ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ อดีตของรอยแผล (47)

ข้าวเขียวมองดูทหารยามสามคนที่ยังคงเฝ้าคุมทางเข้าสู่ปราสาทวารีเอาไว้ แม้จำนวนจะลดน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับที่เขาแอบมาดูเมื่อตอนบ่าย แต่สามคนก็ยังนับว่ามากเกินไปอยู่ดี

'หากมีเพียงคนเดียว ป่านนี้คงหนีไปแอบดูการแสดงของมายาแล้ว หรือถ้ามีสองคนก็ยังมีโอกาสที่ทั้งคู่จะแอบทิ้งงานไปด้วยกัน แต่พอมีคนที่สามทุกอย่างก็เปลี่ยนไป' การตัดสินใจทำความผิดต่างๆ จะเกิดได้ยากขึ้น

ข้าวเขียวลองนึกทบทวนคำสั่งของมายาดูอีกครั้ง แต่มันยังคงไม่อาจให้ความกระจ่างกับเขาได้อยู่เช่นเดิม แล้วเขาก็เกือบจะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมีบางสิ่งมาสะกิดที่ไหล่ของเขา มันเป็นมือที่มีนิ้วเรียวยาวสวยงามข้างหนึ่ง เป็นมือของข้าวขวัญน้องสาวของเขานั่นเอง

“พี่จะทำอย่างไรต่อคะ”

ข้าวขวัญที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้หมวกคลุมกระซิบถาม ใบหน้างามของเธอนั้นบางครั้งก็สามารถมองเห็นได้ตามปกติ แต่ในบางครั้งก็เหมือนกับมีเงาของบางสิ่งมาทาบทับบดบังมันเอาไว้ ซึ่งไม่เหมือนกับเสื้อคลุมราตรีของมายาที่ไม่อาจมองเห็นสิ่งใดข้างในนั้นได้เลย และข้าวเขียวก็รู้ดีว่าเสื้อคลุมที่น้องสาวสวมใส่อยู่นี้ เป็นเพียงเสื้อผ้าธรรมดาๆ ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

'นั่นสินะ จะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ' ความทรงจำของข้าวเขียวย้อนกลับไปสู่เมื่อวันก่อน ตอนที่มายาได้ทำการมอบหมายงานนี้ให้กับเขา

หลังจากที่ต้องใช้เวลาอยู่หลายวัน ไปกับการรวบรวมข้าวของต่างๆ มากมายตามคำสั่งของมายา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ประกอบไปด้วยอาหารแห้งนานาชนิดที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาตลอดการเดินทาง ในที่สุดขนมปังที่มีเปลือกแข็งเหมือนหินจำนวนหลายสิบก้อน ซึ่งเป็นสิ่งของอย่างสุดท้ายก็ถูกข้าวเขียวแบกกลับมายังกระโจมพักชั่วคราวของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย

ก่อนที่ข้าวเขียวจะนำพวกมันออกจากร้าน เจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้อบขนมปังเหล่านี้ด้วยตนเอง ได้ลองฟาดขนมปังก้อนหนึ่งที่ทิ้งค้างคืนเอาไว้กับขอบโต๊ะไม้ที่เขาใช้นวดแป้ง ผลคือโต๊ะไม่เป็นอะไร แต่ขนมปังก้อนนั้นก็ไม่มีร่องรอยบุบสลายเช่นกัน เขาส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันไปถามข้าวเขียว

“ใครจะกินขนมปังแข็งๆ แบบนี้ได้ลง”

ข้าวเขียวเพียงแต่ยิ้มไม่ตอบคำ 'ผมนี่แหละที่เคยกินมันมาจนเบื่อแล้ว' มายาได้ว่าจ้างให้เจ้าของร้าน อบขนมปังออกมาตามสูตรลับเฉพาะของเธอ พร้อมกับเพิ่มค่าจ้างให้เป็นพิเศษเพื่อให้เขาปกปิดสูตรของขนมปังชนิดนี้เอาไว้ แต่เมื่อข้าวเขียวกำลังจะกลับ เจ้าของร้านก็คืนค่าจ้างส่วนเกินนี้ให้กับเขา

“ขนมปังแบบนี้ถึงทำออกขายก็ไม่มีใครซื้อ ฉันไม่กล้าเอาไปบอกใครหรอก มีหวังเสียชื่อแย่”

เจ้าของร้านจะต้องเปลี่ยนความคิดแน่ถ้ารู้ว่าขนมปังพวกนี้สามารถเก็บเอาไว้ได้นานหลายเดือนโดยไม่เน่าเสีย แน่นอนว่าข้าวเขียวย่อมไม่บอกความลับนี้กับเขา 'ถ้าเอาไปขายเป็นเสบียงให้กับทางกองทัพ รับรองว่าต้องรวยแน่' แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาเห็นด้วยกับเจ้าของร้าน นั่นคือขนมปังพวกนี้ไม่อร่อยเลยสักนิด

ความวุ่นวายในหลายวันนี้ก็เพื่อเตรียมเสบียงให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่มายายังไม่ยอมบอกว่าจะไปยังที่ใด และเมื่อไร ความสามารถของนักมายากลคือการเก็บสิ่งของต่างๆ เอาไว้ได้มากมาย และสามารถนำมันออกมาได้ทันทีเมื่อต้องการ แต่นักมายากลไม่อาจเสกสิ่งของออกมาจากความว่างเปล่าได้อย่างที่หลายคนเชื่อ

นอกจากนี้อาหารที่ถูกเก็บเอาไว้ก็จะเน่าเสียไปตามธรรมชาติของมัน เสบียงทั้งหมดจึงเป็นพวกของแห้งนานาชนิดที่สามารถเก็บไว้ได้นาน รวมถึงขนมปังแข็งๆ พวกนี้ด้วย 'ซึ่งถ้ามีซุปร้อนๆ ให้จุ่มก่อนกิน ก็จะช่วยได้ไม่น้อยเลย'

“ฉันมีงานอีกอย่างหนึ่งให้เธอทำ”

ข้าวเขียวตกใจจนเกือบจะโยนขนมปังที่กำลังถืออยู่ทิ้ง มายามายืนอยู่ด้านหลังของเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ ตอนที่เดินเข้ามาในกระโจมนั้น เขามั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ข้างในนี้แน่ เขารีบหันกลับไปทั้งๆ ที่ยังหอบขนมปังทั้งหมดเอาไว้

“คุณมายา จะให้ผมไปซื้ออะไรเพิ่มอีกหรือครับ”

มายาเดินตรงเข้ามาหาข้าวเขียว และก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว ขนมปังทั้งหมดที่ถืออยู่ก็หายไปแล้ว

“เปล่า...นั่งลงก่อน แล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง”

ทั้งสองนั่งลงบนพื้นที่ปูด้วยเสื่อซึ่งสานมาจากพืชที่คล้ายกับต้นหญ้าขนาดใหญ่ ซึ่งพบได้ทั่วไปในทุ่งเลี้ยงสัตว์ทั่วทั้งบริเวณนี้ ทั้ง แพะ และควายป่าที่ชาววารีเลี้ยงเอาไว้ ต่างไม่กินพืชชนิดนี้เป็นอาหาร อาจเนื่องมาจากพวกมันมีเส้นใยที่เหนียวจนเกินไป แต่ก็ทำให้เมื่อนำมาสานแล้ว จะได้เสื่อที่มีความทนทานต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

“ฉันอยากให้เธอพาน้องสาวแอบเข้าไปในปราสาทวารี แล้วนำของสิ่งหนึ่งกลับมาให้ฉัน”

ข้าวเขียวต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่จะเข้าใจคำพูดของมายา

“...ปราสาทวารีเป็นสถานที่ต้องห้ามไม่ใช่หรือครับ มีคนเฝ้าทางเข้าออกเอาไว้ทั้งกลางวัน และกลางคืนเลย”

มายาพยักหน้า แต่ที่ข้าวเขียวเห็นคือหมวกคลุมที่ขยับขึ้นลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ฉันถึงต้องใช้คำว่าแอบเข้าไป ต้องไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือของพวกเธอ”

“...คง...คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ทำไมคุณมายาไม่ลงมือเองล่ะครับ”

'เพราะเธอมีสิ่งของจำเป็นในการที่จะนำเจ้าชายแห่งสายน้ำออกมาน่ะสิ คิดว่าฉันไม่รู้อย่างนั้นหรือ จี้ของกล้าณรงค์ที่นิลวายุมอบให้กับเธอในคืนนั้น' มายารายงานเรื่องนี้ให้เวทมายา มารดาของเธอได้รับทราบ เธอยังคงจดจำรอยยิ้มของนางในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี 'เขาอาจเป็นผู้เดียวที่จะสามารถนำดาบเล่มนั้นออกมาใช้ได้' นั่นคือสิ่งที่มารดาบอกกับเธอ

'หากเรื่องนี้สำเร็จลงได้ด้วยดี ก็เหลือเพียงรอให้อรุณรุ่งนำจักรพรรดิ์แห่งฟากฟ้าออกมาเท่านั้น' พลังของสี่ราชาที่จะใช้จัดการเคออส กับลูกสมุนของพวกมันก็จะพร้อมอย่างเต็มที่ 'เมื่อกองทัพทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้การนำของสมาคมนักมายากล ความสงบสุขก็จะหวนกลับคืนมา และพวกเราจะได้เป็นใหญ่เหนือกว่าใครทั้งหมดอีกครั้ง'

“เพราะฉันจะให้พวกเธอลงมือในคืนที่มีการแสดง ความสนใจทั้งหมดในเมืองแห่งกระโจมจะพุ่งตรงมาที่ฉัน ซึ่งจะทำให้พวกเธอลงมือได้ง่ายขึ้น”

'และหากมีอะไรผิดพลาด ฉันก็พอจะแก้ตัวกับคนอื่นได้ว่า การกระทำของพวกเธอนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตัวฉัน' มายายิ้มอย่างเยียบเย็น

“ผมจะทำได้ยังไง”

“ให้น้องสาวของเธอช่วยสิ ตอนนี้เธอกลายเป็นนักมายากลแล้ว และยังมีความสามารถมากเสียด้วย”

'โดยเฉพาะความสามารถที่มีชื่อว่ากล้าไพร' แม้แต่เวทมายาเองก็ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่า เขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่มารดาก็ได้เตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่า 'ระวังเขา และเธอเอาไว้ให้ดี สิ่งที่เราไม่รู้จัก อาจกลายเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดขึ้นมาก็เป็นได้' และเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง

“...แล้วคุณต้องการให้ผมเข้าไปเอาอะไรล่ะครับ”

“เข้าไปแล้วเธอก็จะรู้เอง”

ข้าวเขียวจ้องหน้ามายา

“...คุณ...ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”

“พอเข้าไปแล้ว เธอก็จะรู้เองว่าต้องเอาอะไรออกมาให้ฉัน”

ข้าวเขียวยกมือขึ้นเกาหัว มันเป็นคำสั่งที่ประหลาด และที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือ เขากลับยอมทำตามคำสั่งของเธอ เขารีบออกไปตามหาข้าวขวัญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเขารู้ดีว่าเธอชอบไปหลบอยู่ที่ไหน

หลังจากที่ทั้งสามคนเดินทางมาถึงเมืองแห่งกระโจมได้ไม่นาน ข้าวขวัญก็ค้นพบสถานที่โปรดของเธอ บนเนินเขาที่อยู่ติดกับตัวเมืองมีต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ขึ้นอยู่ จากบนยอดของมัน เมื่อมองลงไปก็จะเห็นภาพของกระโจมหลากสีเรียงรายกระจัดกระจายไปทั่ว ส่วนข้างบนนั้นก็มีเพียง สายลม ความสงบเงียบ และกล้าไพร

“...น้อง...ขวัญ...”

เสียงตะโกนดังแว่วมาจากข้างล่าง ข้าวขวัญจดจำเสียงพี่ชายของเธอได้ทันที 'มีเรื่องอะไรกัน' ถึงแม้ข้าวเขียวจะรู้ว่าเธอชอบแอบหลบมาอยู่บนนี้แต่เขาก็ไม่เคยตามมารบกวนเธอเลย มีบางครั้งที่เธอก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ทิ้งพี่ชายให้อยู่คนเดียว แต่เธอต้องการเวลาเพื่อทำความเข้าใจกับกล้าไพรให้มากขึ้นกว่าเดิม

ถึงตอนนี้ข้าวขวัญรู้ตัวแล้ววว่า จริงๆ แล้วเธอไม่สามารถพูดคุยกับกล้าไพรได้โดยตรง เขาไม่ได้ยินเสียง หรือความคิดของเธออย่างที่เข้าใจไปเองในตอนแรก และเธอก็ไม่เคยได้ยินเสียงตอบกลับมาของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สิ่งที่ทั้งสองใช้สื่อถึงกันได้นั้นมีเพียงความรู้สึกเท่านั้น และดูเหมือนว่ากล้าไพรจะเป็นฝ่ายที่เข้าใจในตัวข้าวขวัญได้ดีกว่า บางทีอาจเป็นเพราะสถานภาพของเขาในตอนนี้ ที่เธอเองก็ยังพยายามจะทำความเข้าใจต่อไป

กล้าไพรยังคงมีตัวตนอยู่ แต่ดูเหมือนว่าแสงอาทิตย์ หรือแสงสว่างที่เกิดจากไฟจะคอยขัดขวางการติดต่อระหว่างโลกนี้กับตัวเขา ช่วงเวลากลางคืน หรือเมื่ออยู่ในที่มืด เขาจะสามารถทำอะไรได้มากขึ้นกว่าเดิม เช่นการยกย้ายสิ่งของต่างๆ อย่างที่เขาเคยทำให้เห็นมาแล้วในแดนแห่งดารา

ข้าวขวัญเคยพยายามยื่นมือออกไปเพื่อให้กล้าไพรจับ แต่เธอกลับไม่สามารถรู้สึกถึงสัมผัสของสิ่งใดได้เลย อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถแตะต้องชีวิตที่อยู่ในโลกนี้ได้ 'คงไม่ใช่แบบนั้น น่าจะเป็นความรู้สึกของสัมผัสนั้น ไม่อาจถ่ายทอดถึงกันได้มากกว่า'

“...ขวัญ...อยู่บนนั้นหรือเปล่า...”

เสียงของพี่ชายที่ดังขึ้นอีกครั้งปลุกให้ข้าวขวัญตื่นขึ้นจากความคิดของตน เธอค่อยๆ เคลื่อนกายไปอยู่หลังเงาของต้นไม้ เธอหลับตาลง แล้วปล่อยให้ร่างของเธอลอยลงมาตามเงาของต้นไม้ แต่ก่อนที่จะถึงพื้นความเร็วนั้นก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เท้าของเธอสัมผัสผืนดินได้อย่างนุ่มนวล

ข้าวเขียวกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าน้องสาวของเขาจะสามารถทำอะไรแปลกๆ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ 'บางเรื่องก็แปลกยิ่งกว่ามายาเสียอีก หรือว่านักมายากลแต่ละคนจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป'

“มีอะไรหรือคะพี่”

“พี่มีอะไรจะให้น้องขวัญช่วยหน่อยน่ะ”

ข้าวเขียวสรุปเรื่องราวให้ข้าวขวัญฟังอย่างรวดเร็ว 'เป็นมายาอีกแล้ว' หลังจากเกิดเรื่องกับกล้าไพรในแดนแห่งดาราแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อมายา และสมาคมนักมายากลของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เธอไม่เคยเชื่อใจพวกคนเหล่านี้อีกเลย ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะกลายเป็นนักมายากลไปแล้วก็ตาม

ความดีใจที่เคยมีเมื่อสามารถทำให้แอปเปิ้ลลูกนั้นหายไป ได้จางหายไปหมดสิ้นแล้ว เธอแทบจะไม่เคยใช้ความสามารถของนักมายากลอีกเลย นับตั้งแต่เดินทางออกมาจากแดนแห่งดารา นอกจากที่ใช้เก็บสะสมเสบียง กับสิ่งของจำเป็นสำหรับการเดินทางเอาไว้ 'เผื่อต้องแยกทางกับมายาขึ้นมา จะได้ไม่ต้องลำบาก'

ข้าวขวัญไม่อยากทำตามคำสั่งของมายา และคิดจะกล่อมพี่ชายให้ทำเหมือนกับเธอด้วย แต่แล้วเธอก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง 'พี่กล้าไพร' ดูเหมือนว่าเขาจะอยากทำสิ่งนี้

เมื่อเดินทางมาถึงเมืองแห่งกระโจม กล้าไพรก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น เขาไม่อาจอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ บางครั้งมันก็ทำให้เขาอบอุ่น แต่บางครั้งมันก็ทำให้เขารู้สึกเศร้า แต่เขาสามารถบอกได้ว่าต้นตอของสิ่งเหล่านี้ถูกส่งออกมาจากปราสาทวารีนั่นเอง

เมื่อความรู้สึกของข้าวขวัญถูกเพ่งไปยังสถานที่แห่งนั้น กล้าไพรจึงพยายามบอกกับเธอว่า ตัวเขาเองก็ต้องการที่จะเข้าไปภายในนั้นเช่นกัน มีอะไรบางอย่างรอเขาอยู่ มีอะไรบางอย่างเรียกหาเขาจากในนั้น ในที่สุดเธอจึงรับปากที่จะช่วยงานข้าวเขียวในครั้งนี้

“พี่จะรอไปถึงไหนคะ เดี๋ยวการแสดงก็จบกันพอดี”

เสียงกระซิบอีกครั้งของข้าวขวัญ เรียกสติของข้าวเขียวให้กลับมายังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า 'ให้น้องสาวของเธอช่วยสิ' คำพูดของมายาในตอนนั้นผุดขึ้นมาทันที เขาจึงหันกลับไปขอความเห็นจากเธอ ทั้งสองขยับเข้ามาเพื่อปรึกษากันใกล้ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้เท่าไรนัก

#####

ม่านเมฆที่กำลังเฝ้าจับตามองทั้งสองคนอยู่ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรนั้น กลายเป็นฝ่ายที่ต้องรีบตัดสินใจในทันที เมื่อเธอเห็นร่างที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมค่อยๆ กลืนหายไปกับเงามืดรอบๆ ตัว มันไม่ได้หายไปจนหมด แต่หากไม่รู้มาก่อนว่ามันเคยอยู่ที่ตรงนั้น เธอเองก็คงมองไม่เห็นเช่นกัน

เงาร่างจางๆ นั้น ค่อยๆ เคลื่อนกายลัดเลาะผ่านทหารยามที่เฝ้าอยู่เข้าไปภายในปราสาทวารีแล้ว


Create Date : 17 มกราคม 2554
Last Update : 17 มกราคม 2554 7:50:35 น. 3 comments
Counter : 625 Pageviews.

 
กำลังน่าติดตามเลย จบตอนเสียแระ


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 17 มกราคม 2554 เวลา:22:36:05 น.  

 
ขอบคุณครับ
กำลังพยายามปั่นเพิ่มให้อีกตอน
หลังจากที่อู้งานไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาครับ


โดย: zoi วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:6:21:08 น.  

 
รีบ"ปั่น"...รีบ"สาว"ปมปัญหาให้ไวเลยฮะ (จัดไป)


โดย: เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:17:32:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.