Less is now.
<<
มกราคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
20 มกราคม 2560

Varenna พาเพลิน







สวัสดีค่ะ วันนี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตติดดอยของสาวน้อยเอมี่ ที่หนีแดดร้อนๆจากสัตหีบมาเจอแดดอุ่นๆบนดอยสูง ที่เป็นส่วนนึงของเทือกเขาแอลป์กันค่ะ หลังจากอ้อยอิ่งทัวร์จากเมืองมิลานและฟลอเร้นซ์จบลงแล้ว หลังจากนั้นอีกเจ็ดคืนสาวน้อยเอมี่ก็ต้องมานอนบ้านบนดอยของอิชั้น คืนแรกชีก็นอนหลับแต่หัววันตื่นเช้าเช่นเคย ชีตื่นมาเจียวไข่ ต้มมาม่ากินเป็นมื้อเช้า อิชั้นตื่นมาทีหลังเห็นว่ามีแดดอุ่นๆเลยแพลนทริปกันทันที แต่งตัวเร็วๆ ออกไปเที่ยวกันเถอะ แต่ก่อนจะออกรถได้นั้นสาวน้อยต้องช่วยอิชั้นขูดน้ำค้างแข็งที่เกาะกระจกหน้ารถและข้างรถกันก่อนค่ะ ตอนเช้าๆที่บ้านอุณหภูมิจะติดลบค่ะ รถเลยมีน้ำแข็งเกาะเยอะมากๆ 

ขับลงเขาไปสิบห้านาทีจอดทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟ เข้าไปในบาร์ดื่มคาปูชิโน่ร้อนๆและซื้อตั๋วรถไฟไปกลับเมือง Varenna หมู่บ้านริมทะเลสาปเล็กๆที่สวยน่ารัก (เป็นส่วนนึงของ Lake Como นะคะ แต่ขนาดหมู่บ้านเล็กมากกว่า) วันเดย์ทัวร์ของเราสองคนจึงเริ่มต้นด้วยดี มีแดดอุ่นกับสิบองศารถไฟพาเราสองคนถึงหมู่บ้านนี้ตอนสิบโมงเช้านิดๆ นั่งมาประมาณชั่วโมงเดียวเองค่ะ นักท่องเที่ยวไม่มากเพราะไม่ใช่ช่วงพีคเหมือนหน้าร้อน แต่แค่นี้เราสองคนก็อิ่มเอมไปกับวิวทะเลสาปอันแสนสงบเงียบ เดินชมวิวไปเรื่อยๆตามทางเดินเลียบทะเลสาป เค้าทำทางเดินไว้ดีมากๆ ถ่ายรูป อัดคลิปวิดิโอไปตามประสา หลังจากนั้นก็เดินมาซื้อตั๋วเรือเฟอรี่ข้ามไปยังอีกหมู่บ้านที่ชื่อ Bellagio ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มากกว่า Varenna แต่เราสองคนกลับชอบเมืองวาเร็นน่ากันซะมากกว่า


ไปดูรูปวิวทะเลสาปงามๆกันเถอะค่ะ เริ่มต้นจากการเดินออกมาจากสถานีรถไฟ (สถานีเมือง Varenna นี้อยู่ตรงกลางระหว่างอุโมงค์สองอันค่ะ เค้าเจาะภูเขาสร้างรางรถไฟ แถบนี้จะมีอุโมงค์รถไฟและรถยนต์เยอะมาก) เดินตามป้ายบอกทางมาสักห้านาที เจอวิวแบบนี้ทันทีค่ะ 




แค่มุมนี้ ชีเซลฟี่ไปร้อยรูปกระมัง



ทางเดินริมทะเลสาป 


แต่งตัวสวยๆ มาถ่ายรูปเก๋ๆกันได้เต็มที่ค่ะ


มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะ ขอแนะนำเลยค่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอน


อิชั้นเอาขนมขาไก่ ที่เอมี่เอามาฝากจากไทยมากินที่นี่ด้วย แบ่งๆให้เจ้าเป็ดน้อยพวกนี้กินด้วยกัน 


เป็นทุ่นสะพานที่ให้เรือแท๊กซี่จอด แต่ไม่เห็นมีสักคัน คงจะมีเฉพาะหน้าร้อนกระมัง เราสองคนเลยลงไปนั่งพัก ถ่ายรูปไป อาบแดดไปด้วย


ถ้าตกลงไปในน้ำนี่ คือชีว่ายน้ำเป็นค่ะ แต่คงจะแข็งตายแทน เพราะน้ำเย็นมากๆ


ชอบมุมนี้ เงียบสงบ น้ำนิ่งๆ


เรือเฟอรี่ ที่พาเราข้ามไปยังอีกหมู่บ้านนึงค่ะ



เกือบๆบ่ายโมง เราสองคนซื้อตั๋วเรือ นั่งเฟอรี่ประมาณสิบห้านาทีไปยังหมู่บ้าน Bellagio เดินหาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยง เจอร้านแบบแนวคาเฟ่ อาหารรสชาติใช้ได้ เอมี่กินพิซซ่าไปถาดนึง ถึงกับต้องเดินไป ออกกำลังกายกันไป เบิร์นไปเรื่อยๆ ส่วนอิชั้นเลือกกินมะเขือม่วงอบกับชีส บวกไวน์แดงอีกแก้ว แหม่ มันช่างเข้ากัน กระชุ่มกระชวยดีเหลือเกิน






ดูจากการแต่งตัวของเอมี่นะคะ กับอุณหภูมิสิบองศา แต่งประมาณนี้เลยค่ะ สำหรับคนขี้หนาว ตัวแรกใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว+เสื้อคอเต่าแขนยาว+เสื้อแขนยาวผ้านิ่มๆขนหนาๆ+แจ๊กเก็ตกันหนาว(ที่ชีใส่อยู่นั้นของอิชั้นเองค่ะ บุขนเป็ด) กางเกงใส่สองชั้นคือเลคกิ้งด้านใน แล้วสวมกางเกงทับอีกรอบ ผ้าพันคอแคชเมียร์ ถุงมือชีซื้อของยี่ห้อ Uniqlo คือถ้าขี้หนาวแต่งแบบนี้โอเค 


แต่อิชั้นซึ่งเริ่มชินกับอากาศหนาวๆ อิชั้นจะแต่งแค่ เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นด้านใน+เสื้อคอเต่าแขนยาวผ้าค็อตต้อนธรรมดา+โค้ตยาว ที่ไม่ใช่ขนเป็ด ถุงน่องมีส่วนผสมของวูล สีเข้มๆก็ดีค่ะช่วยดูดแสงให้อุ่นขึ้น กระโปรงสั้น ถุงมือบางๆสีดำ บู๊ทยาวมาถึงใต้เข่า แค่นี้เอาอยู่ค่ะ เดี๋ยววันหลังจะเขียนบล็อกเกี่ยวกับการแต่งกายมาเที่ยวยุโรปหน้าหนาวกันค่ะ 


หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ เราสองคนก็เดินมารอเรือเฟอรี่ นั่งกลับมายังหมู่บ้านวาเร็นน่าอีกรอบ แล้วเดินไปรอรถไฟเที่ยว 15.20 เพื่อกลับไปยังบ้านบนดอยกันต่อ ตอนที่รถไฟวิ่งมาเทียบชานชาลานั้น เราสองคนก็เดินไปเปิดประตูรถไฟ โดยการโยกที่จับ งัดเข้ามาหาตัวเรา แต่ประตูไม่เปิดค่ะ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก รีบวิ่งไปอีกประตูนึง ที่มีคนลง แล้วก้าวขึ้นรถไฟไปสวยๆ เป็นเรื่องให้ถกเถียงกันสองคนระหว่างทางว่า ประตูเสีย หรือเราไม่มีแรงพอ แล้วที่กินพิซซ่าไปหนึ่งถาด แปดชิ้นนั่น พลังงานมันหายไปไหนยะแม่คุ๊ณ ^__^


ถ้าโชคดีเจอรถไฟขบวนใหม่ๆ ไม่ต้องออกแรงงัดประตูแล้วนะคะ เพราะเป็นปุ่มกดไฟฟ้า กดเบาๆ ประตูเค้าก็เปิดรับเราแล้วค่ะ เดี๋ยวบล็อกหน้า พาไปดูชีวิตติดดอยของสาวน้อยเอมี่กันต่อค่ะ โปรดติดตามกันต่อไป 


อุ๊บ ลืมเมาท์ ตอนเดินกลับไปที่สถานีรถไฟ มีแก๊งค์ชายวัย สว พยายามมาแอ๊วสาวเอมี่ ด้วยการพยายามยื่นหน้ามาทักทาย ขนาดว่าเอมี่พยายามหลบสายตาแล้ว ก็ยังมิวาย เอมี่บ่นอุบเลย ทำไมๆๆต้องรุ่นนี้ ทำไมไม่มีหนุ่มน้อยรุ่นราวคราวเดียวกันมาแอ๊วกันมั่ง น่าสงสารชีเหลือเกิน ได้แต่คร่ำครวญแบบนี้ไปทั้งทริปแหละ 555




Create Date : 20 มกราคม 2560
Last Update : 20 มกราคม 2560 21:37:22 น. 0 comments
Counter : 1326 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

settembre
Location :
Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




A minimalist mindset>>>minimalist lifestyle.
I try to pay attention to everything I buy and keep.
Now I live by the concept of BALANCE.




เริ่มนับจำนวนคนอ่าน วันที่ 22/04/15




New Comments
[Add settembre's blog to your web]