Less is now.
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
2 กรกฏาคม 2556

Spilamberto-Modena,Italia 26/04/13

กลับมาเขียนบล็อกกันหน่อย ทิ้งร้างไปเป็นเดือนเลยคราวนี้ ก็ยุ่งๆอยู่กับงานที่โรงแรมเล็กๆของเราละค่ะ แขกช่วงเดือนมิถุนาก็เป็นกลุ่มมาปั่นจักรยาน คึกคักมากตัวอิชั้นเพราะมีแต่หนุ่มๆรอบตัว ฮิๆๆ 

เข้าเรื่องทริปกันต่อไป หลังจากที่นอนพักที่เมือง Modena ไปคืนนึงแล้ว รุ่งเช้าอยากแวะไปโรงงานทำซอส Traditional Balsamic Vinegar (or Aceto Balsamico Tradizionale) ที่ทำมาจากน้ำองุ่นคั้นแล้วเอามาต้ม หมักกันหลายปีก่อนจะกลายเป็นน้ำซอสสีดำข้นๆที่เอาไว้ใส่สลัดหรือเป็นส่วนผสมอาหารอื่นๆ รีเซฟชั่นของโฮทเทลบอกว่ามีมิวเซียมอยู่ที่เมือง Spilamberto ไม่ไกลจากเมืองนี้ เป็นมิวเซียมที่เกี่ยวกับการทำ Balsamic vinegar โดยเฉพาะเลย เราเลยจัดการจดชื่อที่อยู่ลงในเครื่องนำทาง TomTom ขับรถแป็บเดียวก็ถึงเมืองเล็กๆน่ารักๆที่ชื่อ Spilamberto 

เมืองเล็กๆสงบเงียบ เดินไม่หลงไม่ชวนงงงวย เจอมิวเซียมเล็กๆตั้งอยู่กลางเมือง ค่าเข้าชมแค่คนละสองยูโร แต่ได้ดูวิดีโอวิธีการทำน้ำซอสนี้ มีเจ้าหน้าที่มาอธิบายนิดๆหน่อยๆ โอย คุ้มมากๆ แนะนำเลยค่ะเมืองนี้ ถ้าใครชอบกินสลัดราดน้ำซอส Balsamic ตัวนี้ จะได้เห็นวิธีการทำแบบดั้งเดิมที่ชาวบ้านแถบนี้เค้าทำกัน เริ่ดอ่ะ ไม่ใช่หมักแค่หนึ่งวัน หนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือน หมักกันเป็นปีๆค่ะ อย่างน้อยๆสิบสองปีนะคะถึงจะผ่านการรับประกัน ต้องเปลี่ยนถังไม้ที่ใส่น้ำซอสด้วยนา เพราะพอหมักๆไปปริมาณน้ำซอสก็จะระเหยออกไปอีก สุดท้ายเหลือติดถังไม้ไม่เยอะ วางถังหมักกันในห้องใต้หลังคา อุณหภูมิหน้าร้อนสูงไปหรือหน้าหนาวที่ต่ำไป มีผลต่อสีต่อรสชาติที่จะได้มาด้วย ถึงขนาดมีการจัดตั้งเป็นอะคาเดมี่ประกวดและประกันเรื่องรสชาติกันเลยทีเดียว น้ำซอสแบบรสดั้งเดิมขวดเล็กๆแค่  100 ml. ราคา 40 ยูโร หมักมา 12 ปีเองค่า ฮ่าๆๆๆ มีแบบหมัก 25 ปีด้วยค่ะ ราคา 70 ยูโร ขนาด 100 ml. Smiley คือไอ้ซอสตัวนี้พบเจอได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แต่เป็นการผลิตจากโรงงาน ไม่แพงหรอก แต่แบบดั้งเดิมมีรางวัลมีการประกันคุณภาพนั้น แพงได้ใจ แต่รสชาติก็ถึงอกถึงใจเหมือนกัน นัวค่ะนัว อิชั้นกินสลัดราดน้ำซอสนี้แหละทุกวัน ใส่เกลือ ใส่ซอสนี้ ใส่น้ำมันมะกอกเข้าไป สลัดชามใหญ่ก็กินได้กินดี

ปล สลัดในอิตาลีเท่าที่นิยมกินกันก็จะใส่น้ำส้มองุ่นหรือน้ำส้มหมักจากแอ็บเปิ้ลน้ำสีใสออกไปทางสีเหลืองหรือไม่ก็ก็น้ำส้มองุ่นที่หมักออกมาเป็นสีดำๆนี่แหละค่ะ สลัดแบบราดซอสครีมๆเหมือนเมืองไทยนั้นไม่เป็นที่นิยมกินกันค่ะ


ดูรูปเมืองที่ว่านี้เนอะ 









ตัวมิวเซียมค่ะ



ที่คั้นองุ่นแบบดั้งเดิม




น่าจะเป็นถังคั้นและกรองน้ำองุ่น








หม้อต้มน้ำองุ่น




ถังหมักจากถังใหญ่เปลี่ยนไปใส่ถังเล็กลงเรื่อยๆ




ชนิดของไม้ที่เอามาทำถังหมัก




อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ




ขวดใส่น้ำซอสในสมัยก่อน




ถังหมัก





ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของซอสนี้ได้ที่ //en.wikipedia.org/wiki/Balsamic_vinegar หรือเว็ปไซค์ของมิวเซียมค่ะ //www.museodelbalsamicotradizionale.org/ita/index.htm ใครเป็นแฟนพันธ์แท้ของน้ำส้มองุ่นหมักสีดำน้ำข้นๆแบบดั้งเดิม แนะนำให้หาซื้อมาลองชิมแล้วจะลืมรสชาติจากขวดที่เป็นผลงานของพวก mass production ไปเลยค่ะ ฮิๆๆ 

ปล ขออนุญาติเขียนมิวเซียมทับคำว่า พิพิธภัณฑ์ เพราะอิชั้นหาแป้นตัว ฑ ไม่เจอค่ะ ฮ่าๆๆ Smiley






Create Date : 02 กรกฎาคม 2556
Last Update : 2 กรกฎาคม 2556 23:24:21 น. 1 comments
Counter : 1708 Pageviews.  

 
โอ้ย อยากไปๆ ไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวเขียนลงรายการไว้ก่อน


โดย: sognomio วันที่: 25 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:01:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

settembre
Location :
Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




A minimalist mindset>>>minimalist lifestyle.
I try to pay attention to everything I buy and keep.
Now I live by the concept of BALANCE.




เริ่มนับจำนวนคนอ่าน วันที่ 22/04/15




New Comments
[Add settembre's blog to your web]