ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ ผู้เคลื่อนไหวในยามค่ำคืน (10)

พลุ ลูกที่สี่ซึ่งเป็นลูกสุดท้ายของงานฉลองในคืนนี้ แตกระเบิดออกพร้อมทั้งโปรยปรายประกายระยิบระยับลงมา งานฉลองคงสิ้นสุดลงแล้ว และชาวหมู่บ้านก็คงรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาได้หายตัวไป

เด็กทั้งสามคนหยุดยืนดู พลุ ลูกนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะออกเดินทางต่อ ถึงตอนนี้ ข้าวขวัญ ก็ยังคงเอาแต่เดินติดตามทั้งสองคนไปอย่างเงียบๆ

หลังจากเดินทางมาได้อีกพักใหญ่ พวกเด็กๆ ก็เดินทางมาถึงบ้านของ ข้าวเขียว และ ข้าวขวัญ ซึ่งอยู่ติดกับฝั่ง ถนนใหญ่ พวกเขาเดินผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้พบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดใดๆ อีก นั่นทำให้ รัตติกาล รู้สึกคลายความวิตกกังวลลง

แต่ กล้าไพร กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เขาเคยออกล่าสัตว์ลึกเข้าไปในป่ากับพ่ออยู่หลายครั้ง มีอยู่บางครั้งที่เขาจะเกิดความรู้สึกแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และทุกครั้งนั่นหมายถึงสัตว์ป่าที่ดุร้ายกำลังซุ่มรอคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า

เมื่อทั้งหมดเข้าไปใกล้บ้านของ รัตติกาล เขาจึงบอกให้ทั้งสองคนซ่อนตัวรออยู่ก่อน ในขณะที่เขาค่อยๆ สำรวจมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ ในหัวของเขาตอนนี้กำลังคิดหาทางหนีทีไล่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

รัตติกาล สำรวจมองบ้านของตัวเองเช่นกัน เขาไม่พบเห็นความผิดปกติใดๆ แม้แต่น้อย ไฟในบ้านดับหมดแล้ว ป่านนี้มารดาคงเข้านอนไปแล้ว ไม่รู้ว่านางจะได้ดู พลุ เมื่อครู่ด้วยหรือเปล่า เขาอยากจะเดินตรงเข้าบ้านไปในทันที แต่ กล้าไพร กลับห้ามเขาเอาไว้

“ให้ฉันเข้าไปดูคนเดียวก่อนเถอะ”

“ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา…พวกเราเข้าไปพร้อมกันเลยไม่ดีกว่าหรือ”

ข้าวขวัญ ยืนรออยู่เงียบๆ เธอปล่อยให้พวกเขาสองคนตกลงกันเอง

“อย่าประมาทดีกว่า”

“…แต่ว่า”

รัตติกาล ยังพยายามโต้เถียงอีก กล้าไพร จึงตัดสินใจบอกความรู้สึกของเขาออกไป

“ฉันไม่อยากพูดแบบนี้หรอกนะ แต่…ฉันรู้สึกได้ถึงอันตราย มันเป็นความรู้สึกของพรานเวลาที่มีสัตว์ร้ายซุ่มซ่อนอยู่…เชื่อฉันเถอะ ให้ฉันเข้าไปก่อน”

เขาปลด คันธนู และ ลูกธนู ที่สะพายอยู่ออกมายื่นส่งให้กับ รัตติกาล

“อยู่ตรงนี้แล้วคอยคุ้มกันให้ฉันด้วย…ถ้าเห็นอะไรแปลกๆ ยิงก่อนได้เลยแล้วค่อยส่งเสียงเตือน ถ้ามั่นใจแล้วก็อย่าลังเลที่จะยิง เข้าใจไหม”

รัตติกาล รับ คันธนู กับ ลูกธนู มาถือเอาไว้อย่างงงๆ กล้าไพร สะบัดมือขวาของเขา มีดสั้น ด้ามหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือ เขายิ้มให้กับ ข้าวขวัญ ก่อนที่จะค่อยๆ ย่องตรงไปยังประตูบ้านโดยไม่เปิดโอกาสให้ รัตติกาล ได้โต้เถียงอีก

รัตติกาล จึงได้แต่หยิบ ลูกธนู ขึ้นพาดสาย แล้วกวาดตามองไปรอบๆ บริเวณ ถึงแม้ฝีมือการยิงธนูของเขาจะเทียบไม่ได้กับ กล้าไพร แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้านแล้ว ก็นับได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว

กล้าไพร ค่อยๆ ย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เขาจินตนาการว่ามีเสือตัวใหญ่แอบซุ่มอยู่ในบริเวณบ้านหลังนี้ ความรู้สึกกดดันที่พุ่งเขาหาช่วยทำให้การจินตนาการดังกล่าวนั้นสมจริงอย่างที่สุด หลายครั้งที่เขารู้สึกเหมือนกับจะมองเห็นดวงตาที่มีประกายสีแดงแวววับจ้องมองออกมาจากเงามืด แต่เมื่อเขาเพ่งตามอง มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สายลมพัดพากลุ่มเมฆให้กระจายตัวออกช้าๆ แสงจันทร์พลันสาดส่องลงมาทำให้บริเวณรอบๆ สว่างขึ้นเล็กน้อย รัตติกาล ที่กำลังจับตามองบริเวณหน้าบ้านของตัวเอง พลันพบเห็นความผิดปกติบางอย่าง เขาจ้องมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา เงาที่ทอดอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณประตูบ้านสั่นไหวไปมาอย่างผิดปกติ ก่อนที่มันจะยืดตัวขึ้นมาจากพื้น

เงาที่แต่เดิมเคยเป็นเพียงรูปร่างที่ทอดยาวไปบนพื้น กลับยืดขึ้นมาแล้วกลายเป็นรูปทรงที่มีมิติ มันไม่เหมือนกับพวกตัวประหลาดที่เขาได้พบเห็นเมื่อครู่ ร่างของมันมองดูคล้ายกับมนุษย์มากกว่า

รัตติกาล หันไปสะกิด ข้าวขวัญ แล้วชี้ให้เธอดู แต่เธอกลับทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการให้ดูอะไร เธอมองหน้าเขาก่อนที่จะกระซิบเบาๆ

“…มีอะไรเหรอคะ น้องขวัญไม่เห็นอะไรเลย”

รัตติกาล หันกลับไปมองดูมันอีกครั้ง เงาประหลาดนั้นเป็นรูปเป็นร่าง และชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ร่างของมันคล้ายกับมนุษย์ที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำที่ถักทอขึ้นมาจากเงามืด

กล้าไพร ยังคงมุ่งหน้าไปยังประตูบ้าน รัตติกาล เห็นเขาสอดส่ายสายตาไปมา และเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง แต่เขากลับมองผ่านเงาร่างที่ยืนอยู่ข้างประตูไปโดยไม่สนใจ ถึงแม้จะมีบางครั้งที่เขาดูเหมือนจะเกิดความไม่แน่ใจ และหันกลับมามองยังบริเวณนั้นอีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปหามันอย่างไม่รู้ตัว

ข้าวขวัญ เห็นสีหน้าท่าทางที่จริงจังของ รัตติกาล แล้วเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“พี่ รัตติกาล มีอะไรหรือเปล่า…อย่าทำให้น้องขวัญกลัวแบบนี้สิคะ”

รัตติกาล พลันตระหนักว่ามีเพียงเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็นมัน เขาจึงตัดสินใจทำตามที่ กล้าไพร สั่งเอาไว้ทันที 'ยิงก่อนแล้วค่อยเตือน’

รัตติกาล น้าว คันธนู ขึ้นจนสุด เขาเล็งเป้าหมายไปยังบริเวณลำตัวของร่างที่มองเห็นอยู่นั้น ข้าวขวัญ ตกใจในความเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของเขา จนส่งเสียงร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ว้าย”

กล้าไพร และเงาร่างนั้นหันมามองยังต้นเสียงทันที พริบตาที่ รัตติกาล ได้เห็นดวงตาทั้งสี่คู่นั้น ดวงตาแปดดวงที่จ้องออกมาจากในเงามืด ดวงตาสีแดงแวววาวที่มองตรงมาที่เขา มันรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังจะทำอะไร

มือของ รัตติกาล พลันแข็งค้างจนไม่อาจปล่อย ลูกธนู ออกไปได้ สายตาของมันถ่ายทอดความหมายบางอย่าง เขาคล้ายกับได้ยินเสียงที่แหบแห้งของมันมากระซิบอยู่ที่ข้างหู ความหวาดกลัวค่อยๆ แผ่กระจายออกไป ร่างของเขาพลันสั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม

'...แก…ตาย'

กล้าไพร มองเห็น รัตติกาล ที่กำลังเล็งธนูไปยังบริเวณประตูบ้านด้วยร่างที่สั่นระริก ในขณะที่ ข้าวขวัญ มองเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ทั้งสองคนต่างไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

เงาประหลาดนั้นหันกลับไปมอง กล้าไพร พอดวงตาทั้งแปดดวงของมันละสายตาไป ร่างของ รัตติกาล จึงหยุดสั่น แต่เขายังคงไม่สามารถขยับตัวได้อยู่ดี

กล้าไพร หันกลับไปมองที่บริเวณหน้าประตูบ้านอย่างลืมตัว ความรู้สึกบอกกับเขาว่าอันตรายกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา แต่เขายังคงไม่พบเห็นความผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น

การที่ รัตติกาล น้าวธนูเล็งตรงมาทางนี้มีย่อมต้องมีความหมายบางอย่าง เขาต้องพบเห็นอะไรแน่ๆ อะไรบางอย่างที่อันตราย และเขากำลังจะยิงมัน 'ในโลกนี้มีสิ่งอันตราย และชั่วร้ายบางอย่าง ที่เราไม่อาจมองเห็น หากความรู้สึกบอกกับลูกว่ามีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ตรงนั้น แต่ลูกกลับไม่อาจมองเห็นได้ ก็จงใช้สิ่งที่พ่อสอนนี้'

คำสอนของ กล้าณรงค์ ดังชัดขึ้นในใจของ กล้าไพร สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่เคยได้ใช้ออกจริงๆ มาก่อน เขาถึงกับเคยคิดว่ามันเป็นสิ่งไร้สาระมากที่สุดที่บิดาเคยสอน แต่บิดากลับบังคับให้เขาฝึกฝนมันอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ในใจ กล้าไพร กวัดแกว่ง มีดสั้น ในมือไปมาตามที่เคยถูกสอน ลายเส้นที่บิดาเคยให้จดจำลอยเด่นอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ลำดับก่อนหลัง และความเร็วในการเคลื่อนไหวมือเป็นไปตามที่เคยฝึกซ้อมอย่างง่ายดาย

เงาประหลาดพลันหยุดยืนนิ่ง ร่างของมันยังอยู่ห่างจาก กล้าไพร อีกช่วงหนึ่ง ดวงตาสีแดงทั้งแปดดวงของมันทอประกายแปลกๆ ออกมา ก่อนที่เสียงหัวเราะอันระคายหูจะดังขึ้น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ข้าวขวัญ สะท้านขึ้นอย่างรุนแรง คล้ายกับว่าเธอได้ยินเสียงร้องของอะไรบางอย่าง เธอละสายตาจากร่างที่แข็งทื่อของ รัตติกาล ก่อนที่จะหันไปเห็น กล้าไพร ซึ่งในสายตาของเธอแล้ว มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังเสียสติ และกวัดแกว่ง มีดสั้น ในมือไปมาอย่างบ้าคลั่ง เธอได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

เมื่อ กล้าไพร วาดเส้นสุดท้ายเสร็จ ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เกิดขึ้น อากาศที่อยู่ตรงหน้าเขาเริ่มเต้นส่ายไปมา คล้ายกับว่ามีม่านบางๆ ได้ถูกแยกออกจากกัน และกำลังจะเผยให้เห็นถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน

ถึงแม้ว่าจะรู้สึกงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็กระชับ มีดสั้น ในมืออย่างเตรียมพร้อม ท่าจู่โจมที่รวดเร็วที่สุดถูกวาดขึ้นในหัวของเขา ทั้งตำแหน่งการวางเท้า และตำแหน่งของมือ การเคลื่อนไหวทุกสัดส่วนของร่างกายล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ เขาพร้อมที่จะพุ่งเข้าจู่โจมอะไรก็ตามที่กำลังจะปรากฏออกมา

ในที่สุดสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ก็เผยโฉมของมันออกมา สิ่งแรกที่ กล้าไพร ได้เห็นก็คือดวงตาสีแดงแปดดวงที่จ้องมองออกมาจากภายใต้ผ้าคลุมที่ถักทอขึ้นจากเงามืด นอกจากนี้เขายังคิดว่าได้เห็นรอยยิ้มที่แสนน่ากลัวของมันอยู่แวบหนึ่งด้วย รอยยิ้มจากปากกว้างที่เต็มไปด้วยเขี้ยวของมัน

ร่างของ กล้าไพร พุ่งออกไปพร้อมกับแทง มีดสั้น เข้าใส่บริเวณกึ่งกลางลำตัวของมันอย่างรวดเร็ว แต่นั่นเป็นเพียงแค่ในความคิดของเขาเท่านั้น เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาไม่ยอมตอบสนองต่อการสั่งการใดๆ เขาได้แต่หยุดยืนแข็งทื่ออยู่ในท่าเดิม เช่นเดียวกันกับ รัตติกาล

“กรี๊ด”

ข้าวขวัญ ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างลืมตัว เมื่อจู่ๆ ก็เห็นร่างเงาที่น่ากลัวปรากฏขึ้นตรงหน้า กล้าไพร อย่างกะทันหัน มันไม่ใส่ใจกับเสียงร้องของเธอ และยังคงมุ่งตรงเข้าหาเขาอย่างมุ่งร้าย

เสียงร้องของเธอกรีดเข้าไปในหัวใจของ กล้าไพร ‘ฉันสัญญาด้วยชีวิตแล้วว่าจะปกป้องเธอ ถ้าฉันเป็นอะไรไปตอนนี้ แล้วเธอจะเป็นยังไง ไม่ได้ ขยับสิ…ขยับเดี๋ยวนี้ ร่างกายของฉัน…ขยับ…เดี๋ยวนี้’

เงาประหลาดพลันหยุดชะงัก โดยมี ลูกธนู ดอกหนึ่งปักอยู่ตรงบริเวณหัวไหล่ด้านซ้าย ข้าวขวัญ รีบหันไปมองที่ด้านข้างของตน รัตติกาล ที่เคยยืนนิ่ง ตอนนี้กำลังเล็ง ลูกธนู อีกดอกหนึ่งไปยังเงาประหลาดนั่น ดวงตาข้างซ้ายของเขาทอประกายประหลาดเป็นสีเหลืองนวลที่งดงามออกมาเหมือนกับแสงจันทร์

ธนูดอกที่สองปักลงใกล้ๆ กับดอกแรกแต่ต่ำลงมาเล็กน้อย และก่อนที่ธนูดอกที่สามจะถูกยิงออกมา ร่างของ กล้าไพร พลันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือของเขาปักลงยังเป้าหมายที่บริเวณกลางหน้าอกของมันอย่างไม่ผิดพลาด

รัตติกาล ไม่กล้าปล่อยลูกธนูดอกที่สามออกไป เขากลัวว่าด้วยฝีมือการยิงของเขา อาจจะพลาดไปถูก กล้าไพร เข้าก็เป็นได้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เสียงหัวเราะที่น่ากลัวของมันดังลั่นไปทั่วบริเวณ รัตติกาล กับ ข้าวขวัญ ได้แต่ยืนงงงัน แต่ กล้าไพร กำลังทำความเข้าใจกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น เขารู้สึกได้ว่าคมมีดของเขานั้นไม่ได้แทงถูกสิ่งใดทั้งสิ้น

มีดในมือเลื่อนหลุดออกจากร่างของมันอย่างง่ายดาย พร้อมกับลูกธนูทั้งสองดอกที่ร่วงหล่นลงมา ไม่มีสิ่งใดแสดงให้เห็นเลยว่ามันได้รับบาดเจ็บจากการจู่โจมของทั้งสอง

กล้าไพร พุ่งถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว แต่แขนข้างหนึ่งที่เคยอยู่ภายใต้ผ้าคลุมเงาของมันกลับยื่นออกมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า


Create Date : 04 พฤษภาคม 2553
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 12:34:34 น. 2 comments
Counter : 439 Pageviews.

 
ทักทายยามเย็น ทานข้าวให้อร่อยนะคะ ^^


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:30:53 น.  

 
รอตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ

สนุกจริง ๆ อั๊บเร็ว ๆ นะ


โดย: (ขพจ.) (บ้านที่ไม่มีอะไร ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:39:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.