ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
19 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ คืนแห่งงานฉลอง (8)

ข้าวเขียว ยกมือขึ้นขยี้ตา เนื่องจากเขายืนอยู่บนเวทีจึงสามารถมองเห็นบริเวณรอบๆ ลานกลางหมู่บ้าน ทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ภายใต้แสงจากลูกไฟสีต่างๆ เขามองเห็นเงาสีดำจำนวนหนึ่งกำลังเคลื่อนที่เข้ามารายล้อมลานกว้างเอาไว้

เขาพยายามครุ่นคิดว่าสิ่งที่เห็นอยู่นั้นคืออะไรกันแน่ เนื่องจากเขาเคยไปยังทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ทางตอนเหนือของหมู่บ้านมาหลายครั้ง และยังเคยได้ยินเรื่องเล่าต่างๆ อันน่าตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้น คำตอบอย่างหนึ่งจึงปรากฏขึ้นในหัวของเขา

“หมาป่า…”

เขาตะโกนขึ้นจนสุดเสียง

“หมาป่าบุก…ทุกคน…หมาป่าบุก”

เขาตะโกนพร้อมกับชี้มือออกไปรอบๆ มายา ที่กำลังพยายามวิ่งกลับมายังเวทีให้เร็วที่สุดรู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง ’เดี๋ยวก็ได้แตกตื่นอลหม่านกันหมดพอดี บ้าจริง เจ้าเด็กปากบอนนั่น’

ผู้คนที่อยู่ด้านในลานกว้างและบริเวณหน้าเวที เกิดอาการงุนงง บางคนก็หัวเราะอย่างตลกขบขัน หลายคนพากันตะโกนส่งเสียงโห่ เนื่องจากพวกเขามองไม่เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

ในขณะที่ผู้คนที่กระจายอยู่รอบนอกลานกว้างพอหันมองไปทางด้านหลังก็ได้พบเห็นเงาสีดำเหล่านั้น ซึ่งถ้าคิดดูให้ดีแล้วมันไม่มีทางเป็นหมาป่าไปได้เลย แต่เนื่องจาก ข้าวเขียว ที่กำลังตะโกนโหวกเหวกอยู่บอกว่าพวกมันเป็น หมาป่า ด้วยความตกใจพวกเขาจึงพากันยอมรับว่าพวกมันเป็น หมาป่า ไปโดยไม่ทันได้คิด

หลายคนรีบเบียดตัวเข้าไปด้านในของลานกว้าง ในขณะที่อีกหลายคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับคบไฟ ก็รีบจุดมันขึ้นแล้วนำออกมาตั้งล้อมรอบลานกว้างเอาไว้ มายา มองเหตุการณ์ที่ดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อยเกินคาดอย่างงุนงง หลายคนที่หันมาเห็นเธอเข้า ก็รีบบอกคนอื่นๆ ให้เปิดทางให้ ตอนนี้เวทีอยู่ห่างออกไปเพียงไม่ไกลแล้ว

มายา มอง ข้าวเขียว ที่ยืนอยู่บนเวทีก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง เธอตะโกนเรียกเขาด้วยเสียงดัง

“เฮ้…”

ข้าวเขียว หันมองเธอตามเสียงเรียกทันที

“รับนะ”

ลูกแก้ว ลูกหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเธอ มันมองดูคล้ายกับลูกแก้วที่เธอเคยใช้ในการแสดงเมื่อครู่ แต่มีขนาดโตกว่าเล็กน้อย และภายในมีวัตถุที่ส่องประกายระยิบระยับบรรจุอยู่ เธอขว้างมันออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ ข้าวเขียว ก็คว้ามันเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ เขามองดูสิ่งที่อยู่ในมือ ก่อนที่จะหันมามองเธอ

มายา ยิ้มขึ้นภายใต้หมวกคลุมศีรษะ เธอตะโกนสั่งการเขาทันที

“ยิงมันขึ้นไปพร้อมกับ พลุ ลูกสุดท้าย แล้วให้ทุกคนอยู่แต่ในลานกว้างห้ามออกไปอย่างเด็ดขาด…ทำเดี๋ยวนี้เร็ว”

ข้าวเขียว ไม่แม้แต่จะเสียเวลาครุ่นคิด เขาหย่อน พลุ ลูกสุดท้ายลงไปในกระบอก ก่อนที่จะใส่ลูกแก้วลูกนั้นตามลงไปทันที เสียงระเบิดดังขึ้นก่อนที่ พลุ ลูกสุดท้ายพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

สายตาทุกคู่หันกลับไปจับจ้องบนท้องฟ้าอีกครั้ง พอมันระเบิดออกแสงสว่างพร้อมประกายระยิบระยับจำนวนมากก็กระจายไปทั่วก่อนที่จะค่อยๆ โปรยปรายลงมาบนลานกว้าง

“…ขอ…ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่าได้แตกตื่น…นักมายากล ได้…จะจัดการเรื่องนี้เอง ขอให้ทุกคนรวมกันอยู่ในลานแห่งนี้ ห้ามออกไปอย่างเด็ดขาด”

ข้าวเขียว พยายามพูดจาด้วยท่าทีที่สงบที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ หลังจากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ บริเวณอีกครั้ง ตอนนี้เงาสีดำพวกนั้นพากันหยุดการเคลื่อนไหวลงแล้ว ดูเหมือนว่าพวกมันจะกลัว หรือไม่ก็เกลียดผงที่เกิดจากการระเบิดเมื่อครู่นี้จนไม่ยอมเข้ามาใกล้

หลายคนที่อยู่ใกล้ๆ กับคบไฟพยายามเพ่งตามองดู แต่พวกเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเงาเหล่านั้นจะเป็นหมาป่าจริงอย่างที่บอกหรือไม่ เพราะพวกมันอยู่ห่างไกลเกินกว่าที่แสงจากคบไฟจะส่องไปถึง

มายา หยุดยืนอยู่ข้างล่างเวที ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอถอยห่างออกไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ รอบๆ ตัวเธอจึงมีที่ว่างเกิดขึ้น แม้เธอจะคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี แต่บางครั้งมันก็ทำให้เธออดรู้สึกน้อยใจ และโกรธเคืองขึ้นมาไม่ได้
หัวหน้าหมู่บ้าน แหวกผ่านฝูงชนเข้ามาหาเธออย่างรีบร้อน

“เอ่อ…”

“อย่างที่เด็กคนนั้นบอก…ทั้งหมดปล่อยให้ฉันจัดการเอง อย่าให้ใครออกไปจากลานแห่งนี้เป็นอันขาด ฉันรับรองว่าพวกมันไม่กล้าบุกเข้ามาแน่ และฉันต้องรีบไปแล้ว มีเด็กสองสามคนแอบหนีออกไปก่อนที่พวกมันจะมา รวมทั้ง ข้าวขวัญ ด้วย ฉันต้องรีบไปช่วยพวกเขา”

“…พวกเด็กๆ อย่างนั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นฝีมือกล้าไพร…แย่จริง…แต่ว่า…เอ่อ…”

“มีอะไรอีกหรือ”

“มีคนในหมู่บ้านที่ไม่ได้มาดูการแสดงด้วย…คนหนึ่งคงไม่เป็นไร แต่อีกคนหนึ่ง…พวกเราขอออกไปช่วยเหลือเธอได้ไหม บางทีพวกมันอาจจะผ่านไปทางบ้านของเธอเข้า…”

“ไม่ได้…อันตรายเกินไป”

มายา รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ’บ้าชะมัด ใครกันนะที่ไม่ยอมมาดู การแสดง ของฉัน แต่ยังไงก็ต้องตามเด็กๆ พวกนั้นไปก่อน โดยเฉพาะ ข้าวขวัญ ฉันไม่ยอมเสียเธอไปแน่ เพราะเธออาจจะเป็นคนที่ฉันเฝ้ารออยู่ก็เป็นได้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย คนพวกนี้ต้อง…’

อุดม แหวกฝูงชนเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน

“จันทร์เสี้ยว แม่ของ รัตติกาล ไม่สบายอยู่ที่บ้าน ส่วนเด็กๆ พวกนั้น ก็พากันหนีออกไปข้างนอกนั่น…ทำยังไงกันดีล่ะ”

อุดม มองดู มายา ด้วยสายตาเหมือนกับจะโทษว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ในที่สุดเขาจึงเงยหน้าไปมองลูกชายที่อยู่บนเวทีด้วยสายตาตำหนิเช่นกัน ที่ไม่ยอมดูแลน้องสาวของตน ข้าวเขียว พอเห็นสีหน้าของบิดาก็เข้าใจ เขาจึงได้แต่ยืนเงียบ

วาณิช พลันก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างๆ มายา เธอแอบชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ’ถ้าเขายอมไปก็ดีสิ แต่ก็อย่างที่เขาบอก มันไม่ใช่หน้าที่ของเขา และเขาต้องไม่ยอมปล่อยให้ฉันไปคนเดียวแน่ๆ ‘

“...มี...มีอะไรกำลังมุ่งตรงมา”

ข้าวเขียว ที่อยู่บนเวที ตะโกนโหวกเหวกขึ้น เขามองเห็นร่างของอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนฝ่าเงาที่รายล้อมอยู่เข้ามา มันมีเล็บที่เป็นประกายแวววับ ทุกครั้งที่ประกายนั้นตวัดผ่าน พวกเงาเหล่านั้นก็พากันกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว

มายา รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ตามปกติแล้วพวกมันจะไม่ยอมเข้ามายังพื้นที่ที่มี ผงของดวงจันทร์ กระจายอยู่แบบนี้ นอกเสียจาก… เธอรีบปีนขึ้นไปบนเวทีเพื่อที่จะได้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น

เมื่อร่างๆ นั้นเข้ามาในรัศมีที่คบไฟสาดส่องถึง เสียงผู้คนหลายคนพากันอุทานด้วยความตื่นเต้น

“ทหารหนี...”

“กล้าณรงค์…”

บิดาของ กล้าไพร หนึ่งในสองของผู้ที่ไม่ได้มาดู การแสดง ในคืนนี้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขาเหลียวมองกลับไปทางด้านหลัง เมื่อเห็นพวกเงาเหล่านั้นไม่ได้ติดตามมา เขาจึงก้มลงดูเศษผงระยิบระยับที่ร่วงอยู่ตามพื้น มีดสั้นคู่ที่อยู่ในมือทั้งสองข้างพลันหายวับไป ที่แท้สิ่งที่ ข้าวเขียว มองเห็นเมื่อครู่ไม่ใช่กรงเล็บ แต่เป็นมีดสั้นคู่นี้นั่นเอง

ร่างสูงใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม ชุดที่สวมใส่ตัดเย็บขึ้นมาจากหนังของสัตว์หลายชนิดที่เขาล่ามาได้ด้วยตัวเอง ที่หลังของเขามีทั้ง คันธนู และ ลูกธนู สะพายอยู่ นอกจากนี้ยังมีดาบรูปร่างแปลกๆ อีกเล่มหนึ่งด้วย ไม่มีใครในหมู่บ้านเคยเห็นเขาใช้ดาบมาก่อนเลย เขามองมาที่เวทีด้วยหน้าตาเคร่งเครียดแล้วรีบเดินตรงมาทันที

“เก่งทีเดียวนะนั่น”

วาณิช รำพึงขึ้นเบาๆ ไม่มีใครเห็นว่าเขาขึ้นมายืนอยู่บนเวทีที่ด้านข้าง มายา ตั้งแต่เมื่อใด แม้แต่ ข้าวเขียว เองที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ยังตกใจเมื่อได้ยินเสียงเขาที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา

“เพลงดาบสายลม ที่ยอดเยี่ยม เขาคงพอจะช่วยได้กระมัง”

มายา ไม่พูดอะไร เธอจับตามองชายคนที่กำลังเดินตรงเข้ามา ‘เขาคงอยากออกไปตามหาลูกชายของเขามากกว่า…ทำไงดีนะ…ฉันเองก็อยากไปตามหา ข้าวขวัญ เองเหมือนกัน’

“ขอแรงเธอหน่อยได้ไหม”

วาณิช หันมามอง มายา อย่างสนใจ

“…ช่วยบอกให้เขาไปดูคนในหมู่บ้านที่เหลืออยู่อีกคนทีสิ แล้วให้พวกเราออกไปตามหาเด็กๆ เอง”

วาณิช ทำท่าครุ่นคิด

“แล้วเขาจะยอมฟังฉันเหรอ”

“ฟังสิ…ฉัน…จะนำมันออกมาด้วย”

วาณิช จ้องหน้าเธอพร้อมกับยิ้มกว้าง

“แค่เอามันออกมาเฉยๆ นะ…เข้าใจไหม”

เธอรีบพูดต่อทันที วาณิช หัวเราะด้วยความขบขัน

“ฮ่าๆ ในโลกนี้มีเรื่องที่ มายา นักมายากล ทำด้วยตัวเองไม่ได้ด้วยหรือ…ไม่น่าเชื่อจริงๆ ฮ่าๆ “

ข้าวเขียว รับฟังคำพูดของทั้งสองอย่างเงียบงัน ถ้า กล้าณรงค์ รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาต้องรีบออกไปตามหา กล้าไพร ด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรเขาคงไม่ยอมฟังคำพูดของ พ่อค้าเร่ แปลกหน้าเพียงคนเดียวแบบนี้แน่

เขารู้สึกโกรธพวกเพื่อนๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะ กล้าไพร ที่ทิ้งเขาไปโดยไม่บอกกล่าว และหนึ่งในนั้นยังเป็นน้องสาวของเขาเองด้วย แต่ตอนนี้ทั้งหมดกำลังตกอยู่ในอันตราย และการที่มี กล้าไพร ไปด้วยก็ทำให้เขาเบาใจขึ้น มันจึงเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างบอกไม่ถูก

กล้าณรงค์ กระโดดขึ้นบนเวที ถึงแม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่สูงใหญ่ แต่เมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้น กลับเกิดเสียงดังขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขามองดูทั้งสามคนที่ยืนอยู่บนเวที ก่อนที่จะหันไปพูดกับ มายา

“ฉันเจอพวกมันเข้าพอดีก็เลยรีบตามมา แต่ที่นี่ก็ปลอดภัยแล้ว…ว่าแต่ พวกมัน คืออะไรกันแน่”

“พวกมันเป็น ภาระ ของฉัน คุณไม่ต้องสนใจ”

“…งั้นหรือ”

เขาหันมาทาง ข้าวเขียว

“แล้วเธอขึ้นมาทำอะไรบนนี้ แล้วคนอื่นๆ กับ กล้าไพร หายไปไหน”

“เอ่อ…พวกเขา…ข้าวขวัญ รัตติกาล กับ กล้าไพร…อยู่ข้างนอกนั่นครับ นักมายากล บอกว่าจะรับ ข้าวขวัญ เป็นลูกศิษย์แล้วพาเธอไปจากหมู่บ้าน พวกเขาจึงหนีไปด้วยกันก่อนที่ หมาป่า พวกนี้จะบุกเข้ามา”

“เธอหมายความว่า…ตอนนี้พวกเขาอยู่ข้างนอกนั่น”

“...ครับ”

กล้าณรงค์ หันหลังกลับ แต่ วาณิช มายืนขวางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ มือซ้ายของ กล้าณรงค์ เองก็ยกขึ้นมากุมด้ามดาบที่สะพายเอาไว้โดยไม่มีใครมองเห็นเช่นกัน

กล้าณรงค์ มองดู วาณิช ทั้งสองคนยืนนิ่งไม่มีใครเคลื่อนไหว มายา อาศัยช่วงจังหวะนี้พูดแทรกขึ้นมา

“ยังมีอีกคนที่อยู่ข้างนอกนั่น นางชื่อ จันทร์เสี้ยว ตอนนี้อยู่ที่บ้านของนาง…ฉันต้องการให้คุณไปช่วยดูแล ส่วนพวกเด็กๆ ฉันจะจัดการเอง”

กล้าณรงค์ ยังคงไม่เคลื่อนไหว วาณิช เองก็เอาแต่ยืนนิ่ง

“…ทำไมฉันต้องฟังเธอด้วย”

กล้าณรงค์ เปิดปากกล่าววาจาออกมาในที่สุด มายา รีบก้าวไปยืนข้างๆ วาณิช ก่อนที่จะยกมือขึ้น ข้าวเขียว ถูกร่างของ กล้าณรงค์ บดบังเอาไว้จึงมองไม่เห็นว่าเธอทำอะไร ส่วนคนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็เห็นแต่แผ่นหลังของคนทั้งสอง

ข้าวเขียว เห็น สองไหล่ของ กล้าณรงค์ สะท้านขึ้นครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะก้าวถอยหลังไปอย่างลืมตัว ซึ่งทำให้เขามองเห็นร่างของ มายา ได้ถนัดอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเพียงแต่ยืนอยู่เฉยๆ ในมือทั้งสองของเธอว่างเปล่า ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

วาณิช พลันกล่าวขึ้นอย่างจริงจังว่า

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”

“ครับ”

กล้าณรงค์ ยืนตรงราวกับกำลังรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ข้าวเขียว รู้สึกเหนือความคาดหมายเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เคยเห็น นายพราน ผู้นี้แสดงท่าทีเช่นนี้กับใครมาก่อนเลย


Create Date : 19 เมษายน 2553
Last Update : 19 เมษายน 2553 10:04:00 น. 2 comments
Counter : 485 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:10:55:56 น.  

 
สวัสดีตอนไหนไม่รู้ ดูนาฬิกาเอาเอง ทำงานวันแรกขอให้มีความสุขกับการอู้งานนะคะ เคี้ยกเคี้ยก XD


โดย: yosita_yoyo วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:11:50:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.