มาแล้ว ตามคำสัญญา (ลมๆ แล้งๆ ) ของตัวเอง
ที่เคยบอกไว้ว่า จะเอามาแบ่งปันสูตรกะเพื่อนๆ ที่อาจจะชอบขนมปังแบบนี้
ต้นตำรับหน้าตาไม่เป็นแบบนี้นะคะ แต่พอเอามาทำหลาย ๆ ครั้งแล้วจึงเข้าใจว่าเหตุไฉน หน้าตามันถึงเป็นฉะนี้
อ่าน ๆ ติดตามวิธีการ บวกกรรมวิธี แล้วจะรู้เองแหละค่ะ แฮ่ะ ..มีกั๊ก
สูตรต้นตำรับอยู่นี่เลย
เอ้า
Mediterrenean Black Olive Bread
รูปมาก่อน
ส่วนผสมค่ะ
แป้งขนมปัง 410 กรัม หรือ 3 ถ้วยตวง
แอ๊คทีฟดรายยีสต์ 0.25 oz หรือ 7 กรัม (ตามเคย เราใช้อินสแคนท์ยีสต์)
น้ำตาลทราย 25 กรัม
เกลือป่น 6 กรัม หรือ 1 ช้อนชา
โอลีฟเขียว 70 กรัม หรือ 1/2 ถ้วย ตรงนี้เราเพิ่มเป็นเกือบเต็มถ้วย ชอบอ่ะ
(ตามสูตรเขาใช้โอลีฟดำ หรือ kalamata olive หรือมะกอกสุก แต่เราเคยใช้ และพบว่ากลิ่นแรงจนเกินงาม ไม่ชอบเท่าไหร่ เลยเปลี่ยนเป็นมะกอกดิบแบบขวดที่แช่น้ำเกลือ คว้านเมล็ดออกแล้วเรียบร้อย ดี และง่าย ไม่ต้องมาแกะเมล็ดอีก ..แกะยากนา )
น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ หรือ 45 ml. อันนี้ใช้แบบ extra virgin ก็จะดีนะคะ ไม่มีไม่เป็นไร น้ำมันมะกอกตัวไหนที่ใช้ทำกับข้าวก็หยวนค่ะ
น้ำอุ่น 1 ถ้วยครึ่ง หรือ 295 ml. ที่อุณหภูมิ 110 องศาฟาเรนไฮท์/45 องศาซี
คอร์นมีล 9 กรัม
ตรงนี้ไม่มีไม่ต้องวิ่งไปหาซื้อก็ได้นะคะ เราเองก็เปล่า แฮ่ะ บางทีก็ใช้ roll oat มาป่น ๆ แทน บางทีเล่นง่ายกว่านั้น ก็ แป้งขนมปังนั่นแหละค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ก็เอาไว้โรย ตบๆ ตอนท้าย ๆ เองนี่
ส่วนผสมน้อยอย่าง ง่ายมาก ๆ ค่ะ มีไม่กี่อย่างเอง
นำลูกมะกอกออกจากขวด ทิ้งให้สะเด็ดน้ำเกลือ หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามชอบ
ต้นตำรับเขาว่า ให้นำทุกอย่างใส่รวมในโถผสมได้เลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำอุ่น ยีสต์ น้ำตาล มะกอกสับ เกลือ แป้งขนมปัง คนๆๆ
เราทำแบบนี้นะ
น้ำอุ่นใส่โถผสม พร้อมน้ำตาลทรายสัก 1 ช้อนชาก่อน คนให้ละลาย ใส่ยีสต์ลงไปคนให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักพัก
เติมน้ำมันมะกอก เกลือ และมะกอกสับลงไปคน ตามด้วยแป้งขนมปัง
ใช้เครื่อง stand mixer กับหัวตีตะขอ ตีไปสักพัก เห็นว่ายังเปียกเกินไป เติมแป้งลงไปทีละช้อนโต๊ะค่ะ
จากประสบการ์ณ สูตรนี้เติมแป้งได้อีกถึง 3/4 ถ้วยแน่ะค่ะ แป้งมันเหนียววววจริง ๆ
แต่ยังไม่กล้าเติมมากไปกว่านี้ กลัวจะกระด้างจนกินไม่ได้ ก็พอประมาณนะคะ
ใครลองเอาไปทำแล้วเพิ่มเติมได้แบบไหนมาเล่าสู่กันฟังบ้างก็จะดีนะคะ
ใช้เวลาประมาณ 8-10 นาที ด้วยสปีดต่ำ ให้ยังไงก็ยังเหนียวติดโถอยู่ดีแหละค่ะ ปาดลงมาใส่อ่างที่ทาน้ำมันบาง ๆ รอไว้ค่ะ
คลุมด้วยพลาสติคแรป ทิ้งไว้ในที่อุ่น ๆ ประมาณ 45-60 นาที หรือจนกว่าจะขึ้นเป็นสองเท่า
เปิดออกมาดู แค่จิ้มนิ้วลงไปก็ยุบแล้วล่ะค่ะ
ตามตำราเขาบอกให้นวดต่ออีก 8-10 นาที บอกตรง ๆ ค่ะว่า ไม่สามารถเลย
มันเหนียวมาก ติดมือเหนอะหนะอย่างแรง
a href="//www.bloggang.com/data/s/secreate/picture/1296819053.jpg" target=_blank>
ก็ได้แต่ใช้ไม้พายคน ๆ ตลบไปมา ติ๋งต่างว่านวดแล้ว ก็แล้วกันเนอะ
มาคิดได้ภายหลังว่า น่าจะเทกลับใส่โถผสมนั่นแหละ แล้วตีต่ออีกสักพัก ก็ท่าจะดี ไว้คราวหลังจะลองดู
** นอกเรื่อง ว่าด้วยเรื่องสปาตูล่าหน่อย เราพบว่าไม้พายอะไรก็ไม่เหมาะมือเท่าไอ้เจ้าอันละ 15 บาท นี่เลย ไม่ว่าจะยี่ห้อดี แพงขนาดไหน ฮ่ะฮ่ะ รสนิยมแบบพ็อคเก็ตเฟรนด์ลี่ม้าก..**
เสร็จแล้วก็จับคลุมพลาสติคพักไว้ใหม่ อีก 30 นาที
ครบเวลา จับออกมาพลิกด้าน ตามสูตรเขาว่าให้เทลงบนผ้าสะอาด ๆ พักอีกครั้ง
แต่สำหรับเรา เทใส่พิมพ์ไปเลยค่ะ อย่าลืมเตรียมพิมพ์โลฟทาน้ำมันไว้นะคะ ถ้าจะทำแบบนี้
หรือจากสภาพเนื้อโดว์ที่เป็นอยู่ พอเข้าใจแล้วว่า คงเทลงไปในถาด แล้วตบๆ ให้เป็นรูปโดมโค้ง ๆ คงจะง่ายที่สุด ฮ่า ..นี่เองคือที่มา ว่าทำมั๊ยมันต้องเป็นรูปนี้ เก็ทแล้วๆๆ
คอร์นมีล หรือข้าวโอ๊ตป่น หรือแม้กระทั่งแป้งขนมปัง ก็เอามาใช้ตอนนี้แหละค่ะ ต้องใช้ในการตะล่อมให้อยู่ตัว เข้ารูป
พักไว้ให้ขึ้นในพิมพ์อีกประมาณ 30 นาที
ระหว่างนี้ เตรียมวอร์มเตาอบไว้ที่ 250 องศาซี นำถาดทนความร้อนใส่น้ำเข้าไปวางไปที่พื้นด้านล่างในเตาอบเตรียมไว้ ขนมปังนี้ควรอบพร้อมทำสตีมให้มันไปด้วยค่ะ
ได้ที่แล้ว อบไฟความร้อนสูงที่ตั้งไว้ประมาณ 15-18 นาที แล้วลดไฟลงเหลือ 180 องศาซี อบต่ออีกประมาณ 12-15 นาที หรือจนเช็คสุกโดยการเคาะกันพิมพ์ ฟังเสียงโปร่ง ๆ ดูก็ใช้ได้
ถ้าไม่แน่ใจ ก็เคาะออกมาจากพิมพ์ด้วยความเบามือ ถ้ามันยังชื้นอยู่มาก (แบบที่เราเจอบ่อย ๆ ) ก็รีบเทมันกลับลงพิมพ์ด้วยความรวดเร็ว อบต่อค่ะ ชอบให้ด้านล่างมีสีเหลืองอ่อนและแห้งนิดหน่อยมากกว่า
สุกแล้ว เปลือกกรอบนิด ๆ เหนียว ๆ หน่อย
เนื้อในมีความหยาบนิดๆ (ไม่ได้ตั้งใจ) นุ่ม ออกรสเปรี้ยวละมุนของโอลีฟ และกลิ่นเฉพาะตัวของน้ำมันมะกอก ผสมผสานกัน
ถ้าชอบ ..ใช้จิ้มน้ำมันมะกอกตอนรับประทานแกล้มอาหารอิตาเลียนก็ดี
ทำแซนวิซก็ได้รสชาดแปลกไปอีกแบบนึงค่ะ
เราชอบปิ้งให้กรอบนอกนิด ๆ ทาเนย กินเปล่า ๆ อร่อยค่ะ คงอ้วนกว่าจิ้มน้ำมันมะกอกแน่นอน
แบบนั้นน่าจะดีกับสุขภาพกว่านะคะ
พบกันใหม่คราวหน้า
กับขนมปังที่เจ้าของสูตรบอกว่าเป็น Blue Ribbon White Bread recipe เชียวแหละ
ขอบคุณที่แวะมาค่ะ