Less is now.
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
6 พฤศจิกายน 2557

To Rome with love...the end

  มีรูปเหลือค้างอยู่นิดหน่อย เลยเอามาลงบล็อกซะให้หมด เป็นรูปที่เราไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของวาติกันค่ะ ซึ่งตัวพิพิธภัณฑ์ของวาติกัน จะอยู่อีกทางนึง ไม่ได้เข้าทางเดียวกันกับมหาวิหาร S.Pietro เดินเลียบกำแพงสูงๆไปเรื่อยๆจะเจอผู้คนยืนเข้าคิวซื้อตั๋วยาวเหยียด แนะนำให้ซื้อออนไลน์ค่ะ จ่ายเพิ่มค่าจองไปอีก 4 ยูโร แต่ไม่ต้องไปยืนต่อคิว ตอนจองเค้าก็จะมีเวลาให้เลือก ว่าจะเข้ารอบไหน ไปก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง ปริ้นใบจองมาให้เรียบร้อย ยื่นใบจองให้คนตรวจ ซึ่งจะมีอีกแถวนึงให้เรายื่นได้ ไม่ต้องไปยืนเข้าคิวยาวๆนั่นนะคะ คนละคิวกัน เข้าไปแล้วก็เอาใบจองไปแลกตั๋วเข้าชม วันจันทร์ที่เราไปนั้น คนเยอะมหาศาล อย่าพลาดห้อง Cappella Sistina นะคะ บนเพดานห้อง ภาพวาดของไมเคิล แองเจโล่ เริ่ดสุดๆ ลืมไม่ลงกันเลยทีเดียว เมื่อยคอไปหน่อย คนก็เยอะ แหงนคอดูกันซะคอแทบเคล็ด ห้องนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพค่ะ 



รูปปั้นใหญ่ๆ อลังการงานสร้าง



ขาออกมีบันไดพิศวงอันนี้ มีขาขึ้นและขาลงสร้างคร่อมกันไปมา วนเป็นก้นหอย แต่คนเดินขึ้นลงจะไม่เจอกันเลย ใช้คนละเส้นเลยค่ะ เออเนอะ เก่งอ่ะ สมัยก่อนเค้าคิดกันได้ยังไง แต่ขาขึ้นเค้าปิดค่ะ ให้ใช้แค่เป็นทางลงเท่านั้น




เดินชมกันไปสี่ชั่วโมงได้กระมัง เริ่มหิว เดินออกมาจากวาติกัน กลับที่พักซึ่งอยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละ ซื้อขนมปังใส้หมูย่างมากินกัน ก้อนนึงแบ่งกันกินสองคน ก้อนยักษ์มากมาย ภาษาอิตาเลี่ยนเรียกว่า por- chet- ta 




หลังจากนอนหลับพักผ่อนกันได้ที่ เรียกเรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้ว ถึงเวลามื้อเย็นค่ะ เรานั่งรถเมล์เข้าเมือง แล้วเดินดุ่มๆพร้อมแผนที่ในมือ เพื่อไปกินมื้อเย็นที่ร้านเก่าแก่ มีคนแนะนำให้ไปกินร้านนี้ ชื่อร้านคาร์โบนาร่า ซึ่งเราก็สั่งสปาเก็ตตี้ชื่อเหมือนชื่อร้านนั่นแหละมากิน แต่รสชาติก็งั้นๆแหละค่ะ หากินได้ตามร้านทั่วไปในโรม อิชั้นออกจะผิดหวังในรสชาติเสียด้วยซ้ำ แถมแพงกว่าร้านอื่นๆอีก ตั้ง 13 ยูโรแน่ะ ร้านอื่นก็ราวๆ 8-9 ยูโร บางร้านเคยเจอ 7 ยูโรด้วยซ้ำ อร่อยกว่าเสียด้วย ฮุๆๆๆ





จานแรก อิชั้นสั่งปลาชุบแป้งทอดมากิน อันนี้ก็อร่อยดีอยู่หรอก




คาร์โบนาร่า หน้าตาผ่าน แต่รสชาติงั้นๆสำหรับปากอิชั้น




หลังจากนั้นก็นั่งรถเมล์กลับมานอน ตื่นสายๆ เตรียมตัวนั่งรถไฟกลับบ้านละค่ะ เรานั่งรถเมล์ไปหัวลำโพงของกรุงโรม แวะกินข้าวเที่ยงบนชั้นลอยของสถานี มีร้านแบบบริการตัวเอง ตักๆเลือกอาหารแล้วไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ นั่งกินสลัดรอเวลารถไฟออก นั่งกินอยู่ดีๆก็มีพวกยิปซีมาขอเงิน เผอิญมีเหรียญ 50 เซนต์ เงินทอน ถึงหยิบให้เค้าไป พอให้ปุ๊บ มีตำรวจมาไล่พวกเค้าให้ออกไปบริเวณนั้นเลย บางทีเราก็รู้สึกอยากให้นะคะ สงสารเหมือนกัน แต่บางคนที่มาล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว อันนี้น่ากระทืบค่ะ อิชั้นอยู่อิตาลีมาแปดปี ก็พอจะแยกออกว่าใครจะมาดีมาร้ายกับเรา นั่งกินอยู่เราก็เห็นแก๊งค์มิจฉาชีพเดินมาเป็นกลุ่มๆ พอจะดูออกจากลักษณะรูปร่างหน้าตา สำเนียงการพูดจา บางกลุ่มนี่ตำรวจไล่ให้ออกนอกสถานีเลย แต่แป๊บๆก็กลับเข้ามาใหม่ ฮ่าๆๆ  แต่สามสี่วันที่อยู่กรุงโรม ก็ไม่เสียทรัพย์สินใดๆไปให้พวกโจรเหล่านั้น เป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัวเองด้วยแหละ นึกถึงเวลาเราไปเดินจตุจักรซิคะ มาเที่ยวกรุงโรมที่ๆคนเยอะๆ เราก็ระวังตัวแบบนั้นแหละค่ะ รูปนี้ถ่ายจากชั้นลอย ตรงบริเวณที่เรานั่งกินมื้อเที่ยง ข้างล่างมีร้านหนังสือด้วยค่ะ 




ส่วนรูปต่อไปก็เป็นรูปที่นั่งในขบวนรถไฟความเร็วสูงของอิตาลี บางขบวนมีเสริฟกาแฟ มีขนมของว่างให้กิน ชั้นบิซิเน็สมีเสริฟสองรอบค่ะ ชั้นสองธรรมดาไม่มีเสริฟแต่ก็มีตู้อาหารให้หาซื้อกินได้ นั่งราวๆสามชั่วโมงก็ถึงมิลานละ เร็วทันใจ สะดวกสบายมากๆค่ะ









ปิดท้ายด้วยรูปนี้ จากร้านกาแฟใกล้ๆที่พักที่โรมค่ะ 



เจอกันทริปหน้า เมืองไทยเมืองยิ้มของเรา เดือนมกราโน่นแน่ะ ฮ่าๆๆ



Create Date : 06 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2557 19:27:40 น. 0 comments
Counter : 1371 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

settembre
Location :
Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




A minimalist mindset>>>minimalist lifestyle.
I try to pay attention to everything I buy and keep.
Now I live by the concept of BALANCE.




เริ่มนับจำนวนคนอ่าน วันที่ 22/04/15




New Comments
[Add settembre's blog to your web]