|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สัญญาจ้าวราชันย์ สนธยามาเยือน (27)
ฉันขอโทษด้วยที่ไปท้าประลองกับเธอแบบนั้น ...ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ...ผมมันอ่อนหัดเอง เมื่อมายา กับสนธยาแยกตัวออกไปเพื่อพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ทั้งสองฝ่ายที่เหลืออยู่ต่างก็ชักชวนกันมานั่งรอที่รอบกองไฟ รัตติกาลยอมรับกับอรุณรุ่งว่าเขาไม่เคยเรียนวิชาดาบกับอาจารย์คนใดมาก่อน เขาเพียงแค่จดจำท่าทางต่างๆ มาจากนักดาบที่เคยพบ แล้วนำมาฝึกฝนด้วยตนเอง และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประลองดาบกับผู้อื่น ฉันเห็นจากการตั้งท่า อีกทั้งเธอยังเดินทางมากับนักมายากลด้วย ฉันจึงคิดไปเองว่าเธอต้องเป็นลูกศิษย์ของนักดาบที่มีฝีมือดีแน่ๆ จึงอยากจะขอประลองดู นั่นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ครั้งแรกที่อรุณรุ่งได้พบรัตติกาล เธอก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น เธอคิดว่าต้องเคยเห็นหน้าเขาที่ไหนมาก่อนแน่ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกเสียที ...ผมเกือบจะ... 'ฆ่าฉันน่ะหรือ' รอยยิ้มจางหายไปจากหน้าของอรุณรุ่ง ถึงแม้ว่ารัตติกาลอาจจะพูดถูก แต่ความคิดที่ว่าเธอได้พ่ายแพ้ให้กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยฝึกดาบมาก่อนเลยนั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจ ดาบนั้นของเธออาจจะเร็วมากก็จริงอยู่ แต่มันยังไม่สามารถเอาชีวิตของอรุณรุ่งแห่งประกายแสงได้หรอกนะ อรุณรุ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ในความคิดของรัตติกาล ภาพที่ร่างของเธอถูกตัดแยกออกเป็นสองส่วนนั้นดูเหมือนจริงเป็นที่สุด เธอมองดูท่าทางซึมๆ ที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงของเขา ก่อนที่จะตัดสินใจชวนคุยเรื่องอื่นแทน พวกเธอมาจากไหน ทำไมถึงได้มาเดินทางกับนักมายากลแบบนี้ พวกเรามาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ริมแม่น้ำคำสัญญา น้องสาวของผมจะได้เป็นนักมายากลในอนาคตครับ ข้าวเขียวตอบออกไปด้วยความภาคภูมิใจ ดูเหมือนเขาจะลืมไปเสียสนิทว่า มายาเคยสั่งห้ามเอาไว้ ไม่ให้บอกข้อมูลอะไรกับคนแปลกหน้าที่พบเจอในระหว่างทาง ...แล้วพวกเธอสองคนล่ะ ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีนักมายากลเป็นผู้ชาย และก็ไม่เคยได้ยินว่าเขายอมให้คนนอกเข้าไปในแดนแห่งดารามาก่อนด้วย จริงๆ แล้วยังมี... ข้าวขวัญรีบพูดขัดคอพี่ชายเอาไว้ก่อนที่ข้าวเขียวจะหลุดปากบอกอะไรออกไปมากกว่านี้ พี่ข้าวเขียวตามมาส่งน้องขวัญค่ะ ส่วนพี่รัตติกาลเองก็เพียงแค่ติดตามมา...เพื่อไปทำธุระอย่างอื่นต่อค่ะ ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่ข้าวขวัญพอจะนึกออกมาได้ในช่วงเวลาที่จำกัดเช่นนี้ อรุณรุ่งหรี่ตามองเด็กทั้งสามคน 'มีความลับกันจริงนะ' แต่ตัวเธอเองก็มีความลับซ่อนอยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่เป็นการสมควรที่จะไปโกรธอะไรเด็กพวกนี้มากนัก 'ต่างคนต่างมีเหตุผลของตนเองสินะ' แต่เธอยังอดไม่ได้ที่จะซักถามพวกเด็กๆ ต่อไป เพราะเมื่อได้เห็นท่าทางที่ดูลุกลี้ลุกลนโดยเฉพาะที่เกิดกับรัตติกาลแล้ว ก็ทำให้ความโกรธเมื่อครู่ของเธอค่อยๆ ลดลงไป เธอมีธุระสำคัญอะไร ที่ทำให้ต้องออกเดินทางมาแบบนี้ พ่อแม่เธอไม่เป็นห่วงแย่หรือ ...ผมไม่มีพ่อ...ส่วนธุระของผม ก็คือการออกติดตามหาแม่ที่หายตัวไป เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของรัตติกาลแล้ว อรุณรุ่งก็บอกได้ในทันทีว่าทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องจริง และเธอรู้สึกเสียใจที่ไปสะกิดถูกแผลของเด็กคนนี้เข้า ฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม...เธอมีเบาะแสในการติดตามหาแม่บ้างหรือเปล่า รัตติกาลส่ายหน้า และนั่นเป็นความจริง ที่เขาติดตามมายาออกมาก็เพียงเพราะต้องการหาโอกาสขอฝึกวิชาดาบกับวาณิชเท่านั้น แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของพ่อค้าเร่คนนั้นให้เห็นอีกเลย แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป นั่นเป็นคำถามที่รัตติกาลใช้ถามตัวเองมาได้หลายวันแล้ว เมื่อยังไม่มีวี่แววของวาณิช และจุดหมายของมายาก็ไม่ใช่เส้นทางเดินที่เขาต้องการไป แดนแห่งดารานั้นเป็นสถานที่สุดท้ายที่ควรไปเพื่อติดตามหาคน ดังนั้นหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ความมุ่งมั่นของเขาก็คงจะค่อยๆ มอดดับไปในที่สุด อรุณรุ่งจ้องมองรัตติกาลจนเขารู้สึกตัวแล้วหันมามองเธอ ใบหน้าของเธอตอนนี้ดูจริงจังอย่างยิ่ง เธอหวนนึกถึงตอนที่ได้ประลองกันเมื่อครู่ จิตใจของเขาที่ส่งผ่านออกมาจากดาบนั้นแม้ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่กลับสับสนไร้จุดหมาย 'ดาบแบบนั้นจะฟันฉันโดนได้อย่างไร' นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมากที่สุด รัตติกาลในตอนนี้เหมือนดั่งเงาจันทร์บนผิวน้ำ ถึงแม้แลดูงดงามเหมือนกับดวงจันทร์ของจริง แต่เมื่อมีลมพัดผ่าน รูปเงานั้นก็จะพลิ้วไหวไปพร้อมกับสายน้ำ จิตใจแบบนั้นย่อมไม่อาจนับเป็นนักดาบที่ดี แต่เขากลับยังสามารถฟันดาบอันรวดเร็วที่อรุณรุ่งเคยแต่ฝันถึงออกมาได้ รัตติกาลต้องก้าวข้ามความสับสนภายในใจออกไปให้ได้ และเพื่อการนั้นเขาจำเป็นต้องมีจุดหมายที่กระจ่างชัด เธอกวัดแกว่งดาบไปเพื่อสิ่งใดกัน รัตติกาลงุนงงที่อยู่ๆ อรุณรุ่งก็ถามคำถามแบบนี้ขึ้นมา แต่เขาก็พยายามที่จะคิดหาคำตอบ 'เราอยากเก่งไปเพื่ออะไร' เพื่อจัดการกับตัวประหลาดเหล่านั้น เพื่อปกป้องเพื่อนๆ หรือเพื่อออกติดตามหาแม่ ดาบของเธอมีไว้เพื่ออะไร ความคิดของรัตติกาลยังคงวิ่งไปไม่หยุด ที่สุดปลายทางดาบ มีอะไรรอเธออยู่ที่นั่น ภาพทุกอย่างพลันกระจ่างชัด เป้าหมายของเขามีอยู่เพียงอย่างเดียวมาตั้งแต่ต้น แต่เขากลับไม่กล้าที่จะคิดถึงมันมาก่อน 'ฉันอยากเก่งเพื่อที่จะจัดการกับผู้เคลื่อนไหวในยามราตรี จัดการกับเคออส ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้ ฉันอยากที่จะปกป้องทุกคน' ประกายตาของเขาพลันกระจ่างจ้าขึ้นมา อรุณรุ่งส่งยิ้มให้กับรัตติกาล เธอไม่ต้องการรู้ว่าคำตอบของเขาคืออะไร แต่ไม่ว่าเป้าหมายของเขาจะเป็นสิ่งใด นับแต่นี้เขาจะพุ่งตรงไปหามันอย่างเต็มที่ 'ด้วยจิตใจแบบนี้ ฉันถึงพอจะยอมรับได้บ้าง' เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องไปใส่ใจกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่พึ่งจะได้พบเจอเช่นนี้ด้วย ดูเหมือนเธอจะเจอคำตอบแล้วใช่ไหม รัตติกาลพยักหน้า 'สักวันหนึ่งเธอจะกลายเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้า ไม่ใช่เพียงแค่เงาจันทร์บนสายน้ำอีกต่อไป' เธอรู้ไหมว่าทำไมดาบที่พวกเราใช้อยู่จึงมีคมอยู่เพียงด้านเดียวเท่านั้น รัตติกาลก้มลงมองดาบของกล้าณรงค์ที่วางอยู่ข้างตัว ดาบเล่มนี้กับดาบของอรุณรุ่งนั้นแม้จะมีขนาด และรูปร่างที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือมันมีคมอยู่เพียงด้านเดียวเท่านั้น ดาบที่มีคมทั้งสองด้านก็มีอยู่ด้วยเหมือนกันใช่ไหมครับ ข้าวเขียวรู้เรื่องพวกนี้มาจากหนังสือเกี่ยวกับอาวุธของมายานั่นเอง นอกจากนี้มันยังมีหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของสงคราม และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับดินแดนต่างๆ รวมอยู่ในนั้นด้วย เธอคงเผลอหยิบพวกมันออกมาให้เขาโดยไม่ตั้งใจ อรุณรุ่งรู้สึกแปลกใจกับความรู้รอบตัวของเขา ถูกแล้ว แต่ดาบแบบนั้นมีใช้อยู่ในเฉพาะคนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น พวกไหนหรือคะ ข้าวขวัญถามด้วยความสนใจ อรุณรุ่งหันไปทางข้าวเขียวพร้อมกับแสดงสีหน้าที่คล้ายกับจะท้าทายเขาว่า 'เธอรู้คำตอบไหมหนุ่มน้อย' ...พวก...นักฆ่าน่ะ ดาบของคนพวกนี้ส่วนใหญ่จะสั้นกว่าปกติเพื่อให้เก็บซ่อนได้ง่าย ที่สำคัญมันจะต้องมีคมทั้งสองด้าน และมีปลายแหลม เพื่อให้เหมาะกับการใช้ใน...งานของพวกเขา ข้าวเขียวตัดสินใจที่จะไม่ใช้คำว่าลอบสังหาร ข้อมูลเหล่านี้ก็มีเขียนอยู่ในหนังสือด้วยเช่นกัน ข้าวขวัญทำหน้ายู่เมื่อได้ยินคำตอบของพี่ชาย และมันทำให้อรุณรุ่งเกิดความสงสัยมากขึ้นไปอีก ...เธอไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน...นักมายากลเล่าให้ฟังหรือไง นั่นเป็นคำตอบเดียวที่อรุณรุ่งพอจะนึกออก เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มนักฆ่านั้นเป็นดั่งนิทานเรื่องหนึ่ง แต่มันก็เหมือนกับเรื่องของสี่ราชา กับเคออส ที่มีความจริงซุกซ่อนอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน คนพวกนี้ไม่ได้ปรากฏกายออกมาให้เห็นเนิ่นนานแล้ว แต่ในอดีตที่ผ่านมากลุ่มนักฆ่านั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์นับครั้งไม่ถ้วน ...จะบอกว่าอย่างนั้นก็ได้เหมือนกันครับ 'เพราะหนังสือพวกนั้นก็เป็นของมายาจริงๆ นั่นแหละ' คนอื่นๆ มองหน้าข้าวเขียวด้วยความสงสัย อรุณรุ่งไม่อยากจะไปซักไซ้อะไรกับเขาให้มากเกินไป เพราะมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญมากนักในความคิดของเธอ กลับมาที่คำถามเดิมของฉันกันดีกว่า เธอคิดว่ายังไง รัตติกาลยังคงมองดูดาบเล่มนั้นพร้อมกับคิดหาคำตอบ ...เพื่อถ่วงให้เกิดน้ำหนักที่เหมาะสมในการฟันครับ สันที่หนาจะทำให้ตัวดาบมีน้ำหนัก หากทำให้เป็นคมทั้งสองด้าน น้ำหนักที่หายไปจะทำให้ประสิทธิภาพในการฟันลดน้อยลงด้วย เป็นคำตอบที่ดี โดยทางกายภาพแล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่มันก็ยังมีมุมมองแบบอื่นซ่อนอยู่อีก รัตติกาลนิ่งเงียบ เขายังนึกหาคำตอบอย่างอื่นไม่ออก ...การทำลายล้างไม่ใช่คำตอบเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ในบางครั้งการใช้สันดาบอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องยิ่งกว่า เราที่เป็นผู้ใช้ดาบต้องระลึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา รัตติกาลทำหน้างงกับคำอธิบายที่ได้ยิน 'เธออาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจมันนักในตอนนี้' ดาบของพวกเรายังเหลือทางเลือกให้กับผู้ใช้ ไม่เหมือนกับดาบของนักฆ่าที่ไม่มีสิ่งใดอีกนอกจากคมดาบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันหมายถึงการตายที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากไม่ใช่เป้าหมายก็ต้องเป็นผู้ที่ใช้มันนั่นเอง ท่านอรุณรุ่งครับ มีอะไร ทหารติดตามอีกคนหนึ่งที่เคยนั่งเงียบอยู่ห่างๆ ตั้งแต่แรก เข้ามาขัดจังหวะการพูดคุยของพวกเขา ก่อนออกมาทั้งท่าน กับท่านอาจารย์ต่างก็ไม่ได้กินอะไรกันเลย ผมนำอาหารจากที่ค่ายติดตัวมาด้วยตามคำสั่งของท่านอาจารย์ ท่านจะรับประทานก่อนเลยดีไหมครับ ก่อนจะออกมาจากค่ายพักแรม ทั้งสองต่างเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับเรื่องราวที่ไม่คาดหมาย ดังนั้นจึงเพียงแค่รองท้องกันมาด้วยอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สนธยาวางแผนเอาไว้ว่าจะแวะกินในระหว่างที่เดินทางกลับหากทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คงจะไม่มีอะไรแล้ว และเมื่อถูกทักอรุณรุ่งเองก็รู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน กินตอนนี้เลยก็ดี ทหารติดตามนำหม้อใบเล็กที่ติดตัวออกมาขึ้นตั้งไฟ เมื่อสิ่งที่อยู่ภายในนั้นเริ่มร้อนได้ที่ ก็มีกลิ่นหอมฉุนเฉียวที่กระตุ้นความอยากอาหารค่อยๆ ลอยออกมา ข้าวเขียวชะโงกมองดูน้ำแกงข้นๆ ที่อยู่ภายใน มันเป็นสีเหลืองอ่อนๆ พร้อมทั้งมีผัก กับเนื้อบางอย่างผสมรวมกันอยู่ในนั้น เขาไม่เคยเห็นอาหารแบบนี้มาก่อนเลย มันคืออะไรครับ มันเรียกว่าแกง เป็นอาหารอย่างหนึ่งที่นิยมกันที่บ้านเกิดของฉัน ปกติแล้วมันจะใช้เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว แต่ใช้เนื้อกระต่ายแทนแบบนี้ก็อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง ...เอ่อ...ขอผมชิมหน่อยได้ไหมครับ คงไม่ได้หรอกเจ้าหนู นี่เป็นอาหารของท่านอรุณรุ่ง กับท่านอาจารย์นะ ทหารติดตามรีบคัดค้านทันที รัตติกาล กับข้าวขวัญต่างก็คิดเช่นกันว่ามันเป็นคำขอที่ไม่สมควรเลย อีกทั้งข้าวเขียวเองก็พึ่งจะกินอาหารจำนวนมากเข้าไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่คิดเช่นนั้น ขอชิมแค่คำเดียวเท่านั้นเองครับ ทหารติดตามคนนั้นหันมาทำหน้าดุใส่ข้าวเขียว แต่เขาก็ไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย อรุณรุ่งเห็นท่าทางของเขาแล้วก็ทั้งโกรธทั้งขำ เอาน่า ให้เขาชิมดูสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ข้าวเขียวเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบยื่นแขนออกมา ในมือของเขาพลันมีช้อนสีเงินที่เป็นประกายแวววาวอยู่ด้วย รัตติกาลจำได้ว่ามันเป็นช้อนที่มายานำออกมาให้ใช้นั่นเอง ไม่รู้ว่าเขาแอบซ่อนมันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร แต่วิธีการที่เขานำมันออกมานั้นราวกับว่าตัวเขาเองเป็นนักมายากลก็ไม่ปาน ข้าวเขียวยิ้มกว้างก่อนที่จะจุ่มช้อนลงไปในหม้อแกง เขาพยายามเลือกตักให้ได้ทั้งผัก กับเนื้อขึ้นมาพร้อมๆ กัน เพื่อที่จะได้ลิ้มรสทั้งหมดของมันในช้อนเดียว อรุณรุ่งแอบยิ้มอยู่ในใจ เธอไม่คิดจะเตือนให้เขารู้ตัวก่อนเลยว่าแกงที่กำลังจะได้ชิมนั้นมันเผ็ดขนาดไหน 'ดูซิว่าเธอจะทำหน้ายังไง' ...นี่มันอะไรกัน ข้าวเขียวยกช้อนขึ้นจากหม้อโดยไม่ได้ตักอะไรขึ้นมาด้วยสักอย่าง มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับช้อนที่อยู่ในมือ ด้ามของมันยังคงเป็นประกายแวววาวอยู่เช่นเดิม แต่ส่วนที่ถูกจุ่มลงไปในน้ำแกงนั้นเปลี่ยนกลายเป็นสีดำไปแล้ว ทหารติดตามพยายามชักดาบของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่ตัวดาบจะพ้นออกมาจากฝัก ปลายดาบของอรุณรุ่งก็จ่อจี้ไปที่คอหอยของเขาเป็นที่เรียบร้อย รัตติกาลเองก็เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นกัน แต่ที่เขาตัดสินใจทำคือการขวางดาบพร้อมทั้งนำตัวเองเข้าไปกั้นกลางระหว่างทหารติดตาม กับสองพี่น้องเอาไว้ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ในมื้ออาหารของมายาล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องเงินทั้งสิ้น 'ยาพิษส่วนใหญ่จะทำปฏิกิริยากับโลหะเงินแล้วเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นสีดำ' นั่นเป็นคำตอบของเธอเมื่อถูกข้าวเขียวถามว่าทำไมถึงต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงแบบนี้ในการกินอาหารกลางป่าเขาด้วย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่คนเดียว มายา กับสนธยาที่ยังคุยกันอยู่ จึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลย ใครส่งแกมา อรุณรุ่งถามเรียบๆ ทหารติดตามคนนั้นฉีกยิ้มอย่างเสียสติก่อนที่จะทำบางอย่างที่ทุกคนคิดไม่ถึง เขาก้าวออกมาข้างหน้าปล่อยให้ปลายที่แหลมคมของฉายรัศมีแทงทะลุผ่านลำคอออกไป ลำโลหิตสีแดงฉานพลันฉีดพุ่งออกมาเป็นสายพร้อมกับเสียงกรีดร้อง แต่ไม่ใช่จากปากของร่างที่กลายเป็นไร้ชีวิตไปแล้วนั้น ข้าวขวัญร้องออกมาอย่างสุดเสียงก่อนที่จะเป็นลมล้มพับลงไป
Create Date : 09 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 7:48:48 น. |
|
3 comments
|
Counter : 587 Pageviews. |
|
|
|
โดย: zoi วันที่: 10 สิงหาคม 2553 เวลา:7:33:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|