Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
[ FD 3182 ] รั ก ฤ ๅ ผู ก พั น ฯ # ๓ ๘ #

**คำเตือน**




เรื่องนี้ . . .





เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิงเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับบุคล หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในบรรณภิภพนี้ ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างมากถึงมากที่สุด



ปล. เป็นเรื่องแต่งมิได้เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อ เจ้าของบล๊อก







ต อ น ที่ ๓ ๘





. . . เธอได้สอนให้รู้ว่า ว่าความผูกพันมันซื้อความรักไม่ได้ ไม่ใช่คนที่ฝันผูกพันแค่ไหน คงยังไม่ใช่ ผิดที่ใจหวังได้ความรักเธอ . . .

ผมกลับมาเมืองไทย . . .

. . . เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน

วันเดียวกันกับที่ผมได้ดูแก้มร้องเพลงนี้บนเวทีเดอะสตาร์ ผมได้ฟังเพลงข้างบน นั่นมันทำให้ผมยิ้ม ยิ้มแรกในรอบสามปี เพลงที่มันโดนหัวใจผมเข้าอย่างจัง . . .

เกือบสองปีที่ผมจากแผ่นดินแม่ ผมไม่เคยได้อยู่บนแผ่นดินแม่มากกว่าสามสิบชั่วโมงเลยสักครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ หลายวันแล้วที่ผมได้อยู่ในแผ่นดินที่ผมรัก ที่ครั้งนึงผมเคยหนี . . .

หนีหัวใจตัวเอง . . .

. . . ตลกชะมัด คนเพียงคนเดียวเปลี่ยนชีวิตผมได้ขนาดนี้ เปลี่ยนทุก ๆ อย่างที่ผมมีและผมเป็น และยิ่งตลกหนักไปอีก . . .

วันนี้ . . .

ผมเจอกับมัน . . .

“พี่อาร์ม ไปอยู่ไหนมา” มันเดินเข้ามาทัก ในขณะที่ผมนั่งรอเพื่อนที่ทรูคอฟฟี่ เซ็นทรัลลาดพร้าว

ผมหันไปตามเสียงเรียกทักทาย . . .

หน้าตามันเหมือนเดิม ไม่มีรอยยิ้ม ใคร ๆ ก็บอกมันนะเสือยิ้มยาก แต่เวลามันยิ้ม หน้าตามันจะทะลึ่งขึ้นมา เพียงแต่หน้ามันหมอง ๆ ไม่ค่อยสดชื่นเหมือนเคย




ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ มองหน้ามันแค่แว๊บเดียว

แว๊บเดียวเท่านั้น แต่มันสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดในหัวใจของผมอย่างบอกไม่ถูก จะว่าดีใจก็ไม่ใช่ จะเสียใจก็ไม่เชิง ความรู้สึกผมนะหรือ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่เจอมัน ผมได้แต่เงียบก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ในขณะที่มันถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างตรงกันข้ามกับผม

มึงจะถามกูสักคำมั้ยว่าเต็มใจให้มึงนั่งมั้ย . . .

แต่ . . .

. . . ช่างมันเหอะ

เพราะร้านนี้ไม่ใช่บ้านผม ร้านมีไว้ต้อนรับแขก ใครอยากนั่งตรงไหนช่างมันเหอะ ในเมื่อตอนนี้หัวใจของผม ผมพยายามกดให้หัวใจตัวเองนิ่ง ต่อให้ใครมาก่อกวนหัวใจมันก็คงไม่มีประโยชน์อันใดหรอก เพราะชีวิตของผมตอนนี้ มีแต่งาน . . .

“เฮ้ย ไอ้อาร์ม โทษทีว่ะรถติด” ไอ้โอ๋เพื่อนสนิทที่สุดของผมมันกระหืดกระหอบมา ก่อนมานั่งแหมะใกล้ผม

“พี่โอ๋ หวัดดีครับ” ไอ้เสือยิ้มยาก มันยกมือไหว้เพื่อนผม

“อ้าว โก มานานยัง”

มานานยัง . . .

. . . มันทำให้ผมพอจะปะติดป่ะต่อเรื่องราวออก ผมหันไปมองหน้าไอ้เพื่อนรัก มีแววว่างานนี้จะนองเลือดซะล่ะมั้ง

“น้องมันโทรหากู กูบอกว่านัดมึงไว้ที่นี่ โทษทีไม่ได้บอก” มันยิ้มแหยง ๆ

“โอเค งั้นมึงคุยธุระให้เสร็จ เดี๋ยวกูเดินเล่นก่อน” ผมลุกจากร้านในทันที ไม่ฟังคำร้องเรียกของใครทั้งนั้น

“พี่จะหนีไปจนตายไม่ได้หรอก ยังไงผมก็ต้องเจอพี่อยู่ดี”

เสียงมันก้องอยู่ในหัว ไอ้หัวใจที่ผมคิดว่าแกร่งพอแล้ว มันคล้ายมีไฟมากระตุก นี่ผมเข้มแข็งจริงหรือ หรือว่าแท้จริงแล้ว ผมกำลังสร้างปมขึ้นมาเพื่อกลบความรู้สึกตัวเอง ผมรู้ตัวเองดี ผมไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอะไรมากมาย และออกจะเป็นคนที่ใจอ่อนเสียด้วยซ้ำ

แต่ . . .

. . . ผมจะไม่มีวันเอาตัวเองไปเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว

มันผ่านมาแล้ว . . .

ตอนนี้ . . . ผมแกร่งกว่าวันที่มันฝากความเจ็บปวดเอาไว้ เวลามันเยียวยาให้ผมใจเย็นขึ้น ให้อภัย . . .

อภัย . . .




. . . ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องมาเดินร่วมกับมันอีกนี่ครับ

ผมเสียน้ำตามามากแล้ว มากพอที่ผมจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับคนแบบนั้นอีกแล้ว ผมเดินจากร้านทรูคอฟฟี่ มานั่งที่ร้านสตาร์บัค ในชั้นเดียวกัน ผมแค่ไม่อยากเจอหน้ามัน . . .

หรือ . . .

. . . บางที

มันอาจจะเป็นคนเดียวที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจของผม . . .

หัวใจที่ผมรู้สึกเย็นเยียบ . . . เงียบเหงา ตลอดระยะเวลาเกือบสามปีที่ผ่านมา ผมพยายามสลัดความรู้สึกเก่า ๆ ทิ้ง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เราเดินมาไกล . . .

. . . ไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเดินเส้นทางเดิมอีกแล้ว

รักแรก . . .

. . . มันฝังใจ

แต่ . . . คนที่ทำให้ลืมรักแรกได้ต่างหาก ที่เราต้องรัก แล้วมีใครทำให้ผมลืมรักแรกได้กระนั้นหรือ

ผมได้แต่ยิ้มหยัน ๆ ตัวเอง ผมลืมได้ง่ายขนาดนั้นหรือ ถ้าผมลืมได้ ผมจะต้องหนีไปไกลขนาดนั้นหรือ . . .

“มึงจะเปลี่ยนร้านหาหอกอะไรว่ะ” ไอ้เพื่อนรัก เพื่อนคนเดียวที่ผมติดต่ออยู่เดินมานั่งลงตรงกันข้าม

“ถ้าจะนัดซ้อนบอกกู กูจะได้ไม่ต้องมา”

“เอ้า มึงทำยังกับมันเป็นคนอื่น” ไอ้เพื่อนรักนี่ มันเหมือนจะรู้ทุกเรื่องของผมด้วยซ้ำ

ผมมองหน้ามัน . . .

ผมรู้ มันหวังดีกับผม ในเวลาที่ผมเจ็บปวดแทบตาย มีมันนี่แหละที่อยู่ข้าง ๆ ผม มันไม่เคยทิ้งผมไปไหน ข้อดีของมันมาก มากพอที่ผมไม่เคยโกรธมันเลยสักครั้งเดียว

“คนอื่น” ผมจ้องหน้ามัน

“มันเป็นน้อง”

“ไม่ใช่ ระหว่างมันกับกู ไม่มีความผูกพันทางสายเลือด เพราะฉะนั้นมันกับกูก็เหมือนคนอื่นไปแล้ว” ผมไม่หลบสายตาเพื่อนรัก

เพราะผมคิดว่าผมคงเข้มแข็งพอ เรื่องที่มันผ่านมาแล้ว สำหรับผม มันก็แค่ความทรงจำ . . .

ผมไม่กอดความทรงจำไปจนตาย . . .

. . . เพราะผมเจ็บแล้วจำ




“แล้วมึงจะกลับไปบินอีกเมื่อไหร่” ไอ้โอ๋เพื่อนรักคงเห็นสถานการณ์ตึงเครียด มันเลยเปลี่ยนเรื่องคุย

“อาทิตย์หน้า ก็คัมโฮมสองอาทิตย์”

“ไปหาหลวงพ่อมายัง” มันหมายถึงญาติคนเดียวของผมที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมพยักหน้ารับ

“แล้วหลวงพ่อว่างัย”

“เรื่องอะไร หลวงพ่อจะว่าอะไร” ผมงง ไม่เข้าใจ

“กลับมาเมืองไทย” มันเอื้อมมือมาหยิบกาแฟผมไปกินเฉยเลย ไอ้เพื่อนเลว

“ก็สัญญาจะกลับทุกคัมโฮม”

“กูหมายถึงว่ากลับมาอยู่ถาวร”

“แล้วกูจะเอาอะไรแดกเข้าไป ทำงานสายการบินห้าดาว กลับมาทีจีไม่รับหรอก โน่นต้องไปเมกา” ผมหลุดบอกมันไป

“ไอ้เหี้ย ไกลหนักไปอีก”

“เออวะ ส่งรีซูเม่ ไปแล้วด้วย รอเขาสัมภาษณ์ ถ้าวุ่นวายกับชีวิตกูอีก คราวนี้จะไปอยู่นรกแล้ว ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยเกินพอแล้วว่ะเพื่อน” ผมสารภาพกับมันเสียงอ่อย

“ไอ้อาร์ม อย่ามาตีฝีปาก”

“กูพูดจริง กูเหนื่อย”

“มึงจะพอใจและหยุดเมื่อไหร่”

“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เงินมันสำคัญเสมอ และคนที่ไร้ญาติแบบกรู ต้องเก็บเงินเอาไว้ให้มากที่สุด วันข้างหน้าจะเป็นยังไงเราไม่รู้ อาชีพแบบกรู อีกไม่กี่ปีเขาก็ไม่ให้บินแล้ว”

“มึงจะไปเมกาจริงหรือ มึงจะหนีไอ้โกอีกหรือ”

ผมมองหน้ามัน ไอ้เพื่อนที่ผมรักมากที่สุด เพื่อนคนแรกที่ผมกัดฟันบอกมันว่าผมเป็นเกย์ แต่มันก็ยิ้มรับ ไม่รังเกียจผม แบบที่ผมเคยคิด

“ไม่หนี จะหนีทำไม กูกับมันจบกันนานแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องปฎิสัมพันธ์กันอีก ชีวิตของใครก็ของคนนั้น” ในขณะที่หัวใจผมมันบอกว่าจบไปแล้ว

“อีกคำถามยังไม่ได้ตอบ”

“อะไรอีก”

“จะไปเมกาจริงหรือ”

ผมมองหน้ามัน เพื่อนที่ผมรัก คนที่รักผมและห่วงผม แววตามันร้อนรนรอคำตอบ ผมหลบสายตามัน เพราะรู้ดีว่าตำเองไม่เข้มแข็งพอ ก่อนพยักหน้ารับช้า ๆ




“ปากบอกไม่รัก คนไม่รัก เขาไม่หนีหรอก เขาต้องอยู่สู้หน้า อย่างมึงนะ ปากแข็งใจอ่อนไอ้สัสอาร์ม มึงยอมรับเหอะว่ายังไงมึงก็ยังรักมันยังลืมมันไม่ได้”

“เออ แล้วไง ลืมไม่ได้แล้วไง”

ผมบอกมันมองหน้ามัน ผมลืมไม่ได้ หรือแท้จริงแล้วผมไม่เคยลืมมันเลยต่างหาก มีหลายครั้งที่ผมฝันถึงมันบ่อย ๆ

ความฝัน . . .

. . . มันอาจเกิดจากมโนสำนึกของหัวใจ

หาก . . . เป็นแบบนั้น

มันก็คงยังอยู่ในหัวใจผมตลอดเวลา เพียงแต่ว่าผมไม่กล้าที่จะยอมรับกับความเป็นจริง หรืออาจเพราะว่าความเป็นจริงมันโหดร้าย เกินกว่าที่เราจะรับสภาพมันได้

“มันอยากคุยกับมึง”

“แต่กูไม่มีอะไรจะคุย จบแล้วไอ้โอ๋ มึงไม่เข้าใจหรือว่าจบแล้ว”

“มึงไม่ให้โอกาสมันพูดบ้างล่ะว้า”

“กูเคยให้มันพูด ในวันที่กูอยากฟังมากที่สุดมันไม่พูด วันนี้ กูไม่มีอะไรที่อยากฟัง ถึงมันจะมานั่งพูด นั่งร้องไห้ต่อหน้ากู กูก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะพูดกับมัน กูขอร้อเหอะไอ้เพื่อนรัก ถ้ารักกูจริง อย่าให้กูกลับไปเจ็บแบบที่มึงเคยเห็นอีกเลย” ความเจ็บมื่อสองปีก่อน ผมจำได้ดี

ผมไม่ลืม เจ็บแล้วต้องจำสิ . . .

“มันตามหามึงมาตลอดสองปี มันพยายามเข้าใกล้มึง มันไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกอาร์ม มันถามกูตลอดว่ามึงอยู่ที่ไหน”

ผมมองหน้าเพื่อนรัก . . .

ข้อมูลใหม่ที่ผมคิดว่า หูผมคงฝาด หรือไม่ไอ้เพื่อนรักอาจจะสติเลอะเลือนจำความผิดก็เป็นได้ แต่แววตามันจริงจัง ผมคบกับมันมากว่าครึ่งชีวิต เรื่องไหนมันพูดเล่นหรือพูดเล่นผมพอดูออก

“มึงก็เลยบอกมันไปงั้นสิว่ากูอยู่ที่ไหน”

ดูเหมือนแววตามันจะพอใจ ที่ผมต่อเรื่องกับมันอีก อย่างน้อยมันอาจคิดว่า ผมสนใจที่จะรับรู้รับฟัง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมแค่อยากรู้ ว่ามันจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมได้มากขนาดไหนต่างหาก

สัญญา . . .

. . . ที่จะไม่บอกกับใครทั้งนั้นว่าผมอยู่โดฮา

“กูบอกแค่ตะวันออกกลาง”




“สัสเอ้ย โง่เองไอ้อาร์ม ก็ยังดีที่ไม่บอกว่าอยู่บนแผ่นดินเบดูอินเก่า”

“อาร์ม ไอ้โกมันรอมึงอยู่หน้าร้าน นานแล้วนะ”

“ไอ้โอ๋ กูบอกแล้วว่ากูไม่อยากเจ็บอีก ถ้ามึงอยากเห็นกูคัมโฮมคราวหน้า กูขอร้องมึงเลยนะ อย่าพูดเรื่องนี้กันอีก ไม่อย่างนั้นกูไม่กลับ” ผมเอาไม้ตายขู่มัน

จะว่าขู่ก็ไม่ถูก ในเมื่อสองปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าผมไม่ได้คัมโฮมอีกเลย . . .

ผมมีเวลาอยู่เมืองไทยไม่เคยเกินสามสิบชั่วโมงทุกครั้งที่บินเข้าเมืองไทย มันเป็นเวลาอันน้อยนิด และยุ่งเหยิงพอที่ผมไม่มีโอกาสพบปะกับใคร

“มึงนี่บทใจแข็งขึ้นมานี่ ใครก็ง้างไม่ออกสิน่า” ไอ้เพื่อนรักมันยอม มันยอมผม

ผมยิ้มให้มัน . . .

. . . ผมไม่ได้ใจแข็งอะไรมากมายนักหรอก

ผมยอมรับลึก ๆ แล้วผมรู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนรักมันบอกผมว่าไอ้โกตามหาผมมาตลอดสองปี คนนิสัยอย่างไอ้โกนี่นะจะตามหาผม มันค่อนข้างแปลกไปหน่อยสำหรับผม

หรือมัน . . .

. . . จะรู้จักผมจริง ๆ

คนอย่างผมรักใครรักจริง . . .

. . . รักจนตาย

เพียงแต่ผมคิดเสมอ . . .

. . . คนที่รักกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน บางที แค่เรารู้ว่าเรามีคนที่เรารัก มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ . . .

ผมอยู่ได้ . . . โดยไม่มีคนที่ผมรัก

แต่ผมก็ดีใจ . . .

. . . ที่ผมมีคนที่ผมรัก

อย่างน้อยที่สุดในชีวิตนี้ ผมยังรู้จักความรัก แม้ว่ามันจะผสมปนเปกับหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างก็เหอะ แต่สำหรับผมแล้ว ความรักมันคือส่วนผสมหลากหลายอย่าง

สุข . . . รอยยิ้ม

. . . คิดถึง . . . ห่วงหา

อาทร . . . แบ่งปัน

และ . . . น้ำตา

ส่วนผสมทั้งหมดนี้แหละคือ . . .

. . . ความรัก ในมุมมองของผม




“พี่อาร์มผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่ พี่จะหยุดฟังผมพูดสักนิดได้ไหมพี่อาร์ม” มันเดินมานั่งใกล้ ๆ ไอ้โอ๋ ท่าทางมันเอาจริง มันพูดเสียงค่อนข้างดัง

คนรอบ ๆ หยุดหันมามองแวบนึง . . .

. . .ผมเหรอ

นิ่งครับ . . . ไม่เคยคิดมันจะกล้า คนอย่างมันปฏิเสธผมมาตลอด มันยืนกรานมาเสมอ . . . รักเหมือนพี่

ผมเองที่คิดไปเอง . . . กระทำไปเองฝ่ายเดียว

“ผมขอโทษ” มันมองหน้าผม

ผมยิ้มให้มัน . . .

. . . เป็นรอยยิ้มที่ผมคิดว่าอ่อนโยนที่สุดแล้ว สิ่งที่ผมอยากได้ยินจากมันมาตลอดโดยที่ผมไม่ต้องร้องขอ วันนี้ผมได้ยินด้วยสองหูของผมเอง ผมเคยบอกมันเสมอ คนเราถ้ากล้าทำผิด เราก็ควรกล้าที่จะยอมรับสิ่งที่เรากระทำ

ขอโทษ . . .

. . . พูดไม่ยากหรอก แค่เราใส่ความรู้สึกผิดลงไปในหัวใจ คำพูดนั้นมันจะอ่อนโยนคนได้ยินเอง

“กลับก่อนนะโว้ยไอ้โอ๋” ผมลุกขึ้น

“พี่อาร์ม” มันจับข้อมือผมเอาไว้ ผมได้แต่มองมือที่มันจับผมเอาไว้

หาก . . . มันทำแบบนี้ก่อนหน้านี้สักสองปี ผมคงดึงมันมากอดเอาไว้ แต่วันนี้ หัวใจผมมันเจ็บปวด ด้านชาเกินกว่าความรู้สึกใด ๆ จะเข้ามาทลายมันลงได้ง่าย ๆ

“ผมรู้ว่าผมผิด ผิดมาก แต่ใครไม่รู้เคยบอกผม ความรักที่ไม่รู้จักให้อภัยยังเรียกว่าความรักได้หรือ” มันย้อนผม

มันเอาคำที่ผมเคยพูดกับมันมาย้อนผม

. . . ผมได้แต่ยืนนิ่ง ความรู้สึกบางอย่างมันปั่นป่วนอยู่ข้างใน นี่ผมกำลังต่อสู้อยู่กับอะไรหว่า ทำไมมันยากอย่างนี้ ความรู้สึกก่อนหน้าที่จะมากลับเมืองไทย ว่าผมคงใจแข็งพอหากต้องเจอกับมัน

ขนาดผมเตรียมใจไว้แล้ว . . .

. . . แค่คำพูดมันไม่กี่คำเล่นเอาหัวใจผมอ่อนยวบ

หรือที่ผ่านมา ผมหลอกตัวเองว่าผมลืมมันได้แล้ว

“พี่ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหมพี่อาร์ม. . .” มันบีบมือผมเอาไว้

“. . . ครั้งสุดท้าย” น้ำเสียงมันสั่นเครือ เหมือนคนที่อ่อนแรงเต็มที

ผมแกะมือมันออกอย่างเบามือที่สุด . .

. . . ยิ้มให้มันอีกครั้ง ก่อนเดินออกมาจากเซ็นทรัล หัวใจผมเหรอ เหมือนกำลังต่อสู้กับอะไรอย่างหนักหน่วง ผมเดินผ่านผู้คนที่วุ่นวาย แต่แปลกเหลือเกินที่ผมกลับรู้สึกเหมือนผมเดินอยู่คนเดียวในโลก

ผมเคยเหงา . . .

แต่ . . .

. . . ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกเหงายิ่งกว่า

หาก . . . ผมย้อนเวลาได้

ผมสัญญาผมจะไม่กลับมาเมืองไทยอีกเด็ดขาด ตอนอยู่ที่โน่น ถึงผมจะเหงา แต่ผมยังมีเพื่อนคนไทยที่ทำงานด้วยกัน คอยพูดคุยไปเที่ยว

แต่ที่นี่ . . . เมืองไทย บ้านเกิดเมืองนอนของผมเอง

ผมเหมือนตัวคนเดียวในโลก . . .

. . . ผมเดินอยู่บนโลกนี้เพียงลำพังกับเสียงที่มันยังก้องในหัว

“พี่ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหมพี่อาร์ม ครั้งสุดท้าย . . .”






Create Date : 22 มกราคม 2553
Last Update : 23 มกราคม 2553 6:27:48 น. 1 comments
Counter : 669 Pageviews.

 
นอนม่ะหลับ ตื่นมาเจอ พี่ต้นอัพบล็อกเรื่องโปรด ดีใจจริงค่ะ อิอิ


โดย: ผู้หญิงมากฝัน (maesnake ) วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:2:19:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นนท์ปวิชญ์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นนท์ปวิชญ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.