาได้แล้วว่าเด็กน้อยคนนี้คิดจะทำอะไร 'เด็กบ้า คิดจะต่อต้านฉันใช่ไหม'

ข้าวขวัญคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับชูแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ เจ้าชายแห่งสายน้ำก็โผล่ออกมาอยู่บนมือของเธอ ทุกคนที่ชุมนุมอยู่ในลานได้แต่อ้าปากค้าง ความเงียบนั้นทำให้แต่ละคนสามารถได้ยินเสียงลมที่กำลังพัดหวีดหวิวอยู่ได้ ตัวแทนจากเผ่าต่างๆ ซึ่งอยู่ร่วมชมการแสดงมายากล ต่างหันมองหน้ากันเองด้วยความตกใจ

ม่านเมฆเอื้อมมือออกไปจับที่ด้ามของเจ้าชายแห่งสายน้ำพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก เธอหวนนึกถึงคำพูดของเด็กผู้หญิงคนนี้ คำพูดจากใจที่ยิ่งใหญ่กว่าขนาดร่างกายของเธอ 'ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวที่จะสามารถให้อภัยคุณได้ นั่นก็คือตัวของคุณเองเท่านั้น'

'เธอพูดถูก' ม่านเมฆพึ่งรู้สึกตัว ว่าเธอเอาแต่ยึดติดกับความผิดในอดีตจนไม่อาจก้าวต่อไปข้างหน้าได้ 'ถ้าพวกพี่ทั้งสองคน ยังสามารถให้อภัยในความผิดที่คนโง่ๆ อย่างฉันได้ก่อขึ้น ตัวฉันเองก็ต้องทำได้เช่นกัน' แล้วด้วยระยะเวลาเพียงสั้นๆ ม่านเมฆ ข้าวขวัญ กับกล้าไพร ก็ได้ตกลงเลือกเส้นทางที่จะก้าวเดินต่อไปพร้อมกัน

“กล้าไพรเป็น...อะไรกันแน่”

ม่านเมฆตัดสินใจเอ่ยถามก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากปราสาทวารี

“ได้โปรดอย่าพูดถึงเขาอีกเลย”

เป็นคำตอบสั้นๆ จากข้าวขวัญ และนับแต่นั้นม่านเมฆก็ไม่เอ่ยพาดพิงถึงกล้าไพรอีกเลย 'เธอคงมีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ และฉันก็ต้องเคารพในสิทธิของเธอ'

ม่านเมฆค่อยๆ ยกเจ้าชายแห่งสายน้ำขึ้นชูเหนือศีรษะพร้อมทั้งประกาศออกไปด้วยเสียงดัง

“นับแต่บัดนี้ ฉัน ม่านเมฆจะขอเป็นราชินีของพวกท่านทุกคน”

ทั่วทั้งลานยังคงมีเพียงความเงียบ นับแต่สิ้นเสียงประกาศของม่านเมฆ แล้วก็มีใครคนหนึ่งเริ่มขยับตัว สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างหันมาจับจ้องอยู่ที่ชายผู้นี้ทันที

หมีทองค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับชักดาบสั้นประจำตัวของเขาออกมาถือเอาไว้ ม่านเมฆลดดาบในมือลงพร้อมกับจับจ้องดูการเคลื่อนไหวของเขาอย่างไม่ไว้ใจ เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ห่าง แต่ก็ไม่ใกล้จนเกินไป

หมีทองส่งยิ้มให้กับม่านเมฆก่อนที่จะโยนดาบในมือลงบนพื้นแทบเท้าของเธอพร้อมกับคุกเข่าลง หลังจากนั้นตัวแทนของเผ่าต่างๆ จึงเริ่มมีการเคลื่อนไหว พวกเขาทยอยกันขึ้นมาบนเวทีเพื่อมอบอาวุธของตนไว้แทบเท้าราชินีคนใหม่ของพวกเขา เธอถึงกับต้องแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

มายาเผลอกำหมัดของเธออย่างลืมตัว ถึงแม้ว่าในที่สุดเจ้าชายแห่งสายน้ำก็ถูกนำออกมาตามตวามต้องการของเธอ แต่การกระทำตามใจชอบของข้าวขวัญนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก ข้าวเขียวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ สามารถรับรู้ถึงความโกรธของเธอได้อย่างชัดเจน

'สองคนนั้นวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป ไม่...ต้องเป็นสามคนสินะ' มายาหันมามองข้าวเขียว 'หรือว่าจะเป็นสี่' เขารีบยกสองมือขึ้นโบกพร้อมกับส่ายหน้า

“ผมไม่เกี่ยวด้วยนะครับ น้องขวัญตัดสินใจทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง...”

ข้าวเขียวเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพูดต่อไปอีกว่า

“...ผมจะขอติดตามคุณมายาต่อไป...ถ้าคุณยินยอม”

ข้าวเขียวเงยหน้าขึ้นมอง แล้วคิดไปเองว่าเขาได้เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นในความมืดใต้เสื้อคลุมราตรี แต่แล้วอะไรบางอย่างที่อยู่ทางเบื้องหลังของมายา ก็ทำให้เขาต้องอ้าปากค้างพร้อมกับชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า

#####

ในค่ำคืนนั้นมีผู้คนจำนวนมากมายได้พบเห็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุด ดวงจันทร์ดูเหมือนจะขยายขนาดโตขึ้นพร้อมกับเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกจนหายลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่ามันได้พุ่งตกลงมาสู่พื้นดิน ไม่มีเสียง หรือแสงจากการระเบิด แต่นับตั้งแต่คืนนั้นก็ไม่มีใครได้พบเห็นดวงจันทร์อีกเลย


Create Date : 24 มกราคม 2554
Last Update : 24 มกราคม 2554 6:12:45 น. 6 comments
Counter : 471 Pageviews.

 
ผ่านมาทักทายค่ะ ^____^


โดย: รุริกะ วันที่: 24 มกราคม 2554 เวลา:12:51:36 น.  

 

Photobucket


โดย: Junenaka1 วันที่: 24 มกราคม 2554 เวลา:13:38:45 น.  

 
ขอบคุณ คุณรุริกะ ที่แวะมาลงชื่อทักทายกันครับ

ส่วนคุณ Junenaka1 พอเห็นกุ้งที่หิ้วมา น้ำลายสอเลยครับ
(เย็นนี้คงต้องเดินชมตลาดว่ามีแบบนี้ขายบ้างไหม อยากกิน)


โดย: zoi วันที่: 24 มกราคม 2554 เวลา:14:20:35 น.  

 
ในที่สุด ความจริงก็เปิดเผย แล้วเราก็เดาไม่ผิดเสียด้วยซี

แต่ดวงจันทร์ ไยจึงหายไปจากฟากฟ้าราตรี

และต้องขออภัยอย่างแรง ที่ตัวกระผมเข้ามาเมนท์ช้า เพราะว่า...

เพราะอะไรดีล่ะ แบบว่า เพื่อนยืมnotebookไปรับจ๊อบ แบบเราก็ได้เปอร์เซ็นต์จากเพื่อนนะ เหมือนไม่คุ้ม แต่ก็ได้ตัง

ก็เลยไม่ได้เข้ามาอ่าน เข้ามาเมนท์

ช่วงนี้กำลังหาเวลาไปออกกำลังกาย ก็หาได้แล้ว กำลังปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่ครับ อยากให้หุ่นหนาขึ้น จากที่ทุกอย่างมันพอดีเป๊ะ (หมายถึงเอวกับสะโพก)


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:18:43:20 น.  

 
จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า
ดวงจันทร์นั้นเล่า หายไปที่ใด

ขอบคุณขาประจำที่ยังคงแวะเวียน
มาทักทายกันอยู่เช่นเิดิมนะครับ

ก็งวดเข้าไปทุกทีแล้ว
ความลับต่างๆ จะค่อยๆ เผยออกมา
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
จะไม่ทำให้คนที่ติดตามอยู่ผิดหวัง

ตอนหน้าจะเป็น สงคราม หรือสันติภาพ
ก่อนจะเข้าสู่บทสรุปสุดท้ายของตำนานสี่ราชาครับ


โดย: zoi วันที่: 26 มกราคม 2554 เวลา:10:34:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ

วันนี้ไม่ได้มาทักทายเฉยๆ
แต่แอดคุณโส่ยเข้าไปใน Friends' blogs แล้วด้วยค่ะ

^___^


โดย: รุริกะ วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:9:11:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.