Group Blog
 
 
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
[ ป า ย ] รั ก ฤ ๅ ผู ก พั น . . . ก็ เ จ็ บ ป ว ด เ ท่ า กั น # ๒ #


**คำเตือน** 


เรื่องนี้ . . .


เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง


ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  แต่อาจเกี่ยวพันกับสถานที่ 


หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรณภิภพนี้


ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมากถึงมากที่สุด


ปล. เป็นเรื่องแต่งมิได้เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อ เจ้าของบล๊อก




ต อ น ที่   ๒






Free TextEditor

ผมเริ่มเรียนรู้ในสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจ มันค่อย ๆ สอนผมให้ค่อยเป็นค่อยไป ความรักที่มันก่อตัวในหัวใจผมช้า ๆ โดยที่ผมเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผลของมันจะทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปแบบที่รียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ

หาก . . .

ผมมีความสุขเมื่อนึกถึงมัน ผมยิ้มเมื่อคิดว่า ผมมีใครอีกคนในหัวใจ ผมไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ แม้ว่าในเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาของผม แต่ผมก็มีความสุข สุขที่ผมได้รู้ว่าหัวใจของผมมีใครอยู่ . . .

คนไกล . . .

ผมยิ้มคนเดียว . . .

ในห้วงเวลาที่เหนื่อยล้า จากหน้าที่ประจำวัน หรือยามที่ผมต้องการน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ สิ่งเดียวที่ผมทำเสมอ เอารูปมันที่ผมถ่ายไว้มาเปิดดู ผมเก็บรูปมันไว้ในกระเป๋าสตางค์ พกติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา รูปในกระเป๋าแจ่มชัด

หาก . . .

ภาพที่ติดในหัวใจผมชัดกว่า ชัดเจนกว่าภาพถ่ายจากเทคโนโลยีใด ๆ ทั้งหมด แค่ผมหลับตา มันก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

. . . รูปอะไรก็ไม่แจ่มชัดเท่ากับรูปในความทรงจำ . . .

ความทรงจำเกือบครึ่งชีวิตของผม . . .

. . . มีแต่มัน

แล้วความทรงจำในครึ่งชีวิตของมัน . . .

. . . มันจะมีผมบ้างหรือปล่าว ในหัวใจของมัน คนที่ได้หัวใจของผมไป

เรื่องของความรัก . . .

สิ่งที่อยู่ในหัวใจ มันมากะเกณฑ์กันไม่ได้หรอก เพราะในความทรงจำของคนหนึ่งคน อาจไม่มีค่าอะไรเลย กับอีกคน

ผมรู้ . . .

รู้ดีอย่างที่สุด สิ่งที่เป็นความทรงจำของผม มันเข้ามาไม่ได้ เหมือน ๆ กับความทรงจำของมันผมเองก็เข้าไปไม่ได้เหมือนกัน โลกของมันและผม อาจเป็นโลกคู่ขนานกันไปแบบนี้อีกจนตายก็ได้




สามวันสุดท้ายของปี . . .


ผมยิ้มด้วยริมฝีปากสั่นระริกอีกครั้ง เมื่อผมมายืนอยู่กลางเมืองเล็ก ๆ เมืองที่ผมเริ่มคุ้นเคย เมืองที่เป็นเหมือนบ้านอีกหลัง . . .

หัวใจผมอยู่ที่นี่ . . .

ผมต้องตามหาหัวใจของผม ผมได้แต่แอบหวัง อยากมีเวลามากกว่านี้ เวลาที่ผมจะได้อยู่กับคนที่ผมรัก ผมรู้ตัวเอง เวลาเกือบสองเดือนที่อยู่กรุงเทพฯ ทรมานเหลือเกิน ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่คิดถึงมัน

หรือ . . .

จะเรียกว่า . . . คิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก

ผมไม่ได้โทรบอกมัน . . .

. . . เพราะคาดหวังอยากให้มันแปลกใจเล่น ๆ กับการกลับมาของผม เพราะในวันสุดท้ายที่เจอกัน เป็นมันที่บอกให้ผมกลับมา ผมกลับมาด้วยความหวังว่า มันจะรอผม เหมือน ๆ ที่ผมคอยนับวันการกลับมาที่นี่อีกครั้ง

แต่ . . .

กลับเป็นผมเสียเองที่แปลกประหลาดใจ และหนาวสะทกสะท้านไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดแห่งบาดาลใจ

ลมหนาวระลอกนั้น . . .

. . . แช่หัวใจผมให้เย็นเยียบ . . .

เมื่อผมรับทราบข่าวของโก . . .

เด็กหนุ่มที่ผมหลงรักอย่างหมดหัวใจ คนที่บอกให้ผมกลับมาอีกครั้ง ผมกลับมาเพราะแอบหลงยึดในคำพูดของมัน คำพูดในวันสุดท้ายก่อนจากลา เสมือนหนึ่งคำมั่นสัญญา ที่ผมจะยึดถือเอาไว้

หากสิ่งที่ผมรับรู้แล้วทำให้หัวใจของผมเย็นเยียบดุจรัตติกาลอันมืดมิดและยาวนาน

. . . มันย้ายไปอยู่กินกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว

ผมเจ็บปวด . . .

. . . แววตาผมร้าวรวด . . .

หาก . . .

ผมต้องเก็บกลืนเอาความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ มันเป็นความเจ็บปวดของคนที่แอบรักคน ๆ นึง ความรักไม่ใช่สิ่งที่สวยงามแบบที่ผมวาดหวังเอาไว้ มันยังมีอะไรอีกมากมายในความรักที่ผมจะต้องเรียนรู้

ผมได้รับบทเรียนบทแรกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการ . . .

. . . แอบรัก

แล้วยิ่งเป็นความรักที่ไม่ใช่สมดุลแห่งธรรมชาติด้วยแล้ว มันยิ่งเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด ความรักที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากโลก ความรักที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ที่ถูกสาป

โลก . . .

สร้างกลางวัน . . .

. . . มาคู่กลางคืน

ให้ความสุข . . .

. . . และเรียนรู้ความทุกข์

ทุกสิ่งทุกอย่างมีคู่ของมันเสมอ เราไม่สามารถที่จะฝืนสิ่งที่มาเป็นคู่ได้ ผมควรยินดีกับคนที่ผมรักมิใช่หรือ?

โลก . . . สร้างผู้ชายมาคู่ผู้หญิง

ส่วนผม . . .มนุษย์ที่ถูกสาป ไม่รู้จักเพศตนเอง





ห้วงเวลาของอาทิตย์รอยต่อของปี . . .

สำหรับผม นานเหลือเกิน แต่ละเวลาที่ผ่านไป ทำไมมันช่างเชื่องช้า ทั้ง ๆ ที่เวลามันก็ดำเนินไปตามปกติของมัน สำหรับการเริ่มต้นของปีใหม่ ห้วงเวลาที่ทุกคนต่างเฉลิมฉลอง มีความสุข ให้รอยยิ้มแก่กัน สำหรับผมมันกลับเป็นเวลาที่ทรมานที่สุด ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้า ทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวเหน็บ น้ำค้างยอดหญ้าแทบแข็งตัว หากผมไม่รู้สึกรู้สากับอากาศรอบ ๆ ตัว ผมเอาตัวเองไปปะทะลมหนาว ราวกับจะทรมานตัวเอง อย่างน้อยที่สุด ผมจะได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะตรงกันข้าม . . .

ลมหนาวปะทะร่างกายราวเข็มแหลมที่แทงทิ่ม . . .

ผมประจักษ์แจ้ง . . .

. . . หนาวเหน็บจับหัวใจ

หาก . . . ผมไม่เคยจดจำ

เพราะในเวลาต่อมาอีกหลายปี ผมได้ลืมสิ่งที่ควรจะจดจำ ความเจ็บปวดที่เกิดจากความรัก เพราะเมื่อเวลามันผ่านไป ผมกลับลืมห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวดเหล่านั้นไปหมดสิ้น

คืนนั้น . . . รอยต่อของวันเกิดผม

ก่อนกลับกรุงเทพฯ ผมไปนั่งกินเบียร์ที่ร้านเดิม เบียร์เย็น ๆ ปะทะกับลมหนาวโชยเอื่อยยามหนาวสุดของปี สายลมที่พัดมาทำให้ผู้คนต่างสวมเสื้อผ้าหลายชั้น แต่ผมไม่กลัว ผมมีแค่กางเกงเลบาง ๆ กับเสื้อยืดราคาไม่ถึงร้อย ห่อหุ้มร่างกายของตัวผมเอง ส่วนหัวใจผมไร้สิ่งใดห่มห่อ

หนาวกายห่มผ้าจึงหายหนาว

. . . หนาวใจ . . .

ไร้หัวใจให้ไออุ่น มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลรดรินลงสู่ใจ คอยเป็นเสมือนความร้อนเล็ก ๆ ที่ไล่ความรู้สึกทั้งหมดที่เกาะกินก้อนเนื้อเท่ากำปั้นของผมเอาไว้

ผมจะต้องกลัวอะไรอีก . . .

ในเมื่อตอนมาโลดละลิ่วปลิวลม ด้วยหวังว่าปลายทางของที่นี่ ผมจะมีใครสักคนที่รอรับผมอยู่ มันเป็นปลายทางที่ผมวาดหวังเอาไว้ในมโนภาพแทบทั้งสิ้น เพราะในภาพของความเป็นจริงปลายทางของมันมีแต่ความว่างเปล่า . . .

ที่ปลายทาง . . .

. . . ไม่มีคนที่ผมวาดหวังยืนยิ้มรอผมอยู่

เบียร์หมดไปห้าขวด แต่ผมไม่เมา แค่อาการตึง ๆ เล็กน้อยเท่านั้น ผมนึกถึงตัวเอง ก่อนมาเริงร่า หวังว่าห้าวันนี้ผมจะได้เที่ยวกับมัน แม้มันจะไม่รู้ว่าหัวใจผมคิดอย่างไรกับมัน แต่ผมก็อยากให้มีมันอยู่ใกล้ ๆ

แค่คิด . . . ก็เจ็บปวด

ความฝันสวยงาม . . .

แต่ผมไม่เคยเอื้อมมือแตะต้องความฝันเหล่านั้นได้เลย สิ่งที่เป็นอยู่คือความจริง . . . ความจริงที่ผมรับรู้

. . . มันไม่ใช่คนตัวคนเดียวแบบเก่าก่อน . . .

ความจริงที่ผมได้รับ มันคือความจริงแท้ตามธรรมชาติ ผมควรจะยินดีกับคนที่ผมรัก มากกว่าถึงจะถูก อย่างน้อยที่สุด . . . ผมรู้จักความรักแล้ว

ในความรัก . . .

. . . มีทั้งสุขและทุกข์

มันระคนปนเปกันไป เหมือนหยินกับหยาง ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวมากที่สุด คือสิ่งที่ดีที่สุด และเลวร้ายที่สุดเหมือนกัน วันนี้ ผมจะดื่มให้เมา . . .





พรุ่งนี้ . . วันเกิดผม

ผมจะเดินสู่เส้นทางเดิมที่ผมจากมา

บางที . . .

. . . ที่ตรงนี้ . . .

เมืองเล็ก ๆ ที่ผมนั่งในเวลานี้ อาจเป็นแค่ที่พักระหว่างทาง ที่ผมแวะพัก ยิ้มกับคนที่แวะพักเหมือนกัน และเมื่อถึงเวลา ผมก็ต้องเดินไปตามถนนสายเดิมของผม ถนนที่ผมเดินมาก่อนหน้านี้ ก่อนมาเจอกับมัน

ถนนสายชีวิต . . . ที่ผมเองก็ไม่รู้จุดหมายปลายทาง

. . . ปลายทาง . . .

ว่างเปล่า . . .

. . . เฉกเช่นเคยเป็นมา

“แม่บอกผมว่าพี่อาร์มมาตั้งหลายวัน ไม่เจอหน้าเลย” เสียงมัน . . .

ผมจำได้เสียงทักจากด้านหลัง . . . โกเมศวร์

ผมหลับตารวบรวมความรู้สึกทั้งหมดที่มีในเวลานี้ ผมขอเวลาสักสามวินาที ขอเวลาปรับหัวใจให้เป็นปกติก่อน ขอเวลาให้ผมได้ตั้งตัวก่อน ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เก็บใบหน้าที่ร้าวลึกเพราะความเจ็บปวดเอาไว้

“มาก็ไม่ยอมแวะไปหาคนเรา ผมคอย” เสียงมันคล้ายตัดพ้อ เสียงของคนที่ผมอยากเจอ . . .

ผมคอย . . .

ช่างเจ็บลึกเข้าไปในหัวใจ ใครกันแน่ที่คอย เป็นมันดอกหรือที่คอย ไม่ใช่ผมใช่ไหม ผมอยู่มาสองเดือนเพื่อรอมันบอกคำนี้ใช่ไหม

หากแต่ . . .

เป็นผมหลบหน้ามันตลอดสี่วันก่อนที่ผ่านมา ผมไม่อยากเจอหน้ามัน การเจอกับโกเมศวร์ อาจนำความเจ็บปวดมาสู่ผมอีก ผมเลยเลี่ยงที่จะเจอ

ไฟ . . . ร้อน

ในเมื่อผมรู้ว่านั่นคือไฟ ที่ตรงนั้นมันร้อน ผมจะเดินเข้าไปเพื่ออะไร เพราะว่าผมรู้จักตัวเอง ผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะทนเห็นมันมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น

ผมเกลียดผู้หญิงคนนั้น . . . .

. . . เกลียด . . .

เกลียด . . .

เกลียดที่สุด ผมเกลียดทั้ง ๆ ที่เขาไม่ผิดอะไรเลย ทุกอย่างมันเป็นผมเองทั้งนั้นที่คิดไปเอง ผมแอบรักเขาเอง โดยที่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

“กินเบียร์มั้ย” ผมถามมัน ผมยิ้มให้ทั้ง ๆ ที่ในหัวใจของผมมีแต่ความเจ็บปวด แต่ผมจะให้มันรู้ได้อย่างไร

. . . ความรู้สึก . . .

ที่มันมีทั้งหมดในหัวใจของผม ผมต้องเก็บเอาไว้ ไม่บอกมันหรอก บอกมันไม่ได้ ผมใส่หน้ากากแห่งความสุขเพื่อคุยกับมัน ซ่อนโศกเอาไว้อย่างมิดชิด ก่อนหันไปส่งสัญญาณขอเบียร์อีกสองขวด

ลมหนาวโชยอ่อน . . .

อ่อนเหมือนกระแสหัวใจของผมตอนนี้ ทุก ๆ อย่างคล้ายหยุดนิ่ง ผมมองรอบ ๆ ตัวจดจำบรรยากาศของคืนหน้าหนาวที่ปายเอาไว้ ผมเก็บเกี่ยวสิ่งที่เห็นลงในหัวใจตัวเองอย่างช้า ๆ ด้วยหวังว่า

หาก . . . วันไหนผมคิดถึงปาย

ผมจะคิดถึงวันเวลาที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ วันเวลาที่ผมได้นั่งอยู่กับคนที่ผมรัก แม้มันจะเป็นความรักที่ต้องแอบเอาไว้ แต่ผมก็ยินดีที่จะให้เป็นไปแบบนั้น ไม่อยากให้มันได้รู้ ผมไม่อยากให้มันรักผมเพราะสงสารผม

หาก . . . มันอยากรักใครสักคน

ผมก็อยากให้มันได้รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่มันมี . . .

เพราะเมื่อใดที่มนุษย์เรารักด้วยหัวใจ มนุษย์จะถนอมความรักของหัวใจเอาไว้ เขาจะดูแลหัวใจของตัวเองเอาไว้ตราบนานเท่าที่หัวใจของเขายังมีรัก ผมเชื่อ ความรักห้ามกันไม่ได้ ขอให้คนอื่นมารักเราไม่ได้ มันเกิดมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจเราเองเท่านั้น

คืนนี้ . . .

. . . ผมจะนั่งดื่มกับมัน

ยิ้มให้มัน หัวเราะกับมัน เก็บเกี่ยวความสุข ความรักที่ผมมีทั้งหมด ผมจะจดจำทุก ๆ ห้วงเวลาในคืนนี้เอาไว้ มันจะเป็นความทรงจำที่ตราตรึงในหัวใจของผมไปตราบนานเท่านาน ว่าในเวลานึง ผมมีเวลาอยู่กับคนที่ผมรัก

คืนนี้ . . .

ผมจะบอกลามัน จะเอื้อนเอ่ยคำลาจากหัวใจของผม จะขอบคุณทุก ๆ อย่างที่ทำให้ผมยิ้มได้ ขอบคุณมันที่คอยพาผมตะรอนไปโน่นมานี่ ขอบคุณน้ำใจที่มันมีให้ผม และผมมจะขอโทษมัน ขอโทษที่หัวใจผมหลงรักมันมากกว่าสิ่งที่ควรจะเป็น

ผมรักมันมากกว่า . . . เพื่อน

. . . มากกว่าคำว่าพี่น้อง

หลังจากคืนนี้ . . .

ผมจะกลับไปสู่โลกแห่งความจริงของผม ที่เหมาะสมสำหรับผม ไม่ใช่ตรงนี้ โลกที่ผมเองก็รู้ว่า ผมกับมัน ไม่ได้เกิดมาคู่กัน คืนนี้ . . .

ผมจะจบความเจ็บปวดที่มีทั้งหมดในหัวใจของผม




มันมองหน้าผม คิ้วมันขมวดคล้ายมีคำถามในหัวใจ

หาก . . .

. . . ผมยิ้มอย่างเคย . . .

ใครอย่าวาดหวังเลย ว่าจะเจอความเจ็บปวดบนใบหน้า เมื่อผมก้าวขึ้นเวทีแสดงแล้ว ผมจะถอดหัวใจแสดงมันให้ดีที่สุดในชีวิต ละครฉากสุดท้ายก่อนที่จะรูดม่านอำลา จะเป็นโศกนาฏกรรมที่สวยงามที่สุด ผมแสดงมันด้วยใจของผมเอง ยิ้มอย่างที่อยากจะยิ้มให้มัน เป็นรอยยิ้มที่ผมเองก็ไม่รู้ว่า ผมยิ้มได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจผม มีแต่ความเศร้า

มันจะสังเกตผมมั้ย . . .

หัวใจผมร้องให้ ปานจะขาดใจ ผมรักมันนะ รักมันมากเสียด้วย แต่ครั้งนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้นั่งกับมันแบบนี้ เพราะปิดเทอมคราวหน้า

ผมอาจไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมาที่นี่อีกแล้ว . . .

ที่แห่งนี้ . . . ไม่ใช่ที่ของผม

“เอ้าชน” ผมยกขวดขึ้นมาตะแคง ค้างเอาไว้กลางอากาศ

มันมองหน้าผม คิ้วมันขมวดเข้าหากัน ผมซะอีกที่เป็นฝ่ายพยักหน้าให้มันเป็นสัญญาณว่า ชนแน่ ๆ มันยกขึ้นมาเอาคอขวดแตะกันเบา ๆ

“ใครไม่หมดเป็นหมา” ผมยิ้มให้มัน ก่อนกระดกสื่งที่อยู่ในขวด ผ่านลำคอลงไป มันขมขื่น แต่คงน้อยกว่าหัวใจที่ขื่นขมเป็นแน่ น้ำสีอำพันไหลผ่านลงไปจนหมดขวด ราวกับท่อน้ำแตก

เพียงแค่ชั่วครู่ . . . ขวดนั้นก็ว่างเปล่า

หน้าผมแดงก่ำ เพราะนั่งดื่มมาหลายขวดแล้ว ผมยิ้มได้มากกว่าเดิม เพราะอย่างน้อยตอนนี้ ผมไม่มีความสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ทั้งร้อย มันคงไม่ว่าหากคำพูดใด ๆ ที่ผมพูดออกมาจะจุดชนวนความรู้สึกอะไรบ้าง มันคงไม่ถือสาคำพูดของ . . . คนเมา

เมาเบียร์ . . .

. . . เมารัก

มันต้องคิดว่าผมเมาเบียร์

แต่สิ่งที่มันคิดอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เบียร์อาจสะกดให้ร่างกายผมอ่อนล้าลง ความรักต่างหากที่ทำให้ผมต้องมานั่งซดเบียร์ หากมันรู้จักผมสักนิด แค่นิดเดียวที่หัวใจของมันทอดมองมายังผม มันจะรู้ผมไม่ได้เมาเบียร์ อย่างที่เห็น แต่ผมเมาอย่างอื่นมากกว่า

ผมยิ้มเยาะกับมันเมื่อเห็นมันดื่มไปแค่เศษหนึ่งส่วนสามของขวด

“ได้แค่นี้เองเหรอ นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็อ่อน”

“ทำไมพี่กินเก่งจัง อกหักหรือ”

สายตามันจ้องผมเอาไว้ เหมือนจะรอคำตอบจากผม

ผมจะตอบมันได้อย่างไร จะตอบคำถามนี้ได้หรือ คำถามที่มันก๊ะน๊อคผมให้ตายคาเวทีเลยใช่มั้ย . . . ผมมองหน้ามันก่อนยิ้ม

แต่ . . .

เป็นรอยยิ้มที่เยาะหยันตัวเองนะ ทำไมผมต้องเกิดมาแล้วรักคนเพศเดียวกับผมด้วย ผมไม่เข้าใจทำไมผมถึงต้องถูกสาปให้เป็นแบบนี้ หากรักคือความเจ็บปวด ชาตินี้ไม่อยากมีมันแล้วล่ะความรัก

ถ้า . . .

ความรักเกิดจากพหรมลิขิต แบบที่คนเขาชอบพูดกัน ผมคงต้องกราบอ้อนวอนพระพหรม เทพเจ้าผู้ทรงลิขิตชีวิตมนุษย์ ผมกราบวิงวอนแทบบาทองค์ท่าน

ขอมีรักที่มันเป็นคนแรก . . .

. . . และ . . .

ขอให้มันเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะได้รักเถิด

“อกหักดีกว่ารักไม่เป็นว่ะ”

“เอาน่าพี่ . . . เดี๋ยวมันก็หายเอง”

“เหรอ . . . สงสัยยากว่ะ” ผมคว้าเบียร์ในมือมันมากระดกอีกรวดเดียวหมดไปอกขวด มันมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ เมื่อผมส่งสัญญาณขออีกสองจากเด็กเสริฟ

“เมาแล้วหายเหรอพี่”

“ดีกว่าตอนไม่เมาหน่อยนึง”

“เล่าให้ผมฟังได้มั้ยพี่”

“เล่าเรื่อง” ผมขมวดคิ้ว ทั้ง ๆ ที่รู้ในคำถามของมันดี แต่ผมจะให้มันรู้ได้อย่างไร เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะคุยกับคนบางคนเท่านั้น สำหรับเรื่องนี้ ไม่เหมาะที่จะคุยหรือพูดให้ใครฟังเสียด้วยซ้ำไป

“ใครทำพี่อกหัก”

ผมเงียบ . . . มองหน้ามัน

“ขอโทษพี่ ที่ถามแบบนั้น ที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว ผมแค่เป็นห่วงพี่ พี่อาร์ม ผมไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้เลยรู้มั้ย”

มันดึงเบียร์ทั้งสองที่เด็กเสิร์ฟเอามาวางไว้ ก่อนที่ผมจะคว้าเอาไว้ไดทัน . . .

ผมมองหน้ามัน . . .

“พอเหอะพี่ เมามากแล้ว”

“น่า ขอเมาคืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้ก็คงหาย” ผมยิ้มให้มัน

“แน่ใจเหรอพี่ พี่รู้ได้ไงว่าพรุ่งนี้มันจะหาย”

“เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะ ไม่อยากคุยเรื่องที่มันเศร้า ๆ ว่ะ”

“ก็ได้ . . . ผมบอกให้โทรมาก่อนวันไหนพี่จะมา จะไปรับ แล้วทำไมไม่โทรมา ไม่โทรมาคุยกันเลย พี่ผิดสัญญา”

ผมยิ้มให้มัน . . .

. . . คราวนี้ น้ำตาผมร่วง

ผมรีบปาดน้ำตาทิ้ง มันไม่ลืมที่มันบอกผมไว้ มันหลงคิดเอาเองว่าสิ่งที่มันพูดคือคำสัญญา คือสิ่งที่ผมต้องกระทำตาม มันขีดเส้นระหว่างมันกับผมเอาไว้แค่ไหน มีแต่มันที่รู้ แล้วเป็นผมเองต่างหากที่คิดไปเอง ผมรักมันเกินกว่าความสัมพันธ์ที่เรามี

หากวันนี้ . . .

มันเดินไปบนเส้นทางที่มันอยากเดิน มันเดินไปตามถนนสายชีวิตของมันเอง ผมควรจะยินดี จะยิ้มให้กับสิ่งที่มันเลือกมิใช่หรือ แล้วทำไมผมต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่มันเลือก หรือเพราะผมรักมัน อยากมีมันเอาไว้เพื่อเป็นของผม ทำไมผมไม่รักมันเพราะอยากรัก . . .

ผมจะไปโกรธมันได้อย่างไร . . .

เพราะผมเองที่หลงใหลไปกับมัน . . . ผมแอบรักมัน ผมก็ต้องทนรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เอง

“เออ ขอโทษ”

“แล้วพี่อยู่กี่วัน พรุ่งนี้ไปห้วยน้ำดังกันมั้ยพี่ ผมต้องขับรถพาฝรั่งไปค้างสองคืน ไปกันนะพี่ ห้วยน้ำดังสวย ไปกางเต็นท์นอนกัน”

“กลับพรุ่งนี้แล้ว”

“อ้าว เพิ่งเจอแปบเดียวเองจะกลับแล้วเหรอ เสียดายจัง อยากให้พี่ไปเที่ยวห้วยน้ำดังด้วยกันก่อน ผมตามหาพี่เสียทั่วเลยตั้งแต่บ่าย ที่แม่บอกว่าต้องไปห้วยน้ำดัง ไม่ลองไปชวนพี่อาร์มด้วยล่ะ ผมนึกว่าแม่อำเสียอีกว่าพี่มา นะพี่อาร์มนะ อยู่ต่อสักสองวัน แล้วค่อยกลับไม่ได้เหรอ” มันต่อรองมองหน้าผม แววตามันที่มองมา

มันเสียดายอย่างนั้นหรือ ?

แปบเดียว . . .

. . . แต่เจ็บเจียนตายแล้วไอ้โกเอ้ย

“ไม่ได้หรอก มหาวิทยาลัยเปิดเรียน ไม่อยากขาดเรียน” ผมไม่ได้ปดมันหรอก เพราะว่ามหาวิทยาลัยเปิดเรียนจริง ๆ หากแต่ความตั้งใจเดิมผมอยากจะขาดเรียนเสียด้วยซ้ำ

“ถ้างั้น . . . พรุ่งนี้ผมไปส่งพี่ก่อน เพราะกว่าจะไปห้วยน้ำดังก็เกือบเที่ยง พี่จะเข้ากรุงเทพฯ เลยหรือ”

“ก็จะแวะบ้านที่เชียงใหม่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่บ่น มาเป็นลูกปายไปแล้ว ไม่ค่อยแวะที่บ้าน”

“เหอะ ๆ ๆ หลงเสน่ห์ปายหรือหลงเสน่ห์เด็กปาย”

ไอ้หอกเอ้ย . . . อย่าย้ำมาก

“หลงทางมากกว่าว่ะ อย่าพูดถึงมันเลย” ผมตัดบท

“เอ้างั้นให้อีกขวด ไหน ๆ ก็จะกลับแล้ว” มันผลักขวดสีน้ำตาลสัญลักษณ์เจ้าป่า ที่มันยึดเอาไว้ตั้งแต่แรกมาให้ผม

ผมหยิบมันมาตะแคงขวดก่อนชนกับมันอีกรอบ . . .

“โก กลับบ้านได้แล้ว” เสียงที่ดังจากด้านหลัง แหลมสูง คล้ายออกคำสั่ง ผมมองหน้ามัน สีหน้ามันเหมือนเกรง ๆ

“เดี๋ยวกลับ อีกแปบ”

“ไม่ต้องเดี๋ยวเลย กลับเดี๋ยวนี้”

ผมยิ้ม . . . .

เข้าใจดี ผมไม่แม้ที่จะหันไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เจ้าของเสียงนั้น ไม่ใช่คนอื่นไกล คนที่ผมเกลียด . . . ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ผิด

“ไปเหอะไป๊ อายคนอื่นเขา” ผมโบกมือไล่มัน

มันมองมาที่ผม ผมยิ้มให้มันนิดนึง . . .

ผมนะเข้าใจมันดี ตอนนี้มันไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกแล้ว มันมีพันธะแล้ว ไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นคนที่เรารักออกไปไหนมาไหนดึก ๆ ดื่น ๆ เวลาแบบนี้ อากาศแบบนี้ คือเวลาที่คนสองคนควรอยู่ด้วยกันมิใช่หรือ

ห่วง . . .

ที่ไอ้โกมันผูกเอาไว้ . . . มันต้องหาทางสลัดห่วงที่มันผูกเอาไว้เอง ไม่มีใครหรอกที่จะช่วยมันได้ ในเมื่อมันเลือกเส้นทางของมันเอง

ผมได้แต่มองมันด้วยความเสียดาย . . .

อายุมันยังน้อย น้อยเหลือเกิน หากมันอยู่ในกรุงเทพฯ มันคงยังอยู่ในชุดนักศึกษา มันยังมีโอกาสเจออะไรอีกมาก โลกมิได้มีแค่สิ่งที่มันเจออยู่ตอนนี้ น่าเสียดายเหลือเกิน . . .

ที่มันเลือกจบอนาคตของมันกับผู้หญิงแบบนี้ . . .

. . . ผู้หญิงบาร์เบียร์

ผมจ้องหน้ามัน . . .

มันเหมือนมีอะไรจะบอกผม ผมส่ายหน้าห้ามไม่ให้มันพูดอะไรอีก แล้วมันก็ลุกขึ้น สายตามันคล้ายตัดพ้อผม

“พรุ่งนี้ผมไปส่งนะพี่”

“อือ”

“รอผมด้วยนะพี่ รอผมก่อน” แววตามันเหมือนมีอะไรในใจ แค่แวบเดียวเท่านั้นที่ผมสัมผัสได้ ก่อนที่มันจะเดินจากไปแล้ว

มันจากไปแล้ว . . . .

ทิ้งผมอยู่กับขวดเบียร์ ผมมองเบียร์ที่เหลืออีกขวดของมัน ก่อนกระดกขึ้นอีกครั้ง บางทีทางที่ผมเลือกอาจเป็นทางที่ดีสำหรับผมเอง วันนี้ผมรักมันมากกว่าตัวเอง มากกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมี

พรุ่งนี้ . . . ผมคงมีความสุขมากกว่าวันนี้

ผมจะรักตัวเองให้มากกว่ารักคนอื่น พรุ่งนี้ผมอาจเดินไปบนเส้นทางที่ถูกที่ควร วันพรุ่งนี้ของผมจะสวยงาม และเป็นวันที่เริ่มชีวิตใหม่ของผม






เช้าวันที่ ๔ มกราคม . . .


ผมตื่นเช้ากว่าทุก ๆ ครั้ง ทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวเหน็บจนผมต้องคอยเอาสองแขนมากอดตัวเองเอาไว้บ่อยครั้ง บางคราวก็เอาฝ่ามือสองมือถูกันไปมา ก่อนเอามาแนบแก้ม ไล่ความหนาวเหน็บเพียงครู่ยาม ความจริงบรรยากาศแบบนี้ ผมน่าจะนอนอีกสักสองชั่วโมง แต่ผมตั้งใจเอาไว้ ผมจะไปให้ทันรถเที่ยวแรก . . .

ผมไม่อยากเจอมัน . . .

ผมคงยังไม่แกร่งพอที่จะเห็นหน้ามัน . . . ผมไม่อยากจบกับมันด้วยการจากลา หากมันมาส่ง . . .

ผมจะกลั้นน้ำตาไว้ไหวหรือ . . .

รถเมล์แดงคันเล็ก ๆ เข้ามาจอดเทียบ . . . ผมหันไปมองถนนเส้นนั้นอีกครั้งราวสั่งลา น้ำตาเอ่อ หัวใจมันวังเวง จากวันนี้ต่อไป

ถนนสายนี้ . . .

. . . คงไม่มีมันอีกแล้ว

รถเที่ยวเช้าในฤดูหนาวแบบนี้แทบไม่มีผู้คน ผมเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง . . .

ปล่อยลมหนาวมาปะทะใบหน้า ให้ใบหน้ามันชา ให้ชาเท่า ๆ กับหัวใจ ละอองน้ำค้างจากไอหมอก ปะทะผิวหน้าหนาวสะท้านไปถึงส่วนลึกสุดในหัวอก

น้ำค้าง . . .

. . . ผสมน้ำตา

น้ำตาที่ผมเองพยายามสะกดมันเอาไว้ มันเจ็บปวดอย่างไรไม่รู้ เหมือนหัวใจจะแยกออกเป็นสองส่วน เมื่อคิดว่าต้องจากมันจริง ๆ

“พี่อาร์ม พี่อาร์ม” เสียงเรียกในขณะที่รถวิ่ง ใครเคยนั่งจะรู้ รถหวานเย็นวิ่งช้า ๆ จอดทุกแห่งที่มีคนโบก

ผมมองออกไปข้าง ๆ หน้าต่าง คนที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไล่ตามมา . . .

. . .โกเมศวร์

“ไหนบอกกลับเที่ยวเดิมไง ผมไปหาน้าปู แกบอกพี่ออกมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ทำไมพี่ไม่รอผม เมื่อคืนผมบอกให้พี่รอผมไง” มันตะโกนบิดรถไล่รถที่ผมนั่งแค่ไม่กี่เมตร

รอผม . . .

มันเสียดเข้าไปในหัวใจ น้ำตาผมเอ่อ

. . . ผมนี่หรือไม่รอมัน . . .

มันต่างหากที่ทิ้งผมไป มันทิ้งผมไปแล้ว มันไปเดินบนถนนของมัน ถนนที่มันเลือก เส้นทางของมัน เคยมีผมหรือ ผมอาจแค่คนผ่านมา ที่แวะพักยามเหนื่อยอ่อน หันไปยิ้มกับคนที่เป็นเจ้าของถนน แล้วผมก็ต้องจากลา . . .

เพราะผม . . .

. . . มีถนนของผมเอง

ถนนสายหัวใจของผม . . .

. . . ไม่มีวันมาบรรจบกับถนนสายหัวใจของโกเมศวร์ . . .

“เดี๋ยวไม่ทันรถที่เชียงใหม่ . . . “ ผมตะโกนโกหกมัน

“สุขสันต์วันเกิดนะพี่ มีความสุขมาก ๆ นะพี่” มันบิดรถเครื่องมาเทียบกับรถที่ผมนั่งเมื่อจอดรับคนโดยสารชาวเขาที่มีสัมภาระกองใหญ่

“ขอบใจ” ผมยิ้มทั้งน้ำตา มันจำวันเกิดผมได้ . . .

นี่แหละ !

ที่ผมตัดสินใจมาที่นี่อีกครั้ง . . . ผมอยากอยู่กับคนที่ผมรักในวันเกิดของผม วันเกิดผมหลังปีใหม่ไม่กี่วัน . . .

“ผมให้พี่ . . .” มันยื่นสร้อยหนังที่ถักเอาไว้อย่างสวยงาม ห้อยจี้พระนักบุญแห่งล้านนา โกเมศวร์ ยิ้มพยักหน้าให้ผมรับเอาไว้

“. . . ปิดเทอมมาอีกนะพี่”

ผมยื่นมือออกไปรับ . . . สายสัมพันธ์มันไม่จบ

ไม่จบแบบที่ผมตั้งใจไว้แน่ ๆ ในเมื่อตอนนี้ที่ในมือผม มีสิ่งแทนใจของคนที่ผมรัก ผมกำสิ่งที่รับมาจากมือของมันเอาไว้แน่น นี่คือของขวัญชิ้นแรกจากคนที่ผมรัก ผมหวงและจะเก็บมันเอาไว้ไปจนลมหายใจสุดท้ายของผม

ผมมองหน้ามัน . . .

. . . ปิดเทอมมาอีกนะ . . .

มาให้เจ็บหัวใจอย่างนั้นหรือ ผมได้แต่ยิ้ม แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว ผมคงไม่สามารถยืนบนโลกนี้ได้อีก หากมาคราวหน้าเมียมันเกิดอุ้มท้อง ผมจะยิ้มกับมันได้อีกหรือ ผมจะคุยกับมันแบบที่ผมคุยตอนนี้หรือ

ถ้าหากว่า . . .

ความรัก หมายถึง ความเจ็บปวดตลอดชีวิต

ผมจะยังอยากรักอยู่อีกหรือ?

“ไม่รู้เหมือนกัน ปีหน้าจะจบแล้วพี่อาจต้องลงเรียนซัมเมอร์”

“ไม่เรียนไม่ได้หรือ ไม่รู้ล่ะ ผมอยากให้พี่มานะพี่ สัญญาสิพี่ ว่าพี่จะกลับมาหาผม พี่มาคราวหน้าผมจะพาไปปางอุ๋ง” มันร้องบอก เมื่อรถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกอีกครั้ง

“กลับไปเหอะ . . . ต้องไปห้วยน้ำดังไม่ใช่หรือ” ผมตะโกนบอก เมื่อเห็นมันยังดื้อดึงที่ขับตามมา

“ไม่กลับ ถ้าพี่ไม่สัญญาว่าจะกลับมา ผมจะขับไปแบบนี้แหละ น้ำมันหมดเมื่อไหร่ค่อยเข็นกลับ” มันดื้อตาใส

ผมไม่เคยคิดคนอย่างมันจะดื้อได้ขนาดนี้ . . .

“เออ ๆ มา ๆ ปิดเทอมมจะกลับมา” ผมตัดบท สงสารมัน เพราะถนนเส้นนี้มีแต่โค้งกับเขาทั้งนั้น

“สัญญาแล้วนะพี่ ถึงกรุงเทพฯ โทรหาผมด้วยนะ ผมจะคอย อย่าลืมนะพี่อาร์ม ต้องโทรมานะ ผมจะคอย” มันตะโกน มันโบกมือให้ผม

ผมยิ้ม . . .

. . . ทั้ง ๆ ที่หัวใจผมมันยับเยิน

ความรู้สึกของมัน . . .

. . . ผมอาจเป็นพี่ชายที่แสนดี เป็นคนที่คอยห่วงมันสารพัด คอยสอนมัน บอกมันถึงการอยู่ต่อไปบนโลก . . .

ส่วนผม . . . รักมันเกินน้องไปแล้ว

ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตามันไหลไปตลอดทาง ให้มันไหลออกมาให้สาสมกับความโง่งี่เง่าของตัวเอง

อย่างน้อย . . . สิ่งที่โกทำ

. . . ความรักพิสุทธิ์ล้ำ . . .

มันรักผม ความรักที่มันมีให้ผม มาจากหัวใจของคน ๆ นึงที่พึงจะรักใครอีกคนได้ คนที่เป็นเหมือนต้นแบบของมันแต่ . . . เป็นรักที่ไม่ใช่เซ็กส์

รักมันกับผม แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง . . .





Create Date : 07 ธันวาคม 2552
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 19:29:34 น. 1 comments
Counter : 637 Pageviews.

 
มาอ่านเรื่อง ปาย ชอบคำว่า "เมารัก" คุณโรแมนติกใช่ได้นะ


โดย: ชายเอ ทุ่งรังสิต วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:20:44:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นนท์ปวิชญ์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นนท์ปวิชญ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.