[ FD 3182 ] รั ก ฤ ๅ ผู ก พั น ฯ # ๓ ๕ #
**คำเตือน**
เรื่องนี้ . . .
เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิงเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับบุคล หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรณภิภพนี้ ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมากถึงมากที่สุด ปล. เป็นเรื่องแต่งมิได้เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อ เจ้าของบล๊อก
ต อ น ที่ ๓ ๕
ผมเริ่มทำตัวให้กลมกลืนและชาชินกับความเหงา . . .
สิ่งเดียวที่ผมทำได้ คือการเปิดคอม ดูรูปที่ผมเคยมี และที่สำคัญ มีมันอยู่ด้วย ผมไม่เคยลบมันออกไปได้ แม้ว่าจะพยายามมากแล้ว แต่มันไม่เคยหายออกไปจากใจผมเลย
ถามว่า . . .
ผมรักมันขนาดไหน ?
. . . มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี . . .
แล้ว . . .
ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับมันอีกมั้ย ?
อันนี้ผมคงเงียบ . . .
และนิ่งงันอยู่นาน เพราะผมไม่รู้ ว่าผมยังอยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีกมั้ย ผมมีความสุขมั้ยตอนนั้น ผมมีนะ มีมากด้วย แล้วผมก็มีความทุกข์มากด้วยเช่นเดียวกัน . . .
หาก . . .
. . . ตอนนี้ ผมรักมันไม่น้อยไปกว่าตอนนั้น
แต่ . . .
. . . ผมมีความสุข ที่ผมได้รู้ว่า ในหัวใจของผม มีแต่มันคนเดียวเท่านั้น แม้บางครั้ง ผมจะเหงา คิดถึงมันอยากกอดมัน แต่ผมก็มีหมอนไว้กอด ผมมีรูปมันไว้ดูยามที่ผมคิดถึง
ผมมีความทรงจำ . . .
ความทรงจำที่เป็นของผม แม้แต่มันก็ไม่มีความทรงจำแบบที่ผมมี เพราะความทรงจำของผมมันหล่อหลอมรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิญญาณของผม ความทรงจำในส่วนของผมจะอยู่กับผมไปตาบเท่าที่ผมยังมีลมหายใจ
ความเหงา . . .
มีบ้าง แต่ผมไม่ทรมานหัวใจเหมือนตอนที่ผมอยู่ใกล้ ๆ มัน แล้วหัวใจมันมีอีกคน ผมเคยอ่านเจอ . . . จากที่ไหนสักแห่ง
ใกล้ตัว . . . หากไกลหัวใจ
เหมือนเมื่อตอนนั้นกระมัง ตอนที่มันนอนอยู่กับผม หากแต่หัวใจของมันโหยหาคนอื่น มันไม่เคยมีผมเลยในหัวใจของมันกระมัง ผมเป็นได้แค่อะไรที่คุ้นเคยสำหรับมัน ที่มันคิดว่า อย่างไรเสีย มันก็ไม่มีวันเสียผมไป แต่บังเอิญผมเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีชีวิต ผมเจ็บปวดเป็น เสียใจเป็น
ผมเป็นคน . . .
. . . มีความรู้สึกเหมือนที่คนอื่น ๆ รู้สึก . . .
แต่ตอนนี้ . . .
. . . เวลานี้ เวลาที่ผมกับมันห่างไกลกันครึ่งขอบฟ้า ผมกลับรู้สึกว่า ความรักที่ผมมี ทำให้หัวใจผมมีความสุข ผมมีความสุขที่ได้รักมัน ได้รักคนอย่างมัน อาจเพราะว่า ผมรู้ดีถึงการไม่มีใครบนโลกนี้ . . .
มันเป็นเพียงคนไม่กี่คนที่เข้ามาในชีวิตผม . . .
ตอนนี้ผมรู้จัก . . .
ไกลตัว . . . ใกล้ใจ
พี่อาร์มใหญ่ . . .
ผมเพิ่งบินกลับมาจากเมืองไทย . . . แต่ต้องบินต่อไปลอนดอนอีกแล้วพี่ เหนื่อยชะมัดเลย ไม่ได้เจอพี่มาเกือบสิบวันแล้วนี่หว่า . . .
เหงาอะดิ๊ . . . บอกแล้ว คนที่มาทำงานแบบเราได้ ต้องอึด
ผมได้หนังมาหลายเรื่องเลยพี่ . . . พี่แกะดูก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะผมจะกลับไปเก็บเงิน เรื่องที่พี่แกะดู อิอิอิ
อาร์มเล็ก . . . แต่หัวใจใหญ่
ผมยิ้มกับโน้ตที่โกสินทร์แปะเอาไว้หน้าห้อง ถึงจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่หน้าที่การงาน ทำให้มีโอกาสเจอกันน้อยมากในแต่ละเดือน ก็ตอนนี้ผมบินเองมา ๕ เดือนแล้ว แถมตอนคัมโฮม ผมไม่ใช้สิทธิ์หยุดเสียด้วย ไอ้อาร์มเล็ก โวยวายใหญ่ บอกเป็นมันหน่อยไม่ได้ จะกลับเมืองไทยให้หายคิดถึง
ผมล่ะ . . .
. . . คิดถึงเมืองไทยมั้ย
ไม่รู้ว่ะ . . .
ผมได้แต่ตอบตัวเองในใจเบา ๆ ผมเดินไปดูบนโต๊ะ มีหนังวางอยู่หลายเรื่อง ผมหยิบมาดู หากมีเรื่องนึงมันสะดุดตาผม . . .
ภาพหน้าปก . . .
. . . ฟิล์ม กับ พอลล่า
. . . และ พี่อื๊ด ลาล่า ลู่ลู่ . . . โปงลางสะออนที่ผมชอบ ผมว่าน่าจะสนุกแน่ ๆ แค่เห็นหน้าอิ้ดผมก็ขำแล้ว
. . . ภาพความทรงจำ ไม่สำคัญเท่าความทรงจำจากหัวใจ . .
รักจัง . . . ตัวหนังสือสีส้มตรงกลางหน้าปก
ผมพลิกไปดูด้านหลัง . . .
พอลล่ายืนก้มมองหน้าฟิล์มที่แต่งชุดชาวเขา สงสัยหนังเรื่องนี้ถ่ายที่เมืองเหนือแน่ ๆ ผมอ่านรายละเอียดที่เหมือนเรื่องย่อเล็ก ๆ
. . . ความผูกพันทางใจของคนสองคน ที่อยู่ตรงกันข้ามกันมา ก่อตัวขึ้น ท่ามกลางลมหนาวและสายหมอกบนยอดดอย . . .
เขาจำเธอไม่ได้ . . . แต่เธอลืมเขาไม่ได้
ผมไม่รีรออีกแล้ว คิดถึงเมืองไทยจะแย่อยู่แล้วแปดเดือน มันทรมานมากสำหรับคนที่อยู่กับความเหงา . . .
ผมรีบเปิดหนังดูทันที
หนังตัวอย่าง . . . เพลงสุดท้าย ผมสะท้อนหัวใจตัวเองลึก ๆ ผู้ชายต่อให้เราดีกับเขาขนาดไหน ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ต้องกลับไปยังโลกใบเดิมของเขา เราอย่าหวังจะได้เปลี่ยนสิ่งที่เขาเป็นเลย
เพศอย่างที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ . . .
. . . มีที่ว่างบนโลกให้เรามองหน้าคนอื่นอย่างเต็มตาอย่างนั้นหรือ . . .
หากพอเริ่มหนังจริง ๆ
. . . เสียงโทรศัพท์ในหนัง ฟิล์มหยิบเอาโทรศัพท์ที่ทับอยู่บนกระดาษ . . .
กระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า . . . แม่น้ำปาย
แค่เห็นเท่านั้น ผมเหมือนมีอะไรที่มันวิ่งมาจากหน้าท้องก่อนมาตีบอยู่ตรงคอ ผมมองมองภาพที่เคลื่อน ๆ ไปในโทรทัศน์ อย่างช้า ๆ หากหัวใจผม มันอ่อนระโหยโรยแรงกับภาพในหนัง ผมนั่งดูด้วยสายตาที่พร่ามัว ภาพภูเขาที่มันคุ้นเคย
อ.ปาย . . . ป้ายหลักกิโลเมตรที่พระเอกขับผ่าน น้ำตาผมไหล ผมคิดถึงวันคืนเก่า ๆ ที่ผ่านมา . . .
ผมคิดถึงมันเหลือเกินแล้ว
จนกระทั่ง . . .
. . . ภาพที่พระเอกเดินมาที่ร้านมิตรไทย
ผมปล่อยเสียงร้องออกมาอย่างไม่อาย ทุกที่ในหนัง ผมเคยเดินผ่าน ผมเคยเดินกับมันมานานมากแล้ว แต่วันนี้ ผมไม่มีมัน ไม่มีอีกแล้ว ยิ่งตอนที่พระเอกขับรถออกมา ถนนสายนั้น สายเดียวกับที่ผมเคยขับมา ผมเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ มันทนไม่ไหวอีก แล้วความเหงาที่มันก่อกุมหัวใจผมอยู่ มาตอนนี้มันระเบิดออกมาแล้ว
ผมหยุดตัวเองไม่ได้ . . .
ผมรู้แล้ว ผมไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย ผมมันแค่คนอ่อนแอคนนึงเท่านั้น ผมหนีมาไกลถึงที่นี่ แล้วทำไม ภาพวันคืนเก่า ๆ มันไม่หายไปจากหัวใจของผมสักที
. . . รักจัง . . .
ผมจะทนดูมันจนจบแผ่นหรือ . . .
หนังตลก . . .เพราะได้แก๊งค์โปงลาง
แต่ . . .
ทำไมตลอดทั้งเรื่องที่ผมดู ผมมีแต่หยาดน้ำตากับความโหยหา . . .
สิ่งที่มันหายไปจากชีวิตของผม มันหายไป หรือเพราะผมทำลายมันไปก็ไม่รู้ ถ้า . . .ผมไม่มีความจำหลงเหลือแบบอาหลงในเรื่อง ?
ผมจะยังเจ็บปวดกับหนังที่ผมดูอยู่ตอนนี้มั้ย . .
ศาลารอรถ . . .
พอลล่ายืนอยู่มีบุรุษไปรษณีย์ ผมยิ้ม ยิ้มทั้ง ๆ ที่หัวใจมันโหยหา ผมจำได้ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผมเคยนั่งที่นั่น ผมนั่งรอรถอยู่ตรงนั้น แล้วมีอีกคน อีกคนที่มันนั่งรอผม รอจนมีรถเมล์แดงคันเล็กวิ่งมาจากแม่ฮ่องสอน
ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว . . . .
. . . ผมคิดถึงที่นั่น . . .
หรือ
ผมคิดถึงมันกันแน่ ถ้าที่นั่นมันคือชีวิตผม แล้วตอนนี้ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ผมมาเพื่ออะไร ทั้ง ๆ ที่หัวใจผม มันอยู่ที่เมืองไทยตลอดเวลา ผมไม่ได้อยากมาอยู่โดฮาเลยใช่ไหม ?
น้ำตกนั่น . . .
ผมก็เคยไป น้ำตกเล็กๆ ที่อินทนนท์ แต่คนส่วนมากคิดว่าเป็นที่ปาย ผมเคยไป และที่สำคัญที่สุด ผมไปกับโกเมศวร์
. . . ผมยังเคยเล่นน้ำกับมันอยู่เลย ทุก ๆ ภาพที่มีในหนังผมเคยผ่านมาแล้วแทบทั้งนั้น ผมคิดถึง คิดถึงวันเวลาเหล่านั้น จนแทบไม่ไหวแล้ว ผมได้แต่ร้องไห้ กับหนังที่โกสินทร์มันเอามาฝาก . . .
ผมนั่งดูมันจนจบ . . .หากจบด้วยน้ำตาที่ไหลริน
ผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว . . .
บนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ จะมีสักที่นึงมั้ย ที่จะให้หัวใจผมหยุดพัก จะมีสักที่ไหม ที่ทำให้หัวใจผมไม่เจ็บปวดอย่างที่เคยผ่านมา . .
ไม่มี . . . ไม่มีมันเลย
ผมนับนิ้วดู . . แปดเดือน
ผมมาอยู่ที่นี่แปดเดือนแล้ว และมันเป็นแปดเดือนที่ผมไม่ได้ร้องไห้ แปดเดือนมาแล้วที่ผมพยายามที่จะลืม แต่มันไม่เคยเลย ไม่เคยที่ผมจะลืมมันได้สักครั้ง . . .
ผมไม่เคยชอบฟิล์ม . . .
. . . แต่วันนี้ผมรักมันจัง
ในหนัง . . . มันไม่รู้หัวใจตัวเอง
ส่วนผม . . .
. . . พยายามที่จะลืมหัวใจตัวเอง . . .
ตอนจบของหนัง . . . คือความสุข มีเพลงด้วย ผมอยากรู้เหมือนกัน ชีวิตของผม มันจะจบแบบมีความสุขเหมือนในหนังมั้ย
คืนนั้น . . .
. . . ผมดูหนังเรื่องนั้นอีกสามรอบ
ไม่มีสักรอบ ที่ผมไม่ร้องไห้เพราะคิดถึง . . . หัวใจผมเอง
๔ ธันวาคม ๒๕๔๙
. . . สองมือของผู้หญิง สร้างโลก . . . ผมจารจำวันนี้ไปจนวันตาย . . . เป็นวันหยุดของผม และดูเหมือนว่าจะตรงกับอาร์มเล็กเหมือนกัน
พี่อาร์ม เย็นนี้ไปดูกีฬากัน
ไม่อยากออกอ่ะ ไม่อยากไปเลย
น่าพี่ หายคิดถึงเมืองไทยนะ คนไทยเยอะเลย ไปนะพี่ ผมจองบัตรไว้แล้วอ่ะ นะพี่อาร์มนะ มันชูบัตรในมือ
อือ ไปก็ได้
ผมรับปาก ทั้ง ๆ ที่ผมไม่อยากไปเลย ช่วงนี้มหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์กำลังมัน ผมไม่อยากออกไปไหนเลย ไม่อยากเจอคนไทย ไม่อยากคิดถึงเมืองไทยอีกแล้ว แค่นี้ผมก็จะแย่อยู่แล้ว
ไอ้โอ๋ ทำไรอยู่
ทำงานดิมึง ไม่โทรมาหลายวัน หายไปเลยนะมึง
ก็ยุ่ง ๆ ช่วงนี้มีกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ไฟลท์พิเศษมันเยอะ งานเลยเยอะตามเหนื่อย
จบแล้วนะ
อะไร
มันเรียนจบแล้ว ช้าไปเทอมนึง
ผมยิ้ม ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยที่สุดผมก็ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคน ๆ นึง ผมหมดห่วงไปแล้ว สิ่งที่ผมทำได้ คงยืนตรงนี้ ดีใจกับมันด้วย
ไอ้อาร์ม . . .ไอ้อาร์ม
เออ ฟังอยู่
ดีใจสิมึง
อือ
แต่รับปีนี้ไม่ทัน คงปีหน้า
บอกกูทำไม
อ้าว ก็เผื่ออยากจะมา
ไม่ไปหรอก
ไหนบอกหกเดือนคัมโฮม นี่ก็จะเก้าเดือนแล้วนะมึง กลับมามั่งสิว่ะ กูคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว
เออน่า เดี๋ยวก็กลับ
เดี๋ยวตลอดนะมึง ใจคอ ไม่อยากกลับบ้านเลยเหรอ
เอาน่า ถึงเวลาก็กลับ แค่นี้ก่อนนะโว้ย กูต้องไปข้างนอกแล้ว ผมบอกลามัน เมื่ออาร์มเล็กมันมาเร่งให้ผมรีบไป
ผมออกมาพร้อมโกสินทร์ กับเพื่อน ๆ อีกหลายคน วันนี้คนไทยในโดฮากว่าร้อยไปรวมตัวกันที่นั่น สถานที่รวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ต่างสีผิว ต่างภาษาที่มารวมตัวกันอยู่
ผมรู้แค่ . . . ตอนนี้หัวใจผมมันพองโต
ผมแหงนหน้ามองธงทิวชาติต่าง ๆ ที่ปลิวไสวบนยอดเสา ผมยิ้มเมื่อเห็นธงสามสี . . . ธงไตรรงค์
พี่อาร์ม ไปเขียนลายธงชาติบนแก้มกัน
เอาดิ
ผมรู้สึกฮึกเหิม เพราะบรรยากาศรอบ ๆ สนามแข่งขันยกน้ำหนัก ตอนนี้ครึกครื้น มีนักแสดงตลกหลายคนที่แต่งชุดทหารไทยโบราณ สร้างสีสันให้ครึกครื้น เป็นที่ชื่นชอบของคนต่างชาติ . . .
ผมคิดถึงเมืองไทยจัง . . .
แค่เข้าไปในสนามแข่งขัน ผมยิ้มทั้งน้ำตา มีคนหลาย ๆ คนที่ผมรู้จัก เป็นคนไทยที่ทำงานที่โดฮา ผมอดที่จะด่าตัวเองไม่ได้ ถ้าวันนั้นผมไม่ออกมา ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ใคร . . . ที่อยู่เมืองไทยไม่มีวันรู้หรอก
เวลาที่เราเจอคนไทย ในแผ่นดินที่ไม่ใช่แผ่นดินเกิดของเรา มันจะรู้สึกดีขนาดไหน แล้วยิ่งเห็นธงไตรรงค์ ที่กองเชียร์นำเข้ามาในสนามแข่งขันอีก ผมไม่อยากบอกเลย ว่าตอนนั้นผมคิดถึงบ้าน คิดถึงจับหัวใจ
ภาพ . . . พระบรมฉายาลักษณ์
ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ยกมือไหว้ . . .
คิดถึงหลวงพ่อจับหัวใจ และ คิดถึงเมืองไทยอันแสนร่มเย็นภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ นี่ผมมาทำอะไรที่นี่ ผมมาทำเพื่อตัวเองแบบนั้นหรือ
เสียงพิธีกรสนามประกาศ . . . การแข่งขันกีฬายกน้ำหนักรุ่น ๖๓ กิโลกรัมหญิงกำลังจะเริ่มขึ้น บรรยากาศในสนามยิ่งคึกคัก . . .
พี่อาร์ม ตื่นเต้นจัง โกสินทร์มันกำมือสองมือ เข่าไปมากลางอากาศ
ใจเต้นสุด ๆ เลย ไม่อยากดูเลย
น่าพี่ วันนี้ช่วยกัน
อืม ช่วยกันเพื่อพ่อ
. . . พรุ่งนี้ . . . ๕ ธันวาคม ๒๕๔๙ วันพ่อของพวกเราทุกคน
วันนี้ . . .
. . . ผู้หญิงไทยคนนึง
ผู้หญิงที่มีน้ำหนัก ๖๓ กิโลกรัม จะสร้างประวัติศาสตร์ เธอคนนั้นแบกเอาความหวังของคนไทยทั้งประเทศ ทุกสายตาจ้องมองไปที่สนามแข่งขัน กองเชียร์ของชาติต่าง ๆ ส่งเสียงเชียร์นักกีฬาของชาติตัวเอง ผมไม่รู้ว่าคนที่ไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้จะนึกภาพออกมั้ย
ผมหัวใจเต้นระรัว . . .
ตื่นเต้น . . . ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีการแข่งขัน เมื่อเธอคนนั้นออกมายืนหน้าเวที ก่อนพนมมือไหว้ ประกาศความเป็นคนไทย ผมมองภาพนั้นแทบหัวใจจะหยุดเต้น ตรงป้ายหน้าอกของเธอ . . . ธงไตรรงค์ผืนเล็ก ๆ
เธอยืนสงบนิ่ง เหมือน ๆ กับหัวใจคนไทยทุกดวงในสนามที่นิ่งเงียบ ทุกสายตาส่งกำลังใจไปหาเธอ ก่อนที่เธอจะก้าวมา กำคานเหล็กเอาไว้ ก่อนที่จะยกมันขึ้นไป ผมได้แต่เกร็ง ราวกับว่าไปยกคานน้ำหนักนั้นเอาไว้เอง
เธอยกท่าสแน็ทช์ ผ่านที่น้ำหนัก ๑๑๐ กิโลกรัม . . .
แต่ . . .ยังน้อยกว่า โอ หยาง เสี่ยว ฟาง จากประเทศจีน ที่สามารถทำน้ำหนักในท่านี้ได้ถึง ๑๑๕ กิโลกรัม . . .
หัวใจผมในตอนนั้นมันเริ่มแป้ว . . .
ก็ . . . เวลาผมเชียร์ใครเมื่อไหร่ มันไม่ถึงดวงดาวสักที
อาร์ม ไม่ไหวแล้วว่ะ ผมหันไปทางไอ้โกสินทร์
นั่นดิพี่อาร์ม ผมจะแย่อยู่แล้ว ตามหลังจีนตั้ง ๕ กิโลกรัม จะไหวมั้ยนี่ มันเองก็สีหน้าไม่สู้ดีนัก
ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากคนไทยทุกคนในสนาม . . .
และ . . . คนไทยอีกนับล้านที่เฝ้าหน้าจอทีวี ที่ถ่ายทอดสัญญาณสด ๆ จากโดฮา วันที่ผู้หญิงไทยตัวเล็ก ๆ แบกเอาความหวังของคนไทยทั้งประเทศ สิ่งที่เธอแบก ไม่ใช่แค่น้ำหนักที่เธอยก แต่มันหมายถึง น้ำหนักของความหวังที่คนไทยทุกคนเทลงไปที่เธอ . . .
ความกดดันที่เธอแบกอยู่ . . .
. . . มากมายเหลือคณานับ . . .
เสียงเพลงเชียร์เป็นภาษาไทยได้รับการปลุกเร้าตลอดเวลา จากกองเชียร์ที่บินไปจากเมืองไทย ผมร้องตาม และเหมือนกับคนไทยทุก ๆ คนที่ร้องตาม ฝ่ายกองเชียร์จีนก็ไม่น้อยหน้า ฮึกเหิมกว่าพวกเราเสียอีก เพราะเขาอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเราอยู่ ผมได้แต่รอเวลาที่จะยกท่าถัดไปด้วยหัวใจระทึก
แรงกดดันมหาศาล . . . ที่อยู่รอบ ๆ ตัวผมในตอนนั้น
เสี่ยว ฟางเรียกน้ำหนักในท่าคลีนแอนด์เจิร์ค ที่นำหนัก . . . ๑๓๒ กิโลกรัม แล้วนักกีฬาจากจีนก็ยกผ่านอย่างสบาย
เย้ . . . เสียงคนไทยเหมือนโล่งเมื่อเธอยกผ่านในน้ำหนักเดียวกันกับนักกีฬาจากประเทศจีน
หาก . . . ถ้าเรายังทำน้ำหนักแบบเท่ากันกับจีน
เหรียญทอง . . .
. . . ไม่ใช่ของเรา . . .
ผมเชื่อ . . .
ในเวลานั้นคนไทยทุกคน อยากช่วยเธอยก แต่มันเหมือนทุ่มความกดดันไปที่เธอ ผมไม่อยากดูเลย ผมกลัว . . . ผมกลัวผิดหวัง
นักแสดงตลกที่ผมเคยดูในทีวี ตะโกนร้องเพลงเชียร์ ปลุกใจคนไทยทุกคนในสนามแข่งขันให้รวมตัวกัน ช่วยกัน ส่งทุก ๆ กำลังใจให้กับเธอ . . .
ในการเรียกน้ำหนักครั้งที่สอง . .
๑๓๗ กิโลกรัม . . .
เสียงเฮจากคนไทยดั่งลั่นสนาม เมื่อ เสี่ยว ฟาง จากประเทศจีน ยกไม่ผ่าน และได้รับบาดเจ็บ จนต้องขอถอนตัวจากการแข่งขัน ในเวลานั้น หัวใจผมเหมือนโล่ง แบบที่เคยมีคำเปรียบเปรย . . . ยกภูเขาออกจากอก
ต่อจากนี้ . . . อยู่ที่เธอ
. . . THAILAND THAILAND THAILAND . . .
เสียงเรียกขานดังลั่นสนามแข่งขันไปหมด ผมเองก็ไม่แตกต่างไปจากคนไทยเหล่านั้น ร้องเรียกเหมือนที่คนอื่น ๆ ที่เขาร้องเรียก ส่งเสียงลั่นไปหมดทั้งสนาม จนกระทั่งเมื่อเธอคนนั้นปรากฏบนเวทีอีกครั้ง . . . เสียงเรียกขานเงียบ ราวกับนัดกันไว้
ทุกสายตาในสนามจับจ้องไปที่เธอ . . . เธอยกครั้งนี้เพื่อ
. . . เหรียญทอง . .
สิ่งที่คนไทยทุกคน . . . เอาใจช่วยเธอ
เมื่อเธอยกมาคลีนพักเอาไว้ที่อก ผมเหมือนกับตัวเองหนักอึ้งไปด้วย ก่อนที่เธอจะเจิร์ก ขึ้นเหนือศรีษะ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณจากกรรมการ เธอปล่อยคานลูกเหล็กลงกระทบพื้น
เหรียญทอง เหรียญทอง ผมตะโกนลั่น กอดเอาไว้กับไอ้อาร์ม
ในนาทีนั้น . . .
. . . ผมดีใจจนน้ำตาไหล มันเป็นน้ำตาของความสุข น้ำตาที่ผมไม่เคยไหลแบบนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว ที่ผ่านมา น้ำตาของผมมีแต่ความเจ็บปวด แต่ในวินาทีนี้ น้ำตาที่ไหลมา คือน้ำตาที่ผมดีใจอย่างสุดชีวิตแล้ว
ผมไม่เคยรู้สึกดีใจขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่มาอยู่โดฮา . . .
แต่ตอนนี้ . . .
. . . ผมกระโดดดีใจ ร่วมกับคนไทยอีกนับร้อยในสนามแข่งขัน เธอทำได้ เธอทำให้ผมยิ้มได้ทั้งน้ำตา เธอทำให้คนไทยในที่นั้นมีความสุขอย่างที่สุดแล้ว . . .
สถิติโลกเป็นของ . . . สเวตลานา ชิมโคว่า
ผมได้ยินเสียงโฆษกสนามประกาศ การยกต่อจากนี้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงโลก หากคนที่เดินออกมาตอนนี้ จะสร้างสถิติโลกขึ้นมาใหม่ เธอที่หน้าอกมี . . . ธงไตรรงค์
เธอเรียกน้ำหนักที่ . . . ๑๔๒ กิโลกรัม
ทั้งสนามเงียบ . . . ให้เธอ
นาทีนี้ . . .จะรู้กัน ว่าเธอจะนำชื่อ . . . THAILAND สู่ทำเนียบโลกได้หรือไม่ ผมแทบหัวใจหยุดเต้นอยู่แล้ว
สุดยอด . . . สุดยอดเลยอาร์ม
ผมกอดมันไว้อีกครั้ง เมื่อเธอทำให้หัวใจพองโต เธอทำได้ เธอทำให้คนไทยหกสิบล้านคนมีความสุขมากที่สุด ทุกคนในสนามร้องกันระงมด้วยความดีใจ วันนั้นผมหูอื้อ ตาพร่ามัว ด้วยความดีใจอย่างที่สุดแล้ว
ของขวัญที่เธอหยิบมาก่อน . . . วันพ่อ
ผมเห็นรอยยิ้มของเธอ หลังจากที่ภารกิจของเธอสิ้นสุดลง เธอยิ้มกว้าง โชว์เขี้ยวสวยที่มุมปาก เธอสวย สวยที่สุดในวันนั้น
ผมน้ำตาไหลไม่หยุด . . .
จนกระทั่ง . . . พิธีมอบเหรียญทอง เธอเดินออกมา ยิ้ม โบกมือให้กับทุกคนในสนาม ผมยิ้มกับเธอ ยิ้มกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า แล้วมาถึงตอนที่เชิญธงผู้ชนะขึ้นสู่ยอดเสา
ผมคนไทย . . . ยืนมองธงชาติไทย
และ . . . ในวันนี้ ร่วมปีที่ผมจากแผ่นดินเกิดมา ผมกำลังจะได้ยินเสียงเพลงชาติไทย . . .ในแผ่นดินโดฮา
เพลงชาติไทย . . .
ผมร้องออกมาเสียงดัง ภาคภูมิใจที่สุด ผมร้องให้กอดไอ้อาร์มเอาไว้ ผมคิดถึงบ้าน คิดถึงเมืองไทย คิดถึงจนอยากจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ผมสัญญากับตัวเอง ต่อจากนี้ หากผมมีรูทกลับบ้าน ผมจะไม่หนีอีกแล้ว ผมจะกลับบ้านของผมที่เมืองไทย
ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าแผ่นดินที่ให้กำเนิดอีกแล้ว
นอกจากแม่ . . .
ผมไม่เคยรู้สึกรักผู้หญิงคนไหนเท่ากับเธออีกเลย . . .เธอที่เป็นแรงบันดาลใจทั้งหมด เธอที่แบกเอาความหวังของคนไทยนับล้าน วันนี้เธอทำให้ผมอยากกลับบ้าน เธอทำให้ผมเลิกที่จะหนี . . .
ผมรักเธอเหลือเกิน . . . นางสาวปวีณา ทองสุก
Create Date : 21 มกราคม 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2553 14:53:54 น. |
Counter : 819 Pageviews. |
|
|
|