ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ มุ่งสู่ตะวันตก (56)

กองทัพผสมของสุริยัน และวารีมุ่งหน้าลัดเลาะย้อนขึ้นไปตามแม่น้ำคำสัญญาเพื่อมุ่งหน้าสู่แดนแห่งดาราตามคำเรียกหาของเวทมายาในความฝัน กำลังพลในตอนนี้มีจำนวนรวมกันประมาณเกือบหนึ่งหมื่นคนเลยทีเดียว และนั่นก็ทำให้ปัญหาเรื่องเสบียงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา

“เราส่งกำลังออกไปกวาดต้อนเสบียงจากหมู่บ้านรอบๆ นี้ดีหรือไม่”

ม่านเมฆออกความเห็น แม้เจิดจรัสจะไม่ต้องการทำเช่นนั้น แต่เพื่อความอยู่รอดของกองทัพ มันคงเป็นหนทางเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเมื่อเดินทางไปถึงแดนแห่งดารา เขาคงมีเพียงกองทัพที่หมดเรี่ยวแรง ไม่อาจต่อสู้กับกองทัพของเคออสได้

“...ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น”

'ไว้รอให้สงครามครั้งนี้จบลงก่อนแล้วค่อยกลับมาแก้ไขความเข้าใจผิดกันทีหลัง' เจิดจรัสได้แต่คิดเช่นนั้นอยู่ในใจ ม่านเมฆดูเหมือนจะเข้าใจความคับข้องใจของเขาได้ สุริยันถูกเข้าใจผิดจากชาวบ้านแถวนี้ว่าเป็นคนก่อปัญหามาตั้งแต่ต้น และตอนนี้พวกเขาก็ต้องมาทำอย่างนั้นจริงๆ

“ให้คนของฉันลงมือเองก็แล้วกัน”

“...จะดีหรือ”

“พวกเราร่วมมือกันแล้ว...ก็ให้ชาวบ้านเข้าใจผิดทั้งสองฝ่ายเลยดีกว่า”

เจิดจรัสได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ หมีทองนำกำลังของวารีกลุ่มหนึ่งตระเวนไปเพื่อค้นหาหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อขอแบ่งปันเสบียง และคำสั่งนั้นก็ไม่ได้ห้ามเขาไม่ให้ใช้อาวุธแต่อย่างใด เพียงแค่กำชับว่าอย่าให้มีชาวบ้านต้องเสียชีวิตเท่านั้น

ข้าวขวัญรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอสามารถเข้าใจในความจำเป็นของสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ยังวิ่งเล่นกับพี่ และเพื่อนๆ อยู่ในหมู่บ้าน เธอรู้ว่าพวกทหารนั้นมีเป้าหมายที่ดี และความเกลียดชังของชาวบ้านก็มีหตุผล ทั้งหมดนี้ต้องโทษสิ่งที่เรียกว่าสงคราม ซึ่งที่มาของมันก็คือ ความโลภ ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความหวาดระแวง ความสับสน หรือก็คือเคออสนั่นเอง

ความรู้สึกในใจของข้าวขวัญนั้นยังไม่เปลี่ยน ข้าวเขียวยังคงตกอยู่ในอันตราย แต่ไม่ได้คับขันถึงชีวิตเหมือนกับในค่ำคืนนั้น เขารอดมาได้แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย 'เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่' แต่อย่างน้อยเธอยังคงมีความหวังอยู่ว่า ตราบใดที่ยังคงอยู่ข้างกายมายา เธอก็น่าจะคอยปกป้องเขาเอาไว้

รอบกายของข้าวเขียวแม้จะมีทหารอยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เธอ เสื้อคลุมสีดำ หรือความเป็นนักมายากลนั้นแยกเธอให้ออกห่างจากพวกเขา 'ด้วยความแตกต่างเพียงเท่านี้ ก็สามารถแยกพวกเราให้ออกห่างจากกันได้แล้วหรือ' เธอคิดถึงกล้าไพรขึ้นมาจับใจ 'พี่กล้าไพรหายไปไหนกันนะ'

“ท่านนักมายากล”

เจิดจรัสเดินเข้ามาหาข้าวขวัญ เธอเปิดหมวกคลุมออกพร้อมกับยิ้มให้เขา

“ไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้ หนูบอกกับท่านแล้วว่าหนูชื่อข้าวขวัญ”

“...แต่การเรียกชื่อนักมายากลตรงๆ นั้น มันเป็นการไม่สมควรเลย”

“จริงๆ แล้ว...หนูไม่ได้เป็นนักมายากลอย่างแท้จริงหรอกค่ะ หนูแค่...”

ข้าวขวัญไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ถึงแม้เธอจะได้รับการยอมรับเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมนักมายากลแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของมันอย่างแท้จริงเลย

“แต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้น การมีนักมายากลอยู่ด้วยจะช่วยทำให้ทหารมีกำลังใจในการต่อสู้กับกองทัพของเคออส...ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ท่านเปิดการแสดงมายากลให้ทหารได้ชมเสียด้วยซ้ำ”

“...เรื่องนั้น ฉันคงต้องขอคิดดูก่อน”

เมื่อเจิดจรัสพูดจบ ข้าวขวัญก็ไม่อาจอธิบายอะไรได้อีก เธอปิดหมวกคลุมไว้เหมือนเดิม แล้วกลับคืนสู่ความเป็นนักมายากลอีกครั้ง

“ท่านยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”

“...ผมอยากถามท่านว่า คนอื่นๆ ที่ร่วมเดินทางมากับท่านหายไปไหนกัน”

เจิดจรัสคงได้รับรู้เรื่องราวของคนอื่นๆ มาจากปากของอรุณรุ่ง และนึกสงสัยขึ้นมาว่าทำไมข้าวขวัญถึงได้เดินทางมาเพียงลำพังแบบนี้

“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่รัตติกาลที่เดินทางไปกับท่านอรุณรุ่งเป็นอย่างไรบ้าง ท่านได้พบกับเขาบ้างไหม”

“ผมได้เจอกับเขาแล้ว และมันก็มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย...แต่ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ ผมเองก็อยากพบเขาอีกสักครั้งเหมือนกัน”

ข้าวขวัญได้รับรู้ถึงชะตากรรมของอรุณรุ่งแล้ว เธอเองก็รู้สึกเสียใจ และไม่อยากไต่ถามถึงเรื่องนี้กับเจิดจรัสอีก แต่เมื่อเขาเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน เธอจึงฉวยโอกาสถามถึงรัตติกาลทันที 'พี่หายไปอยู่ที่ไหนกันนะ แล้วพวกเราจะมีโอกาสได้กลับมาพร้อมหน้ากันอย่างที่สัญญากันไว้หรือไม่'

“มายาเดินทางไปกับข้าวเขียวพี่ชายของฉัน...ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะกลับไปที่แดนแห่งดารา เพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้ในศึกสุดท้ายนี้เช่นกัน”

เจิดจรัสพยักหน้า เขาเองก็คาดหวังว่าสมาคมนักมายากลจะมีกองกำลัง หรือการสนับสนุนอย่างหนึ่งอย่างใดในการต่อสู้กับกองทัพของเคออส เพราะเพียงธนู และดาบที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้ แค่แมงมุมยักษ์ตัวเดียวก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการได้ การฝึกดาบของสุริยันยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และการจัดทำลูกธนูเพิ่มเติมของวารีก็ยังไม่ยอมหยุดเช่นกัน

เจิดจรัสจ้องมองดูร่างน้อยๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเพ่งพินิจ ในครั้งแรกที่ได้เห็นข้าวขวัญ เขาคิดว่าเธอเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่ง เมื่อได้เห็นการตัดสินใจอย่างเยือกเย็นในคืนนั้น เขาก็คิดว่าเธอเป็นนักมายากลอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เขากลับไม่คิดเช่นนั้น เธอมีทั้งสองส่วนผสมปนเปกันอย่างแยกไม่ออก เขาคิดว่าถ้านักมายากลคนอื่นๆ เป็นเหมือนกับเธอก็คงจะดี

เจิดจรัสได้รับรู้เรื่องราวของเด็กกลุ่มนี้เพียงบางส่วน แต่เขาเห็นถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ อะไรบางอย่างที่คงไม่ใช่เป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญ

“...ท่านเคยคิดบ้างไหมว่า ทำไมเรื่องวุ่นวายพวกนี้ถึงเกิดขึ้นรอบๆ ตัวพวกท่าน”

ข้าวขวัญงงกับคำถามนี้ แต่เมื่อมาลองคิดดูดีๆ แล้ว มันก็อาจจะเป็นอย่างที่แม่ทัพน้ำแข็งผู้นี้พูดก็เป็นได้ ดูเหมือนว่าเรื่องยุ่งๆ ทั้งหมดจะติดตามพวกเธอมาตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านแล้ว 'ไม่ใช่อย่างนั้น มันอาจจะติดตามมายามาก็เป็นได้' ตั้งแต่ที่ได้พบเจอกับมายาชีวิตของพวกเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย

“ฉันไม่เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้น เรื่องวุ่นวายพวกนี้เกิดขึ้นไปทั่ว ทุกคนต่างร่วมรับผลกระทบจากเคออสเหมือนๆ กัน”

เจิดจรัสพยักหน้าช้าๆ แต่ในใจยังคงไม่เห็นด้วย จากข้อมูลที่เขาได้รับมา ในความวุ่นวายทั้งหมด ณ จุดที่มีความสำคัญมักจะมีใครคนใดคนหนึ่งจากกลุ่มของเด็กพวกนี้เข้าไปมีส่วนร่วมอยู่เกือบทุกครั้ง ทั้งที่สุริยัน ที่วารี รวมถึงในศึกครั้งสำคัญที่พึ่งผ่านมานั้นด้วย

ดวงอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยต่ำลง มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายในค่าย ดูเหมือนว่าหมีทองจะนำกำลังกลับมาแล้ว เจิดจรัสเหม่อมองไปใจหนึ่งก็อยากให้เขาได้เสบียงกลับมามากๆ แต่อีกใจหนึ่งกลับไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะมันหมายถึงความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกับชาวบ้านแถวนี้ทั้งหมดนั่นเอง

“ผมขอตัวก่อน”

ทั้งสองต่างก้มหัวให้แก่กันเล็กน้อย ก่อนที่เจิดจรัสจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขามองเห็นเป็นอย่างแรกคือเกวียนหลายเล่มที่บรรทุกเต็มไปด้วยข้าว และข้าวโพด เกวียนพวกนี้คงเป็นของชาวบ้าน พวกมันเทียมไว้ด้วยควายป่าที่ดูมีอายุมาก แต่ยังคงแข็งแรงอยู่ คนที่ขับเกวียนเองก็คงเป็นชาวบ้านแถวนี้เช่นกัน

หมีทองทำความเคารพเจิดจรัส พวกชาวบ้านที่ติดตามมาเหล่านั้นต่างมีท่าทางตื่นเต้นยินดีอย่างเห็นได้ชัด

“พวกเราดีใจที่ได้มีส่วนช่วยในการต่อสู้กับเคออส”

“พวกท่านเป็นความหวังของพวกเรา”

“พวกเราไม่อาจจับอาวุธเข้าต่อสู้ อาหารพวกนี้จึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราจะสามารถช่วยได้”

เจิดจรัสรับฟังอย่างงงงัน หมีทองจึงรีบอธิบายเพิ่มเติม

“ชาวบ้านพวกนี้เข้าใจพวกเราแล้ว พวกเขาต่างยินดีแบ่งเสบียงอาหารมาให้พวกเราใช้การการต่อสู้กับกองทัพของเคออส”

เจิดจรัสถามอย่างสงสัย

“พวกคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร...พวกคุณไม่ได้สงสัยหรอกหรือว่าการโจมตีหมู่บ้านที่เกิดขึ้นตามที่ต่างๆ นั้นเป็นฝีมือของสุริยัน เป็นฝีมือของพวกเรา”

หนึ่งในชาวบ้านเป็นคนตอบ

“พวกเราเคยเชื่อแบบนั้น แต่ตอนนี้เรารู้ความจริงหมดแล้ว พวกมันคือทหารเงาของผู้เคลื่อนไหวในยามราตรี และพวกท่านก็พยายามที่จะต่อสู้กับพวกมันอย่างถึงที่สุด”

“...อะไรทำให้พวกคุณเปลี่ยนใจ”

สุริยันได้พยายามชี้แจงเรื่องนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ชาวบ้านก็ยังคงไม่ยอมเชื่ออยู่ดี ต้องมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

“...มีนักดาบท่านหนึ่งทำให้พวกเราเชื่อ ด้วยการเสี่ยงชีวิตเข้าต่อสู้กับพวกมัน เพื่อปกป้องหมู่บ้าน และทำให้พวกเราได้มองเห็นความจริง”

“นักดาบเพียงคนเดียว ต่อสู้กับกองทัพของความตายเดินได้...มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน”

ชาวบ้านทุกคนต่างมีใบหน้าที่แสดงถึงความเคารพออกมา

“ท่านมีพลังที่เหลือเชื่อ พลังที่สามารถเรียกลมพายุออกมาได้ เพียงท่านตวัดดาบไม่กี่ครั้ง พวกมันก็พากันหลบหนีไปจนหมด”

ข้าวขวัญที่แอบติดตามเจิดจรัสมาด้วยนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาทันที คนที่สามารถสร้างลมพายุหมุนได้ด้วยดาบของเขา คนที่ในตอนนี้เป็นผู้ถือครองราชาแห่งสายลมอยู่ 'นิลวายุแห่งพายุหมุน' เขาเองก็คงอยู่ใกล้ๆ นี้เช่นกัน

“ผมต้องขอขอบคุณกับเสบียงอาหารทั้งหมดนี้ด้วย”

พวกชาวบ้านต่างยิ้มให้กัน หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นว่า

“เราอาจจะต้องลำบากในช่วงเวลานี้ แต่เราก็ยังมีความหวังกับอนาคตที่จะมาถึง พวกท่านต้องปราบเคออส และนำความสงบสุขกลับคืนมาให้ได้”

เจิดจรัสยืนตรงอย่างสง่า เขาพูดด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

“ผมสัญญาว่าจะต้องชนะสงคราม และล้มเคออสลงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม”

พวกชาวบ้านทิ้งเกวียนพร้อมเสบียงเอาไว้ ก่อนจะเดินทางกลับไปด้วยความยินดี เหล่าทหารเองก็ดูจะมีกำลังใจมากขึ้นเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเสบียงอาหาร แต่พวกเขาต่างรู้สึกดีที่ผู้คนทั่วไปได้รับรู้ถึงความสำคัญของสงครามในครั้งนี้ สงครามที่มีอนาคตของมนุษยชาติเป็นเดิมพัน มันทำให้พวกเขารู้สึกฮึกเหิม และมีพลังมากยิ่งขึ้น

การเดินทัพดำเนินไปอย่างราบรื่น และพวกเขายังคงได้รับการแบ่งปันเสบียงตลอดการเดินทางในช่วงที่เหลือ ฝีมือเพลงดาบของทหารสุริยันก็รุดหน้าขึ้น การปะทะกับพวกทหารเงาที่มีจำนวนไม่มากนักในอีกสองสามครั้งต่อมา ก็ยิ่งทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ธนูสั้นทำหน้าที่ของพวกมันได้เป็นอย่างดี ดาบของพวกเขาก็เช่นเดียวกัน และการออกคำสั่งในกองทัพร่วม รวมถึงยุทธวิธีต่างๆ ก็พัฒนาขึ้นมาก ความเชื่อมั่นของเจิดจรัสต่อกองทัพในความปกครองก็พุ่งสูงขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกมั่นใจในกองทัพร่วมนี้อย่างที่เคยพูดเอาไว้ขึ้นมาจริงๆ

การเดินทางในช่วงสุดท้ายกำลังจะมาถึง ข้าวขวัญจดจำได้ว่าทั้งหมดใกล้จะถึงปากทางที่นำเข้าสู่แดนแห่งดาราแล้ว ทันใดนั้นก็มีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเกิดขึ้น มีคำสั่งให้หยุดทัพอย่างฉับพลัน กองทหารลาดตระเวนแจ้งข่าวว่าได้พบกับกองกำลังที่ไม่ทราบฝ่ายดักรออยู่ เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน พวกเขาจึงเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นกองทัพของเคออส

หลังจากรออยู่ไม่นานก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ตัวแทนจากกองทัพปริศนาเดินทางมาพร้อมกับธงที่ปลิวไสว สัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนธงผืนนั้นประกาศชื่อของผู้มาใหม่ให้ทุกคนได้รับรู้

“นิลวายุแห่งพายุหมุน”

ข้าวขวัญเหม่อมองดูธงผืนนั้นพร้อมกับรำพึงออกมาเบาๆ ความรู้สึกถึงสิ่งยุ่งยากที่กำลังจะติดตามมาก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในสายลมที่พัดผ่านมาก็คล้ายกับมีเสียงดังแทรกอยู่ด้วย 'รีบมาหาฉัน' ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือไม่ แต่ดูเหมือนมันจะดังขึ้น และชัดเจนมากกว่าเดิมด้วย


Create Date : 07 มีนาคม 2554
Last Update : 7 มีนาคม 2554 8:01:17 น. 2 comments
Counter : 486 Pageviews.

 
สวัสดีตอนเช้าๆครับ

ลดความอ้วน อาหารเสริม วิตามิน ผิวขาว เครื่องสำอางลดความอ้วน อาหารเสริม วิตามิน ผิวขาว เครื่องสำอางลดความอ้วน อาหารเสริม วิตามิน ผิวขาว เครื่องสำอางลดความอ้วน อาหารเสริม วิตามิน ผิวขาว เครื่องสำอางลดความอ้วน อาหารเสริม วิตามิน ผิวขาว เครื่องสำอางลดความอ้วน อาหารเสริม วิตามิน ผิวขาว เครื่องสำอาง


โดย: MaFiaVza วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:8:47:31 น.  

 
อ้าว... ไอ้ตัวกระโพ้ม กะนึกว่า รัตติกาลยังอยู่กับเจิดจรัสนะนั่น แต่ก็นึกเอะใจเหมือนกันว่า ทำไมในกองทับของสุริยันไม่มีตัวละครของรัตติกาลเลย ...เป็นอย่างนี้นี่เอง...

และกำลังลุ้นว่า สมาคมพ่อค้ากับกองทับสุริยันจะเคลียร์ยังไงกัน เอาใจช่วยกับตัวละครทุกตัวที่คุณzoiteeสร้างนะครับ


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:19:13:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.