คุณเรียกใครว่าเพื่อน
ชีวิตเราๆ ต้องเจอะเจอผู้คนมากมาย
ทั้งที่ด้วยความจำใจ จำยอม จำเป็น บังเอิญ และด้วยความพอใจ
แต่ถึงยังไง เราก็เลือกที่จะเสวนาหรือไม่เสวนากับใครก็ได้ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล
ถ้าอย่างนั้นลองวาดภาพตาม..
คุณเป็นเด็กนักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา ณ โรงเรียนแห่งนี้
คุณไม่รู้จักใคร คุณไม่รู้จักอะไรเลย
แต่ด้วยระบบของโรงเรียน ทำให้คุณเข้าไปเรียนอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่ง
มีนักเรียนในห้องอยู่เกือบครึ่งร้อยชีวิต และแล้ว
อาจารย์ที่ปรึกษาก็แนะนำคุณให้กับนักเรียนในห้องนั้น
และบอกว่า "ดูแลเพื่อนด้วย"
มันอาจไม่ใช่ประโยคที่แปลกอะไร แต่..ใครเป็นเพื่อนของคุณ?
และคุณเป็นเพื่อนของใคร?
มันจะไม่แปลกใช่ไหม ถ้าคุณอาจจะถูกทอดทิ้งให้ฝึกพูดบทสนทนาภาษาอังกฤษ
เพียงลำพังในคาบวิชาภาษาอังกฤษ ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ ในห้องจับกันเป็นคู่ๆ
ก็ยังไม่มีใครบอกว่าเป็นเพื่อนคุณสักหน่อย
แล้วมันเป็นหน้าที่ของใครล่ะ ที่จะต้องมาดูแลคุณ
แต่คุณก็ไม่ละความพยายามหรอก ในเมื่อคุณเป็นนักเรียนใหม่
คุณก็เลยเดินเข้าไปหาคู่สนทนาเองเลย
คุณแนะนำชื่อคุณ บอกว่าย้ายมาจากโรงเรียนอะไร ทำไมถึงย้ายมาในช่วงนี้
เล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ที่คุณคิดว่าคนที่จะเป็นเพื่อนคุณควรจะรู้
คนๆ นั้นก็บอกชื่อของเขากับคุณและยิ้มให้
ชวนคุยเป็นมารยาท และอาจเดินจากคุณไป
ถ้าคุณคิดว่าคุณได้เพื่อนหนึ่งคน
*เพื่อน* คำนั้นของคุณแปลว่า *คนรู้จัก*
บางทีคำว่า *คนรู้จัก* เนี่ย ก็แปลได้หลายความหมายเหมือนกัน
..อาจแปลว่าเขาและคุณรู้จักกัน หรือเขารู้จักคุณ หรือไม่ก็ คุณรู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียว
มันเป็นสิ่งที่ธรรมดาหรือแปลกประหลาดก็ไม่อาจบอกได้
ทุกวันนี้แค่เพียงคุณแนะนำตัวเองต่อกันและกัน
คุณก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ภายในเวลาไม่เกิน 30 วินาที!
...โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็เออออห่อหมกว่า
โอเค เรารู้ชื่อของกันและกัน และเราก็ยิ้มให้กัน ดังนั้นเราเป็นเพื่อนกัน
..สมการการถ่ายทอดของคนรุ่นใหม่ คำว่า *เพื่อน* คำนี้
คงน่าสมเพชมากกว่าคำว่า *คนรู้จัก* ซะอีก
..อย่างดีคุณก็แค่จับคู่ของชื่อกับหน้าเจ้าของได้ถูก
..อย่างแย่ คุณก็จำไม่ได้เลยว่าเคยพบเจอคนๆนั้นมาก่อน
ถ้าเพียงแค่ลองลงท้ายคำแนะนำตัวว่า..
"ให้เราเป็นเพื่อนด้วยคนนึงนะ"
คุณคิดว่าไง? ..เคยมีคนพูดประโยคนี้กับคุณไหม? ...ประโยคที่ยกย่องคุณ
ขอให้ตัวเองได้เป็นส่วนนึงในชีวิตของคุณ
ได้ทำอะไรร่วมกับคุณ ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับคุณ
ถ้าไม่มีก็คงไม่แปลก (ตามสมการการถ่ายทอดของคนรุ่นใหม่)
แต่ถ้ามี หรือกำลังจะมีล่ะ?
คุณคิดว่าประโยคคำพูดสั้นๆ ธรรมดาๆ ที่เด็กอนุบาลพูดกัน จะทำให้คุณรู้สึกยังไง?
มันไม่ใช่คำพูดที่ว่า -เป็นเพื่อนเราหน่อยนะ-
..คำพูดที่เอาตัวเองเป็นหลักแล้วก็ถูลู่ถูกังเอาคนอื่นมายินยอมด้วย
สองประโยคนี้คำตอบอาจไม่ต่างกัน
..คงไม่มีคนตอบว่า ไม่ได้หรอก
เราไม่อยากเป็นเพื่อนเธอ อะไรประมาณนั้นตามมารยาท
แต่ความรู้สึกจากคำพูดมันต่างกันจริงไหม
ทุกวันนี้คุณอาจบอกว่า คุณได้เพื่อนมามากพอแล้ว
และเพื่อนคุณก็เป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนที่จริงใจ
สารพัดคุณสมบัติที่ทำให้คุณทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน(หลาย)คนนี้ได้..
แต่ยังมีคนที่ไม่มีเพื่อนสนิทแบบคุณ
คนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมและพร้อมที่จะเป็นเพื่อนแท้กับคนที่เขาถูกชะตาด้วย
เพียงแค่เขายังไม่เจอกับคนที่เขาถูกชะตา
ซึ่งคนๆนั้นอาจเป็นคุณ ถ้าเพียงคุณเปิดใจรับเพื่อนอีก
..อย่างน้อยคุณก็ได้เพื่อนอีกคน และเขาก็ได้เพื่อนอีกคน
..และอย่างมากที่สุด คุณก็ได้เพื่อนแท้มาอีกคน
"ดูแลเพื่อนด้วย"
คงเป็นอีกประโยคหนึ่ง ที่จะสามารถเรียกความซึ้งใจออกมาได้
เย้ๆๆๆ.......ได้เจิมๆๆๆ
อิอิ ขอบคุณสำหรับสิ่งที่เรามักจะลืมๆกันนะคะ