Milan 1st day
สวัสดีชาวบล็อกแก๊งค์ทุกๆคนค่ะวันนี้ขออนุญาตเอารูปและข้อมูลของทริปมิลานฟลอเร้นซ์และปิซ่ามาฝากทุกๆคนค่ะ เนื่องจากหลานสาวของอิชั้นจากสัตหีบมาเยี่ยมเยียนกันถึงอิตาลี อิชั้นในฐานะน้าผู้แสนใจดีจึงพาหลานเที่ยวกันสักนิดพอหอมปากหอมคอ อิชั้นอยู่อิตาลีมาสิบปีฝ่าๆ ปกติก็ไปเที่ยวกับสามีก็ขับรถไปเอง แต่พอคราวนี้ พาหลานเที่ยวด้วยรถไฟ เลยอยากเขียนบันทึกเอาไว้ในบล็อกบ้าง เผื่อใครหลงเข้ามาอ่านจะได้พอมีแนว เห็นลู่ทางพอรำไร
เริ่มด้วยการเดินทางจากสนามบินมิลาน Milan Malpenza ปกติแล้วไฟลท์จากกรุงเทพโดยการบินไทยจะถึงมิลานตอนเช้าตรู่ อิชั้นไม่ได้ไปรับหลานที่สนามบิน ให้หลานนั่งรถบัสมาเจอกันที่สถานีรถไฟหลักของมิลานแทน ให้เดินลากกระเป๋าออกมาข้างนอกสนามบินเลยค่ะ มองหารถบัสที่จอดอยู่ใกล้ๆประตูทางออกกลางๆของสนามบิน ลืมถามหลานว่าอยู่ใกล้ประตูทางออกหมายเลขอะไร ซื้อตั๋วกับคนขับได้เลยค่ะ สถานีรถไฟหลักของมิลานคือ Centrale อ่านว่าเช็นทราเล่ คิดเสียว่าคือหัวลำโพงแห่งเมืองมิลานก็แล้วกันค่ะ ณ เดือนธันวาคม 2016 ค่าตั๋วรถบัสเที่ยวเดียวคนละ 8 ยูโรใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟเช็นทราเล่ รถบัสมีอยู่สองสามบริษัทรถออกทุกๆ 20 นาที รถจะมาจอดด้านข้างของสถานีรถไฟเดินลากกระเป๋าขึ้นบันไดหินอ่อนหรือบันไดเลื่อนทางลาดขึ้นมาตรงชานชาลา ไม่งง ไม่หลง สถานีไม่ได้ใหญ่มากมายส่วนใครจะเข้าไปในชานชาลา ก็ยื่นตั๋วที่ปริ๊นให้เจ้าหน้าที่ดู หรือให้ดูจากในมือถือก็ได้ค่ะ ใครไม่มีตั๋วเข้าไปไม่ได้ตอนนี้มีการตรวจเพื่อป้องกันไม่ให้พวกโจรเข้าไปยุ่มย่ามกับผู้โดยสาร ดังนั้นในบริเวณชานชาลาเลยปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง (แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจมีปัญหาหรืออยากถามข้อมูลเพิ่มเติมให้ถามเจ้าหน้าที่ใส่สูทหรือใส่แบบฟอร์มของการรถไฟอิชั้นก็ลืมแอบถ่ายรูปมาว่าเค้าแต่งตัวกันยังไง) ส่วนขากลับไปยังสนามบินมาลเป็นซ่า ก็เดินออกมาหน้าสถานีรถไฟหันหลังให้สถานีเลี้ยวขวาตรงมุมตึกของสถานี จะเห็นพี่แท๊กซี่สีขาวจอดรถกันเรียงรายเดินผ่านพี่เค้าไป จะเห็นซุ้มขายตั๋วรถบัสอยู่สามซุ้ม มีสาวๆแต่ละซุ้มมามะรุมมะตุ้มคุณแน่นอนเพราะเค้าอยากให้คุณซื้อตั๋วรถบริษัทเค้า หรือจะเมินสาวๆกลุ่มนี้ก็ได้ค่ะเดินไปที่รถบัส ไปซื้อกับคนขับเลยก็ได้ราคาเท่ากัน รถออกทุกๆ 20 นาที
ใครที่เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงของอิตาลีที่มีชื่อว่า Freccia Rossa ซึ่งส่วนใหญ่ก็มุ่งไปเมืองสำคัญๆหรือเมืองท่องเที่ยว บนขบวนรถไฟมีห้องน้ำสะอาดๆ มีห้องขายอาหาร ชา กาแฟ แซนวิช ของกินเล่นๆ บนขบวนราคาไม่ต่างจากร้านที่สถานีค่ะ ส่วนน้ำดื่มหยอดเหรียญจากตู้อัตโนมัติขนาดครึ่งลิตร ราคา 1,50 ยูโร แพงเลือดสาดแบบนี้เปิดก็อกรองน้ำใส่ขวดมากจากไทยแลนด์เลยดีไหมเนี่ย ส่วนน้ำเปล่าที่นี่ ถ้าเขียนว่า Naturale ก็น้ำเปล่าทั่วไปแต่ถ้าเขียนว่า Frizzante ก็น้ำซ่าแบบโซดาบ้านเรา ถ้าสั่งซื้อกับพนักงานก็บอกว่า Water No Gas จบข่าวเข้าใจกันทุกคนค่ะ
อิชั้นและหลานสาวเราเลือกที่จะพักที่มิลานก่อนหนึ่งคืนโดยเราจองโรงแรมที่มีชื่อว่า Smart hotel เดินออกมาจากสถานีด้านหน้ามีลานโล่งๆอยู่ หันหลังให้สถานีรถไฟจะเห็นรูปปั้นแอ๊บเปิ้ลยักษ์มีรอยปะ ซอยที่โรงแรมตั้งอยู่นั้นให้เหลือบมองไปด้านซ้ายมือประมาณ 45 องศา จะมีถนน Via Napo Torriani (Via อ่านว่า เวีย แปลว่าถนน) ซึ่งซอยนี้มีโรงแรมตั้งอยู่น่าจะเกือบๆสิบโรงแรม เดินข้ามถนนเล็กๆไปสองครั้งรอสัญญาณไฟเขียวรูปคนเดินนะคะถึงจะข้ามไปได้ ไม่เห็นมีปุ่มกดอะไรให้ยืนรอไปอย่างเดียวเลย ไม่ถึงหนึ่งนาทีไฟเขียวให้คนข้ามก็มา แล้วตรงนั้นรถวิ่งกันขวักไขว่ มีรางรถรางอีกต่างหาก ใจเย็นๆอย่ารีบร้อน อย่าให้รถรางอิตาลีวิ่งทับค่ะ จะดูไม่งาม เอารูปแผนที่มิลานตรงสถานีรถไฟมาประกอบกันก่อน
รูปนี้อิชั้นถ่ายตอนยืนตรงกันข้ามกับสถานีรถไฟ
หรือตอนรอข้ามถนนเหลือบมองซ้ายมือเข้าไว้ก็จะเห็นโรงแรม Glow ข้ามถนนไปก็เดินผ่านโรงแรมนี้เพื่อเข้าซอย อย่างในรูปนั้น เห็นป้ายโรงแรม Augustus มาแต่ไกลเชียวค่ะและมีร้านอาหารจีนแบบบุบเฟต์ที่อิชั้นใส่รูปดาวสีแดงไว้ เผื่อว่าขากลับแวะมิลานอีกแล้วเบื่ออาหารอิตาเลี่ยนก็เดินไปกินข้าวผัดบะหมี่ผัดกันได้ค่ะ อาหารเยอะแยะหลากหลายราคาไม่แพง อิชั้นเคยไปกินมานานมากแล้วตกคนละ 12-14 ยูโรนี่แหละค่ะ คนเยอะใช้ได้หรือว่าถ้าอยากตุนเสบียงพวกบะหมี่แห้งสำเร็จรูป ถ้าไม่อยากพกมาจากไทยแนะนำร้าน Cathay อยู่ใกล้กับที่รถบัสจอดเพื่อไปสนามบินมาลเป็นซ่าเลยค่ะ ป้ายหน้าร้านสีฟ้าซีดๆให้สังเกตุตรงหัวมุมตึกมีบาร์กาแฟ แวะดื่มกาแฟเข้าห้องน้ำตรงนี้ก็ได้ค่ะ เพราะยืนดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่หนึ่งยูโรดื่มเสร็จเข้าห้องน้ำได้ ส่วนห้องน้ำในสถานีจ่ายเงินแต่ดื่มกาแฟไม่ได้นะเออ ราคาน่าจะเท่าๆกันหรือไม่ค่าเข้าที่สถานีก็คงราวๆ 50 เซ็นต์ (ปล เคยเข้าเหมือนกันค่ะแต่จำราคามิได้) แนะนำเลยค่ะลองดื่มเอสเพรสโซ่กันคนละแก้ว ก่อนการผจญภัยในอิตาลี ให้แรงคาเฟอีนดีดความคึกคะนองในตัวคุณขึ้นมาค่ะ หลานสาวอิชั้นลองมาแล้วชีคึกทั้งวันทั้งทริป เพราะทุกวันต้องซัดกันคนละแก้วสองแก้ว ไม่ใช่ไรหรอกค่ะ ไม่งั้นเราสองคนไม่ตื่น
ถนน Napo Torriani มีโรงแรมเต็มซอย เดินข้ามถนนมาจากสถานีรถไฟไม่ถึงห้านาที สะดวกมากๆ ขอแนะนำเลยค่ะซอยนี้
พวกเราไม่ได้ถ่ายรูปในห้องไว้ห้องพักสแตนดาร์ดทั่วไป สะอาดสะอ้านดี มีลิฟท์ ห้องน้ำก็เล็กๆ ใครตัวใหญ่แนะนำห้องแบบอื่นหรือโรงแรมอื่นไปเลยค่ะ ฮีทเตอร์ก็ร้อนจนต้องบอกให้น้องรีเซฟชั่นเบาๆลงหน่อยร้อนจนนอนไม่ได้ ปรับเองไม่ได้ค่ะเค้าเซ็ทไว้ให้พนักงานปรับได้คนเดียวอุณหภูมิในห้องพักสำหรับหน้าหนาวคืออย่าให้เกิน 22 องศาค่ะไม่งั้นนอนบ่ได้ เหงื่อแตกร้อนเกินเพราะมีผ้านวมให้ห่มอีกส่วนเรื่องอาหารเช้าก็โอเคมีไข่คนให้ด้วย ติดกันกับโรงแรมนี้มีโรงแรม Best Western ท่าทางห้องพักน่าจะกว้างขวางกว่าแต่ว่าวันที่เราเข้าพักนั้นโรงแรมนี้เราได้โปร ค่าห้องเหลือ62 ยูโรจาก 80 ยูโรแต่ๆๆๆ ราคาห้องพักใน booking.com นั้นไม่รวม city tax ที่มิลานนั้นภาษีตัวนี้โหดมากๆ 4 ยูโรต่อหัวต่อคืนจะแพงไปไหนเนี่ยเมืองอื่นๆที่ไปมาอย่างฟลอเร้นซ์แค่ 1,50 ยูโรเอ้ง อิชั้นพาหลานนั่งเมโทรหรือรถไฟใต้ดินสายสีเหลืองไปดูโอโม่มิลานตั๋วคนละ 1,50 ยูโรใช้ได้ภายใน 90 นาทีไปๆกลับๆ เปลี่ยนขบวนเปลี่ยนสายได้ถ้ายังไม่หมดเวลาเราแวะกินข้าวที่ร้านนึงๆรสชาติไม่ถูกปาก เลยไม่ขอแนะนำหรือถ้าใครอยากลองอาหารอิตาเลี่ยนวิวมหาวิหารดูโอโม่ เข้าห้าง La Rinascente ชั้นเจ็ดมีบาร์กาแฟมีร้านอาหาร ร้านซูชิแบบหมุนเป็นวงกลมยังมีเลยค่ะแต่ไม่ขอแนะนำ ไหนๆก็มาอิตาลีแล้วลองกินอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆจะดีกว่าค่ะ เมนูท้องถิ่นของมิลานเท่าที่รู้คือ หมูชุบแป้งทอด Cotoletto Milanese หรือข้าวกวนกับชีสใส่หญ้าฝรั่นสีเหลือง Risotto Milanese ซึ่งที่นี่เค้าจะกวนแบบพอสุกข้าวจะหนึบๆ แบบ al dente (อัลเด็นเต้) ซึ่งก็เหมือนการต้มสปาเก็ตตี้นั่นเอง ไม่สุกนิ่มเละ เคี้ยวหนึบหนับ
เหลืออีกหนึ่งรูป เป็นรูปหลานสาวอิชั้น ชีกำลังเซลฟี่ใกล้ๆกับโรงแรมที่เราพัก ด้านหลังของชีคือสถานีรถไฟเช็นทราเล่ เห็นไหมคะ ใกล้นิดเดียว แถมตรงนั้นมีทางลงไปเมโทร หรือรถไฟใต้ดินด้วยค่ะ สัญลักษณ์ตัว M สีแดงๆด้านขวาของรูป สะดวกแบบนี้จะมีอีกไหม
บล็อกนี้ยาวไปละ บล๊อกหน้าจะพาไปนั่งรถไฟไปเที่ยวฟลอเร้นซ์กันค่ะ
ปล หลานสาวมาบอกว่า ทางออกหมายเลข 4 ค่ะ ที่ออกไปขึ้นรถบัสมาสถานีรถไฟ
Create Date : 07 มกราคม 2560 |
Last Update : 8 มกราคม 2560 15:47:03 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1177 Pageviews. |
|
|
|