Less is now.
<<
มกราคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
16 มกราคม 2560

ตกหลุมรัก พักเมือง Florence 1.3







มาต่อกันกับบล๊อกที่สาม ของการตกหลุมรักเมืองน่ารักๆอย่างฟลอเร้นซ์กันค่ะ บล็อกอันเก่าเล่าจบตรงที่ เราสองคนกินมื้อเที่ยงที่เมืองปิซ่า หลังจากกินเสร็จก็เดินกลับมารอรถไฟเพื่อกลับไปโรงแรมที่พักกันค่ะ หลังจากถึงโรงแรมแล้วพักผ่อนอัพรูปไปตามประสา พักเหนื่อยไปในตัว เกือบๆสี่โมงเย็นเราสองคนก็เดินออกไปเก็บตกเมืองฟลอเร้นซ์กันต่อ


เผอิญเดินผ่านถนนเส้นนึงที่ดันมีร้านขายอาหารจีนแบบเทคอะเวย์และมีโต๊ะสองสามโต๊ะให้นั่งกินได้ที่ถนน San Antonio เลยตัดสินใจนั่งกินกันตรงนั้นเสียเลย เราสองคนซื้อปลาผัดในซอสออกหวานหน่อยๆและบะหมี่ผัด ป้าแกตักใส่จานพลาสติกและอุ่นในไมโครเวฟให้ มาม่าหนึ่งถ้วย มาม่าคัพละ 1,20 แต่ป้าจีนคิดค่าน้ำร้อน 80 เซนต์ สรุปแล้วมื้อนั้นนั่งกินกันราคาไม่ถึงสิบยูโร แก้ขัดอาการคิดถึงอาหารไทยไปได้หน่อยนึง ตรงข้ามร้านป้าจีนคนนี้ก็ยังมีอีกร้านนึงเป็นมินิมาร์ทของป้าจีนอีกคนนึง แต่ป้าเน้นขายของแห้งๆบะหมี่ ผักสดแบบเอากลับไปปรุงที่บ้านเองชื่อร้าน Supermercato della Fortuna แต่ป้าจีนเทคอะเวย์ไม่เห็นมีชื่อร้าน  และมีร้านอาหารจีนอีกหนึ่งร้าน แอบตกใจเล็กๆที่ มีร้านอาหารจีนอยู่ในย่านนี้และมีนักท่องเที่ยวจีนรอคิวกินอาหารอยู่หลายคน  สรุปว่าในซอยนี้มีร้านอาหารจีนหนึ่งร้าน ร้านเทคอะเวย์หนึ่งร้าน และร้านมินิมาร์ทของคนจีนอีกหนึ่ง ใครเบื่อๆพิซซ่า หรือสปาเก็ตตี้ก็แวะเข้าซอยนี้ได้ค่ะ แปะแผนที่ให้ดูสักนิด





หลานเอมี่ยืนอยู่หน้าร้านจีน take away



ส่วนอันนี้เพิ่มเติม เยื้องๆกับโรงแรม Mia cara ที่เราพักนั้น ยืนอยู่หน้าโรงแรมให้เหลือบมองไปทางซ้ายมือค่ะ มีร้านอาหารเล็กๆ แนวคาเฟ่ บิสโทร ขายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เราสองคนแวะเข้าไปจิบไวน์แดงและสปริทซ์น้ำสีส้มๆในรูป พนักงานพูดจาดีมาก แนะนำอาหารหรือเครื่องดื่มภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว คือบางทีอิชั้นพูดภาษาอังกฤษกับพนักงานชาวอิตาเลี่ยนที่นี่ แก้เบื่อ 555 ไวน์แดงจากเมือง Montepulciano ของแคว้นทัสคานี แก้วละ 5 ยูโร หรือจะลองชิมพวกแฮม cold cut จากแคว้นนี้ เค้าก็มีแบ่งขายให้ชิม โดยสั่งเป็นเซ็ทสำหรับเครื่องดื่ม Aperitivo เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหารหลัก ที่ชาวอิตาเลี่ยนนิยมมาดื่มพร้อมเม้าท์มอยกับเพื่อนฝูง อิชั้นเห็นราคาที่ติดไว้เขียนว่า 8 ยูโร หนึ่งเครื่องดื่มพร้อมของกินเล่นนิดหน่อย น่าลองนะคะ จะได้ชิมไวน์ท้องถิ่นบวก cold cut ของพวกเค้านี่ก็อร่อยไม่เบา ชื่อร้าน La Sosta delle contesse เว็บไซค์ค่ะ //www.lasostadellecontesse.com/




หลังจากอิ่มหนำสำราญพุงกันแล้วเราเดินต่อไปเรื่อยๆเห็นมีตลาดอยู่ใกล้ๆเดินเข้าไปดู คนเยอะมากรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อทรัพย์สินเลยเดินเลี่ยงออกมา แล้วก็แวะไปถ่ายรูปตรงนั้นตรงโน้นตามสถานที่เที่ยวหลักๆของเมืองนั่นแหละค่ะ ยัยเอมี่อยากกินไอติมได้มาสองรส ถ้วยละ 6,50ยูโรแพงเว่อร์ไปแล้ว แต่เผอิญว่าเป็นร้านแบบ self service มีห้องน้ำให้เข้า เราเข้าไปนั่งที่โต๊ะพักขาหาฮีทเตอร์อุ่นๆได้ เลยยอมจ่ายๆไปสรุปแล้วคืนนั้น เดินวนไปวนมาเก็บบรรยากาศเมือง ก่อนกลับไปอาบน้ำนอนผึ่งพุงสบายตัวกันทั้งสองคน


ปล ทริปนี้ เอมี่เริ่มรู้งานว่า อาบน้ำก่อนเข้านอนก็พอเช้าๆไม่ต้องอาบหรอก เปลืองน้ำ เสียเวลาด้วย 555


เช้าวันที่ 29 ธันวาคมเป็นวันที่ต้องร่ำลาฟลอเร้นซ์แล้ว เราสองคนตื่นเช้าเช่นเคย หกโมงเช้าตื่นมาจัดกระเป๋าที่งอกเงยออกมาเป็นถุงเล็กๆคนละใบสองใบ ก่อนเจ็ดโมงเช้านิดหน่อยเราลากกระเป๋าลงไปเช็คเอ้าท์ค่า city tax ของฟลอเร้นซ์อยู่ที่ 1,50 ตัวหัวต่อคืนค่ะ โรงแรมนี้จ่ายค่าห้องเป็นบัตรเครดิตได้ แต่ค่าภาษีเมืองจ่ายแยกเป็นเงินสด หลังจากนั้นเจ็ดโมงเช้าเป๊ะเราก็เข้าไปกินอาหารเช้าและได้ถ่ายรูปเหล่าบรรดาของกินมาให้ดูด้วยค่ะ อาหารเช้าโรงแรมนี้ผ่านค่ะ มีครบหลากหลาย กาแฟกดจากเครื่องมีหลากหลายรสเช่นกัน มีการหุงข้าวให้แขกเอเซียอย่างเราๆกินด้วย แต่ข้าวที่หุงมาให้นั้นออกจะแข็งๆ เหมือนคนหุงๆให้สุกแบบ al dente แต่ก็พอกินได้ค่ะ และอิชั้นแอบเห็นแขกชาวเกาหลีมั้ง ชีเอาถ้วยแก้วคงเอามาเอง ใส่มาม่าดิบที่ซื้อมาแล้วเอาน้ำร้อนที่โรงแรมใส่ลงไป สงสัยชีคงอยากกินของร้อนซดน้ำซุปยามเช้า คนไทยเราถ้าอยากทำแบบนี้ก็ได้นะคะ หาถ้วยมาใส่เองแต่เบาๆเรื่องรสของมาม่าหน่อยละกัน ไม่รู้แขกคนอื่นจะทนกลิ่นมาม่ารสต้มยำกุ้งของเราได้หรือเปล่า แต่หน้าร้อนนั้น เห็นมีประตูเปิดออกไปจะมีสวนหย่อมพร้อมโต๊ะอยู่ด้านข้างห้องอาหารเช้านั่นแหละ ก็เอาออกไปกินข้างนอก ก็น่าจะได้นะคะ 














เห็นไหมคะ อาหารเช้าหลากหลายแบบนี้ แนะนำเลยค่ะโรงแรมนี้ ถึงแม้ห้องพักจะไม่กว้างขวางอะไรมากมายแต่ก็สะอาดสะอ้านดี มีลิฟท์ให้ด้วย อยู่ใกล้สถานีรถไฟ วิธีเดินเท้ามาที่โรงแรมจากสถานีรถไฟ อิชั้นเขียนไว้ในตอนที่ 1.1 ค่ะ 


หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารเช้ากันแล้ว ถึงเวลาเดินลากกระเป๋ากลับมาสถานีรถไฟเพื่อนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับมายังมิลานใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงมิลานแล้ว รถไฟออกตอน 08,00 เป๊ะถึงมิลาน 09,30 แล้วเรายังพอมีเวลาออกมาซดกาแฟกันคนละแก้วระหว่างรอรถไฟเที่ยวต่อไป เพื่อกลับมายังบ้านของอิชั้น ตอนที่ออกมานั่งซดกาแฟกันนั้นโต๊ะเต็มไปหมดเหลือบไปเห็นโต๊ะนึงนั่งอยู่แค่สองคนเลยทำท่าขออนุญาตนั่งร่วมโต๊ะกับเค้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ทำไม้ทำมือไปพอซื้อกาแฟกลับมานั่งที่โต๊ะ ปรากฏว่าเป็นน้องคนไทยค่ะน้องมาเรียนที่อิตาลี แหม่ ป้าก็คิดว่าน้องเป็นคนญี่ปุ่นเลยนั่งเมาท์มอยกันสักสิบนาที ให้มาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นหนึ่งถ้วยให้น้องเอาไปกินแก้คิดถึงเมืองไทยด้วยนะ 555


แล้วเราสองคนก็ลากกระเป๋ามาขึ้นรถไฟไปสุดสายที่เมืองติราโน่ นั่งรถไฟมาสองชั่วโมงครึ่งปวดฉี่มากเพราะห้องน้ำบนรถไฟไม่เปิด ล๊อคห้องตลอดทาง มาถึงตอนบ่ายโมงรีบหาห้องน้ำทันใดและก็หิวได้ที่ เอากระเป๋ามาใส่หลังรถอิชั้นที่จอดทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟ เดินออกไปซื้อขนมปังสอดใส้ฮอทดอกคนละชิ้น แล้วแวะไปหาเพื่อนอิชั้นไปเยี่ยมหลานสาว เลาร่าลูกครึ่งอิตาเลี่ยนไทยตัวน้อยๆแป๊บนึง แล้วอิชั้นเห็นว่าเรายังมีเวลาเที่ยวและยังมีแรงอีกเหลือเฟือ จึงพาหลานเอมี่เดินขึ้นเขาไปประมาณยี่สิบนาที เดินขึ้นไปชมวิวเมืองติราโน่บนที่สูงพร้อมกับไปปิคนิคที่นั่น อากาศดีมีแดด หนาวนิดหน่อยประมาณหกองศา แต่วิวดีๆแบบนั้น กินอะไรก็อร่อยไปหมด


วิวเมืองติราโน่ค่ะ 







หลังจากนั้นเริ่มไม่ไหวค่ะ แดดเริ่มหมด เริ่มหนาวและมีลมพัดมากขึ้น เลยเดินลงมา ขับรถกลับบ้านบนเขาของเรากันเถอะติดตามชีวิตบนเขาของสาวน้อยเอมี่ในบล็อกต่อไป ว่าชีจะทนหนาวได้มากแค่ไหน ถามใจชีดูค่ะ




Create Date : 16 มกราคม 2560
Last Update : 16 มกราคม 2560 17:48:14 น. 0 comments
Counter : 947 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

settembre
Location :
Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




A minimalist mindset>>>minimalist lifestyle.
I try to pay attention to everything I buy and keep.
Now I live by the concept of BALANCE.




เริ่มนับจำนวนคนอ่าน วันที่ 22/04/15




New Comments
[Add settembre's blog to your web]