ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สงครามครั้งสุดท้าย (62)

เมื่อการเคลื่อนที่ของกองทัพผสมเริ่มเชื่องช้าลง เหล่าทหารที่อยู่รั้งท้ายก็ต้องเผชิญกับการโจมตีของเงาประหลาด ธนูสั้นของวารีไม่อาจสำแดงอานุภาพของมันได้เหมือนที่ผ่านมา เพราะมีต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ค่อนข้างหนาแน่นคอยกีดขวาง ดาบยาวของสุริยันเองก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ เพียงไม่นาน ความมืดเหล่านั้นก็เริ่มกัดกินเข้ามาในกองทัพผสม

ภาพของผองเพื่อนที่เคยร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ถูกปากไร้เขี้ยวที่มีเพียงความว่างเปล่าของเงามืดเหล่านั้นรุมกัดกินจนไม่หลงเหลือสิ่งใด ส่งให้เสียงกรีดร้อง และความหวาดกลัวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ความเป็นระเบียบถูกแทนที่ด้วยความสับสน ความแข็งแกร่งของกองทัพผสมถูกทำลาย ความมืดค่อยๆ กัดกินลึกเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ตามมาเร็ว”

รัตติกาลส่งเสียงตะโกนพร้อมกับขี่ม้านำออกไป เขาวิ่งไปคนละทางกับนิลวายุ เป้าหมายของเขาคือแนวหลังที่กำลังตกอยู่ในอันตราย กองกำลังทั้งหมดของเขาเร่งขี่ม้าลัดเลาะหลบหลีกต้นไม้น้อยใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว เจิดจรัสพยายามตะโกนร้องทัดทานพวกเขาเอาไว้

“...รีบไปช่วยท่านนิลวายุ ตีฝ่าไปให้ได้”

เสียงของรัตติกาลดังชัดเจนอย่างแปลกประหลาด ท่ามกลางเสียงอึกทึกวุ่นวายรอบตัว เจิดจรัสมองเห็นเงาสีแดงที่คล้ายกับเสื้อคลุมปลิวอยู่บนหลังม้าที่เขาควบขับจากไป สีแดงเจิดจ้าที่ทำให้นึกถึงดวงอาทิตย์อันร้อนแรง ม่านเมฆหันมามองหน้า เขาได้แต่หลบสายตาของเธอพร้อมกับชักดาบทั้งสองออกมา

เปล่งประกาย กับฉายรัศมี ทุกครั้งที่ดาบคู่นี้กลับมาอยู่ในมือ เจิดจรัสจะนึกถึงใบหน้าของใครคนหนึ่ง และตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีที่ม่านเมฆมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น 'อย่าหลอกตัวเองไปเลย' เขารู้ดียิ่งกว่านั้น มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ ที่เขารู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะว่าใจของตัวเองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ภาพของอรุณรุ่งยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำอยู่เช่นเดิม ความรู้สึกของเจิดจรัสที่มีต่อเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีใครสามารถจะแทนที่เธอได้ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธใครอีกคนหนึ่งที่เข้ามายืนเคียงข้างเธอในใจของเขาได้เช่นกัน

“หน่วยพิเศษแห่งสุริยันทั้งหมด ตามฉันมา”

เจิดจรัสหันมาสบสายตากับม่านเมฆในที่สุด

“รีบไปเถอะ...แต่ต้องรอดกลับมาให้ได้นะ”

เจิดจรัสพยักหน้าไม่ตอบอะไร มาลา มาลาตีพร้อมกับสมาชิกที่เหลือต่างเร่งควบม้าติดตามเขาไปยังแนวหน้าทันที ม่านเมฆได้แต่มองส่งทั้งหมดด้วยสายตา หลังจากนั้นเธอเองก็ต้องวุ่นวายกับการออกคำสั่งเพื่อรักษากองทัพทั้งหมดเอาไว้ไม่ให้แตกกระจัดกระจายไป

ธนูจำนวนมากถูกยิงเข้าใส่เงามืดที่อยู่บนหลังม้า แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะถูกต้นไม้มากมายที่คั่นอยู่ตรงกลางขวางเอาไว้ 'บ้าที่สุด' นั่นเป็นความคิดแรกเมื่อนิลวายุได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ความหวาดกลัวทำให้ทหารเหล่านั้นไม่ได้ตระหนักเลยว่า กำลังทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์อยู่

“เก็บธนู เก็บธนู”

นิลวายุตะโกนสั่งเสียงดังลั่นในขณะที่ยังคงควบม้าพุ่งไปข้างหน้า การได้พบเห็นเขาทำให้ทหารหลายคนรู้สึกมีความหวังขึ้นมา คำสั่งของเขาถูกถ่ายทอดต่อๆ กันไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดการยิงอย่างบ้าคลั่งก็ยุติลง

“ชักดาบออกมา จัดขบวนเป็นรูปปีกนก เราจะตีฝ่าพวกมันไปให้เร็วที่สุด”

นิลวายุเร่งพาตัวเองไปสู่ตำแหน่งหัวขบวน ตอนนี้เขาพึ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครในกองทัพพายุหมุนติดตามเขามาเลย แน่นอนว่ามันเป็นเพราะเขารีบออกมาโดยไม่ได้ออกคำสั่งใดๆ แต่ลึกๆ ลงไปแล้วเขาก็รู้สึกผิดหวังที่ไม่มีใครคิดจะติดตามมาด้วยความรู้สึกของพวกเขาเองเลยแม้แต่คนเดียว

“เตรียมพร้อม”

เมื่อมีนิลวายุอยู่ด้วย ทหารเหล่านี้ก็กลับมาอยู่ในระเบียบอีกครั้ง แถวทหารยืนลดหลั่นกันไปราวกับปีกขนาดยักษ์ที่กางออกยาวเหยียดทั้งสองข้าง คมดาบวาววับสะท้อนแสงจากคบไฟในมือของทหารที่ยืนแทรกอยู่เป็นระยะ เพื่อช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เงาประหลาดบนหลังม้ายังคงไม่มีความเคลื่อนไหว นิลวายุเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้งเพื่อสำรวจดูความเรียบร้อยของการจัดกำลัง หน่วยพิเศษภายใต้การนำของเจิดจรัสติดตามมาถึงแล้ว แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความควบคุมของเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีช่องว่างให้พวกเหล่านี้แทรกสอดเข้ามาได้อีก

นิลวายุชูดาบในมือขึ้นสูง แต่ก่อนที่เขาจะตวัดดาบเพื่อออกคำสั่งโจมตี ก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

#####

เหล่าผองเพื่อนที่เคยร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันกับรัตติกาล ต่างกระจายกันออกไปเพื่อหยุดยั้งเงามืดที่กำลังกัดกินกองทัพผสมอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนว่าจำนวนของพวกเขาจะน้อยเกินไป และยิ่งกระจายห่างกันออกไปมากเท่าไร ความเข้มแข็งของพวกเขาก็ยิ่งลดลง

“กลับมารวมกัน กลับมารวมกัน”

รัตติกาลเร่งออกคำสั่งหลังจากที่พบว่ามีสมาชิกหลายคนเสียท่าให้กับจำนวนที่มากมายมหาศาลของพวกมัน การต่อสู้ที่ต่อเนื่องยาวนานทำให้ร่างกายพวกเขาเหนื่อยล้า ยังไม่ต้องพูดถึงการใช้พลังสัญญาอย่างที่ทุกคนไม่เคยทำมาก่อน มันกัดกินพลังใจของพวกเขามากกว่าที่คิด คมดาบที่หลายคนฟาดฟันออกไปไม่อาจก่อให้เกิดพลังได้อีกต่อไปแล้ว

ดูเหมือนว่าความตั้งใจที่จะช่วยชีวิตทหารในกองทัพผสมของรัตติกาล จะกลายเป็นการพาเพื่อนพ้อง และตัวเขาเองมาพบกับความหายนะ สมาชิกทั้งหมดกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พร้อมกับเงามืดที่ติดตามมาอย่างรวดเร็ว

“ตั้งแถว”

แม้จะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า แต่ทุกคนต่างก็รีบเข้าประจำตำแหน่งของตน และเริ่มสร้างสัญลักษณ์พายุหมุนอีกครั้ง มีหลายคนที่ไม่อาจทำได้สำเร็จ พวกเขาเพียงแค่จะประคองตัวให้นั่งอยู่บนหลังม้าก็แทบจะไม่ไหวแล้ว

รัตติกาลมองไปรอบๆ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะนำพาผู้คนที่ติดตามเขามาให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ชัยชนะอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมาทำให้เขาลืมเลือนความน่ากลัวของสงครามไปชั่วขณะ เหล่าสหายร่วมรบที่รายล้อมอยู่มองดูสีหน้าเขาอย่างเข้าใจ

“อย่าเสียใจไปเลย”

“พวกเราเลือกที่จะร่วมเส้นทางนี้เอง”

หลายคนส่งเสียงกู่ร้อง สีหน้าของทุกคนต่างแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจ มันไม่ใช่ความหวาดกลัว มันไม่ใช่ความไม่มั่นใจ มันมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่แสดงออกมา ทั้งหมดตะโกนก้องพร้อมกัน

“สู้เพื่อทุกคน”

รัตติกาลรับคำเบาๆ 'ใช่ สู้เพื่อทุกคน' เขากล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ไม่ให้หลั่งไหลออกมา ดวงตาที่เปียกชื้นทั้งสองของเขาเปลี่ยนเป็นสีเลือด มันส่องประกายสีแดงเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนผู้คนที่รวมกันอยู่ในที่นั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาร้องตะโกนก้อง

“สู้เพื่อทุกคน”

รัตติกาลลากดาบของเขาเพื่อเติมเต็มสัญลักษณ์ของทุกคนเหมือนที่ผ่านมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างออกไป รอยขีดสีแดงที่เปี่ยมไปด้วยพลังสัญญา ก่อให้เกิดสิ่งที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง พายุที่ก่อตัวขึ้นค่อยๆ ปลดปล่อยแสงสว่างออกมา

พายุแสงที่เกิดขึ้นลูกแล้วลูกเล่าไม่เพียงพัดให้เหล่าเงามืดสูญสลายไปเท่านั้น แสงสว่างที่เจิดจ้าของมันผลักดันให้เงาเหล่านั้นต้องรีบถอยห่างออกไปอย่างหวาดกลัว แสงที่เจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์พัดกระจายออกไปโดยรอบ ราวกับว่ายามเช้าได้ถูกนำมาไว้ในบริเวณนี้

#####

แสงสว่างที่สาดส่องมาจากทางด้านหลังก่อให้เกิดเงาของกองทหารทอดยาวไปทางด้านหน้า เงาประหลาดที่นั่งอยู่บนหลังม้าเหล่านั้นจึงปรากฏกายให้เห็นอย่างชัดเจน พวกเขาไม่ใช่เงาอย่างที่คิดกัน แต่เป็นร่างจำนวนมากซึ่งอยู่ภายใต้เสื้อคลุมที่หลายคนคุ้นเคย โดยเฉพาะนิลวายุที่ต้องใช้เวลามากมายไปกับการเดินทางร่วมกับหญิงสาวที่แต่งกายแบบนี้

หนึ่งในนั้นค่อยๆ บังคับม้าให้เหยาะย่างเข้ามา โดยมีเป้าหมายคือนิลวายุ เขาค่อยๆ ลดดาบในมือลง แต่ก็ยังคงระวังป้องกันตัวอยู่ แม้จะอยากรู้ว่าอะไรคือที่มาของแสงประหลาดนี้ เขาก็ไม่อาจละสายตาจากกองทัพปริศนาที่อยู่ตรงหน้าได้

“ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้ง”

เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากใต้เสื้อคลุมนั้น นิลวายุพบว่ามันไม่ใช่เสื้อคลุมราตรีที่เขาเคยคุ้น เพราะเขาสามารถมองเห็นใบหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกคลุมนั้นได้อย่างชัดเจน ใบหน้างดงามที่เขาจะไม่มีวันลืมเลือนไปได้เลย

“...มายา”

“ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่กองทัพนักมายากลของฉัน”

นักมายากลจำนวนมากบนหลังม้าต่างควบตะบึงอ้อมผ่านกองทัพผสมเข้าผลักดันเงามืดที่หลบหนีแสงสว่างจากพายุหมุน ให้แตกกระจัดกระจายออกไป ดูเหมือนว่าแค่เพียงพวกเขาวิ่งผ่าน เงาเหล่านั้นก็สูญหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนกับที่สิ่งของต่างๆ หายไปเมื่อตกอยู่ภายใต้อำนาจของนักมายากล

พายุแสงค่อยๆ สงบลง และเงามืดที่เหลือต่างถูกขับไล่ไปโดยกองทัพของนักมายากล ที่โอบรอบกองทัพผสมเหมือนกับเป็นกำแพงอีกชั้น จำนวนของพวกเขามีไม่มากมายนัก แต่ก็เพียงพอที่จะป้องกันกองทัพทั้งหมดเอาไว้ได้

ความวุ่นวายค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ เหล่าทหารต่างช่วยกันดูแลเพื่อนในกลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บ หลายคนพากันนั่งลงพักผ่อน ทั้งหมดยังคงติดค้างอยู่ภายในป่า กองทัพนักมายากลยังคงประจำอยู่ในตำแหน่งเดิม เป็นเหมือนรั้วที่คอยป้องกันทั้งหมดเอาไว้ภายใน

เหล่าผู้นำกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และเมื่อม่านเมฆพบเห็นเจิดจรัส เธอก็รีบตรงเข้ามาจับมือเขาอย่างยินดี จนเขาต้องค่อยๆ แกะมือเธอออกอย่างสุภาพ แต่สายตาของเขาก็เปิดเผยถึงความยินดีที่ได้พบกับเธออีกครั้งเช่นกัน

มาลา กับมาลาตีมองดูทั้งคู่อย่างเข้าใจ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะภักดีต่ออรุณรุ่งมากมายเพียงใด แต่เธอก็ได้จากไปแล้ว และทั้งสองต่างคิดเหมือนๆ กันว่า สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดย่อมเป็นการได้เห็นท่านเจิดจรัสมีความสุขนั่นเอง

มายาพูดคุยเบาๆ อยู่กับนิลวายุ ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามตกลงเรื่องราวบางอย่างกันอยู่ ความต้องการของทั้งสองดูเหมือนจะสอดคล้องต้องกัน จนสามารถนำไปสู่ข้อสรุปที่น่าพอใจได้อย่างรวดเร็ว รัตติกาลกับเพื่อนๆ ที่อ่อนล้าของเขาพึ่งควบม้ากลับมาถึง

รัตติกาลมองดูหญิงสาวหน้าตางดงามภายใต้ชุดคลุมสีดำที่บอกกับทุกคนว่าตัวเองคือมายา ความรู้สึกแรกของเขาคือ 'นั่นใช่คุณมายาแน่หรือ' ใบหน้านั้นมีอะไรแปลกๆ บางอย่างที่ทำให้เขาไม่คิดว่าจะเป็นนักมายากลคนเดียวกับที่เขาเคยรู้จัก แต่จากท่าทีที่สนิทสนมของนิลวายุ ซึ่งรู้จักกับเธอมากกว่าใคร ทำให้ข้อสงสัยของเขาต้องตกไป

“มายาต้องการให้พวกเราเดินทางไปยังปราสาทจันทราในทันที”

นิลวายุกล่าวกับทุกคน

“...นั่นคงเป็นไปไม่ได้ ทหารที่บาดเจ็บต้องได้รับการดูแล ส่วนที่เหน็ดเหนื่อยก็ต้องพักผ่อน คืนนี้เราคงไม่อาจเคลื่อนย้ายไปไหนทั้งสิ้น”

เจิดจรัสพยายามที่จะพูดอย่างสุภาพ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือเอาไว้จากกองทัพของนักมายากล แต่ข้อเสนอนี้มากเกินไป และดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับสภาพที่ยับเยินของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

“ฉันรู้ว่าพวกคุณกำลังลำบาก แต่ความหวังเดียวของพวกเราคือไปถึงปราสาทจันทราให้เร็วที่สุด ก่อนที่เคออสจะหลุดออกจากที่คุมขังของมัน...และเราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

มายากล่าวอย่างนุ่มนวล คำพูดเหล่านี้ทำให้พวกเขาต้องเร่งตัดสินใจกันใหม่อีกครั้ง นิลวายุนั้นเห็นด้วยกับมายาอยู่แล้ว จึงเหลือเพียงเจิดจรัส กับม่านเมฆ ส่วนรัตติกาลยกการตัดสินใจให้กับทั้งสอง ตัวเขาดูเหมือนกำลังมีเรื่องวุ่นวายอยู่ภายในใจ จนไม่อาจตัดสินใจได้อย่างทุกครั้ง

เจิดจรัส กับม่านเมฆได้คำตอบในที่สุด ดูเหมือนว่าความจำเป็นของนักมายากลจะมีความสำคัญมากกว่า

“เราคงต้องทิ้งคนที่บาดเจ็บหนักไว้ที่นี่ ให้เวลาพวกเขาได้พักผ่อนอีกสักพัก ก่อนที่จะเร่งเดินทางไปยังปราสาทจันทรา”

มายายิ้มให้กับทั้งสอง

“ขอบคุณที่เข้าใจ พวกเราจะคอยคุ้มครองทุกคนจนกว่าจะไปถึงปราสาทจันทรา และฉันยังมีข้อเสนออีกเรื่องหนึ่ง...”

นิลวายุพยายามซ่อนรอยยิ้มของเขาเอาไว้ จากความพยายามทุ่มเททั้งหมดที่เขาแสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น ในที่สุดเขาก็ได้ก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดของกองทัพผสมตามข้อเสนอของมายา และด้วยความยินยอมพร้อมใจจากทุกคน ซึ่งรวมถึงเจิดจรัส และม่านเมฆด้วย

หลังจากพักผ่อนกันเพียงไม่นาน กองทัพผสมก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง วงแหวนของนักมายากลเองก็เคลื่อนที่ไปพร้อมกัน ทหารที่เดินทางต่อไปไม่ไหวถูกทิ้งไว้เบื้องหลังพร้อมกับเสบียงจำนวนเล็กน้อย พวกเขาต่างคาดหวังว่าสงครามครั้งนี้จะสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะอย่างรวดเร็ว และทั้งหมดจะได้เดินทางกลับบ้านพร้อมกัน

ม้าพร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งแยกตัวเองออกไปคนละทิศทาง รัตติกาลไม่อาจหนีจากความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป 'ตอนนี้มีนักมายากลมาคอยช่วยอีกแรง และท่านนิลวายุก็สามารถทำหน้าที่แทนฉันได้ทุกอย่าง' เพื่อนๆ ของเขาต่างเข้าใจดี ทั้งหมดยังคงเดินทางไปพร้อมกับกองทัพ โดยปล่อยให้เขาออกติดตามนักมายากลสาวที่กำลังตกอยู่ในอันตรายไปเพียงลำพัง


Create Date : 18 เมษายน 2554
Last Update : 18 เมษายน 2554 7:59:45 น. 3 comments
Counter : 442 Pageviews.

 
"มายา" ตัวจริง ... ตัวปลอม

สงสัยอีกว่า พลัง "เพิลงสีแดง" ของรัตติกาลสั่งให้มาก็มา สั่งให้หยุดก็หยุดไม่ได้หรือ


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:10:07:43 น.  

 
มายา กับกองทัพนักมายากล ตัวจริง หรือ ตัวปลอม
นั่นสิครับ แล้วข้าวเขียวที่ควรจะอยู่กับเธอหายไปไหน

วายุ รวมกับ สุริยัน กลายเป็น พายุแสง
รัตติกาลทำไปโดยไม่รู้ตัว
แต่เขาจะตั้งใจทำแบบนี้ได้อีกครั้งหรือไม่
ไม่แน่เหมือนกันครับ


โดย: zoi วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:11:24:55 น.  

 
รออย่างใจจดจ่อ

และอยากจะขู่ว่า "นั่นคือบ่วงที่คุณสร้างเองนะ เพราะฉะนั้นคุณต้องรีบแก้ปมโดยด่วน ห้ามขี้เกียจ"


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:11:42:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.