ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
สัญญาจ้าวราชันย์ สนธยามาเยือน (24)

เย็นวันนั้นเมื่อรถสินค้าผ่านมาถึงเนินเขาเตี้ยๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีทำเลเป็นที่ถูกใจของมายา และแม้ว่าจะยังคงมีแสงสว่างให้สามารถเดินทางต่อไปได้อีกพักใหญ่ เธอก็รีบตัดสินใจหยุดรถในทันที

มายาไม่รู้ว่าพวกที่แอบติดตามมานั้นมีจำนวนมากน้อยเพียงใด แต่จากการที่พวกมันยังคงไม่กล้าบุกเข้าจู่โจม ถึงแม้จะรู้แล้วว่าในรถมีแต่พวกเด็กๆ ก็ทำให้พอคาดเดาได้ว่าน่าจะมีไม่เกินสามหรือสี่คนเท่านั้น การที่พวกมันยังคงไม่กล้าลงมือก็อาจเป็นเพราะเกรงกลัวนักมายากลอย่างเธอนั่นเอง

'ถ้าพวกมันไม่ลงมือจริงๆ ก็ดี' มายาคาดว่าถ้าหากพวกมันยังไม่ยอมลงมือในค่ำคืนนี้ พอถึงรุ่งเช้าก็คงจะเลิกติดตามกันไปเอง

“ให้พวกผมออกไปหาอะไรมากินไหมครับ”

ข้าวเขียวถามด้วยความหวัง เนินเขาแถวนี้ดูอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว หากได้กระต่ายอ้วนๆ มาย่างกินสักตัวก็คงจะดีไม่น้อย กลิ่นของไขมันกระต่ายที่หยดลงบนถ่านร้อนๆ กับความนุ่มชุ่มลิ้นของเนื้อที่สุกกำลังดีนั้น ต่างกันโดยสิ้นเชิงกับขนมปังที่แข็งเป็นหิน กับเนื้อเค็มที่สุดแสนจะเหนียวหนืดพวกนั้น

“ฉันเองก็อยากหาอย่างอื่นกินเหมือนกัน แต่เย็นนี้คงจะไม่ได้หรอก”

ข้าวเขียวยืนคอตกจนรัตติกาลเดินเข้ามาตบไหล่

“เอาน่า...อย่างน้อยเราก็จะมีกองไฟ ได้กินซุปเนื้อเค็ม กับขนมปังยัดไส้ผลไม้แห้งกับเนยแข็งปิ้งร้อนๆ ก็คงไม่แย่เกินไปหรอกน่า”

พอได้ยินชื่อรายการอาหารเหล่านั้นแล้วก็ทำให้ข้าวเขียวพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง เขาเองก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดแปลกๆ ที่มายา กับรัตติกาลพยายามจะเก็บซ่อนเอาไว้ แต่เขากลับคิดเพียงแค่ว่า 'ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาจะดีกว่า ฉันคงทำอะไรไม่ได้หรอก' แล้วก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย

มายาใช้เนินเขาเป็นกำแพงทางด้านหลัง เธอใช้ตัวรถสินค้าจอดเป็นแนวป้องกันพร้อมกับให้รัตติกาลผูกม้าเอาไว้ทางด้านใน และก่อกองไฟขวางอยู่อีกด้านหนึ่ง 'พอทำแบบนี้ พวกนั้นก็คงจะรู้ว่าถูกพบเห็นเข้าแล้ว หวังว่าพวกมันอาจจะกลัวจนยอมถอนตัวไปเองนะ'

มายาเลือกที่จะใช้วิธีการตั้งรับอย่างรัดกุม 'ถึงยังไงเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่นิลวายุ' ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะหวังอะไรกับรัตติกาลให้มากมายเกินไปนัก แม้ฝีมือของเขาจะก้าวหน้าขึ้น แต่ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่แทบจะไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงเลย

รัตติกาลไม่ได้ฝึกเพลงดาบตามปกติเหมือนที่เคยทำในทุกเย็น เขาเปลี่ยนมาทำหน้าที่จุดไฟ และเตรียมอาหารแทน แต่ตลอดเวลาดาบเล่มนั้นก็อยู่ไม่ห่างจากมือของเขา เพราะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่อาจสงบใจรอคอยอยู่เฉยๆ ได้ และเขาก็รู้ตัวดีว่านั่นเป็นเพราะยังฝึกฝนมาได้ไม่เพียงพอนั่นเอง

หลังจากซุปเนื้อร้อนๆ ถ้วยสุดท้ายผ่านพ้นลำคอลงไป ข้าวเขียวก็เรอออกมาเสียงดังจนทำให้เกิดรอยยิ้มขึ้นรอบวง ตรงกันข้ามกับรัตติกาลที่มื้อนี้กลับกินอาหารต่างๆ เพียงอย่างละเล็กละน้อยเท่านั้น เพราะเขาพยายามที่จะเตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุดสำหรับการต่อสู้ที่อาจจะเกิดขึ้น

“มาแล้ว”

เสียงเรียบๆ ของมายาดังขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เงาร่างสามร่างค่อยๆ เดินตรงเข้ามายังจุดพักแรมของพวกเธออย่างช้าๆ 'เข้ามาหาซึ่งๆ หน้า แสดงว่ามีความมั่นใจในฝีมืออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว' ซึ่งแบบนี้นับเป็นกรณีที่แย่ที่สุด

“ข้าวเขียว ข้าวขวัญ พวกเธอขึ้นไปรอบนรถก่อน”

สองพี่น้องมองหน้ากันก่อนที่จะหันไปหากลุ่มคนที่กำลังเดินตรงเข้ามา ข้าวเขียวที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติมาตั้งแต่ต้นจึงรีบดึงมือน้องสาวไปที่รถสินค้าทันที ตอนแรกข้าวขวัญดูจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก แต่สุดท้ายก็ยินยอมติดตามพี่ชายของตนไปแต่โดยดี

มายาหันมาหารัตติกาล เธอจ้องมองตาของเขาด้วยความประหลาดใจ 'ตาข้างขวานั่นดูเหมือนจะมีสีเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกแล้ว' แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีเวลาที่จะไปสนใจกับมัน

“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ฉันจะเป็นคนเจรจาเอง...แต่ถ้าต้องลงมือก็อย่าลังเลเด็ดขาด ถ้าไม่ฆ่า ก็ต้องถูกฆ่า...นั่นหมายรวมถึงเพื่อนๆ ของเธอด้วย จำเอาไว้ให้ดีล่ะ”

รัตติกาลพยักหน้าโดยไม่ตอบคำ ตอนนี้เขาก็เหมือนกับลูกธนูที่พร้อมจะถูกยิงออกไปได้ทุกเมื่อ เขาเปลี่ยนท่าทางการยืนพร้อมกับปรับตำแหน่งการจับดาบเพื่อให้พร้อมโจมตีมากที่สุด มายามองดูเขาด้วยความไม่สบายใจ 'ท่าทางของนิลวายุที่ยืนตามสบายพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ ยังดูน่าเชื่อถือเสียกว่า หรือว่าฉันควรจะให้เขาขึ้นไปอยู่บนรถด้วยอีกคนดี' แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

ชายหนุ่มสองคนในชุดสีดำอันเป็นเครื่องแบบทหารของมหาอาณาจักรสุริยันหยุดยืนอยู่ทางด้านหลัง แล้วปล่อยให้ชายกลางคนในชุดยาวสีแดงเดินเข้ามาเพียงคนเดียว มายามองดูทั้งสามคนอย่างเหนือความคาดหมาย เธอไม่คิดว่าผู้ที่ติดตามพวกเธอมาจะกลายเป็นทหารของสุริยัน ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เรื่องง่ายขึ้น หรือเลวร้ายลงยิ่งกว่าการถูกโจรดักปล้นก็เป็นได้

“สวัสดีท่านนักมายากล”

ชายวัยกลางคนยกกำปั้นขวามาวางไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายตรงกับตำแหน่งของหัวใจ พร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อย นี่เป็นวิธีการทักทายอย่างเป็นทางการที่ใช้กันอยู่ภายในปราสาทสุริยัน แสดงว่าผู้ที่มาในครั้งนี้ต้องมีตำแหน่งใหญ่โตไม่น้อยเลยทีเดียว

มายารีบสำรวจมองอย่างรวดเร็ว ชายคนนี้ไม่ได้พกพาอาวุธใดๆ ให้เห็น แต่ทหารอีกสองคนที่หยุดยืนห่างออกไปทางด้านหลังนั้นมีดาบห้อยอยู่ข้างเอวตามปกติ นี่เป็นวิธีการแสดงเจตนาว่าเป็นการมาอย่างสันติ แต่เธอก็ยังไม่ยอมวางใจง่ายๆ เพราะมันอาจจะเป็นเพียงแค่หลุมพรางก็เป็นได้

“สวัสดี ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พบกับขุนนางของสุริยันในสถานที่เช่นนี้”

มายากล่าวตอบคำทักทาย ชายคนนั้นฉีกยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาดูหนุ่มขึ้นกว่าเดิม

“ผมชื่อสนธยาเป็นเพียงแค่ครูสอนฟันดาบไม่ได้เป็นขุนนางอะไรอย่างที่ท่านเข้าใจหรอก”

มายารู้ดีว่าสำหรับรัฐทหารอย่างมหาอาณาจักรสุริยันนั้น ครูสอนวิชาดาบคงไม่ใช่ตำแหน่งเล็กๆ อย่างที่เขากล่าวถ่อมตัวแน่ ยิ่งดูจากการวางตัวของเขาแล้ว ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องเป็นคนสำคัญคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย น่าเสียดายที่เธอยังไม่มีข้อมูลในปัจจุบันของมหาอาณาจักรแห่งนี้อยู่ในมือ จึงไม่อาจประเมินคู่ต่อสู้ได้อย่างถูกต้อง

“แล้วคุณเดินทางมายังสถานที่เปลี่ยวร้างแห่งนี้ด้วยจุดประสงค์ใดกัน”

มายาถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม สนธยายังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม เขาทำเป็นไม่สนใจกับการที่มายาไม่ยอมบอกชื่อของตนเองออกมา ซึ่งนับว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง

“...ผมได้รับคำสั่งให้เดินทางมายังแดนแห่งดาราเพื่อขอเจรจากับหัวหน้าสมาคมนักมายากล ผู้ปกครองมหาอาณาจักรจันทรามาแต่โบราณ เกี่ยวกับสถานการณ์เร่งด่วนที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้”

มายาอึ้งกับคำตอบที่ได้รับ เธอแปลกใจที่คนต่างถิ่นเหล่านี้กลับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของสมาคมนักมายากล ที่แม้แต่ผู้คนในดินแดนแถบนี้เองยังพากันลืมเลือนไปจนหมดสิ้น เรื่องที่ว่าพวกเธอคือผู้ปกครองของมหาอาณาจักรจันทราแห่งนี้มาตั้งแต่โบราณ

“แดนแห่งดารานั้นไม่เคยอนุญาตให้คนนอกผ่านเข้าออกมาก่อน”

“ผมทราบดี ถึงได้มารอคอยท่านอยู่แถวนี้ไงล่ะ”

“...คุณรู้ว่าฉันจะเดินทางผ่านมาในช่วงเวลานี้อย่างนั้นหรือ”

มายาถามออกไปด้วยความประหลาดใจ สนธยาไม่ยอมตอบคำถามข้อนี้ และแกล้งเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน 'การปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ให้ดูลึกลับ จะทำให้นักมายากลสับสน และเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเจรจาเป็นอย่างมาก' เขาจึงนับว่าได้ฟันเข้าใส่นักมายากลก่อนหนึ่งดาบ

“พวกคุณน่าจะรู้ดี ว่าความจริงแล้วผู้คนรอบๆ บริเวณนี้ ไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของสมาคมนักมายากลมาตั้งนานแล้ว...พวกเขาต่างเป็นกลุ่มชนอิสระที่ไม่ขึ้นกับใคร”

“...แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ยังคงรักษาคำสัญญาที่มีกับสมาคมนักมายากลมาโดยตลอด หากทางสมาคมมีความเคลื่อนไหวพวกเขาก็น่าจะรับฟังเช่นกัน”

“ฉันไม่คิดอย่างนั้น”

“ผมจึงต้องการขอเจรจากับหัวหน้าสมาคมนักมายากลโดยตรงยังไงล่ะครับ”

มายาถามเจาะเข้าเรื่องสำคัญทันที

“เรื่องที่จะขอเจรจาคือเรื่องอะไร เกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างสุริยัน กับวารีใช่หรือไม่”

“...เรื่องรายละเอียด ผมขอคุยกับหัวหน้าสมาคมโดยตรงจะดีกว่า”

มายาพาลรู้สึกหงุดหงิดสนธยาคนนี้ขึ้นมาทันที

“หากคุณยังคงยืนยันเช่นนั้น ก็เชิญกลับไปได้แล้ว แดนแห่งดาราไม่ต้อนรับบุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด”

มายาจบการสนทนาลงอย่างห้วนๆ พร้อมกับผายมือทำท่าให้ทูตจากสุริยันเดินทางกลับในทันที รอยยิ้มพลันสลายหายไปจากใบหน้าของสนธยา ในปราสาทสุริยันไม่เคยมีผู้ใดที่กล้าแสดงอาการเช่นนี้กับเขามาก่อน ไม้แข็งของเธอนี้นับว่าเป็นการฟาดกลับมาอย่างเต็มแรง 'โดนเข้าบ้างแล้วเรา'

สนธยารีบปั้นรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเปลี่ยนท่าทีที่ใช้กับนักมายากล เขาเป็นนักดาบที่สามารถใช้ดาบได้อย่างพลิกแพลงที่สุดของมหาอาณาจักรสุริยัน คู่ต่อสู้ทุกคนต่างต้องมือไม้ปั่นป่วนไม่อาจคาดเดาวิถีดาบของเขาได้

“ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้เกียรติท่านหรอกนะครับ แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนมาก ผมจึงไม่อาจเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดออกไปง่ายๆ ได้”

มายาเริ่มเข้าใจว่าทำไมครูดาบอย่างสนธยาจึงได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่ทูตในครั้งนี้

“เรื่องนี้มีความสำคัญกับทุกคน...มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของสงครามระหว่างสุริยัน กับวารีเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวพันไปถึงเรื่องของ...เอ่อ...”

มายามองดูท่าทางลังเลของสนธยา เธอคิดว่ามันเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น แต่ก็ทำได้สมจริงสมจังดีทีเดียว

“...เคออส”

พอชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากของสนธยา มายาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าท่าทางของเขาจะเป็นเพียงแค่การแสดงอย่างที่คิดจริงหรือไม่ 'หรือพวกเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเคออสจริงๆ ' เธอรีบคิดอย่างรวดเร็ว 'ต้องลองทดสอบดูหน่อย' เธอแกล้งส่งเสียงหัวเราะออกมาทันที

“ทำไม...เคออสจ้าวแห่งความสับสนจะออกมาจากนิทานแล้วจับทุกคนกินอย่างนั้นหรือ”

สนธยามองดูท่าทางของนักมายากลที่แกล้งพูดให้มันฟังดูเป็นเรื่องตลก โดยเขายังคงมีสีหน้าที่จริงจังอยู่เช่นเดิม

“ท่านคงไม่ได้คิดแบบที่พูดออกมาจริงๆ ใช่ไหม นักมายากลคือผู้สืบสายเลือดจากจันทรา มีหน้าที่ต้องคอยปกป้องดูแลผู้คนจากเหล่าผู้เคลื่อนไหวในยามราตรีมาแต่โบราณแล้วไม่ใช่หรือ”

เสียงหัวเราะของมายาค่อยๆ เงียบหายไป 'ดูเหมือนพวกสุริยันจะรู้เรื่องราวต่างๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว น่าเสียดายที่แม่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจพวกนี้สักเท่าไร ฉันจึงยังไม่มีข้อมูลมากนัก' แต่อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ได้ การที่มารดายังไม่ยอมบอกเรื่องของมหาอาณาจักรสุริยันออกมานั้น อาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาก็เป็นได้

สนธยามองดูท่าทีที่เปลี่ยนไปของนักมายากล เขาคิดว่าคงได้เวลาที่จะจู่โจมอีกดาบหนึ่งแล้ว

“ผมขอถามอีกครั้ง จะให้ผมเข้าพบหัวหน้าสมาคมนักมายากลได้หรือไม่”

วิธีการตอบของมายานั้นเหนือความคาดหมายของทุกคน เธอค่อยๆ ยื่นมือที่ขาวผ่องออกมาจากเสื้อคลุมราตรี ดาบจุลจันทราพลันปรากฏขึ้นในมือของเธอ

ทหารทั้งสองที่เคยยืนอยู่ทางด้านหลัง พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ทางด้านขวากุมมืออยู่ที่ด้ามดาบกำลังเตรียมที่จะชักออกมา แต่คนที่อยู่ทางด้านซ้ายมีดาบเรียวยาวเป็นประกายอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว แม้จะจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่รัตติกาลกลับเห็นท่าในการชักดาบของคนผู้ได้ไม่ชัดตานัก

สนธยากางแขนออกเพื่อหยุดคนทั้งสองเอาไว้

“อย่าเสียมารยาท”

มายาเองก็ยกมือขึ้นห้ามรัตติกาลเอาไว้เช่นกัน เพราะเขาก็พุ่งตัวออกมาพร้อมดาบในมือ และไม่ได้เชื่องช้ากว่าทหารทั้งสองคนนั้นเลย เธอหมุนจุลจันทราให้ปลายดาบชี้ลงพื้น พร้อมกับแสดงลวดลายที่ถูกสลักอยู่ตรงปลายด้ามให้สนธยาได้เห็น

“แดนแห่งดาราไม่ต้อนรับบุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด”

มายายังคงย้ำคำเดิม แต่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“...แต่ฉันจะขอทำหน้าที่เจรจากับคุณเอง ที่นี่ และเดี๋ยวนี้”

'ถ้าหากเขารู้เรื่องต่างๆ มากขนาดนั้น ก็ต้องรู้จักสัญลักษณ์บนดาบจุลจันทราเล่มนี้ด้วย' มาถึงตอนนี้มายาเองก็อยากรู้ขึ้นมาเช่นกันว่าทางมหาอาณาจักรสุริยันมีข้อมูลเกี่ยวกับเคออสมากน้อยแค่ไหน พวกเขาวางแผนจะทำอะไร และมันเกี่ยวข้องกับสงครามที่พวกเขาเป็นคนก่อขึ้นนี้หรือไม่

สนธยามองดูสัญลักษณ์นั้น และจดจำมันได้ในทันที รูปเดือนเสี้ยวที่มีเส้นรัศมีเติมเต็มจนกลายเป็นวงกลม 'ราชินีแห่งแสงจันทร์ ดาบเล่มนี้เป็นหนึ่งในอาวุธที่มีพลังสัญญาของสี่ราชาสถิตอยู่' ดูเหมือนทางมหาอาณาจักรจันทราเองก็มีความเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน 'แน่ล่ะ ก็พวกเธอน่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้มากที่สุด'

“ดูเหมือนว่าท่านจะสามารถเป็นตัวแทนของหัวหน้าสมาคมนักมายากลได้...ตกลง ผมจะเจรจากับท่าน”

“ฉัน มายา...ขอเป็นตัวแทนของหัวหน้าสมาคม ในการเจรจากับสนธยา ทูตจากมหาอาณาจักรสุริยัน ณ ที่นี้”

มายายอมบอกชื่อของเธอออกมาในที่สุด


Create Date : 22 กรกฎาคม 2553
Last Update : 22 กรกฎาคม 2553 8:24:40 น. 0 comments
Counter : 622 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.