Less is now.
<<
พฤษภาคม 2561
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
3 พฤษภาคม 2561

Paris...Pardon 1



สวัสดีบล็อกแก้งค์ สวัสดีในหลายรอบวัน ที่ไม่ได้แวะมาเขียนในนี้เลย แต่วันนี้จะเอาทริปไปเดินเล่นเย็นใจ แต่ร้อนหัว ในปารีสมาหนึ่งอาทิตย์มาลงบล็อกซะหน่อย เป็นการไปเยี่ยมหลานชาย เดิมทีธีมของการไปปารีสครั้งนี้คือไปกินอาหารฝรั่งเศส แต่ไปๆมาๆ อิชั้นกลับกลายเป็นแม่ครัวหัวป่า ทำสปาเก็ตตี้คาร์โบน่าให้หลานชายกินแทน หรือควงตะหลิวเจียวไข่ หุงข้าว ทำหมูหวานกินกันสองคนซะงั้น 

เนื่องด้วยที่พักของหลานที่บริษัทส่งตัวไปเรียน+รู้เพิ่มเติม เรื่องการงานของเค้าที่ปารีสหกเดือนนั้น มีห้องพักพร้อมครัวเล็กๆให้เรียบร้อย ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่อย่าง Monoprix อยู่ตรงหัวมุมตึกอีกก็ต้องทำกับข้าวกินกันแล้วแหละ แถมเมโทรสายหก สถานีใกล้หอไอเฟลก็ดันอยู่ตรงหน้าที่พักอีก มันดีมากๆ ดีทุกอย่าง จนทำให้ทริปนี้ อยู่ดี กินดี มีสุข ได้ชิทแชทกับหลานจนเมื่อยปาก

อิชั้นออกเดินทางจากบ้านด้วยการติดรถสามีไปลงสถานีรถไฟ นั่งรถไฟเข้าเมืองมิลาน แล้วต่อรถบัสไปสนามบิน Malpenza นั่งเครื่องของ EasyJet ค่าตั๋วไปกลับ 95 ยูโรแถมโหลดกระเป๋าได้อีกหนึ่งใบแน่ะ ราคาดีงามจริงๆ เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงนิดๆอิชั้นก็แลนด์ดิ้ง ณ สนามบินชาร์ลเดอโกลล์แล้ว มาเสียเวลาตรง ตม.ฝรั่งเศสนี่แหละ ถึงแม้ว่าจะเป็นการบินภายในยุโรปด้วยกัน แต่เค้าก็มีการตรวจเอกสารก่อนจะเข้าเมืองเค้าค่ะ อิชั้นผู้ซึ่งได้สัญชาติอิตาเลี่ยนแล้ว พกแค่บัตรประชาชนก็ไม่ได้ ต้องยื่นพาสปอร์ตอิตาเลี่ยนด้วย เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่เห็นหน้าไทยๆแบบนี้ กลัวว่าปลอมบัตรประชาชนใครสักคนมากระมัง ถึงต้องเรียกดูเอกสารอย่างอื่นเพิ่มเติม 

หลังจากนั้นนั่งรถไฟเข้าเมือง ต่อเมโทรอีกสามสี่สถานี ก็ยืนหน้าบานรอหลานออกมารับที่หน้าสถานี  ซึ่งความจริงแล้วที่พักอยู่ตรงหน้านั่นแหละ 555 แต่หลานต้องลงมารับเพราะต้องมีคีย์การ์ดเข้า-ออกที่พัก แม้แต่ในลิฟท์ก็ต้องเอาบัตรไปแสกนก่อนที่จะกดลิฟท์ได้ ดีจัง รู้สึกปลอดภัยดี เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ที่ดีมากๆ สะอาด มีเครื่องกดกาแฟให้กินฟรีทั้งวัน อันนี้ถูกใจจริงๆ เพราะยังไงๆกาแฟที่ปารีสไม่ถูกปากอิชั้นนัก กินจากเครื่องกดแบบนี้ยังจะอร่อยซะกว่า 

กาแฟปารีสแพงมากๆ คาปูชิโน่แก้วละ 3-4 ยูโร ขนาดเทคอะเวย์ก็ 2.50 เข้าไปแล้ว ขากลับอิตาลีหลานชายขอตามกลับมาเที่ยวอิตาลีด้วยแล้วเจอกาแฟคาปูชิโน่ ยืนดื่ม แก้วละ 1.30 ยูโร หงายเงิบไปเลยกับราคาและรสชาติอันแสนอร่อย มีอยู่วันนึงเราสองคนดื่มคาปูคนละแก้วก่อน ตามด้วยคาปูอีกถ้วย แบ่งกันดื่ม ตามด้วยเทคอะเวย์กาแฟใส่นมอีกถ้วย เอาเข้าไป คาเฟอีนในเลือดทำเอาดีดไปทั้งวัน และได้ข่าวว่าหลานยังเพ้อถึงกาแฟอิตาเลี่ยนอยู่เลยตอนนี้ Smiley

วันแรกที่ไปถึงปารีสนั้น ไปถึงตอนเย็นแล้ววันนั้นเลยได้แค่นอนพัก พูดคุยสารทุกข์สุขดิบไปตามประสา วันรุ่งขึ้นก็ตื่นสายโด่ง ออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปหอไอเฟลที่เดินออกจากที่พักไม่เกินสิบนาที ที่พักอยู่ที่สถานี La Motte Picquet Grenelle มีร้านค้าจัดหน้าร้านเก๋ๆ ตึกรามบ้านช่องสวยๆ เป็นย่านที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวา ไม่น่ากลัว มีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา  ช่วงที่ไปปารีสนั้น 17-24 เมษา อากาศดีมากๆค่ะ 25-26 องศา สบายมาก เดินเล่นเพลินๆ ไม่ถึงกับร้อนจนเหงื่อแตก ฟ้าใส ถ่ายรูปก็พลอยสวยไปด้วย และนี่คือรูปแรกของทริปค่ะ 




หลังจากนั้นเดินไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านใกล้สถานี Ecole Militaire เป็นร้านแบบโอเพ่น ชื่อร้าน Cafe Tourville มีโต๊ะเก้าอื้นั่งชมวิวหน้าร้านได้ ราคาอาหารแสบสันต์เหลือเกิน แพงกว่าที่อิตาลีเยอะโครตๆ อิชั้นสั่งเนื้อปลาแซลม่อนบีบน้ำมะนาว 18 ยูโร แต่อร่อยดีให้อภัยกันได้ค่ะ กับน้ำเปล่าอีกแก้ว น้ำก๊อกฟรี 555 แต่แปลกใจตรงที่ร้านอาหารที่ฝรั่งเศสไม่มีค่านั่ง ค่าบริการเหมือนกับที่อิตาลี ที่คิดเป็นรายหัวๆละ 1 ยูโรขึ้นไป ที่อิตาลีจะเรียกว่า coperto จะเขียนราคาต่อหัวไว้ที่เมนูแล้วหาดูกันได้ค่ะ ราคาค่านั่งคิดตามความหรูหรา ทำเล ระดับดาวของร้านนั้นๆ ยิ่งหรูยิ่งแพงอะไรทำนองนั้น 





หลังจากกินมื้อเที่ยงแบบเดี่ยวๆเสร็จ ก็เดินกลับที่พัก กลับไปกดกาแฟฟรีกินที่พักดีกว่า 555 ปล่อยเวลาไปแบบทิ้งๆขว้างๆ ตอนเย็นออกไปซูเปอร์ ซื้อผักไทยๆที่เจออย่างตะไคร้ ผักชีฝรั่ง เอาไว้ทำต้มยำปลาให้หลานกิน แถมเจอผักบ๊อกช่อยอีกด้วย เลยซื้อมาผัดน้ำมันหอย นี่ตรูไปเที่ยวปารีสจริงๆรึ


และทำสปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่าให้หลานกิน อุตส่าห์หอบชีสกับเบค่อนจากอิตาลีไปเลย กลัวว่าที่ปารีสจะอร่อยสู้ที่อิตาลีไม่ได้ ผลปรากฏว่าหลานกินแล้ว ตอนกลางคืนท้องเสีย คาดเดาว่าฮีจะไม่คุ้นเคยกับชีสที่อิชั้นประโคมใส่ลงไป เพราะวันหลังๆก็เห็นฮีกินชีสอย่างอื่นได้ อืม มันต้องใช้เวลาและความคุ้นเคยเนอะ 

อุ๊ย ลืมเล่าเรื่องตอนนั่งรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง มีเด็กยิปซีพร้อมพ่อแม่เค้าแห่ขบวนกันเข้ามานั่งใกล้ๆอิชั้น ทำเอานอยด์ วิตกจริตไปนิดนึง แต่พาสปอร์ตและเงินสดนั้นอิชั้นใส่ถุงพลาสติกใสๆแบบที่เค้าใช้ใส่มือถือเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไทย ห้อยคอไว้และใส่ไว้ในเสื้ออีกที เลยคิดว่าตัวเองต้องรอดปลอดภัยแน่นอน แต่เด็กๆก็แค่เข้ามานั่งใกล้ๆและพยายามจะสบตาอิชั้น จะพูดคุย อิชั้นก็แค่ทำหน้าเฉยๆ หลังจากนั้นเด็กๆก็เปลี่ยนไปนั่งใกล้คนอื่นๆ อืม ก็ถือว่าพอให้ลุ้นกันไป ไม่มีอะไรมาก หลังจากนั้นวันอื่นๆก็ไม่เจออะไรแบบนี้อีกเลย 

ถ้าไปเที่ยวเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้ ซื้อซองพลาสติกจากไทย ใส่เอกสารสำคัญ บัตรเครดิตและเงินสดห้อยคอใส่ไว้ในเสื้อยืดแบบนี้ดีที่สุด ยกเว้นโดนปล้น ล็อคแขนขาแล้วค้นเอาไปทั้งตัว แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เราคงโชคร้ายแล้วแหละ แต่ในยุโรปนี่ ข่าวโดนปล้นแบบนี้ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่หนักไปทางลักทรัพย์ คว้าของจากกระเป๋าเราโดยที่ไม่รู้ตัวซะมากกว่า 

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อบล็อกที่สองของปารีสค่ะ วันนี้เมื่อยมือแล้ว บ๊าย บาย.




Create Date : 03 พฤษภาคม 2561
Last Update : 3 พฤษภาคม 2561 21:59:06 น. 0 comments
Counter : 674 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

settembre
Location :
Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




A minimalist mindset>>>minimalist lifestyle.
I try to pay attention to everything I buy and keep.
Now I live by the concept of BALANCE.




เริ่มนับจำนวนคนอ่าน วันที่ 22/04/15




New Comments
[Add settembre's blog to your web]