ไปดูรูปวิวทะเลสาปงามๆกันเถอะค่ะ เริ่มต้นจากการเดินออกมาจากสถานีรถไฟ (สถานีเมือง Varenna นี้อยู่ตรงกลางระหว่างอุโมงค์สองอันค่ะ เค้าเจาะภูเขาสร้างรางรถไฟ แถบนี้จะมีอุโมงค์รถไฟและรถยนต์เยอะมาก) เดินตามป้ายบอกทางมาสักห้านาที เจอวิวแบบนี้ทันทีค่ะ
แค่มุมนี้ ชีเซลฟี่ไปร้อยรูปกระมัง
ทางเดินริมทะเลสาป
แต่งตัวสวยๆ มาถ่ายรูปเก๋ๆกันได้เต็มที่ค่ะ
มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะ ขอแนะนำเลยค่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอน
อิชั้นเอาขนมขาไก่ ที่เอมี่เอามาฝากจากไทยมากินที่นี่ด้วย แบ่งๆให้เจ้าเป็ดน้อยพวกนี้กินด้วยกัน
เป็นทุ่นสะพานที่ให้เรือแท๊กซี่จอด แต่ไม่เห็นมีสักคัน คงจะมีเฉพาะหน้าร้อนกระมัง เราสองคนเลยลงไปนั่งพัก ถ่ายรูปไป อาบแดดไปด้วย
ถ้าตกลงไปในน้ำนี่ คือชีว่ายน้ำเป็นค่ะ แต่คงจะแข็งตายแทน เพราะน้ำเย็นมากๆ
ชอบมุมนี้ เงียบสงบ น้ำนิ่งๆ
เรือเฟอรี่ ที่พาเราข้ามไปยังอีกหมู่บ้านนึงค่ะ
เกือบๆบ่ายโมง เราสองคนซื้อตั๋วเรือ นั่งเฟอรี่ประมาณสิบห้านาทีไปยังหมู่บ้าน Bellagio เดินหาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยง เจอร้านแบบแนวคาเฟ่ อาหารรสชาติใช้ได้ เอมี่กินพิซซ่าไปถาดนึง ถึงกับต้องเดินไป ออกกำลังกายกันไป เบิร์นไปเรื่อยๆ ส่วนอิชั้นเลือกกินมะเขือม่วงอบกับชีส บวกไวน์แดงอีกแก้ว แหม่ มันช่างเข้ากัน กระชุ่มกระชวยดีเหลือเกิน
ดูจากการแต่งตัวของเอมี่นะคะ กับอุณหภูมิสิบองศา แต่งประมาณนี้เลยค่ะ สำหรับคนขี้หนาว ตัวแรกใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว+เสื้อคอเต่าแขนยาว+เสื้อแขนยาวผ้านิ่มๆขนหนาๆ+แจ๊กเก็ตกันหนาว(ที่ชีใส่อยู่นั้นของอิชั้นเองค่ะ บุขนเป็ด) กางเกงใส่สองชั้นคือเลคกิ้งด้านใน แล้วสวมกางเกงทับอีกรอบ ผ้าพันคอแคชเมียร์ ถุงมือชีซื้อของยี่ห้อ Uniqlo คือถ้าขี้หนาวแต่งแบบนี้โอเค
แต่อิชั้นซึ่งเริ่มชินกับอากาศหนาวๆ อิชั้นจะแต่งแค่ เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นด้านใน+เสื้อคอเต่าแขนยาวผ้าค็อตต้อนธรรมดา+โค้ตยาว ที่ไม่ใช่ขนเป็ด ถุงน่องมีส่วนผสมของวูล สีเข้มๆก็ดีค่ะช่วยดูดแสงให้อุ่นขึ้น กระโปรงสั้น ถุงมือบางๆสีดำ บู๊ทยาวมาถึงใต้เข่า แค่นี้เอาอยู่ค่ะ เดี๋ยววันหลังจะเขียนบล็อกเกี่ยวกับการแต่งกายมาเที่ยวยุโรปหน้าหนาวกันค่ะ
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ เราสองคนก็เดินมารอเรือเฟอรี่ นั่งกลับมายังหมู่บ้านวาเร็นน่าอีกรอบ แล้วเดินไปรอรถไฟเที่ยว 15.20 เพื่อกลับไปยังบ้านบนดอยกันต่อ ตอนที่รถไฟวิ่งมาเทียบชานชาลานั้น เราสองคนก็เดินไปเปิดประตูรถไฟ โดยการโยกที่จับ งัดเข้ามาหาตัวเรา แต่ประตูไม่เปิดค่ะ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก รีบวิ่งไปอีกประตูนึง ที่มีคนลง แล้วก้าวขึ้นรถไฟไปสวยๆ เป็นเรื่องให้ถกเถียงกันสองคนระหว่างทางว่า ประตูเสีย หรือเราไม่มีแรงพอ แล้วที่กินพิซซ่าไปหนึ่งถาด แปดชิ้นนั่น พลังงานมันหายไปไหนยะแม่คุ๊ณ ^__^
ถ้าโชคดีเจอรถไฟขบวนใหม่ๆ ไม่ต้องออกแรงงัดประตูแล้วนะคะ เพราะเป็นปุ่มกดไฟฟ้า กดเบาๆ ประตูเค้าก็เปิดรับเราแล้วค่ะ เดี๋ยวบล็อกหน้า พาไปดูชีวิตติดดอยของสาวน้อยเอมี่กันต่อค่ะ โปรดติดตามกันต่อไป
อุ๊บ ลืมเมาท์ ตอนเดินกลับไปที่สถานีรถไฟ มีแก๊งค์ชายวัย สว พยายามมาแอ๊วสาวเอมี่ ด้วยการพยายามยื่นหน้ามาทักทาย ขนาดว่าเอมี่พยายามหลบสายตาแล้ว ก็ยังมิวาย เอมี่บ่นอุบเลย ทำไมๆๆต้องรุ่นนี้ ทำไมไม่มีหนุ่มน้อยรุ่นราวคราวเดียวกันมาแอ๊วกันมั่ง น่าสงสารชีเหลือเกิน ได้แต่คร่ำครวญแบบนี้ไปทั้งทริปแหละ 555