Less is now.
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
12 เมษายน 2554

ไทยเที่ยวไทย ปี 2011 จากบ้านบนดอยไปทะเลพัทยา

ขอเขียนบันทึกถึงการเดินทางของสองเราซะหน่อย หลังจากที่ตั้งตารอคอยการกลับเมืองไทยอย่างใจจดใจจ่อ ช่วงเวลาสามอาทิตย์ของพี่แมวที่เมืองไทยนั้นสั้นกุดเหลือเกิน แถมเจอเรื่องให้ปวดหัวใจกันอยู่เรื่อยๆ ทริปปีนี้ของเราเลยออกจะแหว่งๆ ไม่สมบูรณ์สักเท่าไหร่ แม้ตัวอิชั้นเองจะอยู่เมืองไทยต่ออีกหลายอาทิตย์ แต่ที่ตั้งใจว่าจะไปโน่นไปนี่ กินไอ้นั่น ซื้อไอ้นี่ สุดท้ายก็ไม่ได้ดั่งใจซะหลายอย่าง


การเดินทางของเราเริ่มต้นเช้าวันที่ 21 มกรา ตื่นมาดื่มกาแฟและร่ำลาคาปูชิโน่สุดอร่อยของเราซะก่อนที่จะไม่ได้ลิ้มรสไปจากนี้สองเดือนกว่าๆแน่ะ จัดกระเป๋าให้เข้าที่่เข้าทาง ล้อหมุนออกจากบ้านก็เที่ยงกว่าๆแล้ว เรามีไฟล์ทจากมิลานไปลอนดอนตอน 17.25 โน่นแน่ะ ขับรถกันไปเรื่อยๆ ฝากรถไว้กับบริษัทรับฝากรถใกล้ๆสนามบิน ซึ่งก็ขึ้นราคาจากเดิมนิดหน่อย อะไรๆก็ขึ้นราคาไปหมดเนอะ


ปีนี้เราบินกับบริติชด้วยเหตุผลเดียวและสำคัญซะด้วยซิ เพราะว่าการบินไทย ณ ช่วงนั้นตั๋วชั้นประหยัดก็ปาไปคนละ 900 ยูโรแล้ว บินสองคนก็ 1800 แต่ถ้าเราบินไปต่อเครื่องที่ลอนดอนกับบริติชเนี่ยเราจ่ายแค่ 630 ยูโรเอง คูณสองก็เท่ากับ 1260 ยูโร เป็นตั๋วโปรโมชั่นที่สมควรสอยมายิ่งนัก ประหยัดไปได้เยอะเอาไว้จ่ายค่าโรงแรมได้อีกแน่ะ ยอมเหนื่อยสักนิดนั่งรอเครื่องออกอีกซักสามชั่วโมง ทนได้ค่ะ ศรีทนด้ายยยย


รูปนี้ถ่ายจากสนามบินมิลาน มาลเพ็นซ่า




เป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบลอนดอนฮีทโทรว์ เค้ามีหลายอาคารเนอะ ใหญ่โตซะจริงๆ เดินๆหาซื้อของกินก่อนขึ้นเครื่องอีกรอบ มีห้างแฮร์รอดเลยแวะไปซื้อคุ๊กกี้ออมสินให้หลานอันนึง พนักงานขายเป็นอินเดียเยอะมากเนอะ คือไม่เคยไปลอนดอนเลยเพิ่งเห็นภาพพนักงานขาย พนักงานในสนามบินเป็นชาวอินเดีย ตอนแรกคิดว่าขึ้นเครื่องผิดลำไปลงนิวเดลีซะอีก


พนักงานสายการบินนี้เค้าก็บริการดีนะคะ น้องๆการบินไทยเลยละค่ะ พูดจาสุภาพอ่อนน้อมจัง เราซะอีกที่ต้องพยายามพูดคำว่า please จบท้ายประโยคเวลาเค้าเสริฟน้ำ อาหาร เพราะไม่ชินกับการพูดคำแบบนี้ อิตาลีก็มีนะคะคำนี้ per favore แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดกัน คือได้ยินไม่บ่อยนั่นเอง สงสัยรอบตัวเรามีแต่คนไม่สุภาพ บนเครื่องเค้าก็มีจอส่วนตัวให้ดูหนังฟังเพลงเล่นเกมส์ อิชั้นดู Eat pray love ของพี่จูเลียไปจบเรื่อง เป็นหนังที่ดูได้เรื่อยๆ สบายๆ ไม่ต้องคาดหวังอะไรมากนัก แต่ขอบอกว่า หนุ่มๆชาวเลี่ยนเค้าไม่จับก้นผู้หญิงกันหรอกค่ะ ไม่รู้เค้าเอามาจากไหน อิชั้นอยู่มาห้าหกปีแล้ว ไม่เห็นมีใครมาจับสักกะคน หรือเรามันไม่เอ็กซ์พอ


อ้อ ที่ถูกใจอีกเรื่องคือเค้ามีซองบริจาคให้เด็กๆที่ยากไร้ด้วย เราเลยใส่ซองทำทานให้เด็กไปห้ายูโร กลับมานั่งคิดดูอีกที น้อยไปมั้ยเนี่ย แต่เอาเถอะถ้าผู้โดยสารพร้อมใจกันบริจาคคนละยูโรสองยูโร สองสามร้อยคนก็ได้เยอะอยู่นา





เรื่องอาหารการกินบนเครื่องก็ยังสู้การบินไทยไม่ได้นะคะ แต่เราจ่ายมาแค่นี้ก็ไม่เป็นไร ขอให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพก็พอ เราถึงกรุงเทพตอนเกือบๆจะห้าโมงเย็นแล้ว เดินลากกระเป๋าออกมาขึ้นรถบัสไปพัทยาของบริษัท Bell เค้ามีเป็นรอบๆอยู่นะคะ ตามลิงค์เลยค่ะ bell travel ประหยัดและปลอดภัยในราคาแค่คนละ 200 บาท ตอนซื้อตั๋วก็บอกน้องเค้าว่าจะไปพักโรงแรมไหน ถ้าอยู่ในรัศมีที่เค้าไปส่งได้ พอถึงคิวรถที่พัทยาเหนือ เค้าจะเอารถตู้ไปส่งเราถึงโรงแรม ซึ่งมันสะดวกสบายดีค่ะ


ปีนี้เราเลือกพักกันที่โรงแรมเบลล่าเอ็กซ์เพรส พัทยากลาง ไม่ได้ถ่ายรูปโรงแรมไว้หรอกค่ะ เพราะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ คือมันเป็นโรงแรมเก่ามาทำใหม่ แล้วอิชั้นก็เห็นว่าราคาน่าคบหา คืนละ 1200 รวมอาหารเช้าด้วย คิดว่ามันน่าจะโอเค แต่ที่ไม่โอเคอย่างแรงคือห้องมันไม่เก็บเสียง ห้องแรกอยู่ใกล้ลิฟท์ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นลง เสียงคุยกัน ขอย้ายไปอีกห้อง ดันได้เพื่อนข้างห้องเป็นชายฉกรรจ์ชาวอินเดีย เอาผู้หญิงไทยมาเล่นซ่อนหากันในห้องตอนดึกๆ โชคดีที่เค้าอยู่แค่สองคืนไม่งั้นลุงกะป้าคงเซ็งไปมากกว่านี้ โรงแรมนี้เค้ามีกลุ่มแขกเป็นชาวรัสเซียและอินเดีย ถ้าคุณไม่ใส่ใจที่จะเล่นน้ำสระกับสาวอินเดียที่ใส่กางเกงวอร์มลงเล่นน้ำ หรือเสียงไม่พึงประสงค์ฟัง อย่างอื่นก็ใช้ได้อยู่ค่ะ กับราคาค่าห้องประมาณนี้ อาหารเช้าก็มีเยอะดี พนักงานก็บริการเป็นกันเอง ทำเลก็ดีออกมาหาของกินง่าย เดินไปเซ็นทรัลก็ได้ แต่พี่แมวของดิชั้นส่ายหน้าไม่เอาแล้ว พอกันที


ที่เคยเกริ่นว่า ทริปนี้เรามีเรื่องพาลปวดหัวเล็กๆน้อยๆ เรื่องแรกคือ กระเป๋าของอิชั้นแตกยับ แต่ของข้างในมิได้เสียหาย กระเป๋าหุ้มพลาสติกมาจากมิลานแล้วก็ยังมิวายแตกจนได้ ถ่ายรูปไปให้สายการบินดูเค้าก็บอกว่าให้ซื้อใหม่ได้แล้วเอาบิลให้เค้าดู เค้าจะจ่ายให้ไม่เกิน 120 ยูโร





อิชั้นก็เลยไปซื้อใหม่ที่เซ็นทรัลสีชมพูแปร๋น เพื่อเวลาลงจากสายพานเราจะเห็นกระเป๋าเด่นมาแต่ไกล ใบนี้ของยี่ห้อ Bonny ราคาไม่เกินที่เค้าบอกไว้ พี่แมวบอกว่าสีมันแจ๋นเลยวัยเธอไปแล้วนา... เชอะ อย่าได้แคร์





ช่วงสองสามวันแรกที่เมืองไทยก็กินไม่ยั้งแต่ท้องผูก ทำให้พุงป่องเพราะไม่ได้ระบาย ไปนวดเท้า นวดอยู่ดีๆ ป้าเค้าทำสีหน้าตกใจและถามว่า เอ้ย น้องท้องอยู่รึเปล่าเนี่ย เอ่อ ป้าคะมันก็แค่พุง แค่พุงมันยื่นออกมาเฉยๆค่ะ ส่วนน้องพนักงานเสริฟอีกคน เห็นอิชั้นกำลังจะสั่งอาหารจานเดียวจานที่สาม ชีพูดออกมาว่า กินเยอะๆเลยค่ะ เดี๋ยวเด็กออกมาจะได้แข็งแรงและคงน่ารักมากเพราะเป็นลูกครึ่ง นี่มันอะไรกันเนี่ย เค้าไม่เคยเห็นคนผอมมีพุงกันหรือยังไง ว่าแต่มันเหมือนคนท้องจริงๆ รึ





ตอนยืนมันคงเห็นไม่ชัด แต่ตอนนั่งพุงมันคงไหลย้อยไปกองรวมกันเข้ามันเลยเหมือนคนท้องกระมัง แต่เอาเหอะ เพื่อของอร่อย พุงเพิงไม่สนหรอก และต่อไปนี้คือบรรดาของกินที่ถ่ายๆไว้ กินกันพอหอมปากหอมคอ


























มีรูปสปาเก็ตตี้จากร้านฮ็อฟพัทยาด้วย คือพี่แมวในหนึ่งอาทิตย์เนี่ยต้องมีพาสต้าตกถึงท้องสักวัน มิฉะนั้นจะครั่นเนื้อครั่นตัว กัดหัวอิชั้นเอาได้ และปีนี้พี่แมวเธอก็ค้นพบอีกหนึ่งเมนูเด็ดคือ ปลาทูทอด เราไปกินข้าวบ้านญาติที่สัตหีบ ทันทีที่ได้ลิ้มรสเธอถึงกับบ่นอิชั้นว่า ก่อนหน้านี้ทำไมไม่ซื้อหาให้ชั้นกิน แอบกินคนเดียวได้ไง อ้าว จะไปรู้ได้ไง ว่าต้องให้กินอะไรมั่งถึงจะถูกใจ


และอีกอย่างที่เซ็นทรัลบีชเค้ามีร้านกาแฟแบรนด์อิตาเลี่ยนยี่ห้อ Segafredo ตรงหน้าห้างฝั่งชายหาดชั้นล่างสุด เอ็สเพรสโซ่หรือมัคคีอาโต้อร่อยใช้ได้ค่ะ แต่คาปูยังทำฟองนมไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ทำให้หายคิดถึงกาแฟอิตาเลี่ยนไปได้มากโข


สิบกว่าวันที่อยู่พัทยาก็เดินไปเดินมาหาของกินไปเรื่อย แวะไปบ้านญาติบ้านตัวเองที่สัตหีบมั่ง พี่แมวก็เดินออกกำลังกายเลียบชายหาดทุกวัน แต่เล่นน้ำนั้นไม่เอาหรอก น้ำทะเลพัทยาไม่สะอาดพอ และคนก็พลุกพล่าน เราสองคนจึงตั้งความหวังไว้ว่า พอเราไปถึงภูเก็ต ทริปแห่งความสุขจะต้องเริ่มต้นและจบไปด้วยดี แต่จะดีสมหวังหรือเปล่านั้น ติดตามตอนต่อไปค่ะ


Create Date : 12 เมษายน 2554
Last Update : 12 เมษายน 2554 19:39:21 น. 5 comments
Counter : 3703 Pageviews.  

 
หนูปุ๊กกี้ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ

ป้าเข้ามาหาหนูตั้งแต่บล๊อกที่หนูพาเที่ยวที่ใต้แล้วค่ะ แต่ป้าล๊อกอินไม่ได้อ่ะ แถมเนทที่โรงแรมก็อืดสุดๆ วันนี้ลองเข้ามาใหม่เห็นหนูปล่อยให้เม้นท์สำหรับคนไม่ล๊อกอิน ก็เลยจัดการเม้นท์ซะเลย

สงสารน้องเขียวจัง แตกยับเลย ดีว่าของในกระเป๋าไม่เสียหายนะ แต่ได้น้องจมปูมาแทนก็แซ่บดี อิ อิ

แอร๊ย.... พุงน้อยๆแค่นี้มองว่ามีน้องได้ไง หรือว่าสาวไทยสมัยนี้หน้าท้องแบนราบกันไปหมด เค้าเลยคิดว่าหนูท้อง

ตอนนี้อิตาลี่อากาศกำลังอุ่นได้ที่เลยใช่มั้ยคะ แหม.... อยากกลับไปเร็วๆจัง แถวป้าอยู่นี่เมื่อวานยังอุ่นอยู่เลยนะ แต่วันนี้ลงไปเลขตัวเดียวอีกแล้ว หนาวสั่นงันงก มือไม้แข็งไปหมด

เอาไว้คุยกันใหม่นะคะ เนทมันอืดอ่ะ

เทคแคร์ค่าหนูปุ๊กกี้


โดย: ปลาทอง9 IP: 212.60.146.66 วันที่: 13 เมษายน 2554 เวลา:3:02:20 น.  

 
ตามป้าแอ๊กมมาติดๆๆหนูปุ๊ก...+555..ทำไมกระเป๋าน้องนางถึงได้เยินขนาดนั้น...ไม่เป็นไร..น้องอย่างน้อยเขาก้อรับผิดชอบถือว่าโอเคเลย...เพื่อนแฟนพี่-เปาโล บินการบินไทยประจำ..กระเป่าพังเหมือนกัน...ตอนแรกตกลงจะซ่อมให้ปรากฏว่าได้กระเป๋าใหม่แทน...อิอิ..พี่ว่าอย่างน้อยหุ่นหนูถือว่าสแลนเดอร์แล้ว...มีพุงหน่อยๆๆก้อสวยเหมือนกันนะน้อง..อิอิ...พี่ฝันว่าวตนเองจะกลับไปผอมสัก50กก.อยู่ ยังไม่ได้เลย..ช่วงนี้ดีขึ้นนิดนิง..จัดฟันใหม่ทำให้กินได้น้อย...ตอนนี้อยู่54.8..ถือโอเคจ๊ะ..ตอนเจอหนูยังอยู่ที่55.5 อยู่เลย...วันนี้วันสงกรานต์พี่ไปทำบังสกุลกับแม่จ้า...และญาติๆๆๆมาเยี่ยมที่บ้านด้วย...เพิ่งจะช่วยพี่สาวทำความสะอาดบ้านและล้างจานเมื่อกี้เอง...คิดถึงนะจ๊หนู...


โดย: Miacara วันที่: 13 เมษายน 2554 เวลา:14:48:01 น.  

 
ดอกเคป่าจ๊ะ หนูปุ๊ก...เห็นคนในหมู่บ้านชอบเก็บไปกินน่ะ...แกงส้มละมั้ง พี่ก้อไม่แน่ใจ...วันนี้น้าสาวมาก้อมาเก็บแถวบ้านเหมือนกัน...เขาว่าเป็นว่าเป็นยานะน้อง...สบายดีนะน้อง...วันนี้อากาศร้อนดีจ๊ะ เหมาะสำหรับการเล่นน้ำจริงๆๆ...


โดย: Miacara วันที่: 13 เมษายน 2554 เวลา:19:20:20 น.  

 
เขียนผิดจ้า...ดอกแคป่า...


โดย: Miacara วันที่: 13 เมษายน 2554 เวลา:19:20:42 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์หนูปุ๊ก..


โดย: Miacara วันที่: 13 เมษายน 2554 เวลา:19:58:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

settembre
Location :
Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




A minimalist mindset>>>minimalist lifestyle.
I try to pay attention to everything I buy and keep.
Now I live by the concept of BALANCE.




เริ่มนับจำนวนคนอ่าน วันที่ 22/04/15




New Comments
[Add settembre's blog to your web]